http://www.natethip.com/news.php?id=3347
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=3347
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1160643789310051057
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
นอกจากนี้ทางเพาเวอร์บายจะมีการจัดอีเว้นท์ใหญ่ในช่วงปลายปี พบกับ เพาเวอร์บาย expo วันที่ 25 พ.ย.- 2 ธ.ค. 2563 ที่ ไบเทคบางนา Hall 101 พบกับโปรแรงที่สุดแห่งปีอย่างแน่นอนพร้อมทังลุ้นรับรางวัลสุดยอดนักช้อปมูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท และพิเศษสุดสำหรับวันที่ 27-30 พ.ย. มีสินค้ารายการพิเศษ Black Friday จัดหนักราคาสุดคุ้ม ยังไม่พอหากไปที่หน้าสาขา ในวันที่ 28-29 พ.ย.นี้ ยังมีกิจกรรมไฮยีนส์เดย์แจกเซตหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือ คูปองส่วนลดเพื่อช้อปเครื่องฟอกอากาศราคาพิเศษอีกด้วย มีสินค้าให้เลือกมากกว่า 20,000 รายการ พร้อมบริการที่หลากหลาย มีบริการจัดส่งและติดตั้งฟรี และบริการหลังการขายจากทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ ให้บริการติดตั้งและการดูแลตลอดการใช้งานไม่ว่าจะ ช้อปที่สาขาหรือช้อปผ่านออนไลน์ก็มั่นใจได้ว่าบริการที่ดีที่สุดและเป็นสินค้าจากแบรนด์ดังของแท้ 100% ทุกชิ้นแน่นอน
ทั้งนี้เพาเวอร์บายได้พัฒนาช่องทาง Omni Channel การเชื่อมช่องทางออฟไลน์ และออนไลน์เข้าด้วยกันเพื่อสร้างประสบการณ์ในการจับจ่ายให้ผู้บริโภคที่ช่วยสร้าง Brand Experience ที่ดีให้กับลูกค้าที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สามารถดูหรือสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.powerbuy.co.th , Facebook: Power Buy และ Line: @PowerBuy:Cr;มณสิการ รามจันทร์
พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ เยี่ยมชม “The Silence Project” จากบาร์กลางล็อบบี้ เป็นแกลอรี่อาร์ตภาพถ่ายนีออนสะท้อนสีสันกรุงเทพฯ โดยเป็นนิทรรศการภาพถ่าย “The Silence Project” โดยมี มร. คริสตอฟ เจอโฟรย์ ผู้จัดการทั่วไป ให้การต้อนรับ ณ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต โดยเปลี่ยนบาร์ที่หยุดให้บริการชั่วคราว มาเป็นแกลอรี่อาร์ตภาพถ่าย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนศิลปินท้องถิ่นรุ่นใหม่ให้มีพื้นที่แสดงผลงาน และเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้มีโอกาสชื่นชมงานโดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายภาพถ่าย มอบให้กับมูลนิธิเด็กโสสะ ซึ่งให้ความช่วยเหลือเด็กยากไร้ อุปการะในหมู่บ้านเด็กโสสะ สมุทรปราการ
“The Silence Project” ผลงานของศิลปินท้องถิ่นรุ่นใหม่จังหวัดสมุทรปราการ เป็นของแก๊ป – นายเทพรักษ์ จันทร์อำนวยชัย ร่วมกับแคนนอน ประเทศไทย นำเสนอภาพเมืองกรุงเทพฯในอีกมุมมองตั้งแต่ช่วงเริ่มล็อกดาวน์จนถึงสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ผ่านภาพถ่ายสไตล์นีออนที่สะท้อนสีสัน และสื่อถึงบรรยากาศของเมืองกรุงเทพฯ ที่เราอาจจะไม่คุ้นเคย ทั้งในแง่การเปลี่ยนแปลงในการดำรงชีวิตของผู้คน สังคม เมืองและการปรับตัวที่เกิดขึ้นในชั่วขณะหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยจัดแสดงในเอเทรี่ยมเล้าจน์ จากบาร์ที่หยุดให้บริการ ถูกเปลี่ยนโฉมเป็นแกลอรี่อาร์ตตกแต่งด้วยแสงไฟนีออนสะดุดตาดูกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
โดยภายในงาน ได้มีกลุ่มอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัย พนักงานในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สื่อมวลชน รวมถึงประชาชนทั่วไปให้ความสนใจร่วมชมงาน
นิทรรศการภาพถ่าย “The Silence Project” จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2564 ตั้งแต่เวลา 10.00-23.00 น. ที่เอเทรี่ยม เล้าจน์ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต สามารถเข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายภาพ มอบให้กับมูลนิธิเด็กโสสะแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์:Cr;มณสิการ รามจันทร์
พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือนที่ประเทศไทยและทั่วโลกร่วมกันรณรงค์ต่อต้านและสร้างความตระหนักให้กับมะเร็งที่มีอุบัติการณ์สูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทย อย่าง “มะเร็งปอด” ทุกชั่วโมงจะมีผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่ 2.7 ราย หรือ 23,957 รายต่อปี และคร่าชีวิตคนไทยสูงเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดอื่นๆ กล่าวคือ ทุกชั่วโมงจะมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดมากถึง 2.4 ราย หรือ 21,371 รายต่อปี นอกจากนี้ คนไทยส่วนใหญ่ถึง 70% ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดมักพบในระยะที่ 4 หรือระยะลุกลาม ซึ่งมีอัตราการรอดชีวิตที่ 5 ปี ไม่ถึง 5% ในโอกาสนี้ คณะทำงานมะเร็งปอดเพื่อคนไทย (Thai Lung Cancer Group: TLCG) จึงจัดงานขึ้นภายใต้ชื่อ “ล้ำยุคสู้มะเร็งปอด 2020” เพื่อสร้างความตระหนักและประชาสัมพันธ์ถึงความรุนแรงของโรค ความเสี่ยง รวมถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่ช่วยให้เข้าใจความหลากหลายของโรคมะเร็งปอดมากขึ้น พร้อมนำเสนอทางเลือกใหม่ในการรักษาที่ตรงจุด เพื่อเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งปอด ภายในงานยังเปิดตัวแพลตฟอร์ม ‘LungAndMe’ ผู้ช่วยดิจิทัลที่ช่วยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโรค การรักษา และการดูแลตนเอง เพื่อให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งปอดและผู้ดูแลเข้าถึงคำแนะนำที่ถูกต้องและเชื่อถือได้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ผ่านทางช่องทางออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ www.LungAndMe.com, Facebook.com/LungAndMe, Line: @LungAndMe และ YouTube: LungAndMe รศ.ดร.นพ. วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ ประธานคณะทำงานมะเร็งปอดเพื่อคนไทย เปิดเผยว่า “มะเร็งปอดถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย เพราะไม่เพียงแต่เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดเท่านั้น แต่อัตราการรอดชีวิตยังต่ำอีกด้วย เนื่องจากผู้ป่วยมะเร็งปอดส่วนใหญ่มักได้รับการวินิจฉัยในระยะลุกลาม อีกทั้งมะเร็งปอดยังแสดงอาการบางอย่างที่ใกล้เคียงกับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และวัณโรค เช่น ไอเรื้อรัง หายใจลำบาก ทำให้แพทย์ต้องวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนและเลือกแนวทางการรักษาที่ตรงจุด เพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวต่อไปได้”ส่วนการเกิดมะเร็งปอดนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าควันบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่ง ไม่ว่าจะมาจากพฤติกรรมการสูบบุหรี่ด้วยตนเองหรือได้รับควันบุหรี่มือสองจากการอยู่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่ โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณและระยะเวลาที่สูบ มีการศึกษาพบว่าหากสูบบุหรี่วันละ 35 มวน โอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอดก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นถึง 50 เท่า ทั้งนี้ พญ. ปิยะดา สิทธิเดชไพบูลย์ ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุต่างๆ ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปอดอีกด้วยว่า “ปัจจัยภายนอกอย่างการได้รับสารพิษหรือมลภาวะในสิ่งแวดล้อมก็อาจทำให้เกิดมะเร็งปอดได้เช่นเดียวกัน เช่น การสัมผัสสารแอสเบสตอส (asbestos) หรือแร่ใยหิน ซึ่งใช้ในวงการอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และฉนวนกันความร้อน ไอระเหยจากนิกเกิล โครเมียม รวมไปถึงฝุ่น PM 2.5 ด้วย ส่วนปัจจัยด้านอายุและการที่คนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งปอดมาก่อนก็นับเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งปอดเช่นกัน นอกจากปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว มะเร็งปอดยังอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของลักษณะทางพันธุกรรมหรือยีนในร่างกายที่กลายพันธุ์ กรณีนี้มักพบในผู้ป่วยอายุน้อย ไม่มีประวัติสูบบุหรี่ หรือไม่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ในครอบครัว” เห็นได้ชัดว่าโรคมะเร็งปอดมีสาเหตุการเกิดที่หลากหลายและอาจพบได้แม้ในคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงทุกวันนี้ ความก้าวหน้าของนวัตกรรมการวินิจฉัยและการรักษามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจความหลากหลายของโรคมะเร็งปอด สำหรับประเด็นนี้ พญ. กุลธิดา มณีนิล อธิบายว่า “มะเร็งปอดจำแนกได้เป็น 2 ประเภทตามพยาธิสภาพของมะเร็ง คือ ชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (Small Cell Lung Cancer – SCLC) และชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็ก (Non-Small Cell Lung Cancer – NSCLC) โดยอุบัติการณ์ของมะเร็งปอดในชนิดเซลล์ขนาดเล็กพบอยู่เพียง 10-15% ของผู้ป่วย ในทางกลับกัน ชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็กกลับพบมากถึง 80-85% ส่วนผู้ที่ไม่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยเป็นมะเร็งปอดมาก่อนหรือไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงก็อาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดได้ โดยมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์ของยีนชนิดเซลล์ขนาดไม่เล็ก ในบรรดาการกลายพันธุ์ของยีนทั้งหมด พบว่าการกลายพันธุ์ประเภท Epidermal Growth Factor Receptor (EGFR) มีโอกาสพบได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนเอเชียที่ไม่สัมผัสกับควันบุหรี่ พบยีนกลายพันธุ์ EGFR ถึง 50% เมื่อเทียบกับยีนกลายพันธุ์ประเภทอื่น” ดังนั้น เทคโนโลยีการวินิจฉัยทางการแพทย์สมัยใหม่จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้แพทย์ทราบลักษณะการกลายพันธุ์ของยีนได้ชัดเจนและครบถ้วน ทั้งยังช่วยให้แพทย์กำหนดแนวทางการรักษาและเลือกยาที่เหมาะสมในผู้ป่วยแต่ละราย หรือที่เรียกว่า “การรักษาแบบจำเพาะบุคคล (personalized treatment)” ซึ่งส่งผลให้การรักษาและการกำจัดเซลล์มะเร็งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดมีโอกาสการรอดชีวิตเพิ่มขึ้นและคุณภาพชีวิตโดยรวมดีขึ้น รศ.พญ. ธัญนันท์ เรืองเวทย์วัฒนา กล่าวว่า “ปัจจุบัน บุคลากรทางการแพทย์มีตัวเลือกเลือกการรักษามะเร็งปอดมากขึ้นกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการให้ยาแบบมุ่งเป้า (Targeted Therapy) ที่สามารถออกฤทธิ์ไปที่เซลล์มะเร็งโดยเฉพาะ หรือยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันร่างกายให้สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งการรักษาด้วยยาเหล่านี้มีผลข้างเคียงน้อยกว่าวิธีการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดแบบดั้งเดิม กล่าวคือ เมื่อให้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดกับผู้ป่วย พบว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ส่งผลให้สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีขึ้น และลดอัตราการเสียชีวิตลงถึง 41% เมื่อเทียบกับการรักษาด้วยเคมีบำบัด นอกจากนี้ การให้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดยังช่วยเลี่ยงการเกิดอาการข้างเคียงต่าง ๆ เช่น ผมร่วง คลื่นไส้ อาเจียน และภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
“ล่าสุด ยังมีการรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดผสมผสาน ซึ่งเป็นการใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดร่วมกับยาเคมีบำบัด และ / หรือ ยาต้านการสร้างหลอดเลือด พบว่านอกจากจะช่วยเพิ่มอัตราการตอบสนองและยืดระยะเวลาตอบสนองต่อยาแล้ว การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัดผสมผสานยังช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วยและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยได้ในระยะยาวอีกด้วย แนวทางการักษานี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งปอดในระยะลุกลามที่ไม่มียีนกลายพันธุ์ และผู้ป่วยที่ตรวจพบยีนกลายพันธุ์ ซึ่งได้รับยามุ่งเป้าแล้วเกิดอาการดื้อยา อย่างไรก็ดี การพิจารณาแนวทางการรักษาขึ้นต้องอาศัยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยจากโรคและปัจจัยจากผู้ป่วย เช่น ระยะของโรค ตำแหน่ง ขนาดของก้อนเนื้อ สภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน รวมไปถึงสิทธิการเข้าถึงการรักษา”
จะเห็นได้ว่ามะเร็งปอดเป็นภัยร้ายใกล้ตัวที่คนไทยจำนวนไม่น้อยกำลังเผชิญกับความเสี่ยงอยู่ ดังนั้น เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งปอดและผู้ดูแลได้เข้าถึงความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโรค การป้องกัน และการดูแลตนเอง รวมไปถึงคำแนะนำที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น คณะทำงานมะเร็งปอดเพื่อคนไทย จึงได้ร่วมกับ บริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด พัฒนาแพลตฟอร์ม ‘LungAndMe’ ผู้ช่วยดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ www.LungAndMe.com, สื่อสังคมออนไลน์ Facebook.com/LungAndMe, แอปพลิเคชัน Line: @LungAndMe, และ YouTube: LungAndMe “เมื่อเข้าไปเยี่ยมชมแพลตฟอร์ม ‘LungAndMe’ ผู้ป่วยมะเร็งปอดและผู้ดูแลจะได้พบกับสาระน่ารู้จากแพทย์ที่อัพเดทอย่างต่อเนื่อง ประสบการณ์จากเพื่อนผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดที่พร้อมร่วมแบ่งปันเรื่องราวและกำลังใจให้แก่กัน แนวทางการใช้ชีวิตกับโรคมะเร็งปอดอย่างมีความสุข นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยมะเร็งปอดอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ช่วยค้นหาโรงพยาบาลใกล้บ้าน ฟีเจอร์สำหรับจดบันทึกและติดตามอาการระหว่างการการรักษา และยังมีช่องทางเพื่อตอบคำถามคาใจเกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งปอด ช่วยให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลคลายความกังวลใจเหมือนมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอยู่เคียงข้างและก้าวผ่านโรคร้ายนี้ไปได้อย่างปลอดภัย” ผศ.พ.ท.นพ. ไนยรัฐ ประสงค์สุข กล่าวปิดท้าย:Cr;มณสิการ รามจันทร์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // “ไดโนเสาร์พิฆาต” วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย ขนนักเตะสำรองลงสนามกว่าค่อนทีม โชว์ฟอร์มเหนือชั้น ถล่ม “แข้งสาวมืองดอกบัว” มหาวิทยาลัยปทุมธานี 9 ประตูต่อ 0 ทำสถิติชนะร้อยเปอร์เซนต์ 14 นัดติดต่อกัน ทำแต้มหนี“ฉลามสาว”มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี อีก 3 แต้ม ส่งผลให้ ปทุมธานี จมอยู่ที่ 9 เท่าเดิม
การแข่งขันฟุตบอลโกแฮร์ลีกอุดมศึกษาหญิงแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 ชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ นัดที่ 14 ของฤดูกาล เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน ที่ สนาม ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ทีมนักเตะ“ไดโนเสาร์พิฆาต”วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ทีมนำอันดับ 1 โดย“โค้ชหนึ่ง” ดร.หนึ่งฤทัย สระทองเวียน เฮดโค้ช ลงเล่นเกมที่ 2 ในสัปดาห์นี้ แต่ไม่มีปัญหา นักเตะสลับปรับเปลี่ยนเวียนกันลงสนามยังเหนือกว่า “แข้งสาวเมืองดอกบัว” มหาวิทยาลัยปทุมธานี ของ
“โค้ชเอ๋”สุกัญญา ช.เจริญยิ่ง ที่มาเยือน หลายลี้ เดินหน้าถล่มเอาชนะไปแบบม่ยาก 9 ประตูต่อ 0 ครึ่งแรก นำก่อน 3 ประตูต่อ 0 โดบยบัณฑิตเอเซียได้ประตู “จิน”สุภารัตน์ สุนสุรัตน์ นาทีที่ 3, “ฟ้า” อณุภา น้อยเหนื่อย นาทีที่ 29,34,61 และ 63, “แคท”อารียา ไชยดี นาทีที่ 78 , และ “มิ้น” กัญญาณัฐ เชษฐบุตร นาทีที่ 79,89 และ 90
บัณฑิตเอเซียชนะรวดเป็นนัดที่ 14 ติดต่อกัน มี 42 คะแนนนำ มกช.ชลบุรีทีมอันดับ 2 อยู่ 3 แต้ม ส่วนปทุมธานี มี 8 คะแนนจาก 14 นัด อยู่ที่ 9 ตามเดิม
สำหรับวันที่ 27 พฤศจิกายน ถ่ายทอดสดทาง NBT2HD และเฟซบุค Women University League เวลา 15.05 น. ระหว่าง “ลูกสุริยะ” มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา กับ “วาฬบรูด้า” มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสมุทรสาคร ที่ สนามศูนย์กีฬาวิทยาลัยเทคโนโลยี่พณิชยการราชดำเนิน
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
http://www.natethip.com/news.php?id=3346
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์ // ความพร้อมก่อนการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก 2020 นัดที่ 13 คู่ระหว่าง “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ทีมฟอร์มแรงที่รั้งอันดับ 7 จะเปิดสนาม ชลบุรี สเตเดียม พบกับ “สิงห์เจ้าท่า” การท่าเรือ เอฟซี ทีมอันดับ 3 วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน 2563 เวลา 18.00 น.
ทัพ “ฉลามชล” มีโอกาสลุ้นพื้นที่โควตา ACL แม้จะเพิ่งสะดุดหลังบุกไปพ่าย บีจี ปทุม ยูไนเต็ด หวุดหวิด ขณะที่ “สิงห์เจ้าท่า” กำลังมั่นใจสุดๆ หลังคว้าชัยชนะมาได้หลายนัดติด และมีลุ้นแซงขึ้นไปเป็นรองจ่าฝูง
สระราวุฒิ ตรีพันธ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน การท่าเรือ เอฟซี กล่าวถึงความพร้อมของทีมว่า “ตอนนี้เรากำลังมีความมั่นใจสูงมาก จากผลการแข่งขันที่ผ่านมา ทำให้ทุกคนมีความกล้าที่จะแสดงประสิทธิภาพของตัวเองออกมา ในทุกตำแหน่ง”
“การไปเยือนชลบุรี เกมนี้ เราทำการบ้านอย่างหนัก หลังจากที่ได้ดูพวกเขาเล่นกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เกมนี้ ชลบุรี จะไม่มี แฮริสัน ไคออน เราต้องวิเคราะห์ว่าเขาจะส่งใครแทน และที่สำคัญการเล่นเกมเยือนประมาทไม่ได้เด็ดขาด และต้องมีความรัดกุม”
“สถานการณ์ตอนนี้มองนัดต่อนัด แม้จะมีโอกาสไปเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เพราะหลังจากเกมกับชลบุรี แล้วยังมีโปรแกรมที่ต้องเจอทั้ง เมืองทอง, ราชบุรี รวมถึง เชียงราย เราต้องพยายามเก็บแต้มให้ได้ทุกนัด”
“สภาพทีมตอนนี้ถือว่าพร้อมสุดๆ แต่ต้องเช็ค ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ที่ได้รับบาดเจ็บ ว่าเขาฟิตสมบูรณ์ทันหรือไม่”
“การชนะมาติดต่อกัน แน่นอนมันย่อมทำให้ทุกคนคาดหวัง และความกดดันมันเป็นของคู่กับโค้ช เราก็ต้องเปลี่ยนตรงนั้นให้เป็นชัยชนะ ซึ่งเราจะต้องทำงานหนักต่อไป เพื่อให้ได้ผลตามที่เราต้องการ”
สำหรับโปรแกรมการแข่งขัน โตโยต้า ไทยลีก 2020 สัปดาห์ที่ 13 มีดังนี้ วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 18.30 น. นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี พบ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ณ สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถ่ายทอดสดทาง NBT 2HD และ AIS PLAY วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน 18.00 น. ระยอง เอฟซี พบ สุโขทัย เอฟซี ที่ สนามกีฬากลาง จ.ระยอง ถ่ายทอดสดทาง CH5 HD และเฟสบุ๊คสโมสร18.00 น. ชลบุรี เอฟซี พบ การท่าเรือ เอฟซี ที่ สนามชลบุรี สเตเดี้ยม ถ่ายทอดสดทาง CH7 HD และ AIS PLAY (18.30 น.) สุพรรณบุรี เอฟซี พบ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ สนามกีฬากลาง จ.สุพรรณบุรี ถ่ายทอดสดทาง NBT 2HD และ YouTube MainStand วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน ๅ7.00 น. พีที ประจวบ เอฟซี พบ ตราด เอฟซี ที่ สนามสามอ่าว สเตเดี้ยม ถ่ายทอดสดทาง 9 MCOT HD, T-Sports และเฟสบุ๊คสโมสร 18.00 น. ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด พบ โปลิศ เทโร เอฟซี ที่ สนามทรู สเตเดี้ยม ถ่ายทอดสดทาง CH5 HD1 และ True ID (18.30 น.) บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พบ สมุทรปราการ ซิตี้ ที่ สนามช้าง อารีน่า ถ่ายทอดสดทาง NBT 2HD และ AIS PLAY
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // “จาย อังค์สุธาสาวิทย์” มุ่งมั่นฝึกซ้อมพัฒนาศักยภาพร่างกายและฝีเท้าได้อย่างน่าทึ่ง จนนักปั่นนานาติในศูนย์ฝึกจักรยานโลก (WCC) ให้การยอมรับ “เสธ.หมึก” เผย กำลังเร่งประสานงานกับศูนย์ฝึกฯ เพื่อให้ “จาย” ฝึกซ้อมต่อเนื่องไปจนถึงเดือนเมษายน 64 เพื่อเตรียมพร้อมกรณีได้ไป “โอลิมปิกเกมส์ 2020” ที่ ญี่ปุ่น ในฐานะนักปั่นสำรองอันดับ 1 ประเภทคีริน รวมทั้งชิงแชมป์เอเชีย และ “ยูซีไอ แทร็ก เวิลด์คัพ”
“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการเก็บตัวฝึกซ้อมระยะยาวของ “ทีเจ” จาย อังค์สุธาสาวิทย์ นักปั่นเหรียญทองคีริน เอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ซึ่งขณะนี้ฝึกซ้อมอยู่ ที่ ศูนย์ฝึกจักรยานโลก (WCC) ในสำนักงานใหญ่สหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) เมืองเอเกิล สวิตเซอร์แลนด์ นับตั้งแต่ที่ จายไปร่วมเก็บตัวฝึกซ้อมเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา ร่วมกับนักปั่นประเภทลู่ระดับหัวกะทิจากทั่วโลก จายแสดงความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะยกระดับฝีเท้าขึ้นไปอีกขั้น จนได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมแคมป์ว่าเป็นหนึ่งในนักปั่นที่มีความพยายาม และตั้งใจในการฝึกซ้อม จนกระทั่งสามารถยกระดับศักยภาพทางร่างกายและฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง
ในสัญญาการเก็บตัวฝึกซ้อมของ จาย ที่มีกับศูนย์ฝึกจักรยานโลก มีระยะเวลาตั้งแต่เดือนสิงหาคม ถึงเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งสมาคมกีฬาจักรยานฯ อยู่ระหว่างการหารือโดยตรงกับศูนย์ฝึกจักรยานโลก เรื่องแนวทางการฝึกซ้อมให้มีความต่อเนื่องไปอีก เพื่อรักษามาตรฐานฝีเท้าของ จาย ที่ปัจจุบันอยูในอันดับ 5 ของโลก ประเภทคีริน อีกทั้งเป็นสำรองอันดับ 1 ในโควต้าโอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อน ครั้งที่ 32 “โตเกียว 2020” ที่ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น
พลเอกเดชา กล่าวอีกว่า มร.เคร้ก แม็คลีน โค้ชคู่ใจของ จาย เห็นด้วยกับแนวทางที่จะให้ จาย ฝึกซ้อมต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ จนถึงเดือนเมษายน 2564 เตรียมความพร้อมของ จาย การแข่งขันจักรยานประเภทลู่ชิงแชมป์เอเชีย 2021 ที่ กรุงแอสตานา คาซัคสถาน วันที่ 26-30 พฤษภาคม 2654 และเตรียมความพร้อมกรณีหาก จาย ได้โควต้าโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ยืดเวลาออกจนถึงเดือนมิถุนายน 2564 ในฐานะโควต้าสำรองอันดับ 1 จายเตรียมความพร้อมแข่งขันรายการ “ยูซีไอ เนชั่นส์ คัพ 2021” ที่เปลี่ยนจาก “ยูซีไอ แทร็ก เวิลด์คัพ” อีก 3 หรือ 4 สนามที่ ยูซีไอ นรายการนี้ จาย มีสถานะเป็นแชมป์คะแนนรวมประเภทคีริน ปี 2563
“ มร.เคร้ก แม็คลีน เป็นกังวลก็คือหาก จาย กลับเมืองไทยในสถานการณ์ที่รัฐบาลไทยยังมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้จายต้องเข้ากักตัวเป็นเวลา 14 วัน เมื่อเดินทางกลับมา รวมไปถึงความยากลำบากการเดินทางออกไปต่างประเทศ เนื่องจากในหลายพื้นที่ รวมทั้งในยุโรป สถานการณ์แพร่ระบาดยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าสมาคมฯเตรียมแผนและอุปกรณ์การฝึกซ้อม ไม่ว่าจะเป็นคอร์สการซ้อมด้วยระบบออนไลน์ โดยใช้แอปพลิเคชั่นและวัตไบค์ ที่สมาคมฯ มีอยู่ แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวก็จะขาดการฝึกซ้อมที่สำคัญสำหรับนักปั่นสปริ้นเตอร์ ทั้งเรื่องการทำเซ็ตความเร็วในเวลโลโดรม จนถึงการเล่นเวตเทรนนิงเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ที่จะต้องมีความต่อเนื่อง และอยู่ในความควบคุมของผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้มีประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย” พลเอกเดชา กล่าว
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์