http://www.natethip.com/news.php?id=3048
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=3048
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์// “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร ยอดนักบิดไทยจาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม กลับมาผงาดคว้าชัยชนะครั้งแรกของปีในศึก OR BRIC Superbike สนาม 3 บดเอาชนะ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า เพาเวอร์ สปีด 123วีไอพี เรซซิ่ง ทีม อย่างสุดมันส์ ขณะฝ่ายหลังขยับขึ้นรั้งจ่าฝูง ต้องตัดสินแชมป์ประจำปีกันถึงสนามสุดท้ายเดือนตุลาคมนี้ “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ดาวบิดเอเชียของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม เปิดตัวสุดหรูประเดิมแชมป์ ซูเปอร์สปอร์ตสมราคาแชมป์เอเชีย
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 (OR BRIC Superbike Championship 2020) สนามที่ 3 ของปี ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ท่ามกลางแฟนความเร็วหลักพันที่กลับเข้าชมเรซในสนามอย่างคึกคัก
ไฮไลต์ของสนาม 3 อยู่ที่การลุ้นแชมป์อย่างเข้มข้นของคลาสสูงสุดในประเทศไทยอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (เอสบี1) “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร ยอดนักบิด คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ที่ทำสถิติได้ออกสตาร์ทจากหัวแถว 3 สนามติดต่อกัน ขนาบข้างด้วย “ตี” อนุภาพ ซามูล นักบิดเชียงใหม่ จีเอ็มที94 ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า เพาเวอร์ สปีด 123วีไอพี เรซซิ่ง ทีม ตามด้วย “ซีเค” ชัยวิชิต นิสสกุล จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม และ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด วีไอพี 123 เรซซิ่ง ทีม ในกริดที่ 4 และ 5 ชิงชัยทั้งสิ้น 12 รอบสนาม
ออกสตาร์ทเรซด้วยการขึ้นนำอย่างรวดเร็วของ อนุภาพ ตามด้วย อภิวัฒน์ ในอันดับ 2 ส่วน ฐิติพงศ์ ร่วงลงไปรั้งอันดับ 3 ด้าน นครินทร์ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 4 และ ชัยวิชิต ในอันดับ 5 ก่อนที่ 2 รอบถัดมา นครินทร์ จะโดนแซงเอาอันดับ 4 คืนไปได้อีกครั้ง
ผ่านครึ่งทางการแข่งขัน ฐิติพงศ์ ขยับแซง อภิวัฒน์ ขึ้นมารั้งอันดับ 2 ได้สำเร็จ ขณะที่ อนุภาพ ยังคงรั้งจ่าฝูงได้อย่างเหนียวแน่น แต่ก็ต้องโดนกดดันอย่างหนักจากอันดับ 2 และ 3
เข้าสู่ช่วง 4 รอบสุดท้าย ฐิติพงศ์ ที่พยายามอย่างหนักในการคัมแบ็กสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ ก็แซงขึ้นมารั้งจ่าฝูงได้สำเร็จ ตามด้วย อภิวัฒน์ ที่ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ส่วน อนุภาพ หล่นไปอยู่ในอันดับ 3
ผลการแข่งขัน 12 รอบสนาม “ฐิติพงศ์” บิดเข้าป้ายเป็นคันแรกคว้าชัยชนะครั้งแรกให้กับตนเองในปีนี้ าชนะ “อภิวัฒน์” อันดับ 2 เพียง 0.798 วินาที อันดับ 3 “อนุภาพ” ตามหลังแชมป์ 4.897 วินาที ขึ้นโพเดี้ยมครั้งแรกให้กับทีมได้สำเร็จ ส่วนอันดับ 4 “ชัยวิชิต” ตามหลังแชมป์ 13.082 วินาที ด้าน “นครินทร์” จบเรซในอันดับ 5 ตามหลังแชมป์ 23.393 วินาที
ภายหลังจบ 3 สนามแรก สถานการณ์ลุ้นแชมป์ยังคงเข้มข้นและต้องไปตัดสินกันในสนามสุดท้าย โดยจ่าฝูงเป็นของ “อภิวัฒน์” มีทั้งสิ้น 61 คะแนน เหนือทีมเมทอย่าง “นครินทร์” เพียง 5 คะแนนเท่านั้น ส่วน “ฐิติพงศ์” ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 3 ตามหลังจ่าฝูง 19 คะแนน ตามด้วย “ชัยวิชิต” ในอันดับ 4 ตามหลัง 22 คะแนน ส่วน “อนุภาพ” รั้งอันดับ 5 ตามหลังจ่าฝูง 34 คะแนน
ไฮไลต์อีกรุ่นอย่าง ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ทวีความเข้มข้นขึ้น ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ส่งนักบิดระดับแชมป์เอเชียอย่าง “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ เข้าแข่งขันเป็นครั้งแรก รวมถึง 2 นักบิดเอเชียจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อย่าง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช และ “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์
เกมเรซนี้ดวลกันอย่างสุดมันส์ โดยจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในช่วง 3 รอบสุดท้าย เมื่อ ภาสวิชญ์ และ มุกข์ลดา ที่ลุ้นแชมป์อยู่ใน 3 อันดับแรก เกี่ยวกันล้มเองที่โค้งสุดท้าย ส่งผลให้ “รัฐพงษ์” อาศัยความเก๋าหลบหลีกจังหวะสุดเสียวไปได้ ก่อนบิดเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 20 นาที 9.638 วินาที คว้าแชมป์แรกของรายการนี้ตามด้วย “คณาทัต ใจมั่น” จ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมจาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ดี.ไอ.ดี. เออห์ลิน กิ๊กะไบค์ ลิควิ โมลี เคเอ็นบี เรซซิ่ง ทีม อันดับ 2 ตามหลังแชมป์ 2.048 วินาที ส่วนอันดับ 3 “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล จาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ตามหลังแชมป์ 2.636 วินาที
รุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี (เอสที1-2) แชมป์สนามนี้ “ชานนท์ ชุ่มใจ” จาก ยามาฮ่า ไดนาโวลต์ เวลา 19 นาที 53.345 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง “สิรภพ พูลศรี” จาก ยามาฮ่า เอ็นพี สปีด ออยล์ เดอะ เบลล์ 55 ยา มอเตอร์สปอร์ต อยู่ 1.762 วินาที ส่วนอันดับ 3 “อัศวิน คงทนไพศาล” จาก โกโก้ เรซซิ่ง บาย ยูทีอาร์ ตามหลังแชมป์ 6.599 วินาที ด้านนักบิดสาวอย่าง “รัชดา นาคเจริญศรี” จาก ตาล เรซซิ่ง คอนเน็ค จบเรซในอันดับ 4 ตามหลังแชมป์ 11.677 วินาที
รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี สนามที่ 3 แชมป์ “จิรายุ สายยนต์” จาก คาวาซากิ โรนิน เรซซิ่ง ทีม เวลา 12 นาที 39.765 วินาที เฉือนอันดับ 2 “รัฐพงษ์ บุญเลิศ” ยามาฮ่า เควายบี ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. เอ็มเอ็น8 น้ำบาน โก๋ท่ามะกา เพียง 0.265 วินาที อันดับ 3 “ภณณัฎฐ์ นิลภา” จาก เอ็นดีแอล โมริเทค คาวาอิ เรซซิ่ง ทีม ตามหลังแชมป์ 20.925 วินาที
รุ่น สปอร์ต โปรดักชั่น 400 แชมป์ “ต่อศักดิ์ นวลสาย” จาก เอ๋ เซอร์วิส ทีซี เอ็นจิ้น ปี๊ด สะพานแดง เวลา 13 นาที 12.896 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง “ภาสกร แสนหลวง” ยามาฮ่า พิเรลลี ดี.ไอ.ดี. เอ็นจีเค เออห์ลิน อู่ช่างขวัญ เซอร์วิส ถึง 4.914 วินาที ตามด้วย “สุทธิพจน์ พัชรีธร” ยามาฮ่า เรซซิ่ง บอย ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. สมาร์ท สปอร์ต โมตุล ในอันดับ 3 ตามหลังแชมป์ 6.258 วินาที
สำหรับ ศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนามถัดไป สุดท้ายของปี การตัดสินแชมป์ประจำฤดูกาล วันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์// “กระบี่ฮาล์ฟมาราธอน 2020” คึกคัก “ปอดเหล็กรัสเซีย” ผงาดแชมป์โอเวอร์ออล ปลุกกระแสเมืองกีฬา พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจยุค New Normal เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายสมควร ขันเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการแข่งขันวิ่ง “กระบี่ฮาล์ฟมาราธอน 2020” ภายใต้การดำเนินงานของสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดกระบี่ และสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกระบี่ เพื่อปลุกกระแส “กระบี่เมืองกีฬา (Krabi Sports City)” ส่งเสริมการวิ่งออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ เพิ่มมูลค่าทางเศรฐกิจชุมชน พร้อมฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในยุค New Normal โดยออกสตาร์ท ที่ สนามกีฬากลางจังหวัดกระบี่ (อ่าวนาง) และเข้าเส้นชัยที่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่
คุณศตนันทน์ นิลทะรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานกกท.จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า งานวิ่ง “กระบี่ฮาล์ฟมาราธอน 2020” จัดขึ้นตามนโนบายกีฬาเชิงท่องเที่ยวของทางรัฐบาล ที่ต้องการใช้การจัดกีฬากระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในจังหวัด พร้อมฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในยุค New Normal โดยมีจุดเด่นที่เส้นทางวิ่งธรรมชาติ “Scenic Marathon” สุดโรแมนติก นักวิ่งจะได้สัมผัสความสวยงามของท้องทะเลและวิวทิวทัศน์ ที่ถูกยกย่องให้เป็นอัญมณีท่องเที่ยวแห่งท้องทะเลอันดามัน บนเส้นทางเลียบทะเลของอ่าวนาง จนถึงเส้นชัยที่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ช่วยดึงดูดนักวิ่งและนักท่องเที่ยวร่วมงานกันอย่างคึกคัก และจะเป็นพลังสำคัญผลักดันให้สนามวิ่งแห่งนี้กลายเป็นสนามวิ่งมาราธอนยอดนิยมของโลกในอนาคต
ไฮไลท์ประเภทฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. แชมป์ฝ่ายชาย เซอร์เกย์ ซีเรียนอฟ ปอดเหล็กชาวรัสเซีย เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 01.10.20 ชม. เฉือนอันดับ 2 ณัฐวุฒิ อินนุ่ม นักวิ่งขวัญใจชาวไทย วลา 01.11.04 ชม. อันดับ 3 สุพิศ จันทรัตน์ 01.16.52 ชม. ส่วนฝ่ายหญิง แชมป์คือ อรอนงค์ วงศร วลา 01.29.33 ชม. อันดับ 2 ดอร์คัส เจโบติป ทารัส จากเคนยา เวลา 01.33.32 ชม. และอันดับ 3 รุ่งอรุณ ช่อมณี 01.39.04 ชม.
ประเภทมินิมาราธอน 10.55 กม. แชมป์ฝ่ายชาย คริสตอฟ ฮาดาส นักไตรกีฬาจากโปแลนด์ 33.54 น. อันดับ 2 เอกลักษณ์ จันทร์แก้ว เวลา 35.31 น. และอันดับ 3 อาทิตย์ธา วีระธรรมวาทิน เวลา 36.42 น. ส่วนฝ่ายหญิง แชมป์ สุรกาญจน์ วรรณะ เวลา 45.58 น.อันดับ 2 สุทธิดา อุดมชัย เวลา 46.09 น. และอันดับ 3 กานต์ธิดา จิตหลัง เวลา 48.52 น.
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์// “ซุปเปอร์บอน” นักชก วัย 29 ปี ยอดฝีมือระดับโลก ชาวจังหวัดพัทลุง หวนตอบแทนบ้านเกิด ในกิจกรรม “มวยไทยฮีโร่คลินิกกับซุปเปอร์บอน” ตามโครงการสืบสานตำนาน วีรบุรุษมวยไทย จัดโดย กกท. ที่ โรงเรียนกงหราพิชากร จ.พัทลุง เพื่อติวเข้มเผยแพร่ทักษะมวยไทยให้กับนักมวยเยาวชนจากค่ายต่าง ๆ ในจังหวัดพัทลุง รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวสู่เวทีระดับโลกให้กับนักมวยรุ่นจิ๋วในท้องถิ่น
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท.เผยว่า ทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้จัดกิจกรรม “มวยไทยฮีโร่คลินิกกับซุปเปอร์บอน” ในโครงการ “สืบสานตำนาน วีรบุรุษมวยไทย” เพื่อฟื้นฟูและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกีฬามวยไทย โดยมีกิจกรรมพิเศษด้วยการนำ “ซุปเปอร์บอน” ศุภชัย หมื่นสังข์ นักมวยชื่อดัง ชาวพัทลุง มาถ่ายทอดประสบการณ์สู่นักมวยเยาวชนในจังหวัดพัทลุง ที่ โรงเรียนกงหราพิชากร อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ซึ่งมี นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานพิธีเปิด ร่วมด้วย นางสาว “อราเบลล่า สิตานัน เกรโกรี่” ทูตการกีฬา จ.พัทลุง, ผู้บริหารกกท. และ ผู้บริหารภาคส่วนภายในจังหวัดพัทลุง ร่วมในพิธี
นายเขมพล อุ้ยตยะกุล กล่าวว่า “กีฬามวยไทย มีชื่อเสียงไปทั่วโลก สร้างรายได้ให้กับนักมวย นักกีฬาอาชีพ และบุคคลากรในวงการกีฬามวย ทั้งจากกิจกรรมกีฬามวยโดยตรง และจากการท่องเที่ยว เพื่อเข้าฝึกซ้อมและชมการแข่งขัน จนเมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้กีฬามวยไทยและบุคลากรในวงการประสบปัญหาด้านภาพลักษณ์ การจัด “กิจกรรมมวยไทยฮีโร่คลินิกกับซุปเปอร์บอน” จึงเป็นหนึ่งในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมรณรงค์ เพื่อฟื้นฟูและสร้างภาพลักษณ์ศิลปะกีฬามวยไทย เเละเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย”
นายจิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย องค์กรศิลปะต่อสู้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก กล่าวว่า ทางเราได้นำ “ซุปเปอร์บอน” นักมวยซูเปอร์สตาร์ วัน แชมเปียนชิพ มาร่วมงาน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและคาดหวังที่จะสร้างวีรบุรุษมวยไทยในรุ่นต่อไปจากกิจกรรมนี้ โดยซุปเปอร์บอน ถือเป็นนักกีฬา อัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้มากที่สุดคนหนึ่ง คว้าแชมป์มามากมาย ทั้งมวยไทยอาชีพ มวยไทยสมัครเล่น และคิกบ็อกซิ่ง พัฒนาตัวเองจากการเป็นนักมวยภูธร ไต่เต้าตนเองจากท้องถิ่น ปัจจุบันประสบความสำเร็จในระดับโกลบอล ซูเปอร์สตาร์ เป็นโอกาสอันดีของเยาวชนที่กำลังก้าวเข้าสู่อาชีพมวยไทย ได้ศึกษากุญแจสู่ความสำเร็จ สร้างโอกาสให้ตนเองก้าวสู่การเป็นนักกีฬาเงินแสน เงินล้าน ประสบความสำเร็จเหมือนกับซุปเปอร์บอนในอนาคต
ด้าน “ซุปเปอร์บอน” หรือ ศุภชัย หมื่นสังข์ กล่าวว่า “ผมมีบ้านเกิดอยู่ที่ ต.แหลมโตนด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง สมัยเด็กได้เรียนรู้วิชามวยจากพ่อที่ชื่นชอบกีฬามวยเป็นชีวิตจิตใจตั้งแต่วัย 5-6 ขวบ พัฒนาตัวเองจากการเป็นนักมวยภูธร กว่าจะได้พิสูจน์ตัวเอง สร้างฝีมือสร้างชื่อจนได้รับการยอมรับในการเป็นนักชกเบอร์ต้นๆ ระดับประเทศหรือระดับโลก ต้องใช้ทั้งการฝึกฝนร่างกายอย่างหนักและจิตใจที่รักกีฬาอย่างแท้จริง”
“ผมดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาถ่ายทอดทักษะและสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ ให้กับน้องๆ เยาวชนในท้องถิ่น ที่เป็นจังหวัดบ้านเกิดของผม เพราะตัวผมเองก็เกิดจากการเป็นดาวรุ่งในเขตภูธร เหมือนที่เขาว่าช้างเผือกก็ต้องอยู่ในป่า”
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์// คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ไอโอซีเมมเบอร์ เผย มูลนิธิวัฒนธรรมรางวัลสันติภาพแห่งกรุงโซล ให้รางวัลสำคัญ Seoul Peace Prize แก่ โธมัส บาค ประธานไอโอซี ที่ใช้กีฬาสร้างสันติภาพ และการอุทิศตนต่อการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว พยองชาง 2018 โดยให้เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ร่วมทีมเดียวกันภายใต้ธงคาบสมุทรเกาหลี รวมถึงการสนับสนุนนักกีฬาผู้ลี้ภัย เข้าแข่งขันอีกหลายรายการ โดยจะมีการมอบรางวัลให้ประธานบาค ในช่วงปลายปีนี้
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) กล่าวว่า มูลนิธิวัฒนธรรมรางวัลสันติภาพแห่งกรุงโซล ของประเทศเกาหลีใต้ ได้ให้รางวัลสำคัญ Seoul Peace Prize หรือ รางวัลสันติภาพแห่งกรุงโซล แก่ โธมัส บาค ประธานไอโอซี ที่ใช้กีฬาสร้างสันติภาพ และการอุทิศตนต่อการจัดการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว พยองชาง 2018
โดย โธมัส บาค ประธานไอโอซี ได้รับรางวัล Seoul Peace Prize จากความตั้งใจในการส่งเสริมสันติภาพและการมีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว พยองชาง 2018 โดยทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้ร่วมทีมเดียวกันภายใต้ธงคาบสมุทรเกาหลีในการเดินพาเหรดเข้าสู่พิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ฤดูหนาว ครั้งดังกล่าว และยังได้ผลักดันให้มีการรวมทีมเกาหลีเหนือ-ใต้ในกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งหญิงเป็นครั้งแรกในประวิติศาสตร์โอลิมปิก
สำหรับรางวัลนี้ ก่อตั้งขึ้นในปี 1990 เพื่อเป็นอนุสรณ์ความสำเร็จของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปี 1988 ในกรุงโซลของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองความสามัคคีและมิตรภาพของการแข่งขัน โดยมูลนิธิวัฒนธรรมรางวัลสันติภาพแห่งกรุงโซล ระบุว่า บาค เป็นกลไกสำคัญในการรับรองการมีส่วนร่วมของเกาหลีเหนือ ในการแข่งขันกีฬา พยองชาง 2018 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้านของเกาหลีใต้
นอกจากนี้ บาค ยังมีบทบาทสำคัญทำให้สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติลงมติใช้ “Olympic Truce” หรือการพักรบระหว่างการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เพื่อให้ทั้ง 2 ชาติสงบสุขในช่วงโอลิมปิกฤดูหนาว หลังจากมีความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและการยิงขีปนาวุธ ในเดือนพฤศจิกายน 2017
ขณะเดียวกัน มูลนิธิวัฒนธรรมรางวัลสันติภาพแห่งกรุงโซล ได้ตระหนักถึงบทบาทของบาค การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 3 ครั้งติดต่อกัน โดย โตเกียว 2020 แข่งขันในปีหน้า และโอลิมปิกฤดูหนาว ที่กรุงปักกิ่ง แข่งขันในปี 2022
ไม่เพียงเท่านั้น บาค ยังช่วยจัดตั้งทีมโอลิมปิกผู้ลี้ภัย ทำให้นักกีฬาที่ไม่ได้รับการส่งชื่อจากรัฐบาล มีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน อีกด้วย โดยทีมนี้เปิดตัวครั้งแรกที่ โอลิมปิก ริโอ 2016
โธมัส บาค ประธานไอโอซี ได้รับโล่ประกาศเกียรติคุณ และเงินรางวัล 200,000 เหรียญสหรัฐฯ คาดว่าจะมีพิธีมอบรางวัล ที่ กรุงโซล ปลายปีนี้
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์// นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานปล่อยตัวนักวิ่ง การจัดการแข่งขันวิ่งเทรล รายการ อัลตร้า เทรล ไทยแลนด์ ซีรีย์ 1 พัทลุง โดยมี ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์, นายวิษณุ ไล่รองผู้ว่าการ กกท. ฝ่ายบริหาร, ผู้บริหารกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และผู้บริหาร กกท. เข้าร่วมในพิธี ที่ เทศบาลตำบลคลองทรายขาว อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง เมื่อวันที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา
กีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน คือ การแข่งขันวิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแข่งขันวิ่งตามภูมิประเทศ หรือ การวิ่งเทรล ที่เป็นการแข่งขันที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศทั่วโลก ในส่วนของจังหวัดพัทลุงเป็นจังหวัดที่มีภูมิประเทศสวยงาม และเป็นจังหวัดที่สำคัญด้านการท่องเที่ยว จึงเกิดแนวคิดการสนับสนุนให้จังหวัดพัทลุง มีรายการแข่งขันวิ่งเทรลที่มีมาตรฐานสูง เพื่อดึงนักวิ่งเทรลจากทั่วประเทศ ให้มาสัมผัสกับธรรมชาติและภูมิทัศน์ที่มีความน่าตื่นเต้น และแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ
โดยการปล่อยตัวนักกีฬาในครั้งนี้ นำโดย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ปล่อยตัวนักกีฬาในระยะ 25 กม. ระยะ 10 กม.และระยะ 5 กม.ในระยะ 60 กม.ปล่อยตัวตั้งแต่ เวลา 23.00 น. ของวันที่ 26 กันยายน โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี และคณะผู้บริหาร กกท.
นายพิพัฒน์ เปิดเผยถึงการจัดการแข่งขันครั้งนี้ว่า ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กกท. และจังหวัดพัทลุง ร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ จัดวิ่งเทรล รายการ “อัลตร้า เทรล ไทยแลนด์ ซีรีย์ 1 พัทลุง” ซึ่งจังหวัดพัทลุง ถือเป็นอีก 1 จังหวัด ที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นเมืองกีฬาเพื่อการท่องเที่ยว หรือ Sports City ตามนโยบายที่มีเป้าหมายในการใช้กีฬาเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยการจัดกิจกรรมการแข่งขันวิ่งเทรลในครั้งนี้ เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ และกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัดพัทลุง ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
“การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ จะเป็นต้นแบบในการเตรียมความพร้อม และเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักกีฬารวมถึงนักท่องเที่ยว ให้เข้าใจและปรับตัวภายใต้วิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal อีกทั้งเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ ชุมชน และอุตสาหกรรมกีฬา ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง”
ทั้งนี้ การจัดการแข่งขันครั้งต่อไป รายการ อัลตร้า เทรล ไทยแลนด์ ที่ ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ วันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายนนี้
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1160117157510058215
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
สมาคมสหพันธ์แรงงานคนพิการไทย ร่วมออกบูธจัดกิจกรรมให้ความรู้กฎหมายการจ้างงาน (คนพิการ) ในงาน Job Expo Thailand 2020
ช่วยคนไทยมีงานทำกว่าล้านอัตรา ขณะที่เด็กจบใหม่แห่สมัครงานคึกคัก
นายกรัฐมนตรี เปิดงานมหกรรมล้านงานเพื่อล้านคน Job Expo Thailand 2020 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-28 กันยายนนี้ ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2563 เวลา 15.00 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Job Expo Thailand 2020 พร้อมด้วย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยมี นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้การต้อนรับและกล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน เข้าร่วมพิธีเปิดงานในครั้งนี้ ณ บริเวณเวทีกลาง ฮอลล์ 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร
ในโอกาสนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้กล่าวรายงานการจัดงานว่าเพื่อเสริมสร้างการจ้างงานใหม่สำหรับนักศึกษาจบใหม่ โดยภาครัฐ วิสาหกิจและเอกชน ส่งเสริมการจ้างงานเพิ่มเติมเพื่อทดแทนแรงงานต่างด้าว การรักษาการจ้างงานเดิมโดยเน้นในสาขาที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานทั้งแรงงานในระบบและนอกระบบ กิจกรรมการจัดทำฐานช่องทางรวบรวมข้อมูลการจ้างงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน ด้วย แพลทฟอร์ม “ไทยมีงานทำ” ด้วยการนำตำแหน่งงานกว่า 1 ล้านอัตรา จากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยตำแหน่งงานว่าง จากกรมการจัดหางานจำนวน 475,725 อัตรา, ตำแหน่งการจ้างงานโดยภาครัฐ จำนวน 101,716 อัตรา, ตำแหน่งงานต่างประเทศ จำนวน 114,433 อัตรา, ตำแหน่งงานโครงการเงินกู้(รออนุมัติ) 287,147 ตำแหน่ง, การจ้างงานกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ จำนวน 260,000 ตำแหน่ง (Co-payment) รวมกว่า 1,239,091 อัตรา มารองรับเพื่อให้คนไทยมีงานทำ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเปิดงาน ใจความว่า “การจัดงานในครั้งนี้จะเห็นได้ว่ามีการจัดกิจกรรมต่างๆ ตอบสนองกับยุทธศาสตร์ชาติทั้งในด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ที่มีเป้าหมายในการพัฒนาคนในทุกมิติ ทำให้วัยแรงงานได้รับยกระดับจากผู้ใช้แรงงาน เป็นผู้ใช้พลังสมอง ที่สามารถเข้าถึงแหล่งทุน นวัตกรรม เทคโนโลยี และข่าวสารข้อมูลได้สะดวก” พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินเยี่ยมชมโซนต่างๆภายในงาน อาทิ โซนนิทรรศการเทิดพระเกียรติศาสตร์พระราชาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พระบิดาแห่งมาตรฐานการช่างไทย โครงการจิตอาสา 904 โซนประกันสังคม กับการเปิดตัวกิจกรรมฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี สำหรับผู้ประกันตนกลุ่มผู้สูงอายุ โซนไทยมีงานทำ ที่จะประชาสัมพันธ์และแสดงศักยภาพความสามารถของแพลทฟอร์มไทยมีงานทำ และโซนนวัตกรรม นำเสนอความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในปัจจุบันและอนาคต นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้พร้อมรับมือกับอุตสาหกรรม S-Curve และ New S-curve และโซนกิจกรรมรวมใจ สร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะให้ก้าวสู่การเป็น Start up เจ้าของของกิจการ และอีกหนึ่งโซน คือ Franchise & Food truck รวมธุรกิจร้านอาหารชื่อดังทั่วไทย มาให้ผู้เข้าชมงานได้เลือกซื้อเลือกชิมและเลือกเจรจาธุรกิจกันได้อีกด้วย
สำหรับกิจกรรมภายในงานที่น่าสนใจ ซึ่งมีตลอดทั้ง 3 วัน ได้แก่ วันที่ 26 กันยายน รับฟัง การเสวนาในหัวข้อ “ทิศทางแรงงานไทยในยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก” การอบรม หัวข้อ “ภาษาอังกฤษกับการพัฒนาศักยภาพแรงงานไทย” โดยคุณคริสโตเฟอร์ ไรท์” กิจกรรมโซนรวมใจ สร้างงาน สร้างอาชีพ Workshop ทำหมูกรอบ, ซาลาเปา, การดัดลวด, การทำน้ำหอม ลิปสติก
มินิคอนเสิร์ตจากคุณเบิ้ล ปทุมราช วันที่ 27 กันยายน การเสวนาในหัวข้อ “ตลาดแรงงานไทยหลังยุค COVID-19 การปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและยั่งยืน”การอบรม หัวข้อ “Digital marketing อีคอมเมิร์ซ และโซเชียลมีเดีย โดยคุณประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช” และ หัวข้อ “อีสปอร์ต (eSports) เปลี่ยนคนติดเกมสู่เส้นทางอาชีพ”
กิจกรรม Workshop สร้างอาชีพ การทำวุ้น 3 มิติ, การถักเชือก, การบิดลูกโป่ง มินิคอนเสิร์ตจากวง MUSKETEERS และวันที่ 28 กันยายน การเสวนาในหัวข้อ “แรงงานไทย ก้าวไกล สู่ตลาดแรงงานโลก โดยนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ”
การอบรมพัฒนาทักษะอาชีพและเตรียมความพร้อม หัวข้อ“อาชีพดีไซน์เนอร์ไทย สู่สายตาชาวโลก โดยคุณสุทธิรัตน์ แก้วอาภรณ์” และ หัวข้อ “Startup รุ่งหรือร่วง มีคำตอบ” กิจกรรมแรงบันดาลใจสร้างอาชีพ Workshop การทำกาแฟ, การทำเป็ดกีตาร์, การทำบูมเมอแรง มินิคอนเสิร์ตจาก GUNGUN เจ้าของเพลง ปลาวาฬเกยตื้น เป็นต้น
ทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่จัดงานและหลีกเลี่ยงการจราจร แนะนำให้ทุกท่านเลือกเดินทางด้วยรถไฟฟ้าลงสถานีบางนา ทางออกที่ 1 หรือเดินทางด้วยรถประจำทางสาย 38,46,48,132,180,552,558 โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงาน Job Expo Thailand 2020 ได้ที่ฮอลล์ 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึง 28 กันยายนนี้
ทางสมาคมฯชอบพระคุณ กระทรวงแรงงาน ที่ให้โอกาส คนพิการได้ร่วมงาน และ ยังส่งเสริมให้ “คนพิการ” มีงานทำ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
พิมพ์ไทยออนไลน์// คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย เผยว่า “สหพันธ์แบดมินตันโลก ประกาศให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาแบดมินตันระดับสูงสุดของโลก 3 รายการติดต่อกัน ในเดือนมกราคม 2564 เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่การแข่งขันแบดมินตันจะได้กลับมาแข่งขันกันต่อ นับเป็นประวัติศาสตร์ไทยที่ได้จัดรายการระดับนี้เป็นครั้งแรก กำหนดจัดแข่งขันกีฬาแบดมินตัน 3 รายการติดต่อกัน ประกอบด้วย Asia Open I (Super 1000) ในวันที่ 12-17 มกราคม 2564 , Asia Open II – (Super 1000) ในวันที่ 19-24 มกราคม 2564 และ HSBC BWF World Tour Finals 2020 ในวันที่ 27-31 มกราคม 2564”
“สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ได้ประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย ในการกำหนดมาตรการป้องกันโรคเพื่อให้นักกีฬาต่างชาติที่เดินทางเข้าร่วมการแข่งขันถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด และอนุญาตให้สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ จัดการแข่งขันดังกล่าว” คุณหญิงปัทมากล่าว
“การจัดการแข่งขัน World Tour Finals และรายการ Super 1000 สองรายการ นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ไทยและของโลก ไม่เคยมีชาติใดได้รับโอกาสจัดการแข่งขันแบบนี้มาก่อน เป็นการพิสูจน์ว่า ไทยมีศักยภาพในการจัดการแข่งระดับโลก และได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการจัดการกับโควิด-19”
“รายการ World Tour 1000 เป็นรายการที่ยิ่งใหญ่มากเพราะนักกีฬาต้องเป็น 32 คนที่มีอันดับมือดีที่สุดของโลก เข้ามาแข่งขัน ส่วนรายการ World Tour Finals เป็นเวทีสำหรับยอดฝีมือนักแบดมินตันระดับโลกอันดับที่ 1-8 ที่เก็บคะแนนสะสมสูงสุดในปีนั้น ทั้งนี้ นักกีฬายอดฝีมือจากหลายประเทศบอกว่าถ้าไทยเป็นเจ้าภาพจะมาแข่งในประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะมั่นใจในมาตรการความปลอดภัยของประเทศไทย พี่น้องชาวไทยจะมีโอกาสเห็นนักกีฬาระดับชั้นนำที่สุดของโลก เดินทางมาแข่งขันในบ้านเราเอง ประเทศไทยได้รับเกียรติอย่างยิ่งใหญ่จากสหพันธ์แบดมินตันโลก”
“การจัดการแข่งขันครั้งนี้เป็นการจัดการแข่งขันแบดมินตันในระดับโลกที่มีความสำคัญสูง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ยิ่งต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและยังช่วยพัฒนาวงการกีฬาของประเทศไทย นำรายได้มาสู่ประเทศไทย ส่งเสริมการท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นถึงศักยภาพด้านสาธารณสุขของประเทศไทยในการควบคุม กำกับดูแล และบริหารจัดการการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์ สร้างชื่อเสียง และภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยสู่สายตาชาวโลก ผ่านการถ่ายทอดสดการแข่งขันแพร่ภาพไปทั่วโลก ซึ่งมีผู้ชมมากกว่า 1,000 ล้านครัวเรือน อันเป็นการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยในระยะยาว” คุณหญิงปัทมากล่าว
คุณหญิงปัทมา นายกสมาคมฯ กล่าวเพิ่มเติม “สำหรับวิธีดำเนินการ สมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ได้ออกมาตรการที่เรียกว่าบับเบิ้ล (Bubble) หลักการของมาตรการนี้ เพื่อให้นักกีฬายังคงสามารถฝึกซ้อมก่อนแข่งขัน ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความปลอดภัย และสุขภาพอนามัยของผู้เกี่ยวข้องทุกคน โดยการกักตัวร่วมกันในสถานที่ที่จัดไว้”
“มาตรการบับเบิ้ลนี้ มีแนวทางการปฏิบัติ คือ นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมทุกคนต้องผ่านการตรวจเชื้อ COVID-19 ก่อนเดินทางออกจากประเทศต้นทาง เมื่อเดินทางมาถึงไทย นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมทุกคนต้องแสดงใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานว่าปลอด COVID-19 นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมจะได้รับการตรวจเชื้อ COVID-19 อีกหลายครั้งในช่วงกักตัว 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครติดเชื้อขณะที่อยู่ในบับเบิ้ล”
“การแข่งขันรายการแรกยังไม่อนุญาตให้มีผู้เข้าชม แต่มีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศและทั่วโลก แฟนกีฬาจะได้รับอนุญาตให้เข้าชมได้ในรายการที่ 2 และรายการที่ 3”
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์