วันเสาร์, ธันวาคม 28, 2024

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 2024

กกท.ระเบิดศึก “SAT Thailand World Invitation” กระตุ้นเศรษฐกิจไทย-บูรณาการท่องเที่ยวเชิงกีฬา

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// การกีฬาแห่งประเทศไทย จัดการแข่งขัน รายการ SAT Thailand World Invitation 2020 ใน 2 จังหวัด ประเดิมที่ ภูเก็ต ชิงชัยกีฬาอีสปอร์ต และกระดานยืนพาย วันที่ 18-21 ก.ย.นี้ ส่วนอีกรายการ ที่ ศรีสะเกษ ดวล 3 เกมดังของนักกีฬาอีสปอร์ตภายในประเทศ วันที่ 25-27 ก.ย. มั่นใจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ บูรณาการการท่องเที่ยวเชิงกีฬาอย่างแท้จริง
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 ที่ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ชั้น 24 การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) หัวหมาก นายณัฐวุฒิ เรืองเวส รองผู้ว่าการกกท. ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ เป็นประธานแถลงข่าวการแข่งขันกีฬา รายการ SAT Thailand World Invitation 2020 (เอสเอที ไทยแลนด์ เวิลด์ อินวิเตชั่น 2020) โดยมี นายสันติ โหลทอง นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย และนายชนินทร์ อัยรักษ์ นายกสมาคมกีฬากระดานโต้คลื่นแห่งประเทศไทย, นายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ อุปนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดศรีสะเกษ ร่วมในงานด้วย

มหกรรมกีฬา SAT Thailand World Invitation 2020 จะมีแข่ง 2 รายการ โดยรายการแรก SAT-PHUKET Sports World Invitation 2020 จัดที่ จ.ภูเก็ต มีการแข่งขันอีสปอร์ต วันที่ 18-21 กันยายนนี้ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า และกระดานยืนพาย (SUP) วันที่ 19-21 กันยายนนี้ ที่ปลายแหลมสะพานหิน จ.ภูเก็ต โดยจะจัดตามมาตรฐานการแข่งขันระบบของสหพันธ์อีสปอร์ตนานาชาติ (International e-Sports Federation) และสหพันธ์กีฬากระดานโต้คลื่นนานาชาติ (International Surfing Association)
สำหรับรายการที่สอง SAT-SISAKET Esports World Invitation 2020 ที่ Theatre Hall อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ฉลองพระชนมายุ 5 รอบ มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ วันที่ 25-27 กันยายนนี้ จะเป็นการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตของนักกีฬาภายในประเทศ โดยการแข่งขันจะเป็นไปตามมาตรฐานการแข่งขันระบบสหพันธ์อีสปอร์ตนานาชาติ (International e-Sports Federation) เช่นกัน

นายณัฐวุฒิ เรืองเวส กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีนโยบายให้จัดกิจกรรมระดับนานาชาติ ด้านกีฬา ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมการกีฬา เพื่อเป็นส่วนสำคัญการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ สร้างมูลค่าเพิ่มและส่งเสริม
เศรษฐกิจของประเทศ พร้อมทั้งมุ่งพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทาง กกท.จึงได้ดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬา รายการ SAT Thailand World Invitation 2020 ขึ้นมา ซึ่งเป็นการจัดการแข่งขันชนิดกีฬาเป็นที่นิยม และรู้จักอย่างแพร่หลาย รวมทั้งมีผู้ติดตามชมจำนวนมาก เพื่อเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะสร้างภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นแก่ประเทศไทย นับเป็นการสร้างผลิตภัณฑ์ด้านกีฬาในระดับโลก เพื่อบูรณาการการท่องเที่ยวเชิงกีฬาอย่างแท้จริง อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจในประเทศ การจ้างงาน การเติบโตของเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง และทำให้ประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวที่ติดตามมาชมการแข่งขัน
“ปัจจุบัน กีฬาอีสปอร์ต และกีฬากระดานยืนพาย ได้รับความนิยมสูง มีผู้สนับสนุน และติดตามชมจำนวนมากหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งไทย สำหรับ ภูเก็ต และศรีสะเกษ เป็นจังหวัดที่มีความพร้อมด้านสนามแข่งขัน สถานที่พัก การคมนาคม สถานที่ท่องเที่ยวที่ติดอันดับโลก สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตลอดจนความพร้อมของประชาชนในการ

ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดย กกท. คาดการณ์ว่า การจัดรายการนี้จะมีความคุ้มค่า และทำให้ประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวที่ติดตามมาชมการแข่งขัน ทั้งนักกีฬา, ทีมงานของนักกีฬา, กรรมการ, ผู้จัดการแข่งขัน, ผู้สื่อข่าวเป็นจำนวนมาก”
การแข่งขัน SAT-PHUKET Sports World Invitation 2020 ที่ จ.ภูเก็ต ระหว่างวันที่ 18-21 กันยายน 2563 เวลา 11.00-20.00 น. แข่งทั้งหมด 3 เกม คือ AOV, Tekken7 และ PES2020 ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ส่วนกระดานยืนพาย ที่ปลายแหลมสะพานหิน จ.ภูเก็ต วันที่ 19-21 กันยายนนี้ เวลา 10.00-12.00 น. แข่ง 3 รุ่น ได้แก่ ระยะ Technical Race ชาย และหญิง, Sprint ชาย และหญิง และรุ่นทีมชาย ทีมหญิง และทีมผสม ในงานยังมีกิจกรรมร้านค้า 30 ร้าน ช่วงเวลา 16.00-21.00 น. และเวทีกิจกรรมการแสดงในแต่ละวัน

ขณะที่รายการที่สอง SAT-SISAKET Esports World Invitation 2020 ที่ Theatre Hall อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ ฉลองพระชนมายุ 5 รอบ มรภ.ศรีสะเกษ วันที่ 25-27 กันยายนนี้ เป็นการแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตของนักกีฬาภายในประเทศ แข่งทั้งหมด 3 เกม คือ AOV, Tekken7 และ PES2020 เวลา 10.00-19.00 น. ภายในงานจะมีกิจกรรมและร้านค้า 50 ร้าน รวมถึงการแสดง และนิทรรศการเกี่ยวกับอุตสาหกรรมกีฬาและกีฬา เพื่อการท่องเที่ยวของไทย การให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับอีสปอร์ตด้วย
นายชนินทร์ อัยรักษ์ นายกสมาคมกีฬากระดานโต้คลื่นแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การแข่งขันกระดานยืนพาย หรือ Stand up paddle board ซึ่งเรียกสั้นๆ ว่า SUP นี้ เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมเล่นกันอันดับต้นๆ ของโลก โดยในปี 2018 เป็นกีฬาที่มีความนิยมเป็นอันดับหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกาและในประเทศไทย

นอกจากนำมาแข่งขันเป็นกีฬาแล้ว ยังสามารถใช้กระดานนี้พายท่องเที่ยวไปตามทะเล แม่น้ำ เขื่อน ลำคลองต่าง ๆ ได้ด้วย ถือเป็นการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยจะมีแข่ง 3 รุ่น ทั้งนี้ ขอเชิญชวนทั้งมือเก่าและมือใหม่มาร่วมชิงชัยกันที่ปลายแหลมสะพานหิน ภูเก็ต ซึ่งเป็นทะเลในเมือง ที่พักไม่แพง อาหารอร่อย และงานนี้ไม่มีค่าสมัคร ทุกคนมีโอกาสที่จะเข้าร่วมแข่งขันเคียงคู่กับนักกีฬาทีมชาติ ที่กำลังเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขันเอเชี่ยน บีชเกมส์ในปีหน้า
ด้านนายสันติ โหลทอง นายกสมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การแข่งขันกีฬาอีสปอร์ต รายการ SAT Thailand World Invitation 2020 ที่จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 18-21 กันยายน ที่บริเวณ ชั้น 3 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า และในวันที่ 25-28 กันยายน หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษนั้น จะเป็นการรวบรวมนักกีฬาดีกรีทีมชาติ ที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างเข้มงวด ละเอียดละออจนได้สุดยอดนักกีฬาอีสปอร์ตที่มีผลงานดีที่สุดของเกม TEKKEN7 และ PES2020 ในรายการนี้จะมีการแข่งขัน ROV เพิ่มเข้ามา ซึ่งส่งผลให้มีนักกีฬาสมัครเข้าร่วมแข่งอีกกว่า 800 คน ผลของการแข่งขันรายการนี้จะส่งผลให้เราได้รายชื่อนักกีฬาทีมชาติชุดชิงแชมป์โลกของสหพันธ์กีฬาอีสปอร์ตนานาชาติ และในมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชี่ยลอาร์ทเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่จะถูกจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 21–30 พฤษภาคม 2564 ที่กรุงเทพมมหานคร และ ชลบุรี
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กเพจ SAT Thailand World Invitation www.facebook.com/SATThailandWorldInvitation)

 

 Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

ปันจักชิงแชมป์ปทท.จัดใหญ่ เฟ้นหาทีมชาติลุยอินดอร์-ซีเกมส์

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// นายภาณุ อุทัยรัตน์ นายกสมาคมกีฬา​ปันจักสีลัตแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่​ 14-19 กันยายนนี้ ทางสมาคมฯจัดการแข่งขันกีฬาปันจักสีลัตชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2563 ที่ หอประชุมสำนักงาน การสื่อสารและโทรคมนาคมแห่งประเทศ​ไทย CAT ศูนย์แจ้งวัฒนะ​ ปีนี้ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าปังกรรัศมีโชติ​ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร​ เป็นรางวัลชนะเลิศแก่สโมสรกีฬาที่ได้รับรางวัลรวม การจัดการแข่งขันครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์การคัดเลือกนักกีฬาปันจักสีลัตเป็นตัวแทนทีมชาติไทย การร่วมการแข่งขันกีฬาปันจักสีลัตในระดับภูมิภาค และระดับโลก ซึ่งในแต่ละปีมีการจัดการแข่งขันในระดับนานาชาติมากกว่า 5 รายการ

และครั้งนี้ที่สำคัญและเน้นหนักเป็นพิเศษคือ​เป็นตัวแทนทีมชาติไทย เข้าร่วมแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์​ ครั้งที่​ 6​ ระหว่างวันที่​21-30 พ.ค.ปีหน้า​ และการแข่งขันกีฬาซีเกมส์​ ครั้งที่​ 31​ ที่ เมืองฮานอย​ เวียดนาม ปลายปีหน้า ซึ่งไทยยังหวังเป็นตัวสอดแทรกการเป็นจ้าวเหรียญทองให้ได้ โดยมั่นใจถึงมาตรฐานการจัดการแข่งขันที่โปร่งใส​ บริสุทธิ์​มากขึ้น

นายภาณุ​ กล่าวเสริมว่า “เนื่องจากการจัดการแข่งขันครั้งนี้ยังอยู่ในช่วงการเฝ้าระวัง การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 ดังนั้นจึงได้กำหนดแนวทางไว้ให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของทางสาธารณสุข โดยเฉพาะการจำกัดจำนวนผู้เข้าชม ที่​สมาคมจึงได้จัดการถ่ายทอดสดทุกคู่ทุกประเภททางออนไลน์ และเพื่อเป็นการสมนาคุณแก่แฟนๆ​ กีฬา​ที่ติดตามสนใจการแข่​ง​ขัน จึงจัดให้มีการจับรางวัล และการทายผลการแข่งขันตลอดรายการ ดังนั้นจึงประชาสัมพัรธ์เชิญชวนโดยทั่วกัน สำหรับพิธีเปิดการแข่งขัน และการอัญเชิญถ้วยพระราชทานครั้งนี้ จะมีขึ้นในวันที่ 14 กันยายนนี้ เวลา​13:00 น.โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานการสื่อสารและโทรคมนาคมร่วมเปิดงาน​ และตอนนี้มีสโมสรเข้าร่วมการแข่งขันรายการนี้จากทั่วประเทศ 48 สโมสร จำนวนนักกีฬาร่วม 400 คน

 

 Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

ททท.จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว-ช่วยเหลือผู้ประกอบการหลังโควิด-19 ภายใต้คอนเซ็ปท์ “Special เที่ยวไทย”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// ผู้สื่่อข่าวรายงานว่า นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงข่าวเปิดงาน “Special เที่ยวไทย” ร่วมกับพันธมิตรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ส่งเสริมการขายแพ็กเกจโรงแรม ที่พัก กิจกรรมท่องเที่ยว กิจกรรมชุมชน และทัวร์ กว่า 100 รายการ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและพลิกฟื้นการท่องเที่ยว โดยชวนคนไทยออกไปบอกรักเมืองไทยให้หายคิดถึง และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กับมาคึกคักอีกครั้ง นอกจากจะเป็นกระตุ้นการท่องเที่ยวทั่วประเทศแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการให้บริการของสถานประกอบการต่าง ๆ ทำให้สถานประกอบการและชุมชนทั่วประเทศไทยเกิดรายได้ พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวแบบใหม่ในยุค New Normal
กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนทุก Generation โดยจับมือร่วมกับสมาคมการท่องเที่ยว ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว พาเรดกันมอบส่วนลด กิน บิน พัก ทั่วไทย อาทิ โรงแรมอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ, โรงแรม ดิเอมเมอรัล โคฟ เกาะช้าง, แคมป์ช้าง ปอนด์ รีสอร์ท, Double Tree by Hilton Phuket

Banthat Resort จันตราคีรี ชาเลต์ โรงแรม ดิโอลต์ ภูเก็ต และพิเศษสำหรับลูกค้าธนาคารกสิกรไทย มอบสิทธิประโยชน์เพิ่มสำหรับผู้ใช้บัตรเครดิตธนาคาร สามารถรับเครดิตเงินคืน 12% เพียงใช้คะแนน KBank Reward Point แลกเท่ายอดใช้จ่าย ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด, Wongnai มอบส่วนลดพิเศษ 10% ในช่องทางออนไลน์ จำกัดจำนวนสิทธิ์ สายการบิน Thai Smile Airways และ VietjetAir.com ร่วมมอบส่วนลดในการจองตั๋วเครื่องบินสำหรับเดินทางท่องเที่ยว รวมไปถึง Klook มอบส่วนลดสูงสุด 70% สำหรับแพ็กเกจกิจกรรม ที่พัก บัตรเข้าชมและส่วนลดร้านอาหารผ่าน www.klook.com, Shopback มอบเงินคืน top up เพิ่ม 100 บาท ให้แก่ลูกค้าโครงการ จำนวน 1,000 สิทธิ์แรก ผ่านแอพพลิเคชั่น Shopback และเว็บไซต์ www.shopback.co.th ส่วนลดพิเศษขนาดนี้ไม่จองไม่ได้แล้ว
นอกจากนี้ยังมีบริการด้านการท่องเที่ยวต่าง ๆ พร้อมมอบของสมนาคุณและสิทธิพิเศษอีกมากมาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดความประทับใจและสร้างประสบการณ์ใหม่ในการท่องเที่ยว อาทิ รถเช่า รถสาธารณะ โฮม สเตย์ ร้านอาหารชุมชน สวนน้ำ กิจกรรมต่าง ๆ เช่น Tour ดำน้ำ, Tour ชุมชน กิจกรรมในชุมชน, Tour ไหว้พระ ชมเมืองเก่า, Tour wellness tourism, Tour กิน เป็นต้น สำหรับลูกค้าที่มาช้อปสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ในแคมเปญ Special เที่ยวไทย ทุก ๆ การซื้อดีล คุณจะได้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการ “เที่ยวเมืองไทยให้หายคิดถึง เพื่อร่วมสนุกลุ้นรับรางวัลรวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท” โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย
ทั้งนี้ยังมีนักแสดงชื่อดังขวัญใจคนไทยทั้งประเทศ “โป๊ป” ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ มาช่วยเป็นตัวแทนการประชาสัมพันธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศอีกด้วย
ผู้สนใจสามารถเข้าไปเลือกซื้อดีลท่องเที่ยวสุดพิเศษ กิน บิน พัก และรายละเอียดโปรโมชันสุดปังเอาใจขาเที่ยวตลอดทั้งเดือน จนถึง 20 ตุลาคม 2563 นี้ ได้ที่ www.specialtiewthai.com หรือแอดไลน์เพื่อรับข้อมูลข่าวสารที่ Line: @Specialtiewthai :Cr;มณสิการ รามจันทร์

 

ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ 4 กลุ่มธุรกิจบริการฟื้นธุรกิจ “จุรินทร์”นำ พาณิชย์ จับมือ 3 สถาบันการเงินชั้นนำ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจบริการเพื่อพัฒนาศักยภาพและปรับตัวสู่ยุค New Normal” ภายใต้แนวคิด “Thriving in the New Normal ตั้งรับ ปรับตัว หาโอกาส” เพื่อสร้างเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ หาแนวทางขับเคลื่อนฟื้นฟูภาคธุรกิจบริการไทย 4 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจการจัดงาน ธุรกิจเกม ธุรกิจแอนิเมชั่น และธุรกิจโลจิสติกส์ ให้ผ่านพ้นวิกฤติหลังโควิด-19 ในพิธีเปิดงาน เมื่อวันที่ 11 ก.ย.63  ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ ทั้งนี้นายจุรินทร์ ร่วมกับผู้แทนจาก 3 สถาบันการเงินชั้นนำของไทย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) พร้อมทั้งผู้แทนจากภาคเอกชนในกลุ่มธุรกิจบริการ ได้แก่ สมาคมดิจิทัลคอนเทนต์ไทย สมาคมการแสดงสินค้าไทย และสมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย มาร่วมแลกเปลี่ยนทรรศนะในการประสานพลังพาธุรกิจบริการผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันสำหรับนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้น นายจุรินทร์ เน้นว่าสถานการณ์ปัจจุบันที่ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และเผชิญกับความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะในด้านการเงินและการลงทุน จึงให้ปรับยุทธศาสตร์แนวทางใหม่ในการสร้างความเข็มแข็งให้กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะในภาคบริการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจึงได้จัด “โครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจบริการเพื่อพัฒนาศักยภาพและปรับตัวสู่ยุค New Normal” นี้ขึ้น เพื่อสนองตอบความต้องการของภาคเอกชนในด้านการแสวงหาแหล่งเงินทุน และการเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ โดยกิจกรรมไฮไลท์ในวันนี้ได้แก่ การจับคู่ธุรกิจและให้คำปรึกษาระหว่างสถาบันทางการเงินทั้ง 3 แห่งกับผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจการจัดงาน แอนิเมชั่น เกม และโลจิสติกส์ รวมจำนวนกว่า 50 ราย

โดยจะเกิดการจับคู่ธุรกิจไม่ต่ำกว่า 100 คู่ และคาดว่าจะเกิดการปล่อยสินเชื่อมูลค่ากว่า 165 ล้านบาทนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การค้าในภาคบริการได้ทวีความสำคัญขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และโลก โดยการค้าบริการมีมูลค่าเพิ่มมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการค้าด้านเกษตรหรืออุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ภายใต้การนำของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ จึงได้กำหนดให้การส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจบริการเป็น 1 ใน 10 นโยบายหลักของกระทรวงพาณิชย์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่ผ่านมารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้นำทัพผู้ประกอบการเดินทางไปเจรจาการค้าในต่างประเทศ และผลักดันให้เกิดกิจกรรมเจรจาการค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ให้กับผู้ประกอบการในภาคบริการเป็นจำนวนมาก โดยกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าได้ถึงกว่า 14,200 ล้านบาท“กระทรวงพาณิชย์หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจบริการเพื่อพัฒนาศักยภาพและปรับตัวสู่ยุค New Normal จะเป็นจุดเริ่มต้นในการเชื่อมโยง สร้างเครือข่ายและส่งเสริมให้ผู้ประกอบธุรกิจบริการ มีความพร้อม มีศักยภาพ และพร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป” อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวในตอนท้าย:Cr;มณสิการ รามจันทร์

 

 

ซัสโก้ ก้าวทันเทรนด์เทคโนโลยี เปิดบริการ Line @SUSCO

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ซัสโก้ สบโอกาส..ไตรมาส 3-4/2563 ปรับกลยุทธ์สร้างแบรนด์ และพัฒนาระบบฐานสมาชิก เพื่อก้าวสู่องค์กรธุรกิจยุคใหม่ มุ่งตอบสนองธุรกิจ และบริการผ่านระบบเทคโนโลยีให้ทันสมัย ล่าสุดเปิด Line @SUSCO เชิญชวนสมาชิก SUSCO Smart Member กว่า 1.4 ล้านรายทั่วประเทศ สมัครเข้าใช้บริการตามขั้นตอนง่ายๆ เพียง “เพิ่มเพื่อน และผูกเบอร์โทรศัพท์” จากนั้น รับสิทธิประโยชน์สูงสุด..แบบโดนใจ อาทิ แลกส่วนลดน้ำมัน ทองคำ สินค้าต่างๆ กิจกรรมลุ้นรางวัล และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ประเดิมแคมเปญเติมน้ำมันเพียง 600 บาท และเพิ่มเพื่อน รับน้ำดื่ม 2 ขวดใหญ่ เริ่มตั้งแต่ วันนี้ – 31 ตุลาคม 2563 นี้ นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในช่วงไตรมาส 3-4 ของปี 2563 ซัสโก้ ถือโอกาสปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยมีแผนปรับแบรนด์ ซัสโก้ ให้กลมกลืนกับคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การปรับโฉมภาพลักษณ์สถานีบริการทั่วประเทศ รวมถึงการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจขยายบริการ “Non-Oil Business” ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ลูกค้า พร้อมกันนี้ ยังเตรียมผันเข้าสู่โหมดการให้บริการผ่านระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้ความสำคัญกับฐานสมาชิก SUSCO Smart Member จำนวนกว่า 1.4 ล้านรายทั่วประเทศ ซึ่งจัดแคมเปญพิเศษ เชิญชวนสมัครใช้ Line @SUSCO ขั้นตอนง่ายๆ “เพิ่มเพื่อน และผูกเบอร์โทรศัพท์ พร้อมกรอกข้อมูล” เมื่อเติมน้ำมันครบ 600 บาท รับน้ำดื่ม 2 ขวดใหญ่ ทันที เริ่มตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2563 นี้

การปรับรูปโฉมสถานีบริการน้ำมันสู่ดีไซน์ใหม่ ลูกค้าจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในช่วงไตรมาส 4 ของปี2563 นี้ โดยวัตถุประสงค์ คือ ต้องการปรับแบรนด์ ซัสโก้ ให้มีความทันสมัย กลมกลืนกับคนรุ่นใหม่มากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะปรับเปลี่ยนได้ครบทุกสาขาภายในระยะเวลา 2 ปี สำหรับการปรับรูปโฉมสถานีบริการครั้งนี้ ได้ใช้งบประมาณปีละกว่า 200 ล้านบาท ขณะเดียวกัน ก็มีแผนขยายสาขาให้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 15-20 สาขา ในย่านขุมชนเขตเมืองอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน ซัสโก้ มีสถานีบริการน้ำมันรวม จำนวน 240 สาขา คาดว่าสิ้นปีนี้ จะสามารถขยายได้ครบ 250 สาขา ทั่วประเทศอย่างแน่นอน“สำหรับ กลยุทธ์การรุกตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซัสโก้ได้ใช้โอกาสช่วง ไตรมาส 3-4 ของปี 2563 ในการพัฒนาระบบสมาชิก SUSCO Smart Member ที่มีอยู่จำนวนกว่า 1.4 ล้านราย และเปิด Line @SUSCO เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้า ให้สามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างตรงกับไลฟ์ไตล์ และความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่ โดยจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดมากมาย อาทิ กิจกรรมแจกโชคลุ้นรางวัล ใช้แต้มแลกซื้อสินค้า รวมถึงสามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลราคาน้ำมันรายวัน โปรโมชัน และตรวสอบคะแนนสะสมการเป็นสมาชิก SUSCO Smart Member เป็นต้น ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี

จึงอยากขอเชิญชวนสมาชิก SUSCO Smart Member เปิดใช้บริการผ่าน Line @SUSCO ประเดิมแคมเปญพิเศษแรก เพียงเติมน้ำมันครบ 600 บาท เพิ่มเพื่อน และผูกเบอร์โทรศัพท์ พร้อมกรอกข้อมูล จากนั้น รับน้ำดื่ม 2 ขวดใหญ่ ทันที รับรองว่าสมาชิก SUSCO Smart Member จะพบกับความคุ้มค่าอย่างแน่นอน” นายชัยฤทธิ์ กล่าวในที่สุด :Cr;มณสิการ รามจันทร์

กระทรวงยุติธรรม แท็กทีม อัยการใช้อำนาจศาลสั่งกักตัวผู้ต้องขังคดีร้ายแรงผิดช้ำหลังพ้นโทษ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//“สมศักดิ์ รมว.ยุติธรรม” เปิดศูนย์ EMCC แท๊กทีม ‘อัยการ’ ใช้อำนาจขอศาลสั่งกักกันนักโทษคดีร้ายแรงติดนิสัยทำผิดซ้ำหลังพ้นโทษ พร้อมติดกำไล EM เพื่อสังคมปลอดภัย เริ่มเดินหน้าปีงบประมาณ 2564

วันที่ 11 ก.ย.63 ณ ห้องรับรองกระทรวงยุติธรรมชั้น 2 ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เป็นประธานใน “พิธีเปิดศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว (Electronic Monitoring Control Center หรือ EMCC)” ภายใต้แนวคิด “ให้โอกาส คืนอิสรภาพ เพิ่มความมั่นใจ สู่สังคมปลอดภัย” พร้อมเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมฯ และชมการสาธิตการใช้ระบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายวิวัฒน์ นิติกาญจนาที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายวิศิษฎ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม นางอภิรดีโพธิ์พร้อม รองประธานศาลอุทธรณ์ภาค 1 Mr. Julien Garsany ผู้แทน UNODC และ นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติคณะผู้บริหารกรมคุมประพฤติ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนมีความยินดีที่ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว ของกรมคุมประพฤติกระทรวงยุติธรรมในวันนี้ เพราะเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงยุติธรรมประการหนึ่ง ที่มุ่งเน้นการลดความแออัดในเรือนจำ และลดการใช้การคุมขังในขั้นตอนต่างๆของกระบวนการยุติธรรม

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ทั้งในขั้นตอนการพิจารณาคดี และขั้นตอนหลังการพิจารณาคดี โดยการนำมาตรการทางเลือกแทนการจำคุกมาใช้ในแต่ละระดับ ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ได้กำหนดแนวทาง เพื่อลดความแออัดในเรือนจำ และมีมาตรการเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ในความปลอดภัยให้กับสังคม โดยคำนึงถึงความรุนแรง ของการกระทำผิดและโทษที่ควรได้รับ เช่นคดีก่อการร้าย คดีฆ่า คดีข่มขืนเด็ก ควรได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนคดีผลิตจำหน่ายส่งออกยาเสพติด ควรจำคุกระยะยาว 10 ปีขึ้นไป ส่วนคดีอื่น เช่น ลักทรัพย์ ฉ้อโกงบุกรุก ทำร้ายร่างกาย อาจได้รับโอกาสพักการลงโทษ โดยนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว หรือ กำไล EM มาใช้ เพื่อเป็นมาตรการทางเลือกแทนการจำคุก

“การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวกับกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้ได้รับการพักการลงโทษนั้น ก่อนการปล่อยตัวผู้ต้องขัง ต้องผ่านโปรแกรมที่เข้มข้น เพื่อพัฒนาพฤตินิสัย จนกระทั่งมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น ถึงเข้าสู่กระบวนการพิจารณาวินิจฉัยพักการลงโทษ ซึ่งจะพิจารณาในประเด็นต่างๆ ได้แก่ ผู้อุปการะที่จะให้การดูแล ชุมชนที่จะกลับไปพักอาศัย ตลอดจนความเห็นของคู่กรณีหรือผู้เสียหาย ซึ่งหากเข้าเกณฑ์ จะมีโอกาสในการพักการลงโทษและติดอุปกรณ์กำไล EM” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า อุปกรณ์กำไล EM จะก่อประโยชน์ให้กับชุมชน เนื่องจากสามารถควบคุม และติดตามผู้ที่ได้รับการพักการลงโทษ สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยในอนาคต อาจมีการขยายการใช้อุปกรณ์ EM เป็นวิธีการเพื่อความปลอดภัยกับกลุ่มคดีร้ายแรง ที่กระทำผิดซ้ำซาก  ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย ในการใช้อุปกรณ์ 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มผู้ถูกคุมความประพฤติ ซึ่งศาลให้รอการลงโทษจำคุก 2. กลุ่มนักโทษเด็ดขาด ที่ได้รับการพักการลงโทษ และลดวันต้องโทษจำคุก 3.กลุ่มผู้รอการตรวจพิสูจน์ยาเสพติด ตามพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ปี 2545 ซึ่งคาดว่าจะสามารถใช้อุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว กับผู้กระทำผิดทั้ง 3 กลุ่ม ได้ปีละประมาณ 87,700 ราย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว ซึ่งดูแลโดยกรมคุมประพฤติ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการเป็นศูนย์กลาง เพื่อควบคุมติดตามกลุ่มเป้าหมาย ให้ปฏิบัติตามเงื่อนไข รวมถึงสามารถบริหารจัดการ หากมีผู้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข หรือ ได้อย่างทันท่วงที โดยจะสามารถป้องกันและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบ ที่เป็นภัยต่อประชาชนและสังคม ซึ่งตน ขอให้การดำเนินการทุกระบบเป็นไปด้วยความเรียบร้อยประสบความสำเร็จตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้

นายสมศักดิ์ ยังแถลงข่าวย้ำว่า การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวนักโทษ ต้องคำนึงถึงความพร้อมของผู้ที่จะได้รับการพักโทษ โดยดูจากการพัฒนาพฤตินิสัยที่ต้องเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี จึงจะได้รับการพักโทษ ซึ่งในกรณีที่ไม่มีผู้อุปการะดูแลก็จะเป็นปัญหา รวมถึงความคิดเห็นของคู่กรณี ที่หากพักโทษออกมาแล้ว คู่กรณีที่อยู่ด้านนอกไม่เห็นด้วย ก็ยังต้องพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการก่อน หรือแม้แต่ออกมาแล้วอยู่ไม่ได้เพราะไม่มีใครดูแลเลี้ยงดู ดังนั้นต้องคำนึงถึงความเรียบร้อยและไม่เป็นภัยกับสังคม ซึ่งนักโทษที่ใช้กำไล EM จะอยู่ในระดับปานกลาง

ด้านนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ภารกิจสำนักงานอัยการเรื่องมาตรการการกักกัน การควบคุมผู้กระทำความผิดในสถานที่กำหนดว่า เป็นอำนาจของพนักงานอัยการโดยเฉพาะในการร้องขอกักกันผู้กระทำความผิดติดนิสัย ซึ่งหากผู้กระทำความผิดเข้าหลักเกณฑ์เป็นผู้กระทำความผิดติดนิสัย อัยการจะฟ้องศาลขอให้กักกันผู้กระทำความผิดติดนิสัยทุกเรื่อง ยืนยันว่าในสำนวนคดีอาญพนักงานอัยการพิจารณาเรื่องวิธีการเพื่อความปลอดภัยเรื่องการกักกันทุกสำนวน หากมีข้อเท็จจริงปรากฏในสำนวนชัดเจนก็จะร้องขอให้กักกันทุกเรื่องโดยเฉพาะหากได้ข้อมูลที่เป็นเรื่องการกระทำความผิดของผู้กระทำความผิดติดนิสัย หากได้รับจากกรมราชทัณฑ์ก็จะช่วยทำให้สำนวนการสอบสวนในคดีอาญาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ที่ผ่านมาอัยการเคยฟ้องคดีกักกันผู้กระทำความผิดมาแล้ว

ส่วนนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงว่า กรณีผู้กระทำความผิดติดนิสัย หมายถึง ศาลพิพากษา จำคุกไม่ต่ำกว่า 6 เดือน 2 ครั้งแล้วกลับมาทำผิดอีก ตัวอย่างของคนที่กระทำความผิดติดนิสัย และทำให้สังคมสะพึงกลัวมากที่สุด ก็คือ นายสมคิด พุ่มพวง ที่ฆ่าหั่นศพ 5 คดี แต่กลับมากระทำความผิดอีกโดยพฤติกรรมก่อเหตุเดิมๆ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมกังวลว่า คนเหล่านี้จะกลับไปสู่สังคมโดยไม่มีความปลอดภัยได้อย่างไร ดังนั้น สำนักงานอัยการจึงได้ประสานกับกระทรวงยุติธรรมและ เตรียมประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องฐานข้อมูลเผื่อเป็นข้อมูลสำคัญในการฟ้องขอศาลกักกัน ซึ่งกฎหมายกำหนดว่า ถ้าคนที่ก่อเหตุครั้งแล้วครั้งเล่ากลับมาก่อเหตุอีก นอกจากจะฟ้องให้ลงโทษสถานหนักแล้ว อัยการก็จะใช้วิธีเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ด้วยการขอเข้าไปในคำฟ้องว่าเมื่อพ้นโทษแล้ว ขอให้ศาลกักกันด้วย ซึ่งศาลกักกันได้ตั้งแต่ 3-10 ปี เพื่อดัดนิสัย ฝึกอาชีพในสถานที่กักกัน ซึ่งอัยการมีระเบียบชัดเจน พร้อมที่จะขับเคลื่อนทั่วประเทศขอเพียงแค่ฐานข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์

ด้าน ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ชี้แจงว่า เรื่องการพักโทษ จะไม่ใช้กับนักโทษอุกฉกรรจ์ นอกจากนี้ การพักโทษเป็นหลักสากลที่สามารถปล่อยตัวนักโทษไปได้ก่อน ซึ่งต้องประเมินความเสี่ยงว่าคนที่ปล่อยไปจะไม่กระทำความผิดอีก โดยกำหนดเงื่อนไขว่า ห้ามออกนอกเขตกำหนด ห้ามเข้าไปในเขตบ้านผู้เสียหาย ห้ามออกนอกบ้านเวลากลางคืน ซึ่งเงื่อนไขเหล่านี้ คณะอนุกรรมการพักโทษจะกำหนดให้คณะกรรมการควบคุมความประพฤติดูแลและรายงานตัว เพื่อยืนยันว่า จะมีอาชีพทำงานและอยู่ในสังคมอย่างปกติ แต่การดำเนินการต่างๆ

Cr. : นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพืมพ์ไทยออนไฃน์

“สมศักด์” เปิดเสวนา ผักดัน พืชกระท่อมออกจากยาเสพติด

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “สมศักดิ์” เปิดเสวนา ’กระท่อมไทย วิถีไทย เพื่อเศรษฐกิจไทย’ รับฟังความเห็นการปลดพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด จ่อชงกฎหมายลูกเข้า ครม.สัปดาห์หน้า

วันที่ 11 กย. 63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเสวนาพืชกระท่อม ภายใต้แนวคิด “กระท่อมไทย วิถีไทย เพื่อเศรษฐกิจไทย” พร้อมย้ำเจตนารมณ์ว่า ในฐานะที่กระทรวงยุติธรรมและสำนักงาน ป.ป.ส. ดูแลเรื่องยาเสพติด ได้พยายามทำงานเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนทั้งนี้ สำหรับการปรับพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดนั้น ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับพี่น้องประชาชน ที่หวังจะใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม ซึ่งพืชกระท่อมมีหลักฐานว่า มีการนำมาใช้เป็นสมุนไพรในครัวเรือนมาตั้งแต่อดีตโดยใช้บำรุงกำลังเป็นยาขยัน แก้ปวดท้องและแก้ปวดเมื่อย ดังนั้นในอนาคตรัฐบาลพยายามออกกฏหมายเพื่อปรับพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ทั้งนี้ ในอดีตกระท่อม ถูกระบุว่า เป็นยาเสพติดตั้งแต่ปี พ.ศ.2486 เนื่องจากรัฐบาลขณะนั้นต้องการเก็บภาษี ซึ่งเป็นเหตุผลทางการค้าและการเมือง โดยจากผลการศึกษาของพืชกระท่อม พบว่า มีโทษน้อยมาก แต่กลับมีประโยชน์ทางการแพทย์ และสามารถนำไปปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้ จึงเป็นเหตุผลที่ต้องปรับพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด ดังนั้น การปลดล็อคพืชกระท่อม จะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและวิถีชีวิตชุมชน ซึ่งพืชกระท่อม มีสารมิตราไจนีน (Mitragynine) มีสรรพคุณช่วยระงับความเจ็บปวด ส่วนสารชนิดอื่นๆช่วยเพิ่มกำลังให้กับผู้บริโภค หากศึกษาอย่างถูกต้อง จะเป็นทางเลือกให้เกษตรกรส่งออกได้ ทำให้ประเทศและประชาชนได้ประโยชน์อย่างมาก จึงให้หน่วยงานของรัฐและสถาบันอุดมศึกษาที่มีพื้นที่ศึกษาวิจัย ได้เตรียมความพร้อมเพื่อศึกษาวิจัยการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม ทั้งในเชิงการแพทย์ และเชิงเศรษฐกิจ รวมถึงต้องมีการศึกษาความต้องการและกลไกของตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนพืชเศรษฐกิจอื่นๆที่ล้นตลาดและราคาตกต่ำบางช่วง นอกจากนี้บางประเทศที่นำเข้าพืชกระท่อม จะมีกฎเกณฑ์และกฎหมายควบคุมอยู่ ดังนั้นจึงต้องศึกษากฎหมายและกฎเกณฑ์ของต่างประเทศควบคู่ไปด้วย

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กระบวนการนำพืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดนั้น ทางกระทรวงยุติธรรมได้เริ่มการร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่… พ.ศ…. ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 มีการกำหนดขั้นตอน 12 ขั้นตอน และเร่งดำเนินการเรื่อยมาจนถึงวันที่ 11 มีนาคม 2563 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวและส่งต่อให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณา แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้กระบวนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวไม่เป็นไปตามกำหนดเวลา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2563 ตนเองได้ไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ให้ได้รับทราบถึงประโยชน์ของการปรับพืชกระท่อมออกจากยาเสพติด ซึ่งกรรมาธิการส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางการปลดล็อคพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดและขณะนี้ วิปรัฐบาล ได้ส่งร่างดังกล่าวไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระ คาดว่า จะเข้าสู่การพิจารณาได้ในเร็ววันนี้ในเรื่องของการพิจารณาในสภา ความจริงระเบียบวาระไปถึงแล้ว แต่คงไม่ทันพิจารณาในสมัยประชุมนี้ ยืนยันว่า คงไม่มีปัญหา เพราะพืชกระท่อมไม่ได้จบในฉบับเดียว จำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายคู่ขนานหรือกฎหมายลูกที่จะเขียนรายละเอียดอีกฉบับหนึ่งตามมาซึ่งตัวร่างของกฎหมายลูกนั้น มีทั้งหมดแล้วและจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ซึ่งเชื่อว่า จะพิจารณาทันกัน ทั้งนี้ ในร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับดังกล่าวที่ยังพิจารณาไม่ทัน ก็ยังมีประมวลกฏหมายยาเสพติดรองรับไว้อีกชั้นหนึ่ง และประมวลกฎหมายยาเสพติดนั้น กำลังพิจารณาในคณะกรรมาธิการร่วมรัฐสภา เนื่องจากเป็นกฎหมายปฏิรูปประเทศตนเชื่อมั่นว่า กฎหมายดังกล่าวนั้นจะสัมฤทธิ์ผลได้เร็ว อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกฤษฎีกาก็มีความห่วงใย การป้องกันไม่ให้เยาวชนไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับพืชกระท่อม แต่ขอยืนยันว่า จะมีการกำหนดมาตรการควบคุม ไม่ให้เด็กและเยาวชนเข้าไปยุ่งเกี่ยว และไม่ให้นำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิด ส่วนการแปรรูปเป็น 4×100 นั้น ถือว่าผิดวัตถุประสงค์ หากใครจะนำไปเป็นผลิตภัณฑ์ ต้องขออนุญาตจาก อย. ส่วนที่มีข้อกังวลว่าพืชกระท่อมจะส่งผลต่อการขับขี่ยวดยานพาหนะ จากการศึกษาพบข้อมูลว่า ยังไม่มีผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการขับขี่แม้แต่รายเดียว นอกจากนี้ที่หลายคนมีความกังวลว่า หากปลดพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดแล้วจะควบคุมอย่างไรนั้น ย้ำว่า จะต้องมีกฎหมายเพื่อควบคุมต่อไป อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษมีประโยชน์และมีความสมบูรณ์ กระทรวงยุติธรรม โดย ป.ป.ส. จึงขอให้มีการเสวนาเพื่อสร้างการรับรู้และรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน

“ถ้าเราหายไป คิดว่า มันผ่านแน่ๆแล้วถ้าอยู่ๆมันเกิดไม่ผ่านขึ้นมา ดังนั้น เราจึงต้องกระทุ้งอยู่เรื่อยเรื่อยในเรื่องของการพูดคุยและให้สื่อช่วยแสดงความคิดเห็นต่างๆออกไปตลอดเวลา หลายท่านที่ต่อสู้กันมาตลอดยาวนานแล้วมันไม่สำเร็จเพราะอะไร เพราะเป็นปัญหาที่คนยังมองต่างมุมอยู่ และมองไม่เข้าใจในพื้นเพหรือความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในชนบทที่เคยเกี่ยวข้องกับพืชกระท่อม ผมเคยทำนโยบายด้านการเกษตร เรื่องวัว หลายคนเป็นสื่อมวลชนในกรุงเทพไม่เข้าใจเรื่องวัว ถ้าให้เกษตรกรได้ยืมไปเลี้ยง วันนี้ประเทศไทย คงไม่มีหนี้ เกษตรกรคงไม่เป็นหนี้ เพราะพอสื่อไม่เข้าใจ ก็ไม่สามารถที่จะทำรายได้ให้เกษตรกรมีเงินเก็บได้ทำเกษตรอย่างเดียวแค่มีกินมีใช้ แต่ถ้าเราทำปศุสัตว์ เลี้ยงสัตว์ เราก็จะมีเงินเก็บ เช่นเดียวกับพืชกระท่อม ถ้ามองผิวเผินเหมือนว่าจะเอาไว้เสพอย่างเดียว ใครจะมองว่าเป็นสินค้าส่งออก ถ้าเราคิดได้ก่อน ทำได้ก่อน ให้เป็นสินค้าส่งออก ก็จะทำรายได้มหาศาล มอร์ฟีนปีหนึ่ง 5 แสนล้านบาท แต่กระท่อมนี้มีฤทธิ์เดชดีกว่ากว่ามอร์ฟีนอีก จึงต้องสัมมนาให้เกิดความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน โอกาสที่กฎหมายจะผ่านก็ง่ายขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว

ขณะที่นักวิชาการ ทั้งรศ.ดร.วิเชียร กีรตินิจกาล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของภาควิชาพืชไร่นา คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ,ศ.นพ.ดร.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย และรศ. สมสมร ชิตตระการ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวย้ำเป็นไปทิศทางเดียวกันถึงประโยชน์ทางการแพทย์ของพืชกระท่อมว่า สามารถใช้ลดการเจ็บปวดและต้านการอักเสบ รวมทั้งกระตุ้นระบบประสาท ต้านการซึมเศร้าได้

Cr. :  นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไฃน์

เลื่อนไต่สวน เพนกวิน ละเมิดอำนาจศาล

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // ศาลอาญาเลื่อนไต่สวนคดี “เพนกวิน” ละเมิดอำนาจศาล กรณีไลฟ์สด ช่วงฝากขังอานนท์-ไมค์ระยอง ยุยงมวลชน ไปวันที่ 28 ต.ค.นี้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่11 ก.ย. 63 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ที่ศาลนัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาล ที่ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการประจำศาลอาญา กล่าวหานายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ ผู้ถูกกล่าวหาเรื่องละเมิดอำนาจศาล กรณีวันที่ 8 ส.ค.63 ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ นำตัวนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง มายื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา ซึ่งระหว่างนั้น นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ผู้ถูกกล่าวหาได้ยืนขึ้นตะโกนส่งเสียงดัง และใช้กล้องถ่ายภาพลงโฆษณาเพื่อชักชวนให้บุคลอื่นๆเดินทางมาชุมนุมในบริเวณศาล เพื่อขัดขวางการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล รวมทั้งการถ่ายทอดสด(ไลฟ์สด)ภาพและเสียง ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ โดยการกระทำดังกล่าว ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในบริเวณศาล ทั้งยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดศาลอาญา ย่อมถือว่า เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล

เมื่อถึงเวลานัดไต่สวนละเมิดอำนาจศาลวันนี้ ผู้กล่าวหา , ผู้ถูกกล่าวหาและทนายความ  มาศาล  โดยนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหาได้ยื่นคำให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม ทนายความนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา แถลงต่อศาล ยอมรับว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กล่าวถ้อยคำตามคำกล่าวหาจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาเป็นปฏิปักษ์กับศาล
ศาลตรวจสำนวนแล้วปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้รับแผ่นบันทึกภาพและเสียง ซึ่งบันทึกเหตุการณ์ในวันที่ 8 ส.ค.2563 ตามคำกล่าวหา ซึ่งเป็นหลักฐานที่ผู้กล่าวหาจะนำมาสืบ
ต่อมาทนายความนายพริษฐ์ ผู้ถูกกล่าวหา แถลงต่อศาลอีกว่า ประสงค์จะให้ศาลไต่สวนพยานของผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 2 ปาก คือ ผู้ถูกกล่าวหาและนายอานนท์ นำภา เพื่อพิสูจน์ว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้ เป็นการขัดขวางรบกวนการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหายังไม่ได้รับแผ่นบันทึกภาพและเสียงเหตุการณ์ตามคำกล่าวหา เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหามีโอกาสในการแก้ข้อกล่าวหาและเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง จึงให้นำสำเนาแผ่นบันทึกภาพและเสียงมอบให้ผู้ถูกกล่าวหา หากผู้ถูกกล่าวหามีข้อคัดค้าน หรือคำชี้แจงให้ยื่นเป็นคำแถลงเข้ามาในนัดหน้า และให้ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญาตรวจสอบว่าหลังจากวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ทำนองเดียวกับคำกล่าวหาเกิดขึ้นในบริเวณศาลอีกหรือไม่ แล้วรายงานให้ศาลทราบภายในนัดหน้า จึงให้เลื่อนไปไต่สวนละเมิดอำนาจศาล ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

ด้านนายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนายพริษฐ์ ให้สัมภาษณ์ หลังศาลได้มีคำสั่งเลื่อนนไต่สวนว่า  วันนี้ผู้กล่าวหา ได้ยื่นหลักฐานเป็นแผ่นซีดีเหตุการณ์กรณีที่ นายพริษฐ์ ปราศรัยที่หน้าบันไดศาลอาญา เรียกร้องให้ปล่อยตัว นายอานนท์ และ นายภาณุพงศ์ เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลักฐานนี้ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหายังไม่เคยเห็น ศาลจึงให้ทำสำเนาส่งให้ตรวจสอบ พร้อมเลื่อนนัดไต่สวนไป วันที่ 28 ต.ค. เวลา 09.00 น.

ด้านนายพริษฐ์ หรือเพนกวิน กล่าวว่า ไม่มีพฤติการณ์เข้าข่ายละเมิดศาล และขอให้ศาลใช้ดุลยพินิจในการพิจารณากรณีนี้ด้วยความเป็นธรรม โดยขอให้ต่อสู้คดีนี้ไปตามข้อเท็จจริง อีกทั้งยังขอยืนยันว่าจะชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ แม้ว่าม.ธรรมศาสตร์ จะไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ก็ตาม นอกจากนี้ นายพริษฐ์ ยังปฏิเสธกรณีมีการพาดพิงว่า ไปขอรับเงินบริจาคกับส.ส.พรรคการเมือง โดยเชื่อว่าเป็นเรื่องที่ถูกสร้างมาให้ร้ายตัวเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่านอกจากนี้แล้ว นายพริษฐ์ ยังมีกรณีที่พนักงานสอบสวน สน.สำราญราษฎร์ได้เคยยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเพิกถอนการประกันตัวในชั้นฝากขังด้วย ซึ่งศาลอาญากำหนดนัดไต่สวนในวันที่ 8 ต.ค.นี้

Cr. : นายทวีศักดิ์ ชิคทัพ ผู้สื่อข่าวพืมพ์ไทยออนไลน์

. :

อลิอันซ์ฯ เปิดตัวแคมเปญ “พร้อมให้พอ”

0

http://www.natethip.com/news.php?id=2967
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)