http://www.natethip.com/news.php?id=2658
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=2658
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=2653
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=2652
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=2651
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=2650
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่างาน“ไทยเครดิต ตลาดช่วยฟื้นฟูสุขภาพการเงิน” ช่วยผู้ประกอบการรายย่อย-คนตกงาน18-19 ก.ค. ณ เอสพลานาด งามวงศ์วาน(แคราย) สิ้นสุดลงไปแล้วอย่างราบรื่นทั้งนี้เป็นความร่วมมือของธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) กับโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ โดยจัดขึ้นเป็นเวลา 2 วัน เมื่อวันที่18-19 ก.ค.63 ณ เอสพลานาดงามวงศ์วาน(แคราย) บรรยากาศงานเป็นไปอย่างคึกคัก ก่อนปิดฉากอย่างชื่นมื่น โดยนายบัญชา สิมารักษ์ ผู้อำนวยการทีมบริหารลูกค้าสัมพันธ์สนับสนุนกลุ่มบริหารการขายสินเชื่อนาโนและไมโครธนาคารไทยเครดิตฯกล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมในงานครั้งนี้ก่อนกล่าวปิดงาน งาน “ไทยเครดิต ตลาดช่วยฟื้นฟูสุขภาพการเงิน” จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยฟื้นฟูและตรวจเช็คสุขภาพทั้งทางกายและทางการเงินของผู้ประกอบการรายย่อย และส่งเสริมแรงงานที่ตกงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ได้รับเกียรติจาก คุณจุรีรัตน์ เทพอาสน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีเป็นประธานเปิดงาน ทั้งนี้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการเผชิญความไม่แน่นอนของการอาจเกิดระลอกสองที่ยังสร้างความกังวลใจไม่น้อยให้กับคนไทย หลายคนเผชิญปัญหาทั้งสุขภาพทางการเงิน ร่างกาย และจิตใจ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) แสดงเจตนารมย์ช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิดอย่างต่อเนื่อง โดยจัดกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับพันธมิตรออกบูธ ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย มีการยกร้านของลูกค้าธนาคารจากตลาดในจังหวัดนนทบุรีขึ้นห้างฟรี เพื่อเปิดพื้นที่ให้พ่อค้าแม่ค้าได้สร้างรายได้เพิ่มเติมจากการขายแค่ในตลาดสด ขยายฐานผู้บริโภคและโปรโมทร้านหากมีช่องทางการขายออนไลน์กับบุคคลทั่วไปที่มาเดินห้างสรรพสินค้า มีการอบรมให้ความรู้ การบริหารเงินแก่ผู้ประกอบการรายย่อยนาโนและไมโครไฟแนนซ์โดยธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย มีการตรวจสุขภาพฟรีจากโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ การเปิดรับสมัครงานให้กับผู้ว่างงานจากสำนักงานจัดหางานจังหวัดนนทบุรี และยังมีกิจกรรมบนเวที เช่น เสวนา Success Story วิธีบริหารธุรกิจให้อยู่รอดในภาวะวิกฤติจ6ากเจ้าของร้านโคตรยำ และมีการใช้งานไมโครเพย์ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ที่พัฒนาโดยบริษัท ไทยไมโคร ดิจิทัล โซลูชั่น บริษัทในเครือธนาคารที่ช่วยการค้าขายให้ง่ายขึ้นในยุคสังคมไร้เงินสด
นายกมลภู ภูริดิฐสกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริหารธุรกิจไมโครไฟแนนซ์และสาขาสินเชื่อ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่า สถานการณ์ที่ผ่านมา การปิดตลาด ล็อคดาวน์ทำให้พ่อค้าแม่ค้าขาดรายได้ และแรงงานมากมายต้องตกงาน
แม้ตอนนี้สถานการณ์เริ่มจะกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่ทุกอย่างก็ยังไม่เหมือนเดิม คนยังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะจับจ่ายใช้สอย และคนค้าขายก็ยังขายไม่ได้เต็มที่ ต้องขอบคุณพันธมิตร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ We Fitness Society สำนักงานจัดหางานจังหวัดนนทบุรี และโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์ ที่ร่วมปณิธานในการช่วยเหลือสังคมในงานนี้ไปด้วยกัน
ก่อนหน้านี้ ธนาคารเองก็มีการมอบกรมธรรม์ประกันชีวิตคุ้มครองโควิด-19 จากบริษัท ทิพยประกันภัย ให้กับลูกค้านาโนเครดิตและไมโครไฟแนนซ์ของธนาคารทั่วประเทศ มีกิจกรรมเพื่อสังคมร่วมกับพนักงาน บริจาคเงินอุดหนุนซื้อสินค้าของลูกค้าเพื่อจัดถุงยังชีพกว่า 2,000 ถุงแจกจ่ายแก่คนในชุมชนที่เดือดร้อนที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือใน 10 จังหวัดทั่วภูมิภาคเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การช่วยเหลือแม้เพียงเล็กน้อยนี้จะเป็นการพยุงและผลักดัน พร้อมให้กำลังใจแก่ลูกค้าและคนที่เดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าว”:Cr;มณสิการ รามจันทร์
พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 63 เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม)นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศเป็นประธานในพิธีประกาศเจตนารมณ์ “การส่งเสริมความเสมอภาคและขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ” จัดขึ้นโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน จำนวน 39 หน่วยงาน เข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์ฯ โดย นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงานความเป็นมาและวัตถุประสงค์การจัดงาน และนายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พร้อมด้วยนางสาวอุษณี กังวารจิตต์ อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และคณะผู้บริหาร พม. เข้าร่วมงานดังกล่าว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวว่า ขอแสดงความชื่นชมกับทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์ “การส่งเสริมความเสมอภาคและขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ” ในวันนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมาได้มี 24 หน่วยงานจากทั้งภาครัฐ สถาบันการศึกษาและภาคเอกชน ได้ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ฯ และแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะร่วมสร้างให้สังคมไทยตระหนักถึงความเสมอภาค และขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ร่วมกันป้องกันมาให้มีการกระทำใด ๆ อันเป็นการแบ่งแยกกีดกัน หรือจำกัดสิทธิประโยชน์ เพียงเพราะบุคคลนั้น เป็นเพศชาย เพศหญิง หรือบุคคลที่แสดงออกแตกต่างจากเพศกำเนิด
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กล่าวต่อไปว่า ในการประกาศเจตนารมณ์ฯ ครั้งแรก ได้เคยกล่าวไว้ว่าอยากเห็นหน่วยงานภาครัฐ และภาคธุรกิจ ที่มีความพร้อมเข้ามาร่วมกันประกาศเจตนารมณ์ฯ ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น และผมในฐานะที่เป็นนักการเมืองด้วย เห็นว่าพรรคการเมืองควรจะมีบทบาทในการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกับทุกภาคส่วนและจากการรายงานความก้าวหน้าของหน่วยงานที่มาร่วมประกาศเจตนารมณ์ฯ เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ยกตัวอย่างเช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี และจังหวัดปทุมธานี ได้ประกาศเจตนารมณ์ เรื่องการส่งเสริมความเสมอภาคและขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มีการพิจารณาเรื่องประกาศการแต่งกายตามเพศสภาพ การจัดทำห้องน้ำ All Gender ภายในหมาวิทยาลัย เป็นต้น นอกจากนี้ การดำเนินงานเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ จำเป็นต้องเร่งรัดการดำเนินงาน 3 ประการ คือ 1) มุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ให้ทุกคนได้รับรู้และเข้าถึงง่าย 2) ปรับเจตคติและค่านิยมของคนในสังคมให้คำนึงถึงความเสมอภาคระหว่างเพศ และยอมรับความหลากหลายทางเพศ และ 3) ร่วมกันขจัดความรุนแรง และเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ ผ่านกลไกของรัฐที่มีหน้าที่ตาม พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 นายจุรินทร์กล่าว
นายจุติ ไกรฤกษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พม. โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ในฐานะที่ดำเนินงานด้านการพัฒนาศักยภาพสตรี การคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิสตรี การส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย ได้ผลักดันให้มี พ.ร.บ. ความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2558 ได้ขับเคลื่อนให้เกิดการคุ้มครองและป้องกันมิให้มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การจัดงานในวันนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชนเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและขจัดการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ และรณรงค์เพื่อสร้างกระแสการยอมรับของสังคมในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ นอกจากนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจว่า ภายหลังจากการประกาศเจตนารมณ์ฯ ไปเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2563 พบว่า หน่วยงานที่ร่วมประกาศเจตนารมณ์ส่วนใหญ่ครบทั้ง 6 ด้าน ได้แก่ 1) การแต่งกาย ให้บุคลากรหรือนักศึกษาสามารถแต่งกายตามลักษณะเฉพาะทางเพศ ตามข้อบังคับของหน่วยงานหรือสถาบันการศึกษา 2) การจัดพื้นที่ที่เหมาะสมและเอื้อต่อการใช้ประโยชน์สำหรับทุกเพศทุกวัย 3) การประกาศรับสมัครงานและกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครงาน ไม่ควรระบุเพศ แต่ควรระบุคุณสมบัติในการปฏิบัติงานที่หน่วยงานต้องการอย่างชัดเจน 4) การใช้ภาษาและท่าทาง หน่วยงานต้องสร้างความรู้ความเข้าใจแก่บุคลากรเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำหรือภาษาที่เหมาะสมสำหรับใช้เรียกลักษณะเฉพาะทางเพศ หรือท่าทางที่ไม่ควรแสดงออกถึงการมีอคติทางเพศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการตีตรา เสียดสี หรือลดทอนคุณค่าของบุคคลทุกเพศ 5) การสรรหาคณะกรรมการหรือผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ในหน่วยงาน ควรส่งเสริมให้คนทุกเพศได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นกรรมการในทุกระดับ และ 6) การป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศในการทำงาน ควรให้ความรู้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ และมีแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว
การประกาศเจตนารมณ์ในครั้งแรกนั้น ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขับเคลื่อนความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม เป็นการรณรงค์ผ่านทางภาครัฐ สถานบันการศึกษา และภาคธุรกิจ ดังนั้น จึงเห็นควรให้มีการขยายความร่วมมือในหน่วยงานภาครัฐ พรรคการเมือง และภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ด้านการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ ซึ่งจะเป็นพื้นฐานให้ไม่มีการเลือกปฏิบัติระหว่างเพศในสังคม จึงเป็นที่มาของการจัดพิธีประกาศเจตนารมณ์ฯ ครั้งที่ 2 ผมขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่มาร่วมลงนามประกาศเจตนารมณ์ในวันนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะร่วมกันขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อสร้างสังคมให้มีความเสมอภาคปราศจากการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ นายจุติ กล่าวในตอนท้าย:Cr;มณสิการ รามจันทร์
http://www.natethip.com/news.php?id=2649
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)