พิมพ์ไทยออนไลน์// ก่อนหน้านี้ทาง AFC ได้ออกประกาศช่วงเดือนธันวาคม ปีที่ผ่านมา เตรียมขยับฟุตบอลเอเอฟซีแชมเปี้ยนส์ลีกไปแข่งขันแบบข้ามปี เริ่มต้นในเดือนสิงหาคม ปี 2023 จบช่วงกลางปี 2024 และนั่นจะทำให้ฟุตบอลไทยลีกในฤดูกาล 2022-23 แข่งขันกันแบบไม่มีโควต้า ไปเล่นถ้วยเอเชีย เพราะว่าฤดูกาลหน้าฟุตบอลไทยลีกแข่งขัน และจบฤดูกาลก่อน ศึกเอซีแอล 2023-24 จะเริ่มต้น
ซึ่งตามเดิม โควต้า เอซีแอล ฤดูกาล 2023-24 จากไทยลีก มีดังนี้ รอบแบ่งกลุ่ม 2 ทีม คือ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (แชมป์ไทยลีก), บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (รองแชมป์ไทยลีก เนื่องจากบุรีรัมย์ ได้แชมป์เอฟเอคัพด้วย) ขณะที่ รอบเพลย์ออฟ 2 ทีม คือ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด (อันดับ 3), เมืองทอง ยูไนเต็ด (อันดับ 4 เนื่องจากบุรีรัมย์ ได้แชมป์เอฟเอคัพด้วย )
แต่เมื่อมีการประชุมกับสโมสรสมาชิก เมื่อวันที่ 29 เมษายน ก่อนที่จะได้ข้อสรุป และ ไทยลีกประกาศปรับโควต้าใหม่ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ปรับให้เป็น 1+1 แบบ 2 ฤดูกาล คือ ไทยลีก ฤดูกาล 2021-2022 ที่เพิ่งจบไป โดยสิทธิ์ รอบแบ่งกลุ่มเป็นของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (แชมป์ไทยลีก) รอบเพลย์ออฟ เป็นทาง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (รองแชมป์ไทยลีก เนื่องจากบุรีรัมย์ ได้แชมป์เอฟเอคัพด้วย) ขณะที่ ฤดูกาลหน้า 2022-23 ที่กำลังจะมาถึง โดยสิทธิ์ รอบแบ่งกลุ่ม คือ แชมป์ไทยลีก ส่วน รอบเพลย์ออฟ : คือ แชมป์เอฟเอคัพ โควต้าสำรองคือ อันดับ 2, 3, 4 ในไทยลีกตามลำดับ
โดยเหตุผลของไทยลีก ที่ไม่อยากให้ฤดูกาล 2022-23 แข่งขันจบแบบไม่มีทีมใดไม่ได้โควต้า ถ้วยเอเชีย จึงตัดสินใจแบ่งมาเป็น 1+1 ส่งผล ทำให้ 2 ทีมที่ได้โควต้รแล้วจากฤดูกาลล่าสุด อย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ดและเมืองทอง ยูไนเต็ด ต้องออกแถลงการณ์คัดค้านการตัดสินใจของไทยลีก เนื่องจากส่งผลกระทบต่อสโมสร
ล่าสุด เมื่อช่วงบ่าย วันพฤหัสบดี ที่ 26 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่บริษัท ไทยลีก จำกัด อาคารจิตต์อุทัย “บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด พร้อมด้วย สุรเดช อนันทพงศ์ ผู้จัดการทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เดินทางมา ยื่นหนังสือ คัดค้านการปรับโควต้า เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก โดยมี “เลขาฯป๊อก” วรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการฝ่ายจัดการแข่งขัน บริษัท ไทยลีก เป็นตัวแทนรับมอบ
“บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า “เป็นการตัดสินใจที่ขาดความชอบธรรม เพราะเราก็ได้แข่งขันตามกฏระเบียบของไทยลีก รวมถึงได้ทำผลงานอย่างเต็มที่ในทุกนัด ซึ่งดูได้จากเกมนัดสุดท้ายปิดฤดูกาล ที่เราคว้าอันดับ 4 มาได้ แฟนบอลต่างยินดี อย่างมากที่เราทำผลงานได้ยอดเยี่ยม “
ผอ. “กิเลนผยอง” เผยต่อว่า “ก่อนหน้านี้เราไม่ทราบเลยว่า ทางไทยลีก ได้วางแผนกับการปรับโควต้า อย่างไร หลังจากที่ เอเอฟซี ประกาศเมื่อช่วงเดือนธันวาคม ว่าจะมีการปรับปฏิทินใหม่ ทางสโมสรเมืองทอง เป็นทีมที่ไม่ได้อยู่ในข่ายโควต้าเอซีแอล เพราะต้องรอผลแชมป์เอฟเอ คัพ ทำให้ไม่ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุม ในช่วงก่อนปิดฤดูกาลไทยลีก ที่ผ่านมา อีกทั้งทางเอเอฟซี ให้สมาคมดูแลสิทธิ์ได้อย่างเต็มที่ โดยยึดตามกฏระเบียบที่ตั้ง ซึ่งจริงๆ ตนเองอยากให้ทุกทีมมีส่วนกับการปรับโควต้าตรงนี้มากกว่า เพื่อได้รับทราบร่วมกัน ”
“ในความคิดอยากจะให้คงโควต้าเดิม 2+2 เพราะกฏระเบียบมีตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล เพื่อสร้างบรรทัดฐาน และให้ความยุติธรรม กับสโมสรสมาชิก เพื่อเกิดความน่าเชื่อถือ อีกทั้ง ในเรื่องของไทยลีก ที่บอกว่า ถ้าหากฤดูกาลหน้าไม่มีโควต้าถ้วยเอเชีย ทำให้เสียมูลค่าทางการตลาด จริงๆ ผมมองว่า สโมสรก็เสียหายเหมือนกัน การได้โควต้าไปเล่นเอซีแอล ทำให้สโมสรก็เสียมูลค่าทางการตลาดเช่นกัน ผมมองว่า ควรจะยึดกฏระเบียบของทางเอเอฟซี ให้เป็นหลักและรักษากฏที่ระบุไว้” “บิ๊กเป้” รณฤทธิ์ กล่าว
ขณะที่ สุรเดช อนันทพงศ์ ผู้จัดการทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด กล่าวว่า “ทางสโมสร ได้เข้าร่วมประชุม กับทางไทยลีก ตั้งแต่ครั้งแรก เมื่อช่วงก่อนปิดฤดูกาล ว่าจะมีการปรับโควต้า ซึ่งเราได้คัดค้านมาโดยตลอด เพราะเราลงทุนกับการทำทีมในแต่ละปีเยอะมาก อีกทั้ง การแข่งขันในฤดูกาลที่ผ่านมา นักเตะ ทีมงานโค้ช ก็ได้ร่วมแรงร่วมใจเพื่อคว้าโควต้าดังกล่าว เราได้ทางไทยลีก ทบทวนแล้วว่าให้มีการคิดแนวทางใหม่เพื่อให้เป็นธรรม อีกทั้ง ควรจะให้ทีมที่มีสิทธิ์ ได้มาแสดงจุดยืน เพื่อความเป็นธรรม และ เท่าเทียมกัน”
“จริงๆ เราเข้าใจทุกฝ่าย ที่จะให้ฤดูกาลหน้ามีสิทธิ์ได้โควต้า เพื่อมูลค่าทางการตลาด ผมก็เชื่อว่า ทุกสโมสรเข้าใจ แต่เมื่อกฏกติกาได้ถูกเขียนไว้ตั้งแต่ตอนต้นฤดูกาล อีกทั้งการประกาศเปลี่ยนแปลงโควต้า ทำให้ทางสโมสรเองก็ไม่ทันตั้งตัว และ ไม่ได้ทำอะไรผิด แถมไม่ได้สิทธิ์ที่ระบุว่า ผมมองว่าไม่เป็นธรรม”
“เมื่อกฏระเบียบต่างๆ เขียนไว้แล้ว อยากให้คงโควต้าเหมือนเดิม ส่วนในฤดูกาลหน้ายังไม่ได้เริ่มแข่งขัน เราสามารถแจ้งให้สโมสรรับทราบปรับเปลี่ยนก่อนได้ โดยอยู่ภายใต้กฏกติกาเดียวกัน ผมเชื่อว่า ทุกทีมน่าจะเห็นร่วมกัน ถ้าหากฤดูกาลหน้า ไม่มีโควต้า เอซีแอล และอาจจะส่งผลกระทบการตลาด เป็นไปได้ไหมว่า ไทยลีก อาจจะเพิ่มการตลาดในจุดอื่นผมเชื่อว่า มันน่าจะเป็นทางออก และ เป็นธรรมทุกฝ่าย ” สุรเดช อนันทพงศ์ ผู้จัดการทีม ทรู แบงค็อก เผย
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์