พิมพ์ไทยออนไลน์// หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารออาชีพทางการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ได้เข้าร่วมอบรมเป็นวันสุดท้าย เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยสถาบันพระปกเกล้าให้มีการจัดพรีเซนต์ กลุ่มงานออกเป็น 5 กลุ่ม เชิญอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเข้ามารับฟังการพรีเซนต์กลุ่มงานของแต่ละกลุ่มว่าเป็นอย่างไร และต้องมีการใส่ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง
กลุ่มที่ 1 ได้ทำเรื่องของสปอร์ตทัวร์ริซึ่มของจังหวัดพังงา เพื่อพัฒนาเป็นเมืองสปอร์ตซิตี้ที่ยั่งยืนโดยต้องมีสโคปของอีเว้นท์กีฬาที่แน่ชัด กลุ่มที่ 2 ทำเรื่องมิติของสมาคมกีฬาที่มีบทบาทต่อสังคมอย่าง ว่ายน้ำจัดโครงการสอนช่วยเหลือคนจมน้ำ และทางยูยิตสูก็ให้ความรู้กับการป้องกันตัวของบรรดาพยาบาล หมอนายแพทย์ หรือผู้ช่วยพยาบาล ในกรณีที่มีคนเข้ามาสร้างเหตุการณ์ไม่ดีภายในโรงพยาบาล กลุ่ม 3 เสนอเรื่องของการล็อคสกอร์ผลการแข่งขันกีฬาเป็นมะเร็งร้ายที่ทำให้วงการกีฬาในเมืองไทยตกต่ำอย่างฟุตบอล บาสเกตบอล หรือแม้กระทั่งกีฬาคนพิการก็ยังมี
กลุ่ม 4 ทำเรื่องบริบททีวีกีฬาเพื่อการพัฒนาวงการกีฬาไทย โดยเฉพาะทีวีกีฬาทีสปอร์ตชาแนล ที่สมาคมกีฬาแห่ง?ประเทศไทย และสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดยังเข้าไม่ถึง การเข้ามามีส่วนร่วมน้อยมาก และทิศทางการพัฒนาทีวีกีฬาอย่างยั่งยืน กลุ่มสุดท้าย เสนอปัญหาอุปสรรคของการเป็นเจ้าภาพกีฬาระดับนานาขาติ จนทำใก้เกิดปัญหาตามมาหลังจากจบการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ปัญหาทางด้านการเงินของประเทศนั้นๆมีปัญหา โดยสรุปคณาจารย์ทุกท่านชื่นชมในสิ่งที่ผู้เข้าร่วมอบรมพรีเซนต์
นายณัฐพงศ์ รอดมี ผู้อำนวยการสำนักบริการวิชาการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารออาชีพทางการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ เกิดขึ้น จากความร่วมมือระหว่างกกท. และสถาบันพระปกเกล้า มีวัตถุประสค์เพื่อเพิ่มขีดสมรรถนะของบุคลากรทางการกีฬาของชาติ และมุ่งมั่นพัฒนทักษะการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ให้แก่ผู้เข้ารับการศึกษาอบรมสามารถนำความรู้ที่ได้รับ ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานของสมาคมและพัฒนาวงการกีฬาของประเทศ ให้มีความทัดเทียมนานาประเทศ
นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเป็นเวทีของการประสานสัมพันธ์อันดี ระหว่างผู้เข้ารับอบรม เพื่อการร่วมมือ การพัฒนาวงการกีฬาของชาติในวงกว้าง
สำหรับรุ่นที่ 4 มีผู้เข้ารับการอบรม จำนวน 40 คน ประกอบด้วยผู้บริหารจากสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยจำนวน 20 คน และผู้บริหารจากสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด จำนวน 20 คน อบรมตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา และเพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์เชิงประจักษ์ ได้กำหนดให้มีการศึกษาดูงาน (ซึ่งจัดกิจกรรมโดย กกท.) ที่ จังหวัดลพบุรี สระบุรี และจังหวัดนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 14 – 18 กันยายนที่ผ่านมา รวมทั้งการจัดทำเอกสารวิชาการกลุ่มและนำเสนอเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมารวมเวลาการศึกษาอบรมในหลักสูตรทั้งสิ้น 86 ชั่วโมง
ทั้งนี้ จากเงื่อนไขที่กำหนดพบว่า ผู้เข้ารับการอบรมได้ผ่านเงื่อนไขตามที่หลักสูตรกำหนด จำนวน 40 คน และเชิญท่านเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานพิธีมอบใบรับรองให้แก่ผู้ผ่านการศึกษาอบรมกล่าวแสดงความยินดี
ศาสตรจารย์วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การกีฬามีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ การกีฬาต้องพัฒนาไปไกล และการกีฬาต้องยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลง อย่างฟุตบอลสมัยนี้หันมาใช้วีเออาร์หลายคู่ ที่ต้องใช้เพราะเป็นเรื่องของธรรมาภิบาลเพื่อใม่ให้เกิดปัญหาคางแคลงใจในการตัดสิน สุดท้ายนี้ก็หวังว่าผู้บริหารสมาคมกีฬาทุกท่านจะใช้หลักธรรมาภิบาลบริหารงานกีฬาของประเทศให้ไปสู่จุดมุ่งหมายความสำเร็จต่อไป พร้อมกับขอแสดงความยินดีที่ทุกท่านได้จบหลักสูตรนี้ครบ 40 คนตามเป้าหมายของการกีฬาแห่งประเทศไทยที่ได้มีการจัดอบรมขึ้นเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์