https://www.natethip.com/news.php?id=9776
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=9776
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. กรณีที่มีพลเมืองดีพบหญิงชรา เร่ร่อน บริเวณหัวลำโพง พูดภาษาอังกฤษได้สื่อสารได้ ว่า ทีม ศรส. โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ได้ลงพื้นที่เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 มี.ค. 68 ที่ผ่านมา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงบริเวณสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ฝั่งริมคลองผดุงกรุงเกษม และบริเวณใกล้เคียงทั้งสองฝั่งคลอง ซึ่งพบหญิงสูงอายุ วัย 69 ปี ที่พูดภาษาอังกฤษได้ตามที่พลเมืองดีโพสต์ลงสื่อโซเซียล จึงเข้าไปพูดคุยสอบถามและทราบว่า หญิงดังกล่าวเป็นหม้าย มีลูกสาว 3 คน และลูกชาย 1 คนโดยลูกสาว 2 คน ไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน ส่วนลูกสาวกับลูกชายอีก 2 คนอยู่ที่จังหวัดนนทบุรี หญิงดังกล่าวเล่าต่อว่า เคยประกอบอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษตามบ้าน และเคยอยู่ห้องเช่าที่ลูกสองคนเช่าให้อยู่และจ้างแม่บ้านมาช่วยดูแล แต่ได้ทะเลาะกับแม่บ้านและลูกจึงได้ออกมาจากบ้าน และอาศัยอยู่ตามที่สาธารณะบริเวณสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง)
จากนั้น ทีม ศรส. ได้ติดต่อไปหาลูกสาวเพื่อรับผู้เป็นแม่กลับไปดูแล แต่ลูกสาวได้ให้การปฎิเสธที่จะรับกลับมาดูแล เนื่องจากไม่อยากให้เกิดการทะเลาะวิวาทกันในครอบครัว และจากการตรวจสอบสิทธิและสวัสดิการของหญิงดังกล่าว พบว่า ได้รับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เดือนละ 600 บาท , เบี้ยความพิการ เดือนละ 800 บาท และ เงินสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนละ 300 บาท อีกทั้ง ยังได้รับเงินจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 จำนวน 10,000 บาท แต่ลูกสาวที่ทะเลาะกันก่อนหน้านี้ได้นำเงินไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับผู้เป็นแม่และค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวจนเงินหมด
ทั้งนี้ ทีม ศรส.ผส. ได้รับหญิงดังกล่าวเข้ามาดูแลคุ้มครองชั่วคราวในหน่วยงานของกระทรวง พม. เรียบร้อยแล้ว และจะดำเนินการตรวจสุขภาพ พร้อมคัดกรองโรค อีกทั้งวางแผนการช่วยเหลือหญิงดังกล่าวร่วมกับหน่วยงานของกระทรวง พม. ในระยะยาวต่อไป อย่างไรก็ตาม หากพบผู้สูงอายุประสบปัญหาความเดือดร้อน ขอให้แจ้ง ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) กระทรวง พม. ผ่านสายด่วน พม. โทร. 1300 #ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #5×5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ #พันธกิจสำคัญ9ด้าน #คนเร่ร่อน #กรมกิจการผู้สูงอายุ #หัวลําโพง :Cr;มณสิการ รามจันทร์
พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานพิธีมอบประกาศนียบัตรหลักสูตรผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ (บสส.) รุ่นที่ 2 ประจำปี 2568 จำนวน 311 คน และผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุที่มีผลงานโดดเด่น ปี 2567 จำนวน 5 คน โดยมีนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงาน จากนั้นเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ และบุคลากรกรมกิจการผู้สูงอายุ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กับ กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวง พม. อีกทั้งรับมอบป้ายสนับสนุนการพัฒนาระบบการปฏิบัติงานสำหรับผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิ์ผู้สูงอายุ “Nirun for community” จากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และซิมการ์ดอินเทอร์เน็ตฟรี จากบริษัท บางกอก เทลลิ้ง จำกัด ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ
นายวราวุธ กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะวิกฤตประชากร และปัจจุบันก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ โดยมีผู้สูงอายุร้อยละ 20.69 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอด ที่มีผู้สูงอายุร้อยละ 28 ในปี 2576 เนื่องจากประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับอัตราการเกิดใหม่ของประชากรวัยเด็กและวัยแรงงานที่ลดลง ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในหลายด้าน อาทิ เสถียรภาพด้านการเงินการคลังของประเทศ การจัดการระบบสวัสดิการเพื่อการดูแลผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ประเทศมีรายได้ในการจัดเก็บภาษีลดลง ในขณะที่ มีแนวโน้มสูงขึ้นที่ผู้สูงอายุจะอาศัยอยู่ลำพังคนเดียว ถูกทอดทิ้ง ขาดผู้ดูแล และผู้สูงอายุวัยต้นจะต้องดูแลผู้สูงอายุวัยปลาย กล่าวคือ ผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบางจะต้องดูแลกันเอง ซึ่งเป็นผลมาจากรูปแบบครอบครัวที่เปลี่ยนแปลงไป
นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. ได้กำหนดยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในชุมชน (Infrastructure) เพื่อเป็นการปกป้อง คุ้มครอง พิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุในชุมชน ตาม “โครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน” ผ่านการปฏิบัติงานของผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ (Wellbeing and Life Protector) ทำหน้าที่ช่วยเหลือ ดูแล คุ้มครองพิทักษ์สิทธิ และพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุที่ครอบคลุม 5 มิติ ได้แก่ มิติด้านสังคม สุขภาพ เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และเทคโนโลยี เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงในชีวิตให้กับผู้สูงอายุ รวมถึงรองรับเป้าหมายสำคัญของประเด็นหลักในการขับเคลื่อนทศวรรษแห่งการสูงวัยอย่างมีสุขภาวะที่ดี ในกรอบของสหประชาชาติ (UN Decade of Healthy Ageing) โดยเฉพาะการจัดบริการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ และการเข้าถึงการดูแลระยะยาวในผู้สูงอายุ
สำหรับปี 2567 กระทรวง พม. โดย กรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ได้นำร่องโครงการดังกล่าวใน 19 พื้นที่ 12 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พิษณุโลก สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลพบุรี สิงห์บุรี สกลนคร อุบลราชธานี สงขลา ปัตตานี ทำให้สร้างผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุที่มีทักษะในการดูแลผู้สูงอายุครอบคลุมทั้ง 5 มิติ ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ ระยะเวลา 240 ชั่วโมง จำนวน 35 คน
และปี 2568 มีการต่อยอดขยายผลครอบคลุมทั่วประเทศ 156 พื้นที่ 76 จังหวัด ทำให้มีผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ 311 คน ส่งผลให้มีผู้สูงอายุได้รับการดูแลและคุ้มครองทางสังคม จำนวน 34,200 คน โดยที่ผ่านมามีการอบรมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวมถึงการฝึกงานตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม – 10 มีนาคม 2568 อีกทั้งมีการเตรียมความพร้อมก่อนการปฏิบัติงานจริงในวันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป ซึ่งกระทรวง พม. โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ได้จัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศ ติดอาวุธ ทำงานร่วมกับเครือข่าย และการใช้ระบบการปฏิบัติงานสำหรับผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ “Nirun for Community” ระหว่างวันที่ 18 – 19 มีนาคม 2568
สำหรับแผนระยะยาว 3 ปี กระทรวง พม. จะผลักดันให้เกิดระบบการคุ้มครองพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุ ด้วยผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุครอบคลุมทั่วทุกเทศบาล 2,472 แห่ง องค์การบริหารส่วนตำบล 5,300 แห่ง รวม 7,772 แห่ง ๆ ละ 4 คน รวม 31,088 คน ส่งผลให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลและคุ้มครองทางสังคม จำนวนทั้งสิ้น 3,108,800 คน อย่างไรก็ตาม กระทรวง พม. ขอขอบคุณคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่สนับสนุนนวัตกรรมให้บริการผู้สูงอายุในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ ทั้ง 12 แห่ง และพัฒนาระบบการปฏิบัติงานสำหรับผู้บริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ “Nirun for community” และบริษัท บางกอก เทลลิ้ง จํากัด ที่ได้สนับสนุนซิมการ์ดอินเทอร์เน็ตฟรี แบบไม่จำกัดปริมาณ (Unlimited Data) เป็นเวลา 4 เดือน
“วันนี้ผมขอให้ทางปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และศาสตราจารย์ ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ใช้แนวคิดธนาคารเวลา มาผนวกกับการทำงานของนักบริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุ เพราะเงินเป็นค่าตอบแทนรายเดือนคือส่วนหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าทุกคนนับเวลาทุกชั่วโมงทุกนาทีที่ทำงาน สามารถเก็บเข้าหลักการของธนาคารเวลา เพื่อในอนาคตนักบริบาลคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุทั้ง 311 คนในวันนี้ และอีก 35 คนจากปี 2567 “รมว.พม.กล่าว
นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในโอกาสเป็นประธานแสดงความยินดีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “โครงการภาคีร่วมใจส่งรักส่งนมจากอกแม่สู่ลูก” เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 ณ โรงแรม ที.เค.พาเลซ แอนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมา ว่า กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยมีนโยบายในการส่งเสริมให้เด็กทุกคนได้กินนมแม่อย่างเต็มที่ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก คือ ทารกแรกเกิดได้กินนมแม่ตั้งแต่ 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด และกินนมแม่เพียงอย่างเดียวไม่ผสมน้ำในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต รวมทั้งกินนมแม่ต่อเนื่องจนถึงอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น เพราะนมแม่เป็นอาหารที่ดีมีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กทุกช่วงวัย เปรียบเสมือนวัคซีนป้องกันโรคตั้งแต่หยดแรก อีกทั้งในน้ำนมแม่มีภูมิคุ้มกันโรคต่าง ๆ ช่วยลดโรคภูมิแพ้ในเด็ก และช่วยลดภาวะทุพโภชนาการของเด็ก อีกทั้งเป็นการถักทอสายใยความผูกพันจากแม่สู่ลูก ส่งผลดีต่อพัฒนาการทางกาย สติปัญญา อารมณ์ และสังคม
นอกจากนี้ ยังพบว่า เด็กที่กินนมแม่ จะลดโอกาสการเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในอนาคตได้ ซึ่งโครงการนี้นับเป็นหนึ่งโครงการสำคัญที่มีส่วนช่วยให้เด็กไทยไม่เสียโอกาสในการกินนมแม่และผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนมากกว่าร้อยละ 50 ได้สำเร็จ
ด้าน นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสำรวจสถานการณ์เด็กและสตรีในประเทศไทย ปี 2565 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ พบว่ามีเด็กแรกเกิดเพียงร้อยละ 29.4 ได้กินนมแม่ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด และมีเพียงร้อยละ 28.6 ที่ได้กินนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต และยังมีเด็กเพียงร้อยละ 18.7 ที่ได้กินนมแม่ต่อเนื่องถึง 2 ปี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนอย่างยิ่ง ที่กรมอนามัยและภาคีเครือข่ายต้องร่วมมือกันอย่างจริงจังในการสนับสนุนและปกป้องให้เด็กไทยทุกคนได้กินนมแม่ ตามสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก เพื่ออนาคตของประเทศไทย โดยในปัจจุบันสภาพทางเศรษฐกิจและสังคมส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงค่านิยม ผู้หญิงออกไปทำงานนอกบ้านมากขึ้น จึงส่งผลกระทบต่อระยะเวลาในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อให้แม่ที่ต้องทำงาน ยังคงสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง
โดยที่ผ่านมากรมอนามัย มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย บริษัทขนส่ง จำกัด บริษัทไทยแอร์เอเชีย จำกัด บริษัทนครชัยแอร์ จำกัด และบริษัทเอเวอรี่เดย์ ด๊อกเตอร์ จำกัด ได้ร่วมมือกันส่งเสริมให้แม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ตามต้องการ โดยให้แม่ ที่ทำงานต่างจังหวัด สามารถส่งนมแม่ข้ามจังหวัด เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่าย ในการขนส่งนม และยังช่วยชะลอการเปลี่ยนเป็นนมผงทดแทนนมแม่ได้อีกด้วย ซึ่งการจัดทำโครงการฯ ร่วมกับภาคีเครือข่าย ในการให้บริการขนส่งนมแม่ฟรี ระหว่างปี 2563 – 2567 มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน 6,595 ราย และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้แม่ที่ต้องทำงาน ยังคงสามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ จึงได้จัดโครงการต่อเนื่องอีก 3 ปี โดยจะสิ้นสุดในปี 2571 สำหรับครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือเพิ่มจากภาคี อีก 3 หน่วยงาน ที่เล็งเห็นความสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ได้แก่ คณะกรรมาธิการการสวัสดิการสังคม สภาผู้แทนราษฎร บริษัทการบินกรุงเทพ จำกัด และบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด
“บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ทำขึ้น เพื่อสนับสนุนการขนส่งนมแม่ โดยไม่มีคิดค่าใช้จ่ายผ่านโครงการภาคีร่วมใจส่งรักส่งนมจากอกแม่สู่ลูก อีกทั้งเป็นกรอบความตกลงทั่วไป เพื่อให้มีความเข้าใจตรงกัน และดำเนินงานไปในแนวทางเดียวกัน โดยมิได้มุ่งหวังให้มีผลบังคับผูกพันทางกฎหมายระหว่างกัน ซึ่งจะมุ่งเน้นการเพิ่มช่องทางการส่งนมแม่ ในกลุ่มแม่ที่ทำงานในจังหวัดที่ห่างไกลลูก ลดปริมาณการใช้นมผสมสำหรับทารก ในกรณีที่แม่ต้องกลับไปทำงานในจังหวัดที่ห่างไกลลูก และเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน อย่างน้อยร้อยละ 50” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นอกจากนี้ ในอนาคตจะมีการผลักดันให้นำกล่องเก็บความเย็นที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ ตลอดเส้นทาง อีกทั้งสนับสนุนและผลักดันโครงการให้เป็นนโยบายระดับชาติ รวมถึงเสนอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้การสนับสนุนตู้เย็น ตู้แช่แข็ง เพื่อเก็บรักษาคุณภาพนมแม่ ตลอดจนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ให้ความช่วยเหลือในการจัดเก็บและรับส่งนมต่อไป
สำหรับคุณแม่หรือผู้สนใจต้องการสอบถามแนวทางการขนส่งนมแม่ สามารถติดต่อได้ที่สายด่วนกรมอนามัย 1478 หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ.
https://www.natethip.com/news.php?id=9774
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
บุรีรัมย์ – วัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาทจัดพิธีทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบสร้างพระอุโบสถพร้อมมอบโลงศพแก่ผู้ยากไร้
เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๘ ที่ผ่านมา
พระครูปลัดวิชาญ ธัมมโชโต (เจ้าอาวาส)วัดวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท พร้อมด้วยคณะสงฆ์เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบสร้างอุโบสถ โดยมี คุณ นิมิต สงค์สุข / คุณอำไพ สงค์สุขและ ครอบครัว สงค์สุข คุณ ณพล (สัมภาษณ์)บริบูรณ์ โฆษกพรรค ไทยชนะ ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ การเงิน การคลัง สภาผู้แทนราษฎร, ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร น.ส.นภชนก เหมือนนามอญ ที่ปรึกษา กมธ คุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร และที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ การเงิน การคลัง บริษัท ซินเทคคอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) บริษัท เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท เออีเอเซีย consultant จำกัด ว่าที่ร้อยตรี ธนิตศักดิ์ ดารามั่น อดีตผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ และครอบครัว และเพื่อนกัลยาณมิตร คุณอนันต์ กิ่งสร นายกสมาคมผู้สื่อข่าวช่อง3 ภาคตะวันออก นางสาว สุชาดา แก้วเก้า คุณ โกสินธ์ จินาอ่อน บรรณาธิการข่าว รายการเปิดฟ้า ช่อง5 คณะทำงานที่ปรึกษา/สมาชิกวุฒิสภา (สว.) นายสมหมาย จุฬาลักษณ์ สยมชัย รองบรรณาธิการบริหาร หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์ ภัทรวสุ ลักษณะหิริ ผู้สื่อข่าว หนังสือพิมพ์ สยามโฟกัสไทม์ร่วมเป็นประธานดำเนินการทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดพุทธป่าโคกปราสาท ทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อสมทบสร้างอุโบสถ ยอดเงินผ้าป่า 374,502 บาท
โดยกิจกรรมในครั้งนี้คุณอำไพ สงค์สุขและ ครอบครัว สงค์สุข นายณพล (สัมภาษณ์)บริบูรณ์ โฆษกพรรค ไทยชนะ กิตติภพ โพธิ์ทอง ผู้ใหญ่อ๊อด ร่วมบริจาคโลงศพจำนวน 6 โลงมอบให้สมาคมกู้ภัยนางรองสัจธรรม ร่วมกับชมรมแสงธรรมนำทางวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาทโดยมีพระครูปลัดวิชาญ ธัมมโชโต เป็นจ้าอาวาสวัดวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท พร้อมด้วยคณะกรรมการเป็นผู้รับมอบเพื่อส่งต่อบุญไปให้กับโครงการศพผู้ยากไร้ต่อไป
พระครูปลัดวิชาญ ธัมมโชโต เจ้าอาวาสวัดวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาทวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท (กล่าวว่า)วัดพุทธป่าโคกปราสาท ตำบลหนองปล่อง อำเภอชำนิ จังหวัดบุรีรัมย์กำลังก่อสร้างอุโบสถซึ่งสร้างแล้วเสร็จประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ยังรอเพียงการ ตีฝ่าเพดาน ประดับลวดลาย เดินสายไฟภายในอุโบสถ ปรับระดับทางเดินรอบอุโบสถ จึงขอเจริญพรบอกบุญมายังท่านเพื่อร่วมทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อรวบรวมจตุปัจจัยร่วมก่อสร้างอุโบสถให้แล้วตามวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาฝากชื่อไว้ในพระพุทธศาสนาให้ดำรงถาวรสืบต่อไปชั่วกาลนาน ตามกำลังทรัพย์ศรัทธา
เนื่องจากวัดพุทธบูชาป่าโคกปราสาท เริ่มก่อสร้างปี พ.ศ. 2538 เพื่อเป็นวัดสถานที่ปฏิบัติธรรมเพื่ออนุรักษ์ป่าไว้ ทั้งนี้มีแต่ละปี กิจกรรมจัดงานปริวาสกรรมเป็นประจำ ตั้งแต่ วันที่ 20 ถึงวันที่ 30 พฤษภาคม ของทุกๆ ปี ปัจจุบันมีพระสงฆ์อยู่ ๑๒รูป ทั้งเป็นศูนย์อบรมจัดค่ายคุณธรรมจริยะธรรม แด่เยาวชน เป็นสถานรายงานตัวผู้กระทำความผิดและบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดทำ mou ร่วมกับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดบุรีรัมย์ (สาขานางรอง)ขออานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัยและกุศลบุญครั้งนี้ จงอำนวยอวยชัยให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาจงประสพด้วย จตุรพิธพรชัยทั้ง ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เทอญ ฯ
https://www.natethip.com/news.php?id=9772
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=9771
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=9769
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)