พิมพ์ไทยออนไลน์//สมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เตรียมระเบิดศึกแบดมินตันรายการใหญ่ของเมืองไทย ศึก”โตโยต้า ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2566″ หรือ ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย พร้อมชิงเงินรางวัลรวม 1,084,000 บาท ระหว่างวันที่ 19-23 ธันวาคม 2566 ที่แจ้งวัฒนะฮอลล์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา แจ้งวัฒนะ
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และ นายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า การแข่งขัน “โตโยต้า ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2566” หรือ ศึกชิงแชมป์ประเทศไทย เป็นเวทีสำหรับการแข่งขันชิงความเป็นเลิศของกีฬาแบดมินตันในประเทศไทย ประจำปี 2566 และจะเป็นการเก็บสะสมคะแนนเพื่อจัดอันดับมือนักแบดมินตันของประเทศไทย และเปิดโอกาสให้นักแบดมินตันไทยทุกระดับได้ทดสอบฝีมือกับนักกีฬามือระดับโลกชาวไทยเพื่อชิงความเป็นเลิศ”
โดยรายการนี้เป็นความร่วมมือกันที่ยอดเยี่ยมระหว่างสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, โยเน็กซ์, การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่ได้เปิดเวทีให้กับนักกีฬาแบดมินตันไทยได้แสดงฝีมือกันอย่างมากมาย บรรดานักกีฬาดาวรุ่งในประเทศจะได้ดวลฝีมือกับนักกีฬารุ่นพี่ทีมชาติ และที่สำคัญที่สุดสำหรับนักกีฬาที่ครองตำแหน่งชนะเลิศใน 5 ประเภท ประเภทชายเดี่ยว หญิงเดี่ยว ชายคู่ หญิงคู่ และคู่ผสม จะได้สิทธิ์เป็นตัวแทนนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ซึ่งในปี 2567 จะมีรายการใหญ่ระดับโลกอย่าง ศึกชิงแชมป์เอเชีย 2024 , การแข่งขันประเภททีมชายและทีมหญิงชิงแชมป์โลก “โธมัส-อูเบอร์ คัพ 2024″”
“นับได้ว่าเป็นรายการแข่งขันที่เก่าแก่ เริ่มแข่งขันครั้งแรก ตั้งแต่ ปี 2495 ในปีนี้เป็นปีที่ 71 ที่ผ่านมาบรรดายอดฝีมือที่สามารถครองตำแหน่งแชมป์ประเทศไทยต่างทำคุโณปการให้กับ วงการแบดมินตันไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยมีบุญศักดิ์ พลสนะ เป็นเจ้าของสถิติครองแชมป์ประเทศไทยมากที่สุด 13 สมัย ส่วนนักกีฬารุ่นหลังที่แขวนแรกเก็ตไป อาทิ เทศนา พันธ์วิศวาส, สราลีย์ ทุ่งทองคำ , ภัททพล เงินศรีสุข, สุดเขต ประภากมล ,มณีพงศ์ จงจิตร ก็ยังคงช่วยกันทำหน้าที่โค้ชให้กับทีมชาติไทย”
ศึกแบดมินตันชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย แข่งขันครั้งแรก ตั้งแต่ ปี 2495 โดยมีนักกีฬาชื่อดังในอดีตยุคแรกๆของประเทศไทยอาทิ พินิจ ปัตตพงศ์, ประเทือง ปัตตพงศ์, ธนู ขจัดภัย, เจริญ วรรธนะสิน, ระพี กาญจนระพี, ชาญณรงค์ รัตนแสงสรวง, ชวเลิศ ชุ่มคำ, สงบ รัตตนุสสรณ,สุมล จันทร์กล่ำ, ทองคำ กิ่งมณี, บัณฑิต ใจเย็น, ปรีชา โสภจารีย์, พรชัย ศกุนตนิยม ที่ก้าวขึ้นแท่นครองแชมป์ประเทศไทยมาอย่างถ้วนหน้า พร้อมช่วยกันทำผลงานสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยมาอย่างมากมาย
ไล่เรียงมาถึงยุคกลางๆ ที่ยังมียอดฝีมือหลายๆคนที่ประสบความสำเร็จครองแชมป์ประเทศไทยมาแล้ว อาทิ อุดม เหลืองเพชราภรณ์ , ไสว จันทร์เสี้ยวรัสมี, สฤษดิ์ พิสุทธิ์ชัยกุล ,สมพล คูเกษมกิจ , ศักดิ์ระพี ทองสาริ , สมหฤทัย เจริญศิริ , ลดาวัลย์ มูลศาสตร์สาทร ,ปิยะทิพย์ ศันสนีย์กุลวิไล, ปราโมทย์ ธีระวิวัฒน์ , ศิริพงษ์ ศิริภูล ซึ่งหลายๆคนยังคงทำหน้าที่โค้ชปลุกปั้นนักกีฬารุ่นใหม่ๆรวมถึงทำหน้าที่ให้กับวงการแบดมินตันไทยกันอย่างเต็มที่
ส่วนนักกีฬารุ่นใหม่ที่หลายๆคนเพิ่งจะแขวนแร๊กเก๊ตไปแต่ยังคงทำหน้าที่โค้ชสร้างนักกีฬาดาวรุ่งดวงใหม่ให้กับทีมชาติไทยไม่ว่าจะเป็น เทศนา พันธ์วิศวาส, สราลีย์ ทุ่งทองคำ,สุจิตรา เอกมงคลไพศาล , ภัททพล เงินศรีสุข, สุดเขต ประภากมล ,มณีพงศ์ จงจิตร และเจ้าของสถิติครองแชมป์ประเทศไทยมากที่สุด 13 สมัย “ซูเปอร์แมน” บุญศักดิ์ พลสนะ
สำหรับประเภทหญิงคู่ “กิ๊ฟ”จงกลพรรณ กิติธรากุล กับ “วิว” รวินดา ประจงใจ คู่มือ 10 ของโลก เจ้าของแชมป์ประเทศไทย 3 สมัยปี 2558, 2561,2565 คู่มือวาง 1 ของรายการจากทหารอากาศ/ธนบุรี และคู่ดาวรุ่งฟอร์มแรง “อันนา” นันทน์กาญจน์ กับ “มูนา” เบญญาภา เอี่ยมสอาด คู่มือ 10 ของโลก เจ้าของแชมป์ประเทศไทยในปี 2563 คู่มือวาง 2 ของรายการจากทหารอากาศ จะมาร่วมลงสนามให้บรรดานักกีฬาดาวรุ่งได้มีโอกาสประมือกับนักกีฬามือระดับท๊อปของโลก
ประเภทชายเดี่ยว ดาวรุ่งฟอร์มแรงอย่าง “อิคคิว”พณิชพล ธีระรัตน์สกุล มือวาง 2 ของรายการจากที ไทยแลนด์ ที่ผิดหวังในรอบชิงฯไปเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่มีโกาศคว้าแชมป์ประเทศไทยสมัยแรกไปครอง โดยมี “บอสท์” ศรันย์ แจ่มศรี มือวาง 1 ของรายการจากบ้านทองหยอด
ประเภทคู่ผสม นับว่าเป็นเวทีที่บรรดาดาวรุ่งตบเท้าเข้าแย่งแชมป์กันอย่างมากมาย โดยมีแชมป์เก่า “โอโม่” พรรคพล ธีระรัตน์สกุล กับ “จ๋อมแจ๋ม” ผไทมาส เหมือนวงศ์ คู่มือวาง 2 ของรายการจากทีไทยแลนด์ลงสนามป้องกันแชมป์ แต่งานนี้ต้องพบกับคู่ฟอร์มแรง “ไตเติ้ล” รุษฐนภัค อูปทอง กับ “เจน” เฌอย์นิชา สุดใจประภารัตน์ คู่มือ 34 ของโลก ที่กำลังทำผลงานดีวันดีคืนในระยะหลังๆ
ประเภทชายคู่ เป็นอีกประเภทที่เราจะได้ชมการดวลเพลงตบระหว่างคู่ดาวรุ่งกับบบรรดารุ่นพี่มือเก๋ากันอย่างสนุก “ภีม” ภรัณยู ขาวสำอางค์ กับ “ทีม” วรพล ทองสง่า คู่มือวาง 2 ของรายการจากเจพีอะคาร์เดมี่/สปิริตบายมณีพงศ์ จะร่วมกันลงสนามป้องกันแชมป์ โดยมี “ปุ้น” ธนดล พันธ์พานิช กับ “อเล็กซ์” วชิรวิทย์ โสทน คู่มือวาง 2 ของรายการจากยูไนท์/ทหารอากาศ , “พี” พีรัชชัย สุขพันธ์ กับ “โอโม่” พรรคพล ธีระรัตน์สกุล คู่มือวาง 2 ของรายการจากทีไทยแลนด์ ,”โฟกัส” อภิรักษ์ เกตุระหงษ์ กับ “สกาย” กิตตินุพงษ์ เกตุเรน คู่มือวาง 5 ของรายการจากเคไอพีแบดฯ/สิงห์เอชเอช , “เมฆ” เมฆ ณรงค์ฤทธิ์ กับ “ดีโก้” กิตติศักดิ์ นามเดช จากเอสบียู ที่พร้อมจะแย่งแชมป์กันอย่างสนุกในประเภทนี้
ประเภทหญิงเดี่ยว เป็นที่น่าเสียดายที่ “เมย์”ศุภนิดา เกตุทอง จะไม่ได้ลงสนามป้องกันแชมป์เนื่องจากเพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ “จิว” ลลินรัศฐ์ ไชยวรรณ มือวาง 1 ของรายการจากบ้านทองหยอด เจ้าของแชมป์ประเทศไทย ในปี 2563 ที่เพิ่งคืนฟอร์มเก่งคว้าแชมป์ รายการ โยเน็กซ์-ซันไรส์ กูวาฮาติ มาสเตอร์ส 2023 ทัวร์นาเมนต์ระดับ เวิลด์ทัวร์ 100มาสดๆร้อนๆ เป็นเต็งจ๋าที่จะหยิบแชมป์สมัยที่ 2 มาครอง โดยจะมีบรรดาดาวรุ่งอย่าง “บูม” ธิดาพร กลีบยี่สุ่น มือวาง 2 ของรายการจากบ้านทองหยอด, “แนน” ชนัญชิดา จูเจริญ มือวาง 5 ของรายการจากบ้านทองหยอด , “นํ้าหวาน” ต้นรัก แซ่เฮ้ง จากเกตุแก้ว และอีกหนึ่งดาวรุ่งที่ฟอร์มกำลังดีวันดีคืน “แครอท” พรพิชชา เชยกีวงศ์ จากทหารอากาศ ที่มีโอกาสสร้างเซอร์ไพรส์ได้เช่นกัน
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์