พิมพ์ไทยออนไลน์ // ศึกฟุตบอล ยูโร 2020 คู่บิ๊กแมตช์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน อังกฤษ วันที่ 29 มิถุนายน ระหว่างอังกฤษพบกับ เยอรมนี
“สิงโตคำราม” อังกฤษ ใช้ระบบ 3-4-3 ผู้เล่น 11 คนแรก ประกอบด้วย : จอร์แดน พิคฟอร์ด, ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, คีแรน ทริปเปียร์, คาลวิน ฟิลลิปส์, ดีแคลน ไรซ์, ลุก ชอว์, บูกาโย่ ซาก้า, แฮร์รี่ เคน, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
ขณะที่ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี 3-4-2-1 ผู้เล่น 11 ตัวจริง มานูเอล นอยเออร์, มัทเธียส กินเทอร์, มัตส์ ฮุมเมลส์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, โยชัว คิมมิช, โทนี่ โครส, เลออน กอเร็ตซ์ก้า, โรบิน โกเซนส์, ไค ฮาเวิร์ตซ์, โธมัส มุลเลอร์, ติโม แวร์เนอร์
เริ่มต้นเกม ต่างฝ่ายต่างเล่นอย่างระมัดระวัง เยอรมนีเน้นทำเกมบุกด้วยการจ่ายบอลตามช่องในแดนกลาง ขณะที่อังกฤษเน้นรับมากกว่า ไม่ผลีผลามบุกนัก ช่วงต้นกม อินทรีเหล็กทักทายก่อน เลออน กอเร็ตซ์ก้า ยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ แต่ไม่ตรงกรอบ หลังจากนั้น อังกฤษพยายามทำเกมบุกอย่างระวัง ค่อยๆ ครองบอลบุกขึ้นหน้าให้ชัวร์ที่สุด นาที 16 ราฮีม สเตอร์ลิ่ง กองหน้าจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ลักไก่สับไกจากนอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งโค้งตรงกรอบ แต่มานูเอล นอยเออร์ นายทวารกัปตันทีมอินทรีเหล็ก พุ่งปัดเอาไว้ได้
ช่วงท้ายครึ่งแรก ต่างฝ่ายต่างดึงเกมช้า เพราะไม่ต้องการพลาดเสียประตู นาที 42 อังกฤษได้ฟรีคิกต่อด้วยลูกเตะมุม คีแรน ทริปเปียร์ เปิดไปในกรอบเขตโทษ แฮร์รี่ เคน ขึ้นโหม่ง มัตส์ ฮุมเมลส์ กองหลังอินทรีเหล็ก โหม่งทิ้งออกไปได้ทัน
จบครึ่งแรก เสมอกัน 0-0
ครึ่งหลัง เยอรมนีเริ่มต้นได้วูบวาบกว่า และต่างฝ่ายต่างมีโอกาสบุกพอๆ กัน แต่ยังไม่มีจังหวะหวาดเสียว นาที 75 สิงโตคำรามได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากเคนเปิดให้ แจ็ค กรีลิช เปิดบอลเข้ากลาง และสเตอร์ลิ่งชาร์จระยะเผาขนเข้าไป อินทรีเหล็กบุกหวังทวงประตูคืน และได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ มุลเลอร์ยิงไม่ผ่านกำแพง
นาที 86 อังกฤษหนีห่าง 2-0 จากจังหวะที่เคนโหม่งง่ายๆ เข้าไป ท้ายเกม อินทรีเหล็กพยายามโหมบุกหนักหวังตีไข่แตก แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดๆ เกินๆ ทำอะไรไม่ได้ อังกฤษชนะ 2-0 เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ พบกับ ยูเครน
Cr. :วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
