พิมพ์ไทยออนไลน์// จากเฟซบุ๊คของ Gitanjali Ae Saengsang สรุปเอาไว้ว่า 📌 เรื่องราวเริ่มต้น
เมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน มีกรรมการเวทีวรรณกรรมระดับประเทศ (คงไม่ต้องปิดกันแล้วเนอะเรื่องดังขนาดนี้) ก็คือเวที “พานแว่นฟ้า” โพสต์ข้อความว่า
“การประกวดเรื่องสั้น มีลอกมาส่ง–หวังเงินแสน!! …มีเรื่องสั้นที่ฝ่ายเลขานุการจับได้ว่าลอกมาส่ง และอนุกรรมการคัดเลือกจับได้ว่าลอกมา จำนวน 6–7 เรื่อง งานสร้างสรรค์ทำให้เกิดความละโลบ ลืมว่า..จรรยาบรรณนั่นเริ่มแรกเกิดขึ้นในหมู่คนเขียนหนังสือ … ”และสำหรับเรื่องสั้นรางวัลเงินหนา.. ทุกคนก็ขอให้ฝ่ายเลขานุการปิดชื่อเอาไว้ ไม่ต้องมาเปิดเผย มีเพียงคนหนึ่งที่ผ่านเข้ารอบลองลิสต์ที่ต้องให้ใบประกาศ ให้แจ้งแก่นักเขียนซึ่งมีงานรวมเล่มเป็นที่ประจักษ์แล้ว ว่าอนุกรรมการจับได้ และให้แจ้งไปเป็นการส่วนตัว”
ข้อความนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนทันที เพราะแปลความได้ว่ามีนักเขียนหลายคนถูกกล่าวหาว่า “ลอก” โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ
แต่ แต่ แต่ กำแพงมีหูประตูมีช่อง และมีคนคอยใส่ใจ อีก 2 สัปดาห์ต่อมา
📌 นักเขียนคนหนึ่งจึงออกมาชี้แจง
เขาคนนั้นคือ กิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร เจ้าของผลงาน “ทองสูงในขบวนเรือพระ” ซึ่งถูกตัดสิทธิ์จากเวทีนี้ ได้ออกแถลงเมื่อ 9 กันยายน โดยยืนยันว่า
“เรื่อง ทองสูงในขบวนเรือพระ เป็นงานเขียนใหม่ที่เพิ่งเขียนเมื่อต้นปี 2568 และไม่เคยเผยแพร่ที่ใดมาก่อน การตัดสิทธิ์โดยกล่าวหาว่าเป็นการลอกผลงานเก่า จึงเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง และทำลายเกียรติของผู้เขียนโดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน”
ประเด็นที่ถูกหยิบยกคือ เรื่องนี้ถูกกล่าวหาว่า “คล้ายกับ เปรตเดือนสิบเอ็ด (2560)” แต่เมื่ออ่านแล้ว สิ่งที่เหมือนคือ การใช้ตัวละครชุดเดียวกัน ซึ่งเป็นเทคนิค “การเขียนเรื่องชุด” ที่พบได้ทั่วไปในวรรณกรรม
แค่นั้นก็เป็นที่สนใจทันที มีหลายคนมาให้ความเห็น ที่น่าสนใจที่สุดเป็นของ อ.ชมัยพร แสงกระจ่าง ศิลปินแห่งชาติ ท่านให้ความเห็นเอาไว้ว่า
“งานเขียนซ้ำกันได้ แต่ไม่ใช่ลอกค่ะ ยิ่งส่งประกวดถือว่า ลักลอกงานตนเอง ผิดจริยธรรม กรณีนี้ต้องดูต้นฉบับ ต่อต้นฉบับ เรื่องแนวคิดเหมือนกัน ตัวละครเหมือนกันไม่ผิดค่ะ ของครูมนัสก็เยอะแยะไป แต่ครูก็ไม่ได้เอางานเรื่องใดเรื่องหนึ่งมาลอกค่ะ อันนี้คงต้องพิจารณาสัดส่วนด้วย เช่น ถ้าลอกมาเกิน ๓๐-๔๐ % ก็ไม่ควร”
และ
“การลอกงานตัวเอง ถ้ายังไม่เผยแพร่ ไม่มีความผิดค่ะ แต่กรณีที่ตีพิมพ์ไปแล้วถือว่าเป็นการลักลอกงานตนเอง เป็น self plagiarism. ถือเป็นจริยธรรม ถ้าเราเขียนงานชิ้นหนึ่งแล้วดัดแปลงไปเรื่อยๆ คนอ่านก็ไม่ได้เห็นงานใหม่”
📌 เพื่อความกระจ่าง กิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร เลย วางเรื่องที่เป็นปัญหาให้อ่านกันเสียเลย เมื่อมีคนอ่านแล้ว ก็ลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ 📌 เรื่อง “ไม่เหมือนกัน” และ “ไม่ได้ลอกงานตัวเอง” เช่น เริงวุฒิ มิตรสุริยะ: “สองเรื่องนี้ไม่ลอกกัน เป็นเรื่องเอกเทศชัดเจน…สิ่งที่น่าผิดหวังคือการรีบประกาศตัดสิทธิ์และเผยแพร่ออกมาจนผู้เขียนเสียหาย”
ฉมังฉาย: “ผมเห็นว่าเป็นคนละเรื่อง แม้ตัวละครบางตัวเหมือนกัน แต่ประเด็นหลักต่างกันโดยสิ้นเชิง…สิ่งที่น่าคิดคือ กรรมการเพียงหนึ่งคนสามารถโน้มน้าวการตัดสิทธิ์ได้ทั้งที่ยังไม่กระจ่างหรือไม่?” กร ศิริวัฒโณ: “สถานที่และชื่อตัวละครอาจซ้ำเพราะผู้เขียนใช้จากชีวิตจริง แต่ประเด็นนำเสนอไม่เหมือนกัน จึงไม่ใช่การลอกแน่นอน”กวี ศรีธรรมานุกูล: “หลังอ่านทั้งสองเรื่องรอบคอบแล้ว ผมเชื่อโดยสุจริตว่า ไม่ได้ลอกแน่นอน”
📌 ประเด็นที่ใหญ่กว่าการ ‘ลอกหรือไม่ลอก’เมื่อหลายเสียงยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้ลอก สิ่งที่คนตั้งคำถามจึงไม่ใช่ตัวงาน แต่คือ “กระบวนการตัดสิน”ทำไมนักเขียนถึงถูกตัดสิทธิ์โดยไม่ได้รับโอกาสชี้แจง?ทำไมข้อมูลในห้องประชุมกรรมการถึงถูกนำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะจนชื่อเสียงนักเขียนเสียหาย?
และที่สำคัญ เมื่อกรรมการเองระบุว่ามี 6–7 เรื่อง ที่ถูกกล่าวหาลักษณะเดียวกัน ปัญหานี้จึงไม่ใช่เรื่องเฉพาะบุคคล แต่คือปัญหาเชิงระบบที่กระทบเกียรติและศักดิ์ศรีของนักเขียนจำนวนมาก มีนักเขียนหลายท่านให้ความเห็นว่า 📌 ทำไมนักเขียนควรใส่ใจเรื่องนี้?
ไม่ใช่แค่รางวัล พานแว่นฟ้า ไม่ใช่เพียงเวทีประกวด แต่มันเป็นสัญลักษณ์ของการยอมรับในระดับชาติ ถ้าเวทีนี้ยังอนุญาตให้มีการตัดสินโดยไม่เปิดโอกาสให้นักเขียนปกป้องตัวเอง วันหนึ่งปัญหาเดียวกันอาจเกิดกับใครก็ได้ — รวมถึงเรา การใส่ใจเรื่องนี้จึงไม่ใช่การ “ปกป้องใครคนหนึ่ง” แต่คือการ ปกป้องมาตรฐานความยุติธรรมของทั้งวงการวรรณกรรมไทยใช่หรือไม่????
ซึ่งมีบางท่านกำลังตั้งข้อสังเกตและตั้งคำถามกับบางประเด็นแบบหนักๆ อยู่ ถ้าใครอยากใส่ใจต่อมาบอกกันนะคะ เดี๋ยวจะมาย่อยให้ฟัง เอามาบอกต่อ ใครมีความเห็นเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น พูดดังๆ ออกมาได้ ไม่รู้ว่าเรื่องจะจบลงยังไง รัฐสภาจะใส่ใจไหม เพราะนักเขียนโพสเหมือนกันว่าจะปล่อยวางแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ใครจะรู้ว่า 6-7 เรื่องที่โดนตัดสิทธิ์ไปนั้น จะไม่ใช่เรื่องของเราล่ะจริงไหม
📌 ลิงก์ต้นทาง นักเขียนชี้แจง: โพสต์ของ กิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร https://www.facebook.com/photo/?fbid=24715023511443793&set=a.139966442709508
ต้นฉบับกรณีศึกษา: อ่านเรื่องเต็มที่นักเขียนโพสต์https://www.facebook.com/photo?fbid=24716502121295932&set=a.139966442709508
ความเห็นจาก บก.เริงวุฒิ: โพสต์ 18 ข้อเต็ม
https://www.facebook.com/kiriyakon.vut/posts/3071160756379875
📢หลังจากนั้นนักเขียนส่งจดหมายไปยังรัฐสภาเนื้อความว่า
เรื่อง ขอให้ทบทวนกระบวนการพิจารณาผลงานรางวัลพานแว่นฟ้า และยุติการเผยแพร่ข้อมูลที่กระทบสิทธิ
ของผู้เข้าประกวด
เรียน ประธานรัฐสภา และคณะกรรมการอำนวยการรางวัลพานแว่นฟ้า
ด้วยรางวัลพานแว่นฟ้าเป็นเวทีวรรณกรรมที่ทรงเกียรติระดับประเทศ มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย เสรีภาพทางความคิด และความสร้างสรรค์เชิงวรรณศิลป์ ซึ่งทุกปีได้รับความสนใจจากนักเขียนทั่วประเทศ อย่างไรก็ดี ในการประกวดปี 2568 ได้เกิดกรณีที่สร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงและสิทธินักเขียนของผม -นายกิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร(นามปากกา”ก้องกาล”) ผู้ส่งผลงานเรื่องสั้น “ทองสูงในขบวนเรือพระ” ซึ่งถูกตัดสิทธิ์จากการพิจารณาในรอบที่ 2
ข้อกล่าวหาดังกล่าวถูกเผยแพร่สู่สาธารณะครั้งแรกผ่านเฟซบุ๊กของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิท่านหนึ่ง ซึ่งใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า Chen Songsomphan เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2568 มีการระบุอย่างชัดเจนว่ามีผู้ส่งผลงานซึ่งได้ลอกเรื่องเก่าของตัวเองที่เคยเผยแพร่แล้วมาส่ง โดยไม่ได้เอ่ยชื่อนักเขียน แต่ต่อมาได้มีการซุบซิบแพร่ขยายในหลายกลุ่ม กระทั่งหลุดชื่อของนักเขียนผู้ถูกกล่าวถึงนี้ออกมา จนในที่สุดวันหนึ่งเรื่องไปถึงหูนักเขียนคนนั้น ซึ่งหมายถึงผม ทั้งที่เป็นการพิจารณาในห้องประชุมลับ และนักเขียนมิได้มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริง
เบื้องต้นผมในฐานะผู้ถูกกล่าวหา จึงได้ทำการชี้แจงในเฟซบุ๊กของตัวเอง เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ว่า ” เรื่อง ทองสูงในขบวนเรือพระ ” เป็นงานเขียนใหม่ที่เพิ่งเขียนขึ้นเมื่อต้นปี 2568 และไม่เคยเผยแพร่ในที่ใดมาก่อน แม้แต่สื่อออนไลน์ หรือหากเป็นกรณีลอกงานเก่ามา ผมก็มิได้กระทำเช่นนั้น การตัดสิทธิ์โดยกล่าวหาว่าเป็นการลอกผลงานเก่า จึงเป็นการตัดสินที่ไม่ถูกต้อง และทำลายเกียรติของผู้เขียนโดยไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน” ทั้งนี้ยังได้มีนักเขียนและผู้อ่านอิสระ หลายท่าน เช่น ฉมังฉาย, กร ศิริวัฒโน, เริงวุฒิ มิตรสุริยะ, น้าเดช จันทรคีรี ฯลฯอ่านเปรียบเทียบทั้งสองเรื่องและสรุปว่าเป็นคนละผลงานอย่างสิ้นเชิง มีเพียงการใช้ตัวละครบางตัวร่วมกันเท่านั้น ซึ่งเป็นวิธีการเขียน “เรื่องชุด” ที่พบได้ทั่วไปในแวดวงวรรณกรรม
นอกจากนี้ จากโพสต์ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิยังได้ระบุว่า มีผลงานที่ถูกตัดสิทธิ์ด้วยข้อกล่าวหาลักษณะเดียวกันถึง 6–7 เรื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าปัญหานี้มิได้จำกัดอยู่เพียงกรณีของผมเท่านั้น หากแต่เป็นปัญหาเชิงระบบของการประกวดที่ควรได้รับการทบทวนอย่างจริงจัง การตัดสิทธิ์นักเขียนหลายคนโดยมิได้เปิดโอกาสให้ชี้แจงข้อเท็จจริง อาจสร้างความเสียหายต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของนักเขียน และบั่นทอนความน่าเชื่อถือของเวทีในภาพรวม ด้วยเหตุนี้ ผมจึงใคร่ขอให้รัฐสภาในฐานะผู้จัดการประกวด
1.ทบทวนกระบวนการพิจารณาและการตัดสิทธิ์ในกรณีนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมแก่นักเขียน
2.กำหนดมาตรการที่ชัดเจนต่อคณะกรรมการพิจารณาผลงาน หากนำข้อมูลภายในมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน และในกรณีที่ข้อมูลนั้นยังไม่พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงอันนำความเสียหายมาสู่บุคคลอื่น กรรมการควรต้องได้รับการพิจารณาต่อผลการกระทำดังกล่าว
3.กำหนดเกณฑ์การพิจารณาผลงานที่ชัดเจน เปิดโอกาสให้สิทธินักเขียนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และหากกรรมการมีข้อสงสัย ในผลงานที่ส่งเข้าประกวด
4.เสริมสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของเวทีอันทรงเกียรตินี้ต่อไป
ทั้งนี้ผมได้แนบหลักฐานการโพสต์ในเฟซบุ๊ก Chen Songsomphan โพสต์ประเด็นที่เกี่ยวข้องจากเฟซบุ๊กของผม(กิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร) และความคิดเห็นต่างๆ ในสื่อสังคมออนไลน์มาด้วยตามท้ายเอกสารนี้แล้ว
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
ขอแสดงความนับถือ
กิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร
📝รัฐสภามีจดหมายตอบกลับมาว่า
เรียน คุณกิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร
ตามที่ท่านได้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นต่อกรณีการส่งเรื่องสั้นของท่านมาประกวดวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี ๒๕๖๘ และนำเสนอให้รัฐสภา
๑. ทบทวนกระบวนการพิจารณาและการตัดสิทธิ์ในกรณีนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมแก่เขียน
๒. กำหนดมาตรการที่ชัดเจนต่อคณะกรรมการพิจารณาผลงาน หากนำข้อมูลภายในมาเผยแพร่ต่อสาธารณะชน และในกรณีที่ข้อมูลนั้นยังไม่พิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงอันนำความเสียหายมาสู่บุคคลอื่น กรรมการควรต้องได้รับการพิจารณาต่อผลการกระทำดังกล่าว
๓. กำหนดเกณฑ์การพิจารณาผลงานที่ชัดเจน เปิดโอกาสให้ศสิทธินักเขียนได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และหากกรรมการมีข้อสงสัยในผลงานที่ส่งเข้าประกวด
๔. เสริมสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของเวทีอันทรงเกียรตินี้ต่อไปนั้น
ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๖๘ ขอเรียนให้ท่านทราบว่า การจัดประกวดวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ดำเนินในรูปคณะกรรมการโดยมีเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏรเป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งในขณะนี้ คณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๖๘ รวมถึงคณะอนุกรรมการทุกคณะ ได้ดำเนินงานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามข้อเสนอของท่านทั้ง ๔ ข้อ เสนอต่อคณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ในปี ๒๕๖๙ ต่อไป
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๖๘
เมื่อรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรม เป็นนักเขียนไม่ได้เรียกร้องให้ตัดสินการการประกวดใหม่ แต่หวังเพียงการตรวจสอบคณะกรรมการ แต่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๖๘ ซึ่งอ้างถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฏรเป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งคือ ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ ว่า “ในขณะนี้ คณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๖๘ รวมถึงคณะอนุกรรมการทุกคณะ ได้ดำเนินงานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว” โดยไม่คิดจะตรวจใดๆ นักเขียน ซึ่งให้นาม กิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร จึงได้ทำหนังสือเปิดผนึกไปยัง สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ซึ่งมี “นรีภพ จิระโพธิรัตน์” ดำรงตำแหน่งนายกสมาคม และ ชมรมวรรณกรรมสร้างสรรค์ ซึ่งมี “การบูร สุขวิไลธารา” เป็นประธานชมรม ตอนนี้ การบูร สุขวิไลธารา ขยับตัวสนใจเรื่องนี้แล้ว แต่สมาคมยังเงียบกริบ
น่าสงสัยว่าเพราะกรรมการตัดสินรางวัลพานแว่นฟ้านั้น แนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกับสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยหรือเปล่า ? และจากเฟสบุ๊คของ นรีภพ จิระโพธิรัตน์ ที่ลงเอาไว้เมื่อวันที่ 15 กค. กับ 20 มิย. เห็นใบหน้ากรรมการได้ชัดว่า ผู้ที่เป็นกรรมการรอบสุดท้ายที่ตัดสิทธิ์ เรื่องสั้น “ทองสูงในขบวนเรือพระ” ของ กิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร นั้นมีใบหน้าของ
1. นรีภพ จิระโพธิรัตน์ นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย นั่งเป็นประธานตัดสิน
2. เจน สงสมพันธุ์ อดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
3. จตุพล บุญพรัด บก.ดีเด่นรางวัลนิลวรรณ ปิ่นทอง
4. ประชาคม ลุนาชัย ศิลปินแห่งชาติ 5. ไพฑูรย์ ธัญญา ศิลปินแห่งชาติ
6. บูรพา อารัมภีร์ อดีตนายกสมาคมนักเขียน
7. รศ .ทวีศักดิ์ ปิ่นทอง
8. อ.อารียา หุตินทะ
นั่งเป็นกรรมการอยู่ด้วย ดังนั้นเราคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า นักเขียนตัวเล็กๆ อย่าง กิติศักดิ์ ศรีแก้วบวร จะสามารถหาความยุติธรรมจากเรื่องที่เกิดขึ้นได้ไหม และว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ ที่นั่งเป็นประธานคณะกรรมการจัดงานตามที่ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๖๘ อ้างถึงนั้น จะปล่อยให้เรื่องเงียบหรือเข้ามาดำเนินการเพื่อความโปร่งใสในเรื่องนี้ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากลิ้งค์ด้านล่างนี้….):Cr;มณสิการ รามจันทร์