วันพฤหัสบดี, มกราคม 16, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 1753

“คุณยายวัย 61” สุดปลื้ม ร่วม “วิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียว โอลิมปิก”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // คุณยายวัย 61 สุดปลื้ม! ร่วมวิ่งส่งกำลังใจผ่านธงไตรรงค์ เชียร์ทัพนักกีฬาไทยให้คว้าชัยชนะ กับกิจกรรม “วิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก” เข้าสู่วันที่ 8 สุดคึกคัก พี่น้องชาวใต้ ชุมพร-สุราษฎร์ฯ ร้อยรวมพลังใจพิชิตระยะทางโหด 101.8 กม.
“วิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก” วันที่ 8 คึกคักสุดๆ สรุปหลังผ่าน 8 วัน พี่น้องคนไทยช่วยกันวิ่งสะสมระยะทางทั้งสิ้น 693.6 กม.
ความเคลื่อนไหวของกิจกรรมประวัติศาสตร์ “FLAG OF NATION วิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก” ซึ่งจัดต่อเนื่อง 61 วัน 35 จังหวัด รวมระยะทาง 4,606 กม. เทียบเท่าระยะทางกรุงเทพฯ ไปยังกรุงโตเกียว ล่าสุดเมื่อ 4 เม.ย.64 เข้าสู่วันที่ 8 ของกิจกรรม เป็นการวิ่งในเส้นทาง 2 จังหวัด ออกสตาร์ทจาก จ.ชุมพร ไปเข้าเส้นชัยที่ จ.สุราษฏร์ธานี

ในการวิ่งวันที่ 8 เปิดฉากออกสตาร์ทจากปั๊มน้ำมันพีที สาขาละเเม ตั้งเเต่ช่วงเช้าตรู่ โดยนักวิ่งที่ได้รับเกียรติให้วิ่งเป็นคนเเรกของวัน คือ นายถนัดกิจ จันทร์กลั่น ปลัดอำเภอละแม จ.ชุมพร ปลัดหนุ่มวัย 36 ปี ออกตัววิ่งก่อนส่งมอบต่อให้กับ โสรดา พลวิ ข้าราชการนิติกรชำนาญการ อบต.นาขา รับธงวิ่งต่อใน กม.ที่ 2
สำหรับการวิ่งวันที่ 8 มีเส้นทางการวิ่งที่โหดที่สุด มีระยะทางที่พี่น้องคนไทยต้องร่วมวิ่งไกลถึง 101.8 กม. ตลอดทั้งวัน พี่น้องนักวิ่งชาวใต้ จังหวัดชุมพรเเละสุราษฎร์ธานีรวม 101 คน เเตะมือออกมาช่วยกันวิ่งคนละ 1 กม.จนท้ายที่สุด สามารถนำธงชาติไทยมุ่งหน้าถึงจุดหมาย ที่สนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายถนัดกิจ จันทร์กลั่น เผยว่า ส่วนตัวอยากออกมาให้กำลังใจนักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนในโอลิมปิกเเละพาราลิมปิกเกมส์ รวมถึงขอเป็นกำลังใจให้นักวิ่งพี่น้องคนไทยทุกคนสามารถทำภารกิจวิ่งอัญเชิญไตรรงค์ 4,606 กม. ให้ลุล่วง เพื่อส่งต่อพลังเล็กๆ ของพี่น้องคนไทยทุกคนไปให้ถึงมือนักกีฬาทีมชาติไทย เตรียมไปโอลิมปิกและพาราลิมปิกเกมส์

คุณยายเสาวณี ดิษฐราชา อายุ 61 ปี เผยว่า ภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรมในครั้งนี้ ชอบเล่นกีฬาและออกกำลังด้วยการเดินและวิ่งอยู่แล้ว ระยะทาง 1 กม.ไม่ใช่ปัญหา ที่สมัครมาเข้าร่วมวิ่ง ฝากกำลังใจส่งไปถึงนักกีฬาไทยทุกคนคว้าเหรียญทองกลับมาให้ได้
นายสุรินทร์ ชูเพชร ผู้อำนวยการฝ่ายขายบริษัทโตโยต้าสุราฎร์ธานี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด เผยว่า ในฐานะคนไชยา จ.สุราษฏร์ธานี ยินดีต้อนรับทีมงานทุกคน นักวิ่งทุกคน ที่ร่วมกันออกมารวมพลังส่งกำลังใจผ่านการวิ่ง อยากให้ทุกคนระมัดระวัง และดูแลตัวเอง ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย และอยากให้พี่น้องคนไทยช่วยกันเป็นกำลังใจให้นักกีฬาไทยทุกคน ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ที่ญี่ปุ่น

ทั้งนี้เมื่อผ่าน 8 วันของกิจกรรมการวิ่งส่งธงชาติไทย ไปโตเกียวโอลิมปิก วิ่งคนละ 1 กม. จนสะสมระยะทางทั้งสิ้น 693.6 กม. วันจันทร์ ที่ 5 เม.ย. 64 วิ่งในวันที่ 9 เริ่มออกตัวจากสนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎ์ธานี ไปจุดหมาย ศูนย์โตโยต้า นครศรีธรรมราช สาขาสิชล รวมระยะทาง 70.2 กม.

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“พิพัฒน์” รมว.ท่องเที่ยว-กีฬา ปิ๊งไอเดีย จัดวิ่งซิตี้รัน ททท.จัดต่อ 5 เมืองใหญ่

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // ททท.จัดกิจกรรม “ซิตี้รัน…มันส์ฟันเว่อร์” ส่งท้ายไตรมาสแรกของปี สุดประทับใจ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ปลื้มกระแสซิตี้รันพุ่ง มีผู้มาร่วมกิจกรรมทะลุเป้าเกิน 13,000 คน มั่นใจเดินถูกทาง มอบนโยบายให้ ททท. จัดกิจกรรมปลุกกระแสการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเพิ่มเติมทั้ง 4 ภาค หวังกระตุ้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวไทยให้ต่อเนื่อง ก่อนเปิดประเทศช่วงตุลาคมนี้ ด้านรองผู้ว่า ททท. ขานรับเตรียมใช้ 5 เมืองยุทธศาสตร์หลัก จ.ภูเก็ต จ.เชียงใหม่,จ.กระบี่ จ.ชลบุรี พัทยา จ.สุราษฎร์ธานี เกาะสมุย เป็นกิจกรรมกระตุ้นกระแสท่องเที่ยวเชิงกีฬารูปแบบใหม่

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา วลา  07.00 น. ที่ เสาชิงช้า กรุงเทพมหานคร: นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), นางทิพวรรณ นิธิเจษฎาวงศ์ ผู้อำนวยการมิชลินไกด์ ประเทศไทย, นายกอบเกียรติ แสงวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไทยแลนด์ไตรลีก ผู้จัดงานฯ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร, เหล่านักวิ่งจากชมรมวิ่งทั่วกรุงเทพฯ และสื่อมวลชนเป็นจำนวนมาก ร่วมในกิจกรรมวิ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬารูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อ “อะเมซิ่งไทยแลนด์ ซิตี้รัน…มันส์ฟันเว่อร์” ที่ถูกจัดมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสัปดาห์สุดท้ายของกิจกรรม

ฯพณฯ รัฐมนตรีฯ , คณะผู้บริหารกระทรวงฯ และการท่องเที่ยวฯมาร่วมวิ่งในวันสุดท้าย เริ่มวิ่งจากเสาชิงช้า เพื่อไปเก็บคะแนนในจุดเช็คพ้อยท์ตลอดเส้นทาง อาทิ ลานคนเมือง ฏ?ฒง, ถนนกัลยาณ-ไมตรี (กระทรวงกลาโหม), สะพานปีกุน โดยระหว่างทาง รัฐมนตรีฯ ได้แวะทักทายร้านอาหารชื่อดังที่ได้รับการรับรองจาก “มิชลิน ไกด์” เช่น ร้านแซ่พุ้น ข้าวหน้าไก่  ระดับมิชลิน 3 ปีซ้อน, ร้าน ก.พานิช ข้าวเหนียวมูนมะม่วงสุดอร่อย และแวะรับประทานอาหารเช้าที่ ร้านยี่ สับ หลก ร้านอาหารชื่อดัง และมอบของที่ระลึกเป็นกำลังใจให้แก่ร้านชื่อดังทั้ง 3 ร้านอีกด้วย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ กล่าวว่า  กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นหนึ่งในกระทรวงหลักที่มีหน้าที่เตรียมความพร้อมการเปิดรับกลุ่มนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ภายใต้เงื่อนไขด้านการสาธารณสุขที่ต้องระมัดระวังขั้นสูงสุด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สามารถเกิดขึ้นภายในประเทศได้อีกเป็นระลอก ขอแสดงความชื่นชนกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่กล้าออกมาจัดกิจกรรมนำร่องในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วงปลายปี 63 ที่ผ่านมา สามารถจัดงานออกมาได้ดี มีการป้องกันตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในทุกขั้นตอน ประชาชนทั่วไป และเหล่านักวิ่งเป็นจำนวนมากออกมาร่วม ถือว่าเป็นกิจกรรมนำร่องให้ส่วนภูมิภาคต่างๆ นำเอาโมเดลของการจัดงานแบบนี้ไปใช้ได้ และได้สั่งการกับรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำโครงการวิ่งซิตี้รัน ในรูปแบบนี้ โดยให้ไปจัดในภาคต่างๆ ทั้ง 4 ภาค โดยให้แนวคิดคร่าวๆว่า ….จากเมืองกรุง สู่เมืองรอง…. และตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนที่ชื่นชอบในสุขภาพโดยเฉพาะการวิ่งมาร่วมในโครงการสัก 1 แสนคน

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ กล่าวว่า “กิจกรรม ซิตี้รัน…มันส์ฟันเว่อร์” เป็นกิจกรรมที่มีจุดขายของตัวเอง เพราะนอกจากจะสามารถดึงดูดให้ประชาชน หรือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยหรือชาวต่างชาติที่พำนักในไทย ออกมาร่วมกิจกรรมทุกวันเสาร์และวันอาทิตย์ของทุกๆ สัปดาห์แล้ว ยังก่อให้เกิดการใช้สอยขึ้น ระหว่างทางทุกคนต้องแวะซื้อน้ำ แวะทานอาหาร ฯลฯ จะช่วยให้ประชาชนเกิดสุขภาพที่ดี แข็งแรง และปลอดภัยโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ยังเป็นการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นได้เป็นอย่างดี”
“จะตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อศึกษาถึงรายละเอียดต่างๆ การนำเอากิจกรรม “อะเมซิ่งไทยแลนด์…ซิตี้รัน” จัดในส่วนภูมิภาคต่างๆ แล้วจะนำมาเสนอท่านรัฐมนตรีฯ ต่อไป คิดว่าจะจัดที่จังหวัดที่คณะรัฐมนตรีฯ เพิ่งประกาศให้ใช้เป็น AREA QUARANTINE คือ ภูเก็ต, เชียงใหม่, กระบี่, เมืองพัทยา และเกาะสมุย คาดว่าจะจัดได้ในช่วงไตรมาศที่ 3 (เดือนกรกฎาคม-กันยายน) เพื่อใช้เป็นกิจกรรมสร้างกระแสความตื่นตัวด้านการท่องเที่ยว โดยใช้กีฬาเป็นเครื่องมือ ตั้งเป้าหมายว่าจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมมากกว่า 50,000 คน ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นจำนวนมาก”

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

มวยรอบปูนเสือตัวที่ 21 เปิดปฐมฤกษ์ 2 พ.ค.พิกัด 112 ปอนด์

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้” ครั้งที่ 21 จัดยาว 9 เดือน แชมป์ รับเข็มพร้อมถ้วยเกียรติยศเงินสด 6 แสนบาท และปูนเสือหนัก 5 ตัน
ที่ช่อง 7 สี เมื่อวันที่ 4 เม.ย.64 มีการแถลงข่าวเปิดตัวมวยรอบปูนเสือ “ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้” ครั้งที่ 21 ที่สนามมวยช่อง 7 HD โดยมี นายสยามรัฐ สุทธานุกูล ซีเอ็มโอ มาร์เก็ตติ้ง แอนด์ แบรนนิ่งธุรกิจ ซีเมนต์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น โชลูชั่น บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด, นายวีระวงค์ วงศ์วัฒนะเดช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดชีเมนต์ ธุรกิจ ซีเมนต์ แอนด์ คอสตรัคชั่น โชลูชั่น บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด, นายสมยศ อรุณมาศ รองนายสนามมวย และ “โปรโมเตอร์ชุ้น เกียรติเพชร” นายพีรพงศ์ ธีระเดชพงศ์ ร่วมแถลง

นายสยามรัฐ สุทธานุกูล กล่าวว่า มวยไทย เป็นกีฬาประจำชาติของคนไทย เป็นกีฬาที่แสดงถึงศิลปะในการป้องกันตัว และยังเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ ซึ่งในปัจจุบันเป็นกีฬาประเภทหนึ่งที่มีผู้สนใจติดตามชม การแข่งขันเป็นจำนวนมากซึ่งในอดีที่ผ่านมาประเทศไทยมีนักมวยที่เก่งจนสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศจำนวนมาก เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมวงการกีพามายไทยให้พัฒนาขึ้น และมีนักมวยรุ่นใหม่ๆที่มีความสามารถขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะต้องมีการแข่งขันในระดับมาตรฐานและมีความยุดิธรรม เพื่อให้นักมวยวุ่นใหม่ได้มีโอกาสหาประสบกรณ์การซก พัฒนาทักษะและฝีมือการชกแทนนักมวยเก่าได้ เชื่อว่า “ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้” ครั้งที่ 21จะเป็นประโยชน์ต่อวงการก็ฬามวยไทยให้พัฒนายิ่งขึ้นไป

นายวีระวงค์ วงศ์วัฒนะเดช กล่าวว่า “ศึกมวยปูนเสือ มวยไทยพันธุ์แท้” ครั้งที่ 21 จะใช้เวลาแข่งขันรวมทั้งหมด 9 เดือน เริ่มชกวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ค.-ธ.ค.64 ซึ่งนักมวยที่เข้าร่วมแข่งขันจะต้องมีน้ำหนัก 112 ปอนด์ (ชิงชนะเลิศ 115 ปอนด์) ส่วนเงินรางวัล นักมวยที่ชนะเลิศ จะได้รับเงินสด 6 แสนบาท พร้อมเข็มขัดแบะถ้วยรางวัล อันดับ 2 รับ 3 แสนบาท อันดับ 3 รับ 1.5 แสนบาท และอันดับ 4 รับ 1 แสนบาท และมอบปูนเสือหนัก 5 ตันให้นักมวยที่ได้แชมป์
“เฮียชุ้น” เกียรติเพชร โปรโมเตอร์ กล่าวว่า มวยรอบปูนเสือครั้งที่21 เริ่มชกวันอาทิตย์ที่ 2 พ.ค. จะปิดรับสมัครวัน 18 เม.ย.และจับสลากวันที่ 18 เม.ย โดยคุณสมบัติผู้ที่เข้าแข่งขันอายุระหว่าง 15-20 ปี สูงไม่เกิน170 เชนติเมตรและหัวหน้าค่ายต้องเป็นคนมีคุณธรรมจริยธรามเป็นที่น่าเชื่อถือของแฟนมวย

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“ก๊องส์-ธัชกร” สู้ศึกชิงแชมป์โลก “ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์-เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ผู้นำและผู้บุกเบิกวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย เดินหน้าพัฒนานักบิดไทยสู่เวทีระดับโลก ประกาศส่งนักบิดดาวรุ่ง “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” บินลัดฟ้าสู่ทวีปยุโรป เตรียมสู้ศึก 2 รายการใหญ่ระดับโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เจ้าตัวเผยความพร้อมมีเกินร้อย ตั้งเป้าทำผลงานเต็มที่อย่างสุดความสามารถ ขณะที่บอสฮอนด้าเชื่อมั่นประสบการณ์จากปีแรก จะช่วยยกระดับศักยภาพนักบิดไทย ปีนี้มีโอกาสลุ้นคว้าโพเดียม ความเคลื่อนไหวของ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทย ภายใต้โครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา ได้ออกเดินทางไปสเปน เตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมการแข่งขันศึกชิงแชมป์นักบิดดาวรุ่งระดับโลก 2 รายการใหญ่ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ได้แก่ ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ สังกัด “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ด้วยหมายเลข 33 และ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ ด้วยหมายเลข 5 โดยมี ดร.อารักษ์ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ไปส่งและให้กำลังใจถึงที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งชาวไทยวัย 20 ปี กล่าวว่า “การได้สัมผัสบรรยากาศการแข่งขันบนเวทียุโรปเมื่อปีก่อน สร้างแรงกระตุ้นให้ต้องพัฒนาในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะร่างกายและจิตใจ นอกจากทักษะการแข่งขันแล้ว 2 ส่วนนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก ปีนี้มีความพร้อมมาอย่างเต็มที่เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ หวังว่าจะสามารถพัฒนาผลงานให้ดีขึ้นได้ ขอฝากให้ทุกคนช่วยติดตามเชียร์ด้วย”
ดร.อารักษ์ พรประภา กล่าวว่า “จากผลการแข่งขันทั้ง 2 รายการในปีที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่า ธัชกร มีศักยภาพไม่น้อยไปกว่านักแข่งแถวหน้า บางสนามมีลุ้นเกาะติดท็อปเท็นถึงท็อปไฟว์เลยทีเดียว เชื่อมั่นว่าปีนี้นักบิดของเราในฐานะตัวแทนนักแข่งดาวรุ่งชาวไทย จะสามารถนำประสบการณ์จากปีแรกมาต่อยอด เพื่อสร้างโอกาสคว้าโพเดียมมาครองได้สำเร็จ”

ทั้งนี้ รายการ เรดบูล โมโตจีพี รุกกีส์ คัพ เปิดศึกฤดูกาล 2021 อย่างเป็นทางการ สนามแรก ที่โปรตุเกส วันที่ 17-18 เมษายนนี้ ส่วนรายการ ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ สนามแรก มีคิวดวลความเร็วที่โปรตุเกส วันที่ 25 เมษายน แฟนกีฬาความเร็วชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารของ “ก๊องส์” ธัชกร บัวศรี นักบิดดาวรุ่งจากฮอนด้า ศึกชิงแชมป์เยาวชนโลกทั้ง 2 รายการ ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : fb.com/aphondaracingth #WhatStopsYou #มุ่งไปอย่าให้อะไรมาหยุด #RaceToTheDream #TB33 #CEVMoto3 #RedBullMotoGPRookiesCup #MotorSport #HondaThailand

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

Home Lodge@เชียงคาน หนุนท่องเที่ยวสร้างรายได้สู่ชุมชน

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // กรมการท่องเที่ยวเดินหน้าจัดอบรมคาราวานส่งเสริมและพัฒนาที่พักนักเดินทาง(Home Lodge)ณ เชียงคาน หนุนที่พักคุณภาพ เน้นการเป็นเจ้าบ้านที่ดี รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ สร้างรายได้สู่ชุมชน เพื่อการท่องเที่ยวยั่งยืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยกรมการท่องเที่ยว ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.)เปิดการอบรมส่งเสริมและพัฒนาที่พักนักเดินทาง (Home Lodge) รองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ ( New Normal) มุ่งเน้นการเป็นเจ้าบ้านที่ดี เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในพื้นที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ณ ห้องนครเวียงจันทร์ เชียงคาน ริเวอร์ เมาท์เทน รีสอร์ท จังหวัดเลย

 

 

 

 

 

 

 

 


สำหรับการอบรมส่งเสริมและพัฒนาที่พักนักเดินทาง(Home Lodge) ในครั้งนี้เป็นโครงการที่เกิดขึ้นจากนโยบายของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผลักดันให้การท่องเที่ยวไทยที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจํานวนที่พักเพื่อการท่องเที่ยวให้มีจํานวนมากขึ้น รองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมุ่งเน้นให้เกิดการยกระดับความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว ส่งเสริมความสะอาดในแหล่งท่องเที่ยว ส่งเสริม ความเป็นธรรมในการท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกทั้ง เน้นในส่วน ของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงชุมชน เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง

ในการนี้ กรมการท่องเที่ยว ได้ดําเนินกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพที่พักนักเดินทาง (Home Lodge)ในพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจหลักเกณฑ์คุณภาพของที่พักนักเดินทาง(Home Lodge) และนําหลักเกณฑ์คุณภาพที่พักนักเดินทาง (Home Lodge) มาเป็นแนวทางในการส่งเสริมเพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก รวมถึงชุมชน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศ และกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์ ไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) ทั้งนี้ กทท.มุ่งหวังว่าสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของไทยจะต้องมีความสะดวก สะอาด ปลอดภัย และมีความเป็นธรรมต่อนักท่องเที่ยว

 

 

 

 

 

 

การจัดการอบรมในครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นคาราวานการเดินทางจัดอบรม ซึ่งได้กำหนดจัดขึ้นในพื้นที่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เป็นครั้งแรก โดยมีผู้เข้าอบรมรวม 100 คน ทั้งนี้มีการเสวนาการเตรียมความพร้อมสู่การจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจาก กรมการท่องเที่ยว สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเลย องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พร้อมให้ความรู้เกี่ยวกับแนวโน้มการท่องเที่ยววิถีใหม่และมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย(SHA) โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมถึงการเสริมศักยภาพให้ผู้เข้าอบรมในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีจากผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว การจัดการป้องกันไวรัสโคโรนา 2019และการเสริมสร้างสุขอนามัยของเจ้าบ้านและนักท่องเที่ยวจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเลย เทคนิคการประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวผ่านสื่อออนไลน์ จาก Blogger เพจไปไหนดี ตลอดจนการชี้แจงทางการพัฒนาผู้ประกอบการด้านที่พักนักเดินทางหลักเกณฑ์คุณภาพของที่พักนักเดินทาง (Home Lodge) เพื่อเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการและชุมชนที่เข้าร่วมครั้งนี้ โดยหลังจากการจัดอบรมฯ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการและชุมชนสมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มมากขึ้น ช่วยให้เกิดการกระจายรายได้สู่ชุมชนลดความเหลื่อมล้ำ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

#กรมการท่องเที่ยว #กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา #โควิด19 #COVID19 #NewNormalชีวิตวิถีใหม่ #HomeLodge #ที่พักนักเดินทาง #การท่องเที่ยว #RoadTrip #เชียงคาน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1161749526710057781
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

ระวัง! วิ่งไหล่ทางซ้ายบนทางด่วน กทพ.ติดตั้งกล้องจับ-ปรับขาซิ่ง

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3821
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

“ไหม-บูม” หวดกระหึ่มสมราคาเต็ง1 ชนะ 2 นัดติด เทนนิสคัดทีมชาติ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // การแข่งขันคัดเลือกนักเทนนิสทีมชาติไทย ประจำปี 2564 ที่ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ สมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ เมืองทองธานี ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เมื่อวันที่ 3 เม.ย. รอบ 8 คนสุดท้าย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มๆ ละ 4 คน ทั้งชายเดี่ยวและหญิงเดี่ยว แข่งขันแบบพบกันหมดในกลุ่ม
ประเภทหญิงเดี่ยว กลุ่ม เอ นัดสอง ระหว่าง 2 นักหวดดาวรุ่งวัย 18 ปีเท่ากัน “ไหม” มนัญชญา สว่างแก้ว ทีมชาติชุดเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่อินโดนีเซีย รอบนี้ถูกจัดเป็นมือวางอันดับ 1 ของรายการ พบกับ “ออมสิน” อัญชิสา ฉันทะ เหรียญทองแดงหญิงเดี่ยวกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ มือวางอันดับ 4 ของรายการ ทั้งคู่มีชัยชนะตุนไว้แล้ว คนละ 1 นัดเท่ากัน

เซตแรก มนัญชญา เล่นด้วยความมั่นใจ คว้าชัยได้ก่อน 6-1 เซตสอง อัญชิสา พยายามเล่นตามมาตรฐานของตัวเอง เกมสนุกขึ้น และเป็นฝ่ายเอาชนะ 6-4 เสมอ 1-1 และเซตสาม มนัญชญา ที่เล่นได้แน่นอนกว่า เอาชนะไป 6-2 สรุป มนัญชญา เฉือนชนะ อัญชิสา 2-1 เซต 6-1, 4-6 และ 6-2 ส่วนอีกคู่ กลุ่มเดียวกัน “อีฟ” พัชรินทร์ ชีพชาญเดช (มือวาง5) ชนะ “แอนนา” ศุภาพิชญ์ เกือรัมย์ (มือวาง7) 6-2, 6-2 กลุ่ม เอ มนัญชญา ชนะ 2 นัด, อัญชิสา ชนะ 1 แพ้ 1, พัชรินทร์ ชนะ 1 แพ้ 1 และ ศุภาพิชญ์ แพ้ 2 นัด
หญิงเดี่ยว กลุ่ม บี นัดสอง “แพตตี้” พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช (มือวาง8) ชนะ ไหม ณภัทร นิรันดร (มือวาง6) 2-6, 7-6(9-7) และ 3-0 Ret.หลังจาก ไหม ณภัทร ขอยอมแพ้ เนื่องจากเจ็บต้นขาซ้าย อีกคู่ “รวงข้าว” ลัลนา ธาราฤดี (มือวาง3) ชนะ “พราว” ชมภู่ทิพย์ จันดาเขต (มือวาง2) 6-3, 6-3 สถิติล่าสุดของกลุ่มนี้ พิมพ์รดา ตุนชัยชนะ 2 นัด, ไหม ณภัทร ชนะ 1 แพ้ 1, ลัลนา ชนะ 1 แพ้ 1 ในขณะที่ ชมภู่ทิพย์ แพ้ 2 นัด

ประเภทชายเดี่ยว กลุ่ม เอ นัดที่สอง “จูเนียร์” วิชยา ตรงเจริญชัยกุล วัย 25 ปี ดีกรีทีมชาติไทยหลายสมัย พบ “ซีเจ” คงทรัพย์ คงคา วัย 24 ปี โดยทั้งคู่ปราชัยจากการเล่นนัดแรกรอบแบ่งกลุ่มรอบสาม (8 คน) ต้องแย่งกันคว้าชัยชนะในนัดนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสเข้ารอบต่อไป ปรากฏว่า วิชยาชนะ คงทรัพย์ 2-1 เซต 6-7 (5-7), 6-1 และ 6-4 วิชยา มีสถิติชนะ 1 แพ้ 1 ส่วน คงทรัพย์ แพ้ 2 นัด
อีกคู่ ซึ่งน่าสนใจเช่นกัน ระหว่าง “บูม” กษิดิศ สำเร็จ มือวางอันดับ 1 ของรายการ และโชว์ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม ชนะ “แซ็ก” ฐานทัพ สุขสำราญ มือวาง 3 ของรายการ 2-0 เซต 6-3, 6-4 กษิดิศ มีสถิติชนะ 2 นัดติด ส่วน ฐานทัพ ชนะ 1 แพ้ 1 นัด
ชายเดี่ยว กลุ่ม บี “เน็ต” พลภูมิ โควาพิทักษ์เทศ (มือวาง 2) ชนะ “สอง” ยุทธนา เจริญผล (มือวาง 7) 2-1 เซต 6-2, 6-7 (5-7) และ 6-3 พลภูมิ คว้าชัยชนะเป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน ส่วน ยุทธนา ชนะ 1 แพ้ 1 นัด ขณะที่อีกคู่ “ก็อต” กฤติน โกยกุล (มือวาง 4) ชนะ “เจเจ” กันตินันท์ สูตินันท์โอภาส (มือวาง 8) ด้วยสกอร์ 6-4, 2-0Retd.หลังจาก กันตินันท์ ขอยอมแพ้ เนื่องจากเจ็บแขนขวา กฤติน มีสถิติล่าสุด ชนะ 1 แพ้ 1 ส่วน กันตินันท์ แพ้ 2 นัด

สำหรับรอบแบ่งกลุ่มรอบสาม (8 คน) นักเทนนิสที่ได้อันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่ม เข้ารอบ 4 คน เข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้ชนะ ส่วนอันดับ 3-4 จะอยู่ในกลุ่มผู้แพ้ แต่ละกลุ่มจะแข่งขันพบกันหมดเพื่อจัดอันดับ แข่งขันระหว่างวันที่ 7-9 เม.ย.2564 และหลังจากแข่งขันครบหมดแล้ว อันดับ 1-5 จะได้สิทธิ์ติดทีมชาติชุดใหญ่ ส่วนอันดับ 6-8 จะเป็นนักกีฬาสำรอง

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“พ่อเมืองสุพรรณฯ” ชื่นชม “ป้องกันโควิด-19” นักปั่นทีมชาติทะลุชิง ศึก BMX ปทท.

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // ” พ่อเมืองสุพรรณบุรี” พอใจมาตรการคัดกรองของสมาคมกีฬาจักรยานฯ ศึกบีเอ็มเอ็กซ์ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ สนามที่ 2 มีประสิทธิภาพ สมกับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสมาคมกีฬาต้นแบบ อีกทั้งทำให้เศรษฐกิจในจังหวัดสุพรรณบุรี มีความคึกคัก ส่วนบรรดานักปั่นทีมชาติ “โกเมธ-สมคิด-ชุติกาญจน์-วรัญญา” ทะลุเข้าชิงชนะเลิศตามคาด
การแข่งขันจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2564 สนามที่ 2 รูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ที่สนามเสมอกัน เซอร์กิต จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 3 เมษายน วันแรก โดยได้รับเกียรติจาก นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน พร้อมด้วย นายชูชีพ พงษ์ไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี, “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย, นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุพรรณบุรี และหัวหน้าส่วนราชการต่างต่าง ๆ ร่วมในพิธี

พลเอกเดชา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดสุพรรณบุรี สมาคมกีฬาจักรยานฯ จึงได้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด นอกเหนือไปจาการปฏิบัติตามคู่มือที่ผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. โดยสมาคมฯ เน้นการคัดกรองเป็นพิเศษ คือมีการคัดกรองตั้งแต่ทางเข้าสนามเสมอกัน เซอร์กิต และการคัดกรองอย่างเข้มข้นภายในสนาม จัดเจ้าหน้าที่คอยประกาศเตือนผู้ชมในสนามให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทำป้ายที่เป็นรูปรอยเท้า เพื่อให้ผู้ชมยืนชมการแข่งขันแบบรักษาระยะห่าง มีป้ายเตือนห้ามตะโกนติดรอบสนาม
ด้าน นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า ขอขอบคุณสมาคมกีฬาจักรยานฯ ที่มาจัดการแข่งขันจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ ชิงแชมป์ประเทศไทย รวมทั้งการแข่งขันรายการอื่น ๆ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีการพบผู้ติดเชื้อภายในจังหวัด แต่ด้วยมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่เข้มงวดของสมาคมกีฬาจักรยานฯ ซึ่งได้นำเสนอไปยัง ศบค. และได้รับการยกให้เป็นสมาคมกีฬาต้นแบบ รวมทั้งมาตรการคัดกรองที่เข้มงวด และมีประสทธิภาพ ตั้งแต่สนามที่ 1 มาจนถึงสนามที่ 2 นี้ ทำให้ทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจว่าปลอดภัยจากไวรัสโควิด-19

ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวอีกว่า การที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ มาจัดการแข่งขันที่จังหวัดสุพรรณบุรี ประโยชน์ที่ได้รับคือทำให้เศรษฐกิจภายในจังหวัดมีความคึกคัก โรงแรมที่พักเต็มเกือบทุกแห่ง ร้านอาหาร ร้านค้าต่าง ๆ มีผู้ไปใช้บริการมากมาย พ่อค้าแม่ค้าระดับรากหญ้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวภายในจังหวัดก็มีผู้ไปเยือนมากกว่าปกติ หลังจากนี้สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะมาจัดการแข่งขันรายการอื่น ๆ ที่จังหวัดสุพรรณบุรี ทั้งการแข่งขันประเภทลู่ชิงแชมป์ประเทศไทย และ แทร็ค เอเชีย คัพ 2021, การแข่งขันเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) และ “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” ทางจังหวัดสุพรรณบุรี ยินดีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
สำหรับรอบคัดเลือกรุ่นที่น่าสนใจ มีดังนี้ รุ่นทั่วไปชาย “เอ้” สิบตรี โกเมธ สุขประเสริฐ นักปั่นทีมชาติไทย 2 เหรียญทองกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ปั่นเข้าวินเป็นคนแรกทั้ง 3 โมโต เข้าชิงชนะเลิศ พร้อมกับ “ฮีม” สมคิด ฮาระตะวัน นักปั่นทีมชาติเหรียญทองแดงกีฬาซีเกมส์ จากทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ พระราม 3 ที่ได้อันดับ 1 ในฮีทที่ 2 ทั้ง 3 โมโตเช่นกัน รวมทั้ง “เบส” เมธาสิทธิ์ บุญเสน่ห์ จากทีมเทศบาลเมืองหนองปรือ Lomocycle ชลบุรี

รุ่นทั่วไปหญิง “ฟ้า” น.ส.ชุติกาญจน์ กิจวานิชเสถียร นักปั่นทีมชาติไทย จากทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ เทพศิรินทร์พุแค แชมป์ประเทศไทย 10 สมัย เข้าที่ 1 ทั้ง 3 โมโต ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปตามคาด พร้อมกับเพื่อนร่วมทีม ปนัดดา บูรณภวังค์ และ ชนาธินาถ จั่นเพิ้ง จากทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ พระราม 3 รวมทั้ง “มิ้ง” วรัญญา แซ่แต้ นักปั่นทีมชาติจากทีม Lake Cross ก็เข้าที่ 1 ในฮีทที่ 2 ทั้ง 3 โมโต และ “พลอย” ธนาภรณ์ โตทอง จากทีม IDEMITSU อบจ.สุพรรณบุรี อีซูซุ อึ้งง่วนไต๋
รุ่นเยาวชนชาย วิชิตพงษ์ มงคลศิริ นักปั่นเยาวชนทีมชาติ จากทีมโรงเรียนกีฬากทม.IDEMITSU อีซูซุ อึ้งง่วนไต๋ เข้าชิงชนะเลิศพร้อมกับ อภิสิทธิ์ ใจอยู่ และ บัญชา มาศเลิง 2 นักปั่นจากทีมธนาคารออมสิน สำหรับผลการแข่งขันทั้งหมดสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ www.thaicycling.or.th

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์