พิมพ์ไทยออนไลน์ // กรมพินิจฯ ร่วมทำ MOU กับศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง – สำนักงานศาลยุติธรรม ใช้เทคโนโลยีออนไลน์เพิ่มประสิทธิภาพพิจารณาคดีทางแพ่งและอาญาของเยาวชน เล็งพัฒนาใช้ระบบให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
เมื่อวันที่ 11 พ.ค.64 พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรมร่วมบูรณาการ(MOU)กับศาลเยาวชนและครอบครัวกลางและสำนักงานศาลยุติธรรม ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) “การเชื่อมโยงข้อมูลคดีเยาวชนและครอบครัวโดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์” โดยมี นางอโนชา ชีวิตโสภณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง พร้อมด้วย นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ร่วมลงนามในครั้งนี้ โดยปัจจุบันกระทรวงยุติธรรมได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริการประชาชน ซึ่งการลงนามทำข้อตกลงร่วมมือในครั้งนี้ จะสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาดำเนินการในการพิจารณาทั้งคดีแพ่ง และคดีอาญาของเด็กและเยาวชนได้อย่างมีระบบและมีความครบถ้วนสมบูรณ์มากขึ้น
“ถือเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของกระทรวงยุติธรรม และกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ที่ได้มีโอกาสประสานความร่วมมือกับทั้งสามหน่วยงานในการพัฒนากระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนในโอกาสต่อไป เพราะหลังจากทดลองใช้มาระยะหนึ่งนั้น เห็นชัดเจนว่าสามารถพัฒนางานด้านคดีของเด็กและเยาวชนได้อย่างดียิ่ง ทั้งเรื่องการลดการใช้ทรัพยากร การสร้างการรับรู้ เพราะการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้มากขึ้น จึงเกิดความแม่นยำ รวดเร็ว ตรงต่อเวลาและมีประสิทธิภาพ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะนำไปสู่การขยายผลสามารถใช้งานระบบได้อย่างแพร่หลายครอบคลุมทั่วประเทศ ในเรื่องของการส่งรายงานต่อศาลเยาวชนและครอบครัวต่อไป” พันตำรวจโท วรรณพงษ์ กล่าว
ด้าน นางอโนชา ชีวิตโสภณ อธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง กล่าวว่า การลงนามร่วมกันจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานให้เกิดความรวดเร็ว ง่าย ถูกต้อง เสียค่าใช้จ่ายน้อยลง และเป็นการอำนวยความสะดวกให้แต่ละหน่วยงานสามารถนำข้อมูลคดีเยาวชนและครอบครัวไปดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม หรือ Court Integral Online Service (CIOS) ในการรับ – ส่งรายงานข้อเท็จจริงพร้อมความเห็นของผู้อำนวยการสถานพินิจฯ และเพื่อความปลอดภัยจะมีการกำหนดเจ้าหน้าที่รับผิดชอบในการรับ – ส่งข้อมูลทั้งสองหน่วยงาน ซึ่งจะมีการนำไปใช้กับศาลเยาวชนและครอบครัวทั่วประเทศ และสถานพินิจฯ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป
ขณะที่ นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าการได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์ ครบถ้วนและรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะการบริหารงานข้อมูล และข้อเท็จจริงที่จะใช้ในการพิจารณาพิพากษาคดีของเด็กและเยาวชนในสถานพินิจฯ และยิ่งในยุคปัจจุบันมีเรื่องท้าทายหลายรูปแบบ ทั้งในเรื่องของการพัฒนาอำนาจของเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องของด้านสุขอนามัย ซึ่งก่อให้เกิดข้อจำกัดในการเดินทาง จึงจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศ และในขณะเดียวกันสำนักงานศาลยุติธรรม จะพยายามเรียนรู้ข้อมูลทั้งด้านบวกและด้านลบของการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อที่จะพัฒนาต่อยอดให้กับสถานพินิจฯ ทั่วประเทศให้ได้สมกับนโยบายของประธานศาลฎีกาต่อไป
Cr.: นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์