http://www.natethip.com/news.php?id=3129
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=3129
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์ // “นายสมศักดิ์”รมว.ยุติธรรม เผย15 ตุลาคม เปิดใช้ศูนย์อีเอ็ม ดูแลนักโทษนอกเรือนจำ จ่อแก้กฎกระทรวง พิทักษ์สิทธิ์ผู้ต้องขัง – ดันร่างกฎหมายลดโทษจำคุก คดียาเสพติด ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของศาลวันที่วันที่ 10 ต.ค.63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์พิเศษ ผ่านรายการ เรื่องเล่าชาวเรือนจำ ที่มีผู้ต้องขังสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง เป็นพิธีกร ซึ่งเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจประชาสัมพันธ์ กรมราชทัณฑ์ ว่า ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ศูนย์ควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อติดตามตัว หรือ กำไลอีเอ็ม จะเปิดใช้งานหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทดสอบระบบไปแล้ว ซึ่งกระทรวงยุติธรรม ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน หรือ ศูนย์JSOC (Safety Observation Ad hoc Center, Ministry of Justice) เพื่อติดตามผู้ต้องขังที่กระทำผิดซ้ำ หรือคดีที่มีโทษร้ายแรง จะเป็นหน่วยงานเพื่อประสานกับสังคมภายนอก ภายใต้กระบวนการยุติธรรมชุมชน ตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เป็นเครือข่ายดูแลเฝ้าระวัง โดยผู้ต้องขังต้องปรับตัวในสังคม เพราะการพักโทษนั้นคือการปล่อยให้กลับไปทำความดี ไม่ใช่ทำผิดซ้ำ หรือ หากกระทำผิดซ้ำจะถูกติดตามตัวนำตัวกลับเข้าสู่เรือนจำซึ่งมาตรการดังกล่าวจะทำให้การปล่อยตัว พักโทษผู้ต้องขังได้จำนวนมากขึ้น และช่วยลดความแออัดในเรือนจำ
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่าสำหรับการพิจารณาพักโทษนั้น ตามเงื่อนไขคือ เป็นผู้ต้องขังที่ได้รับโทษมาแล้ว 2 ใน 3 ของจำนวนโทษที่ได้รับ และการพิจารณาพักโทษจะพิจารณาโดยคณะกรรมการพักโทษ โดยปกติแล้วจะผ่านพิจารณายาก เพราะกรรมการไม่มั่นใจว่าผู้ที่ถูกพักโทษจะไม่กระทำผิดซ้ำ ดังนั้นผู้ต้องขังที่จะได้รับการพักโทษ ต้องมีผู้ที่น่าเชื่อถือรับรอง กล่าวคือเป็นสิทธิของกรรมการพิจารณา ไม่ใช่สิทธิของผู้ต้องขัง ดังนั้นการนำกำไลอีเอ็มมาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามตัวจะทำให้การพิจารณาพักโทษง่ายขึ้น อีกทั้งตนเตรียมเสนอแก้ไขกฎกระทรวงผู้ที่ได้รับการพักโทษ หากกระทำผิดซ้ำ จะได้รับโทษที่เหลืออยู่ ไม่ใช่เริ่มต้นรับโทษเต็มจำนวน เช่น ผู้ที่พักโทษ ไปใช้ชีวิตในสังคม 1 ปี แต่เดือนที่ 6 ทำผิดซ้ำ ต้องกลับมารับโทษในเรือนจำ 1 ปี ดังนั้นต้องแก้ไขเพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้ต้องขังด้วย
“ตามอำนาจของผม ที่มีสิทธิพิจารณาปล่อยตัวผู้ต้องขัง ผมอาจจะพิจารณาปล่อยตัว หากจำคุกมาแล้ว 1 ใน 2 ของโทษที่ถูกตัดสิน หากผู้ต้องขังนั้นมีความประพฤติ ปฏิบัติดี และทำให้เกิดความมั่นใจว่าออกไปแล้วไม่ทำผิดซ้ำอีก โดยที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมมีแนวทางพัฒนาศักยภาพของผู้ต้องขัง ส่งเสริมและฝึกอาชีพ ซึ่งรัฐบาล สนับสนุนและพร้อมผลักดัน ทั้งนี้แนวทางฝึกอาชีพกระทรวงยุติธรรมเตรียมสร้างนิคมเพื่อฝึกงานนักโทษ ให้มีอาชีพ มีรายได้ และสร้างคนดีคืนสู่สังคม” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่าปัจจุบันนักโทษในเรือนจำ กว่า 3.8 แสนคนนั้น พบว่าเป็นผู้ต้องขังคดียาเสพติด กว่า 80% และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาต้องออกเป็นกฎหมาย โดยขณะนี้มีร่างกฎหมาย 2 ฉบับที่ผลักดันในสภาผู้แทนราษฎรและรัฐสภา และฉบับสำคัญคือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. …. ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกรรมาธิการวิสามัญร่วมของรัฐสภา ซึ่งเนื้อหานั้นจะทำให้ผู้ต้องขังคดียาเสพติดในปัจจุบันได้รับอานิสงส์เรื่องจำนวนปีที่ติดคุก หรือได้รับการลดโทษ ขณะเดียวกันผู้ที่ค้ายาเสพติดจะถูกยึดทรัพย์ตามมูลค่าสินทรัพย์ที่ได้จากการค้ายาเสพติด และผลักดันร่างกฎหมาย ให้ปลดล็อคกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติด โดยมีเงื่อนไขใช้ใบกระท่อมเป็นพืชสมุนไพร และเป็นพืชทางเศรษฐกิจเท่านั้น ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เบื้องต้นคาดว่า 3-4 เดือนจะผลักดันสำเร็จ
“ร่าง พ.ร.บ.ประมวลกฎหมายยาเสพติด นั้น จะแก้ไขการลงโทษจำคุก จากเดิมที่กำหนดช่วงเวลา เช่น มียาบ้า 1 เม็ดจากประเทศลาว โทษคือ 10 ปีถึงตลอดชีวิต ร่างกฎหมายใหม่แก้ไข ไม่เกิน15 ปี, การครอบครอง เพื่อเสพไม่เกิน 15 เม็ด โทษเดิมคือ จำคุก 6 เดือนถึง 3 ปี ของใหม่คือ ไม่เกิน 2ปี คือเปิดโอกาสให้ศาลได้ใช้ดุลยพินิจการตัดสินลงโทษ ตามเหตุและผล ซึ่งผู้ต้องขังปัจจุบันจะได้รับอานิสงส์ด้วย แต่การผลักดันร่างกฎหมายนี้จำเป็นต้องใช้เวลา ดังนั้นผู้ต้องขังต้องบอกญาติข้างนอก ว่า อย่าเดินขบวนให้รุนแรง เพราะรัฐบาลหรือรัฐสภาอยู่ไม่ได้ หากกฎหมายไม่ผ่านจะยุ่งกันใหญ่ หรือหากสะดุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนต่อไปไม่ทราบว่าจะทำให้หรือไม่ ทั้งนี้สมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรีพร้อมจะผลักดัน ภายในปีงบประมาณ 2564 ทำให้สำเร็จให้ได้” นายสมศักดิ์ กล่าว
Cr. : นายทวีศักดิ์ ขิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
http://www.natethip.com/news.php?id=3128
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1160229090810050957
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=3127
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์ // การแข่งขันฟุตบอลโกแฮร์ลีกอุดมศึกษาหญิงแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 ชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ นัดที่ 7 ของฤดูกาล เมื่อวันที่ 9 ต.ค. มีผลดังนี้
ที่สนามอินทรีจันทรสถิตย์ “ลูกพระพิรุณ” มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดบ้านรับการไปเยือนของ “แข้งสาวสิงห์ร่มเกล้า” มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต คู่นี้ เจ้าบ้าน โดดขึ้นไปอยู่ที่ 2 ตารางสรุปคะแนน นัดนี้ เน้นเป็นพิเศษ ส่งตัวหลักลงครบชุด ส่วนทีมเยือนก็ไม่น้อยหน้า ส่งดาราเด่นของทีมลงสู้ เกมก้ำกึ่งสูสีกัน แต่เป็นเกษตรศาสตร ที่ฉกฉวยโอกาสทอง กดนำก่อน 1-0 ในครึ่งแรก จาก “หนูดี” อิรวดี มาครีส นาทีที่ 26
ครึ่งหลังเล่นกันไปได้แค่ 3 นาที “มุก”ชัชวัลย์ รอดทอง ดาวเด่นเกษตรกดให้เจ้าบ้านนำห่าง 2-0 ท้าย ๆ เกม ทีมเยือนเร่งเครื่องสู้ แต่ทำอะไรเจ้าบ้านไม่ได้ จบเกม เกษตรศาสตร์ชนะ 2-0 มี 18 คะแนนจาก 7 ส่วนทีมเยือน มี 9 คะแนน เท่าเดิม อยู่อันดับ ที่ 6
ที่สนามมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี “ฉลามสาว” มกช.ชลบุรี เปิดบ้านรับ “แข้งสาวเมืองดอกบัว” มหาวิทยาลัยปทุมธานี เกมนี้ เจ้าบ้าน เดินหน้าถล่มทีมเยือนแบบไม่เกรงใจ ชนะไปแบบสบายๆ 9-0 โดยได้ประตูจาก “ยี” เสาวลักษณ์ เพ็งงาม นาทีที่ 1, 10, 14 และ 17 “โซดา” ปิยภัทร กากแก้ว นาทีที่ 12 “หนิง”กุลสตรี ใจทน นาทีที่ 55 “สกิว”อุมาพร ศรหิรัญ นาทีที่ 62 “บีม” กชพร นิลละออ นาทีที่ 63 และ “รูนีย์” จิราภรณ์ มงคลดี นาที 89 ส่งผลให้ ชลบุรีมี 15 คะนน จาก 6 นัด อยู่อันดับ 3 ส่วนปทุมธานีมี 7 แต้มจาก 7 นัด อยู่อันดับที่ 7
ที่สนามมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอ่างทอง “พยัคฆ์สาวรวงทอง” มกช.อ่างทอง ที่ไม่เคยชนะใครมา 6 นัด เปิดบ้านรับ “ลูกสุริยะ” มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา ที่แพ้รวดมา 6 เกมติดต่อกัน ต่างคนต่างไม่มีแต้ม นัดนี้เป็นบอลถูกคู่ คนดูถูกใจ เจ้าบ้านบดเอาชนะ 7-3 อ่างทองได้ประตูจาก “เหมย”อินทุอรณ์ ศรีสิงห์ นาทีที่ 9, “พิม” พิมพร โรจนกุล นาทีที่ 11 และ 76 “โบ”อรพิณ วิรุณพันธ์ นาทีที่ 15,78 และ 83 และ “สุ”สุนันทา บุญกุศล น.45 ส่วน บ้านสมเด็จเจ้าพระยาได้ประตูจาก “แก้ว”เสาวลักษณ์ อ่อนปานนิล นาทีที่ 31 อติพร อินทรกำแหง น.34 และ ทิพย์วิมล คงแรงดี น.48
จากชัยชนะนัดนี้ นับเป็นชัยชนะนัดแรกของอ่างทอง ส่งผลให้มี 3 คะแนน อยู่อันดับ 9 ของตาราง ส่วนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ยังไม่มีแต่จากการแพ้รวด 7 นัดติดต่อกัน
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // ฝ่ายจัด วิ่ง “ดิ อาร์ตนิมอล รัน @ เดอะ เปียโน รีสอร์ต เขาใหญ่ เส้นทาง การันตีความพร้อมการจัดกิจกรรมวิ่ง “ดิ อาร์ทนิมอล รัน” เพื่อสัตว์ป่าเขาใหญ่ 11 ต.ค.นี้ หลังมีฝนตกอย่างต่อเนื่องและอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แจ้งปิดเส้นทาง
สมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ ร่วมกับ เดอะ เปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่ จัดกิจกรรมวิ่งเพื่อสัตว์ป่า “ดิ อาร์ทนิมอล รัน @ เดอะ เปียโน รีสอร์ต เขาใหญ่” วันที่ 11 ตุลาคมนี้ โดยได้รับเกียรติจาก พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการกีฬาวุฒิสภา เป็นประธาน
ล่าสุด นายวันกล้า ขวัญแก้ว นายกสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาออนไลน์ ได้นำคณะลงสำรวจพื้นที่และเส้นทางการวิ่ง กล่าวยืนยันความพร้อมว่า “จากที่มีข่าวอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่แจ้งปิดเส้นทางขึ้นหน้าด่านตรวจศาลเจ้าพ่อ ชั่วคราวเนื่องจากสภาพอากาศมีฝนตกหนักทำให้เกิดดินสไลด์และต้นไม้หักโค่นปิดเส้นทางไม่สามารถสัญจรได้นั้น ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งหวั่นวิตก ทางฝ่านจัดกิจกรรมจึงขอชี้แจงว่าส่วนของพื้นที่จัดกิจกรรมวิ่งนั้นอยู่ในบริเวณกม.9 ถนนธนะรัชต์ เดอะ เปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่ ทางฝ่ายจัดได้ดำเนินการสำรวจเส้นทางเรียบร้อยไม่มีน้ำท่วมเพราะเป็นเส้นทางวิ่งบนภูเขา รวมถึงล่าสุดฝนก็เริ่มหยุดตกไปแล้ว ทำให้สภาพอากาศปลายฝนต้นหนาวกำลังเย็นสบายประมาณ 22 องศา มาร่วมกิจกรรมได้อย่างมีความสุขแน่นอน”
สำหรับ กิจกรรมวิ่ง ดิอาร์ทนิมอลรัน @ เดอะ เปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่ ภายใต้การปฎิบัติตามแนวทางมาตรการการแพร่ระบาด COVID 19 อย่างเข้มงวด ยังคงเปิดให้นักวิ่งลงทะเบียนรับชุดอุปกรณ์ ณ เดอะ เปียโน รีสอร์ท เขาใหญ่ ตามกำหนดการเดิม วันที่ 10 ต.ค.63 ตั้งแต่เวลา 10.00น. – 19.00น. จากนั้นวันที่ 11 ต.ค.63 เปิดให้นักกีฬาเข้ามาเตรียมพร้อมยังจุดปล่อยตัวและตรวจคัดกรอง ตั้งแต่เวลา 05.00 – 05.30น. และเริ่มปล่อยตัวระยะ 5 กม. และ 12 กม. เวลา 06.00 น. ผู้เข้าร่วมกิจกรรมสามารถจอดรถได้ ที่บริเวณลานตลาดนัด กม.9 ถนนธนะรัชต์ ซึ่งทางฝ่ายจัดจะมีรถรับส่งมายังจุดปล่อยตัว
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // ที่ ห้องคริสตัลฮอลล์ บี โรงแรมดิแอทธินี แบงค็อก กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 ต.ค. สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ กรมประชาสัมพันธ์ จัดงานแถลงข่าว “โครงการ รวมไทย SAVE บอลไทย 2020”
การแถลงข่าวครั้งนี้ นำโดย อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์, คุณจริยา ประสพทรัพย์ ผอ.สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย, คุณณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, คุณอนุรุทธิ์ นาคาศัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ในฐานะตัวแทนภาครัฐ สำนักนายกรัฐมนตรีมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมการสนับสนุน ฟื้นฟู และยกระดับวงการกีฬาฟุตบอลไทย ให้กลับมาแข่งขันต่อได้ ซึ่งกีฬาฟุตบอลในประเทศไทย ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สร้างมูลค่าทางธุรกิจสูงกว่า 3,000 ล้านบาท ปีที่ผ่านมา แต่จากเหตุการณ์ช่วง วิกฤตกของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สโมสรต่างๆได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็น ค่าสปอนเซอร์ ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด, ตั๋วเข้าชม ไม่เพียงเท่านั้น ยังรวมถึงความรู้สึกของกองเชียร์ ผู้ชมฟุตบอลส่วนใหญ่ในประเทศอีกด้วย”
“เพื่อยกระดับมูลค่าทางธุรกิจของกีฬาฟุตบอล พร้อมทั้งสนับสนุนให้แฟนบอลสามารถเข้าถึงกีฬาฟุตบอลได้อย่างเต็มที่ จึงจัดให้มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประทเศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง NBT 2HD ช่อง 7HD, ช่อง ททบ.5 HD1 และช่อง 9 MCOT HD จนจบฤดูกาลแข่งขัน ประชาชนและแฟนบอลสามารถรับชมการแข่งขันได้ฟรี เป็นของขวัญแก่คนไทยทุกคน และจะพัฒนาวงการกีฬาฟุตบอล รวมถึง การที่จะสนับสนุนกีฬาในประเภทต่างๆ ของประเทศ ต่อไป”
ด้าน พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่า “จากอดีตที่ผ่านมา ฟุตบอลไทยลีก ได้รับกระแสความนิยม และเติบโตเป็นลำดับอย่างมั่นคง มูลค่าของลีกสูงขึ้น มีโครงสร้างทางธุรกิจกีฬาที่แข็งแรง ขณะที่ฐานแฟนบอลขยายตัว เพิ่มมากขึ้นในทุกฤดูกาล เรียกได้ว่ากีฬาฟุตบอลไทยตื่นตัวและเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด”
“แต่เมื่อเกิด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เช่นเดียวกับฟุตบอลไทย ที่ต้องเลื่อนโปรแกรมแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพทั้งหมด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคร้ายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องทำงานอย่างหนัก จนมีคู่มือการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอล ที่ได้รับการรับรองจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินโควิด-19 หรือ ศบค. / กระทรวงสาธารณสุข / และสามารถกลับมาแข่งขันได้อีกครั้งในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา”
“ผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลร้ายแรงกว่าที่คิด ธุรกิจฟุตบอลไทย สโมสรฟุตบอล หรือแม้แต่สมาคมฯ ต่างได้ผลกระทบโดยตรง จากการถอนตัวของผู้สนับสนุนที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่าย เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เช่นกัน”
“อีกหนึ่งเหตุผลใหญ่ ที่ส่งผลกระทบต่อฟุตบอลไทยทั้งระบบ คือ การสิ้นสุดสัญญาลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดที่มีกับเจ้าเดิมในเดือนตุลาคม ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับรายได้ของแต่ละสโมสร และกำลังใจของทุกคนในวงการฟุตบอลไทย”
“จากสถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาล โดย สำนักนายกรัฐมนตรี และ กรมประชาสัมพันธ์ ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ สนับสนุนด้านลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ฟุตบอลไทยลีก ตลอดฤดูกาลแข่งขัน 2563 คือ หลังจากวันที่ 25 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป เพื่อให้วงการฟุตบอลไทยก้าวพ้นวิกฤตที่ยากลำบากครั้งนี้ไปได้”
“โอกาสนี้ ผมในฐานะตัวแทนของคนในวงการกีฬาฟุตบอลไทย ขอขอบคุณรัฐบาล สำนักนายกรัฐมนตรี / กรมประชาสัมพันธ์ และผู้ร่วมสนับสนุนทุกท่านที่เข้ามาช่วยกอบกู้วงการฟุตบอลไทย และสานต่อความยิ่งใหญ่ของกีฬาฟุตบอลของเรา”
ส่วน พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด กล่าวถึงความพร้อมการถ่ายทอดสดสถานีโทรทัศน์ข่อง NBT 2HD ว่า “กรมประชาสัมพันธ์มีความพร้อมในการถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยลีก เนื่องจากมีสถานีโทรทัศน์อยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทำให้สามารถครอบคลุมการถ่ายทอดในต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นทีมเหย้าหรือทีมเยือน และเชื่อมั่นว่าการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลครั้งนี้ จะทำให้คนไทยได้รับชมฟุตบอลอย่างมีอรรถรส ประกอบกับเป็นเรื่องดีที่จะทำให้ประชาชนมารับชมช่อง NBT มากขึ้น และทาง NBT เตรียมการผลิตรายการเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลมีกูรูมาทำการวิเคราะห์ พรีวิวก่อนการแข่งขันในทุกสัปดาห์”
“จุดประสงค์การแถลงข่าวครั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจ ว่าการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก จะได้รับชมต่อหลังจากหมดสัญญากับ ผู้ประกอบการรายเดิม ซึ่งจะจบการแพร่ภาพออกอากาศ วันที่ 25 ตุลาคมนี้ และคอบอล มีโอกาสได้ชมการแข่งขันอย่างต่อเนื่องจนจบฤดูกาล โดยรับชมฟรีผ่าน ช่อง NBT 2HD ช่อง 7HD, ช่อง ททบ.5 HD1 และช่อง 9 MCOT HD และผ่านทาง OTT มาร่วม “รวมไทย SAVE บอลไทย 2020″ ไปด้วยกันพร้อมติดตามตารางแข่งขันทุกคู่ทุกแมตช์ได้ที่ เฟสบุ๊คแฟนเพจ, อินสตราแกรม และ ทวิตเตอร์ ที่เป็นทางการของทาง Thai League”
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วม “สืบสานงานศิลป์ ตามรอยพ่อ”ผ่านผลงานภาพวาดจาก 7 ศิลปินชั้นครู และ 20 ศิลปินออทิสติกไทยพระราชกรณียกิจ และพระจริยวัตรอันงดงาม อยู่ในใจพสกนิกรตราบชั่วนิรันดร์ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 13 ตุลาคม 2563 ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ จัดนิทรรศการ “สืบสานงานศิลป์ ตามรอยพ่อ” แสดงผลงานศิลปะจากศิลปินชั้นครู และศิลปินออทิสติกจาก
ART STORY BY AUTISTIC THAI กว่า 27 ท่าน ตั้งแต่ วันที่ 9 – 15 ตุลาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 บริเวณ ลานรามา ฮอลล์ ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์
ภายในพิธีเปิดนิทรรศการ ได้รับเกียรติจาก คุณสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) และ คุณชูศักดิ์ จันทยานนท์ ประธานมูลนิธิออทิสติกไทย ร่วมเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยตัวแทนศิลปินไทย ได้แก่ คุณบรรหาร ไทธนบูรณ์, คุณกำพล นิยมไทย, คุณไมตรี โพธิราช, คุณนพดล พรหมบัณฑิตกุล, คุณอดิศักดิ์ พานิชกุล , คุณยง สุไลมาน อาจารย์และน้องๆ ศิลปิน จากมูลนิธิออทิสติกไทย เข้าร่วมโชว์ผลงานอันภาคภูมิใจ โดยมีไฮไลต์การเปิดงานอยู่ที่การบรรเลงเพลงพระราชนิพนธ์ โดย “วงดนตรีอรุณจันทรา” วงดนตรีไทยบุคคลออทิสติกวงแรกของประเทศไทย พร้อมกับโชว์วาดรูปประกอบเสียงเพลงในหัวข้อ แรงบันดาลใจจากในหลวงรัชกาลที่ 9 โดย “น้องขิม” ธัญลักษณ์ ไพเราะ และ “น้องทิว” วัชระพล ดอชนะ ตัวแทนจากศิลปิน ART STORY BY AUTISTIC THAI ก่อนนำพาแขกผู้มีเกียรติทุกท่านชื่นชมผลงาน พูดคุยถึงผลงานอย่างเป็นกันเอง
คุณสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) เผยถึงที่มาการจัดงานว่า ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงมีให้กับประชนชาวไทยเสมอมา ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ จึงได้ร่วมกับ มูลนิธิออทิสติกไทย จัดนิทรรศการ “สืบสานงานศิลป์ ตามรอยพ่อ” อันเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม “ทำความดีน้อมรำลึก ในหลวง ร. 9” ซึ่งได้รวบรวมพระบรมสาทิสลักษณ์ หรือภาพวาด จากศิลปินชั้นนำของเมืองไทย และน้องๆ ศิลปินจากมูลนิธิออทิสติกไทย รวมกว่า 70 ภาพ มาจัดแสดงให้ผู้เข้าชมทุกท่านได้อิ่มเอมหัวใจ และระลึกถึงพระราชกรณียกิจต่างๆ รวมไปถึงพระอัจฉริยภาพของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปพร้อมๆ กัน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาชนที่ได้รับชมนิทรรศการแห่งนี้ จะได้ซึมซับความรู้สึกด้านต่างๆ โดยเฉพาะอัจฉริยภาพด้านศิลปะ และการทรงงานที่พระองค์ทรงทำให้แก่พสกนิกรตลอดพระชนม์ชีพ
ก่อเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการทำความดีตามรอยพระองค์ท่านสืบต่อไป
นิทรรศการ “สืบสานงานศิลป์ตามรอยพ่อ” แบ่งเป็นผลงานภาพวาด ภาพวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ จากปลายพู่กันศิลปินไทยชั้นครู อาทิ คุณบรรหาร ไทธนบูรณ์ , คุณนาวี เรืองระเบียบ, คุณกำพล นิยมไทย , คุณไมตรี โพธิราช , คุณนพดล พรหมบัณฑิตกุล, คุณอดิศักดิ์ พานิชกุล , คุณยง สุไลมาน, คุณไกรศักดิ์ จิรชัยกุล , คุณปริวัฒน์ อนันตชินะ และ คุณไพโรจน์ ธีระประภา ที่รวมทุกภาพความประทับใจในพระจริยวัตร และเทคนิคการใช้ลายเส้น สีสันงดงาม มาให้ชื่นชมกันอย่างเต็มตา
นอกจากนี้ผู้เข้าชมยังได้อิ่มเอมหัวใจไปกับภาพวาด เล่าเรื่องราว พระราชกรณียกิจ และ พระจริยวัตรอันงดงาม ผ่านมุมมองและฝีมือของ 20 ศิลปินออทิสติก จาก ART STORY BY AUTISTIC THAI ที่มีลายเส้น สีสัน และเทคนิคเฉพาะตัว อาทิ ผลงานของ “น้องทิว” วัชรพล ดอชนะ บุคคลออทิสติก
คนแรกของประเทศไทย ที่รับรางวัลการออกแบบคาแรคเตอร์ การแข่งขันฝีมือคนพิการแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ใช้เทคนิคสร้างสรรค์ผลงานแบบเรียลลิซึม เน้นองค์ประกอบชัดเจนโดดเด่นชวนมอง และ ผลงานของ “น้องออกัส” กฤษณ์ แขวงโสภา ผู้มีพรสวรรค์ด้านการวาดการ์ตูน และคาแรคเตอร์เกมส์ เน้นสีสันที่คมชัดร้อยเรียงเรื่องราวสนุกน่าติดตาม พร้อมจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้กับ เพื่อนๆ บุคคลออทิสติก และบุคคลทั่วไปให้เกิดพลังมั่นใจในตัวเอง
นอกจากการจัดนิทรรศการ “สืบสานงานศิลป์ตามรอยพ่อ” แล้ว ในวันที่ 12 ตุลาคม 2563 ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ยังมีกิจกรรมเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมทำความดีถวายเป็นพระราชกุศล ทั้งการทำบุญตักบาตร พระสงฆ์ 89 รูป บริเวณลานสกายวอล์ก และร่วมบริจาคโลหิตและอวัยวะ โดยศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านการปลูกถ่ายอวัยวะ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ ศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย ณ ลานพญาไท ฮอลล์ ชั้น G ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 15.00 น. เป็นต้นไป
ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและกิจกรรมต่างๆ ได้ที่ www.mbk-center.co.th และ www.facebook.com/mbkcenterth :Cr;มณสิการ รามจันทร์