พิมพ์ไทยออนไลน์ // ผบ.เรือนจำนครศรีฯ เผย รมว.ยุติธรรมต่อสายตรงกำชับช่วยชาวบ้าน โดยนำอาหาร-น้ำดื่มแจกชุมชนรอบเรือนจำช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แจงสถานการณ์น้ำท่วมเข้าสู่ภาวะปกติ ยันไม่มีอะไรเสียหาย
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.63 พ.ต.ท.วรชัย อารักษ์รัฐ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยถึง สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.นครศรีธรรมราช ว่า เนื่องจากเรือนจำมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่สูงและพื้นที่ที่น้ำไหลมาเป็นเพียงทางผ่านน้ำ ช่วงวันที่ 2 ธ.ค. มีน้ำหลากและท่วมขังรอบแนวกำแพงภายนอกสูงประมาณ 20-50 ซม.มีซึมเข้ามาในกำแพงเรือนจำเล็กน้อย และถนนเข้า-ออกเส้นทางหลักของเรือนจำประมาณครึ่งเมตร แต่น้ำไหลระบายได้เร็วจนน้ำเริ่มลดลงเรื่อยๆและขณะนี้เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว แต่ชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบเรือนจำ บ้านเรือนอยู่ต่ำกว่ามีน้ำท่วงขัง โดยทางเรือนจำได้ซึ่งมีศูนย์การเกษตร ได้นำอาหาร และน้ำดื่มนำไปแจกจ่ายกับชาวบ้าน เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือนร้อนในเบื้องต้น ซึ่งในขณะนี้จากการสำรวจ น้ำที่ท่วมขังได้ลดลงเข้าสู่สภาวะปกติแล้วเช่นกัน
“ผมได้รับโทรศัพท์จาก นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยท่านโทรมาสอบถามความเสียหายและแสดงความเป็นห่วง และได้กำชับให้ดูแลช่วยเหลือชาวบ้านรอบๆเรือนจำด้วย รวมทั้งให้ความสำคัญในการควบคุมสถานการณ์ภายในเรือนจำ ทั้งเรื่องของระบบรักษาความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังตามหลักสิทธิมนุษยชน และหากภาวะการณ์เกินความสามารถในการบริหารจัดการ ให้ประสานการสนับสนุนจากเรือนจำและทัณฑสถานใกล้เคียงภายในเขตหรือจากส่วนกลางกรมราชทัณฑ์ต่อไป และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายต้องประเมินความเสียหายและเยียวยาเจ้าหน้าที่ที่อาจได้รับผลกระทบในครั้งนี้ด้วย”พ.ต.ท.วรชัย กล่าว
พ.ต.ท.วรชัย กล่าวอีกว่า จากการสำรวจความเสียหายของทางเรือนจำ พบว่าไม่มีอุปกรณ์สำคัญเสียหายแต่อย่างใด มีเพียงคราบสกปรกที่มากับน้ำเท่านั้น ซึ่งก็ได้ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช มีแผนเผชิญเหตุและมาตรการจัดเตรียมพร้อมหากเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ยานพาหนะรถยนต์บรรทุกสูง รถควบคุมผู้ต้องขัง รถหุ้มเกราะสูง พร้อมพนักงานขับรถสำรอง และกรณีต้องการกระแสไฟฟ้าสำรอง หากมีการตัดไฟฟ้า และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองของเรือนจำขัดข้องหรือไม่เพียงพอ รวมทั้งให้การช่วยเหลือประชาชนในชุมชนรอบบริเวณหรือใกล้เคียงเรือนจำที่ประสบภัย และเฝ้าติดตามประเมินสถานการณ์ กวดขันมาตรการด้านการควบคุมอย่างใกล้ชิด และรายงานผู้บริหารอย่างต่อเนื่อง
Cr. : นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพืมพ์ไทยออนไลน์







(จ.แพร่)เป็นผู้ดำเนินการแกะสลัก ขนาดความสูงประมาณ 1.20 เมตร และด้วยความศรัทธาในบารมีได้ตั้งจิตอธิษฐาน จะนำ “ไอ้ไข่” เข้าพิธีพุทธาภิเษก อธิษฐานจิต ด้วยบารมีของพระเกจิอาจารย์ จากภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน โดยเริ่มต้นจาก “หลวงพ่อพบโชค” วัดห้วยปลากั้ง จ.เชียงราย (ภาคเหนือ) เป็นปฐมฤกษ์ และลำดับต่อไปจะไปที่ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคอีสาน ที่สุดท้าย ณ มูลนิธิหลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
เมตตาจาก พลตำรวจตรีมหัคพันธ์ สุรคุปต์ ประธานมูลนิธิองค์หลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ได้ให้โอกาส พี่ๆน้องๆคนพิการที่อาศัยอยู่ในอำเภอวังน้ำเขียว และในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งไม่มีอาชีพไม่มีรายได้เพราะด้วยสภาพความพิการ ต่อมา “อาจารย์คติพจน์” ได้จัดหาสลากกินแบ่งรัฐบาลมาให้กับคนพิการที่อาศัยอยู่ในเขตอำเภอวังน้ำเขียวได้มีโอกาสในการประกอบอาชีพจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และได้รับความอนุเคราะห์ พื้นที่การจัดตั้งวางแผงสลากกินแบ่งรัฐบาลในเขตพื้นที่ของมูลนิธิฯ โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายแต่อย่างใดถือว่าเป็นคุณอันใหญ่หลวงกับคนพิการที่ได้มีสถานที่ด้วยบารมีของ “หลวงพ่อคูณองค์ใหญ่ที่สุดในโลก” ที่มีพุทธศาสนิกชนลูกศิษย์ ลูกหาที่เคารพและศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อคูณ เดินทางมากราบไหว้ขอพรเป็นจำนวนมาก และยังช่วยเหลือคนพิการมาร่วม อุดหนุนสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยการจำหน่ายของคนพิการ เพื่อเป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างอนาคตเพื่อคนพิการไทย




