พิมพ์ไทยออนไลน์ // กลุ่มแกนนำ 3 นิ้ว ยื่นร้อง ยธ. แก้ปัญหาโควิด-19 ในเรือนจำ จี้ “สมศักดิ์” อย่าโทษม็อบนำเชื้อแพร่ในคุก
เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 64 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยธ. พร้อมด้วย นายวัลลภ นาคบัว รองปลัด ยธ. และในฐานะโฆษก ยธ. รับเรื่องจากกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย นำโดย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา ,น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา นายเอกชัย หงษ์กังวาน เพื่อเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมแก้ปัญหาโควิด-19 ในเรือนจำ
นายสมยศ กล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยธ. ได้แถลงข่าวถึงสาเหตุการแพร่ระบาดเชื้อโควิดในเรือนจำ มาจากกลุ่มนักโทษการเมือง 7 คน ไม่ให้ความร่วมมือตรวจโควิด เมื่อวันที่ 15 มี.ค.64 ในเวลายามวิกาลนั้นเป็นข้อมูลไม่ครบถ้วนเพราะทุกคนกลัวไม่ได้รับความปลอดภัย รวมทั้ง กรมราชทัณฑ์ยังปฏิเสธว่า น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ไม่ได้ติดเชื้อโควิดในเรือนจำ ก่อนมาแพร่เชื้อให้คนในครอบครัว ซึ่งจริงแล้วในทัณฑสถานหญิงกลางมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมากแต่กลับถูกปกปิดข้อมูล
นายสมยศ กล่าวอีกว่า วันนี้ในตัวแทนกลุ่มจึงข้อเรียกร้องแก้ปัญหาในเรือนจำ 10 ข้อ คือ 1.ให้กระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์เปิดเผยข้อมูลการแพร่ระบาดอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งหากไม่มีข่าวนักโทษแกนนำการเมืองติดเชื้อ สาธารณชนก็จะไม่มีวันทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในเรือนจำ 2.ส่งบุคลากรสาธารณสุขมาช่วยควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อในเรือนจำ ดีกว่าคาดโทษเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ และเพิ่มเบี้ยเลี้ยงเจ้าหน้าที่ควบคุมนักโทษเพราะได้ทำงานล่วงเวลาและเสี่ยงภัยในการปฏิบัติหน้าที่ 3.ลดความแออัดในเรือนจำ จากจำนวน 3 แสนรายให้เหลือ 2 แสนราย หรือติดกำไลEM ผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุและผู้พิการผู้ป่วยจิตเวช รวมทั้ง จ่ายเงินชดเชยเยียวยาผู้ติดเชื้อในเรือนจำ โดยคำนวณตามอัตราประกันภัยทั่วไปจากการโควิด-19 เพราะมาจากความบกพร่องและได้ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคของหน่วยงานรัฐ
นายสมยศ กล่าวต่อว่า 4.ให้เปิดเผยความจริงและรายละเอียดการแพร่ระบาดในเรือนจำให้ญาติผู้ต้องขัง และสาธารณชนรับทราบ รวมทั้งจัดให้มีการ สื่อสารเยี่ยมญาติทางออนไลน์ให้นักโทษทุกคน 5.จัดหาวัคซีนให้กับเจ้าหน้าที่และนักโทษโดยเร็ว 6.ประสานงานให้ศาลยุติธรรมให้ประกันตัวผู้ถูกกล่าวหาทุกรายแทนการสั่งคุมขัง ให้ตำรวจทำการสอบสวนตามกระบวนการปกติ หลีกเลี่ยงการขอฝากขัง 7.จัดสวัสดิการพื้นฐานสำหรับผู้ถูกกักกันโรค เช่น การแจกหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ หรือของใช้จำเป็นสำหรับผู้หญิง คือ ผ้าอนามัยให้เพียงพอ และปรับปรุงคุณภาพอาหาร
“8.กรณีผู้ต้องขังที่ติดเชื้อที่รักษาอยู่ในห้องขังให้ส่งตัวไปรักษายังสถานพยาบาลอื่นๆ เพื่อลดความแออัดของผู้ป่วยในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 9.จัดการสาธารณูปโภคให้เพียงพอเช่น ไฟฟ้า น้ำประปา และผ้าห่มนอน และ 10.จัดยารักษาโควิดให้เพียงพอกับผู้ป่วยในเรือนจำ รวมทั้งอำนวยความสะดวกการปล่อยตัวนักโทษที่ติดเชื้อและติดตามผลหลังการปล่อยตัวไป” นายสมยศ กล่าว
ด้าน น.ส.วรรณวลี เผยว่า อยากให้ทางเรือนจำได้มีการให้ความรู้แก่ผู้ต้องขังรู้วิธีป้องกันเชื้อโควิดเพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน อีกทั้งทราบว่าหน้ากากอนามัยมีไม่พอใช้บางคนต้องนำมาซักและนำกลับมาใช้ใหม่ จึงอยากให้ราชทัณฑ์แจกสิ่งของจำเป็นเพียงพอแก่ผู้ต้องขังทุกคน
ส่วนทาง นายเอกชัย กล่าวว่า ตนเชื่อว่ากรมราชทัณฑ์มีการปกปิดข้อมูลการเสียชีวิตของโควิด เพราะปกติในเรือนจำจะมีการเสียชีวิตจากสาเหตุต่างๆ จึงอยากให้เปิดเผยว่ามีผู้ป่วยหนักหรือน้อยจำนวนเท่าใด นอกจากนี้ อยากให้เปิดเผยผู้ติดโควิดในเรือนจำอื่นๆ นอกเหนือจาก 13 เรือนจำที่มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดเชื้อในเรือนจำคาดว่ามีมานาน แต่ทางกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมกลับไม่นำเสนอข้อเท็จจริง เพื่อให้ผู้ต้องขังระวังตัว จนเกิดการระบาดเป็นคลัชเตอร์ใหญ่ จากประสบการณ์ที่เคยถูกคุมขัง และรับทราบข้อมูลจากผู้ต้องขังในคดีการเมืองด้วยกัน พบว่าในเรือนจำสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวยต่อการรักษาผู้ป่วย เนื่องจากยังมีความแออัด
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายจาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยธ. เป็นผู้แทนรับเรื่องเพื่อไว้พิจารณาซึ่งมีหลายข้อที่น่าสนใจ ซึ่งตั้งแต่ รมว.ยธ. มารับตำแหน่งได้พยายามแก้ปัญหาในเรือนจำมาตลอด ทั้งเรื่องคุณภาพอาหารหรือลดความแออัด และดูแลผู้ต้องขังที่หลากหลายคดีในภาพรวมไม่ใช่เพราะคดีการเมือง กระทั่งมีการแพร่ระบาดโควิดในเรือนจำ ซึ่งก็ยอมรับในข้อบกพร่องที่ต้องใช้เวลา และที่สำคัญคืองบประมาณการสนับสนุน แต่จะเร่งแก้ไขโดยด่วน
Cr.: ทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์