พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ร่วมฉลองส่งท้ายปีกับเมนูสุดอลังการ จากเชฟแพทริค วิทที้ เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ จากลยานะ รีสอร์ท แอนด์ สปา “สุดยอดเชฟผู้พิชิต” จากรายการ “เชฟกระทะเหล็ก” ในงาน “Seafood Extravaganza Dinner” ทั้งซีฟู้ด, เนื้อสัตว์ หรือ เซิร์ฟ แอนด์ เทิร์ฟ ให้เลือกพร้อมอิ่มอร่อยกับบุฟเฟต์เมนูเรียกน้ำย่อยและของหวานแบบไม่อั้น ริมสระว่ายน้ำชั้น 8 โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ราคา 2,021 บาทสุทธิต่อท่าน พร้อมร่วมงานเคานต์ดาวน์ “Glow Go 21” ฟรี รับส่วนลด20% สำหรับ 4 ท่าน และ 10 % สำหรับ 2 ท่าน สำรองที่นั่งโทร. 02 216 3700 Line: @PPrincess:Cr;มณสิการ รามจันทร์
“วราวุธ” นำทีม ทส. บุก สามย่าน ชู “ชีวิตวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” รับวันสิ่งแวดล้อมไทย’63
พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2563 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว. ทส.) พร้อมด้วย นายนพดล พลเสน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงฯ นายยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีฯ นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีฯ และ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ นำทีมผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ในสังกัดฯ ลงพื้นที่สามย่าน ตอกย้ำแนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม”
Theme รณรงค์เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมไทยฯ ประจำปีนี้ ซึ่งจัดขึ้น ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน กทม. เชิญชวนพี่น้องประชาชนเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่แม้ต้องใช้ชีวิตแบบ New Normal ก็สามารถรักษ์โลก รักษาสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปได้ เริ่มได้ที่ตัวเอง ขอเพียงมีสติ คิดถึงสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนจนเป็นนิสัย เชื่อว่า ทุกคนทำได้ ซึ่งจะเป็นพลังสำคัญในการช่วยดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทยให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เพื่อส่งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. ทส. เปิดเผยว่า ทุกวันที่ 4 ธ.ค. ของทุกปี เป็นวันสิ่งแวดล้อมไทย ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2534 สืบเนื่องจากพระราชดำรัสของในหลวง รัชกาลที่ 9 พระราชทานแก่คณะบุคคลต่างๆ ที่เข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2532 ใจความเกี่ยวกับสถานการณ์สิ่งแวดล้อมของประเทศและของโลก ที่ทรงห่วงใยต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ประชาชนชาวไทยกำลังประสบอยู่และให้ถือเป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการดำเนินงานเพื่อการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และต่อมา เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2550 ครม.ได้มีมติให้เป็น “วันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ” หรือ “วัน ทสม. แห่งชาติ” อีกวาระหนึ่ง เพื่อเชิดชู ทสม.ที่มีจิตอาสารวมพลังกันสร้างคุณความดีพิทักษ์รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชาติ
ซึ่งกระทรวงฯ โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้จัดกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อมไทย และวัน ทสม. แห่งชาติ เป็นประจำทุกปี โดยปีนี้ รณรงค์ภายใต้แนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” สืบเนื่องจากสถานการณ์ COVID – 19 ที่ทำให้เกิดการใช้ชีวิตวิถีใหม่ หรือ New Normal อาทิ การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์และการใช้บริการเดลิเวอรี่ที่มีมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ตามมา คือ “ขยะ” โดยเฉพาะขยะพลาสติกในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว จึงจำเป็นต้องสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมกับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้น ได้มีการริเริ่มกิจกรรม/โครงการความร่วมมือต่างๆ กับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน เช่น โครงการเปลี่ยนพลาสติกเป็นบุญ (เมื่อคุณหมุนเวียน) การทำ MOU การลดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวจากการบริการส่งอาหาร (Food Delivery) และ MOU ส่งเสริมการผลิตบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ (RECYCLABLE 100%) รวมถึง การใช้มาตรการท่องเที่ยวสวนสัตว์วิถีใหม่ หรือ “Zoo New Normal” เป็นต้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนมาร่วมกันดูแลโลกใบนี้ร่วมกัน โดยเริ่มต้นที่ตัวเอง มีสติ คิดถึงสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น แล้วค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสู่การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการดูแลสุขภาพแบบนิวนอร์มอล มาร่วมกันใช้ชีวิตวิถีใหม่ ทีใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น ลด ละ เลิก การใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วและพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง หรือนำกลับมาใช้ซ้ำ ใช้ทรัพยากรหมุนเวียนให้คุ้มค่ามากที่สุด รวมทั้งเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมและสนับสนุนผลิตภัณฑ์หรือการให้บริการต่างๆ ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทส. ได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทำให้ปริมาณถุงพลาสติกลดลงมากกว่า 1 หมื่นล้านใบหรือมากกว่า 1 แสนตัน (11,958 ล้านใบ ประมาณ 108,220 ตัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) นับตั้งแต่การใช้มาตรการงดให้บริการถุงพลาสติกหูหิ้ว เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2563 ด้วยความร่วมมืออย่างดีจากภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ กว่า 76 บริษัท ตลอดจนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ซึ่ง ทส. จะยังคงเดินหน้ารณรงค์สร้างการรับรู้และสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการเร่งรัดการออกกฎหมาย/มาตรการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องขอย้ำว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของเราทุกคนที่จะต้องร่วมมือกัน ช่วยกันจัดการ และแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต และเพื่อการคงอยู่ของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ด้าน นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. กล่าวเสริมว่า วันสิ่งแวดล้อมไทยและวัน ทสม. แห่งชาติ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง รัชกาลที่ 9 พระผู้ทรงเป็นบิดาแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนรณรงค์ให้ประชาชนเห็นคุณค่าและความสำคัญของการทำความดีในเรื่องของจิตอาสา ตามพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 10 อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างจิตสำนึกและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากทุกภาคส่วน รวมทั้งเพื่อยกย่อง เชิดชูเกียรติบุคคล ชุมชน และองค์กรต้นแบบด้านการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปีนี้ จัดขึ้น ภายใต้แนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ เขตปทุมวัน กทม. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. กิจกรรมภายในงาน มีทั้ง การมอบรางวัลเชิดชูเกียรติบุคคล องค์กร และชุมชนที่มีผลงานด้านสิ่งแวดล้อมดีเด่น รวม 46 รางวัล ได้แก่ รางวัลถ้วยพระราชทานฯ โครงการชุมชนปลอดขยะ zero waste ระดับประเทศ รางวัล ทสม. และเครือข่าย ทสม. ดีเด่น ระดับประเทศ รางวัลเชิดชูเกียรติองค์กรดีเด่นด้านสิ่งแวดล้อม รางวัลอุทยานธรณีประเทศไทย และผู้ทำคุณประโยชน์ต่อการอนุรักษ์แหล่งมรดกธรณีและการดำเนินการอุทยานธรณี รวมทั้ง การจัดกิจกรรมและนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด “ชีวิตวิถีใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม”ของหน่วยงานสังกัดกระทรวงฯ และภาคีเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เป็นต้น:Cr;มณสิการ รามจันทร์
“แม่ศรีเรือน” ปรับกลยุทธ์สานต่อตำรับความอร่อยยุค New Normal เปิดตัวเมนูทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพ ก้าวสู่ปีที่ 60 อย่างมั่นคง
พิมพ์ไทยออนไลน์//จากตำนาน “ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ศรีเรือน” เตรียมสานต่อต้นตำรับความอร่อยสู่ปีที่ 60 ปรับกลยุทธ์ธุรกิจผ่านวิกฤตรับยุค New Normal จับมือ เวลเนส แคร์ เปิดร้าน “เวลเนส กรีน ช็อป (Wellness Green Shop)” สาขาแม่ศรีเรือน สุขาภิบาล3 เพิ่มเมนูทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพ ภายใต้สโลแกน “ทำด้วยใจ..ดีต่อสุขภาพ” มื้ออร่อยสูตร 2:1:1 พร้อมเพิ่มสินค้า 2 ทางเลือกตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ “น้ำแกงปรุงสำเร็จ” สะดวก อร่อย ง่ายๆ สไตล์แม่ศรีเรือน ตอบรับกลุ่ม Home Cooking และ “สำรับแม่ศรีเรือน” 30 วันไม่ซ้ำเมนู รับกลุ่มวัยทำงานและผู้สูงอายุ รองรับสังคมของผู้สูงวัย มั่นใจปรับตัวตรงจุด พร้อมส่งแม่ศรีเรือนก้าวข้ามวิกฤตได้อย่างมีคุณภาพนายชาณ เรืองรุ่ง กรรมการบริหาร บริษัท ครัวแม่ศรีเรือน จำกัด, บริษัท แม่ศรีเรือนไทยฟู้ดส์ จำกัด และบริษัท แม่ศรีเรือนอินเตอร์ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด เปิดเผยเล่าย้อนไปถึงความเป็นมาของร้านก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ศรีเรือน ว่า แม่ศรีเรือนเริ่มจากธุรกิจร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เล็กๆ ทำกันในครอบครัวที่พัทยากลาง แต่ต่อมาเมื่อร้านเริ่มเป็นที่กล่าวขวัญกันปากต่อปากจากลูกค้าต่างจังหวัด ถึงรสชาติที่แสดงออกถึงความรักและความใส่ใจในทุกขั้นตอน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นการเปิดสาขาแรกของ ‘ก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ศรีเรือน’ ที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2521 หลังจากการเปิดสาขาขึ้นที่กรุงเทพฯ ร้านแม่ศรีเรือนก็พัฒนาตัวเอง และเติบโตขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด จากแนวคิดที่ว่า ‘แม่ศรีเรือนจะเป็นสำรับกับข้าวที่สองของครอบครัวไทย’ จากนั้นเมนูก๋วยเตี๋ยวไก่ต้นตำรับ ก็ขยายมาเป็นอาหารจานเดียว และอาหารไทยที่มีความหลากหลายมากขึ้น ที่สำคัญเรายังได้นำความรักและความใส่ใจในวันแรกที่เปิดร้าน มาใช้กับการเปิด ‘ครัวกลาง’ เพื่อรักษามาตรฐานของวัตถุดิบ ให้มีคุณภาพใกล้เคียงกันในทุกจาน โดยเน้นเรื่องรสชาติและความปลอดภัยของผู้ทานเป็นสำคัญ เรียกว่าถ้าใครไม่อยากยุ่งยากในการทำอาหารที่บ้านให้นึกถึงแม่ศรีเรือนเป็นที่แรก
“ระยะเวลารวมกว่า 60 ปีที่เปิดร้านมา ร้านแม่ศรีเรือนเจออุปสรรคมามากมาย แต่ในปีนี้ที่ทุกคนต่างปรับวิถีการดำเนินชีวิตในเรื่องการกินไปอย่างมาก ผู้คนตระหนักถึงการดูแลสุขภาพตัวเองและครอบครัว ทั้งยังเน้นถึงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารที่ทานเข้าไปในแต่ละวันด้วย ร้านแม่ศรีเรือนจึงมีแนวคิดที่จะนำแก่นแท้ของของความเป็นแม่ศรีเรือน ที่เราให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบ และมีความละเมียดละไม ประณีตใส่ใจในทุกขั้นตอนการปรุง ให้ได้รสชาติอาหารอร่อยตำรับไทยแท้ที่ทุกคนคุ้นเคยและเข้าถึงได้ง่าย มาพัฒนาเข้ากับ ‘เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ’ เพิ่มเติมจากเมนูอาหารปกติของร้าน เพื่อเพิ่มทางเลือกใหม่ให้ผู้ที่รักสุขภาพ ทั้งยังส่งเสริมนโยบายรัฐ (สสส.) รณรงค์ให้คนไทยใส่ใจสุขภาพ ลดอัตราการเจ็บป่วยจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ภายใต้สโลแกน ‘ทำด้วยใจ..ดีต่อสุขภาพ’ มื้ออร่อยสูตร 2:1:1”
เมนูอาหาร “ทำด้วยใจ..ดีต่อสุขภาพ” เป็นการวางทางเลือกใหม่เพื่อสุขภาพจากร้านแม่ศรีเรือน ทั้งยังเป็นหนึ่งในความร่วมมือครั้งสำคัญของก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ศรีเรือน กับ ศูนย์ธรรมชาติบำบัด เวลเนส แคร์ โดย “นายแพทย์บุญชัย อิศราพิสิษฐ์” ศูนย์ทางเลือกสุขภาพที่ใช้แนวทางวิถีทางธรรมชาติบำบัด ปรับพฤติกรรมการบริโภคและการใช้ชีวิต ด้วยการประยุกต์ใช้อาหารเป็นยาและทดแทนการใช้วิตามิน เพื่อสร้างสมดุลทางด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจควบคู่กัน ต่อยอดเพื่อ ‘ลด’ จำนวนผู้เจ็บป่วยด้วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในสังคมไทย ซึ่งเมนูอาหารทางเลือกเพื่อสุขภาพนี้ ได้เริ่มพัฒนาและวางจำหน่ายที่ร้านแม่ศรีเรือน สาขาสุขาภิบาล3 ทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์ผู้รักสุขภาพในพื้นที่ใกล้เคียง ใช้บริการได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว และประหยัดเวลาในการเดินทาง ที่เดียวทานครบจบทุกสำรับเมนูอาหาร
สำหรับเมนู “ทำด้วยใจ..ดีต่อสุขภาพ” ของร้านแม่ศรีเรือน จะให้ความสำคัญในการคัดสรรวัตถุดิบเพื่อความปลอดภัยกับผู้บริโภค โดยการล้างผักผลไม้ด้วยเครื่องล้างผักโอโซน และเลือกใช้วัตถุดิบจากผู้ผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน (ผักปลอดสาร / ผักอินทรีย์ 70%) ปรุงตามสูตร 2:1:1 คือ ผัก 2 ส่วน, ข้าว 1 ส่วน และเนื้อ 1 ส่วน ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมนูอาหารที่ เพิ่มกากใย (HIGH FIBER), ไม่ใส่ผงชูรส (NO MSG), ลดหวาน (LOW SUGAR), ลดเค็ม (LOW SODIUM), ลดมัน (LOW FAT), งดแป้งขัดขาว, งดเนื้อแดง และแสดงปริมาณแคลอรี่ต่อจาน ให้คุณค่าทางโภชนาการครบทั้ง 5 หมู่ จากเมนูที่มีความหลากหลาย อาทิ ก๋วยเตี๋ยวไก่สุขภาพ, ข้าวกะเพราไก่, ข้าวผัดกุ้ง, ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ, ผัดไทยกุ้ง, ราดหน้าเส้นหมี่ข้าวกล้องไก่, ยำทูน่า, สลัดโรล และอื่นๆ อีกมากมาย
นายชาณ กล่าวต่อไปว่า “นอกเหนือจากเมนูอาหารเพื่อสุขภาพแล้ว ร้านแม่ศรีเรือนยังมีการวางแนวคิดธุรกิจใหม่ๆ ในด้านต่างๆ เพื่อปรับตัวเองให้เข้ากับการดำเนินงานในวิกฤตโควิด-19 ในรูปแบบ New Normal โดยที่ผ่านมา ร้านแม่ศรีเรือนได้ใช้มาตรการเพื่อความปลอดภัยในการปรุงอาหารเพื่อลูกค้ามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน 7 ขั้นตอนสำหรับพนักงาน ตามแนวทาง Social Distancing เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าในการสั่งอาหารที่ร้านแม่ศรีเรือนทุกสาขา รวมไปถึงให้บริการ Cashless เพิ่มช่องทางชำระเงินอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า ทั้งจากการโอนชำระผ่าน Banking Application, การชำระผ่าน QR Code และการชำระด้วยเครดิตการ์ด อีกทั้งในช่วงปลายปีนี้ แม่ศรีเรือนจะเพิ่มสินค้า 2 ตัวเลือกใหม่ อย่าง น้ำแกงปรุงสำเร็จ และ สำรับแม่ศรีเรือน ที่มีความโดดเด่น ตอบโจทย์เข้ากับชีวิตวิถีใหม่ของทุกคน”
การเพิ่มสินค้า 2 ตัวเลือกใหม่ของร้านแม่ศรีเรือน ถือเป็นการใช้แนวทางความใส่ใจในการปรุงอาหาร มาเป็นการแก้โจทย์ชีวิตวิถีใหม่หรือ New Normal ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย “น้ำแกงปรุงสำเร็จ” เป็นการนำเอา Pain point ผู้บริโภคที่ไม่สามารถทำงานประจำได้เหมือนเคย ให้หันมาลงมือทำอาหารที่บ้าน (Home Cooking) ได้ง่ายขึ้น ภายใต้แนวคิด “สะดวก อร่อย ง่ายๆ สไตล์แม่ศรีเรือน” เพียงเพิ่มเติมเนื้อและผักลงในน้ำแกงไทยปรุงสำเร็จ ก็จะได้แกงไทยรสชาติอร่อยในทันที ไม่ว่าจะเป็น น้ำแกงส้ม, น้ำแกงเขียวหวาน, น้ำแกงพะแนง, น้ำแกงเลียง ฯลฯ สำหรับในส่วนของ “สำรับแม่ศรีเรือน” เป็นเมนูในรูปแบบของปิ่นโต สำรับกับข้าวปรุงสดใหม่ ส่งถึงบ้านได้โดยตรง โดดเด่นด้วยแนวคิด “30 วันไม่ซ้ำเมนู” เพื่อเป็นทางเลือกให้กลุ่มวัยทำงานที่ไม่มีเวลาทำอาหาร ที่สำคัญยังเป็นทางเลือกให้กับการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ รองรับการเข้าสู่สังคมของผู้สูงวัย (Aging Society) ได้เป็นอย่างดี
“ปัจจุบันร้านก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ศรีเรือนมีสาขาที่กรุงเทพและปริมณฑล 27 สาขา ที่พัทยา 4 สาขา และที่หัวหินอีก 1 สาขา รวมทั้งหมด 32 สาขา ด้วยจำนวนสาขาในการดูแลที่มาก เราถือเป็นเรื่องของความท้าทาย ที่แม่ศรีเรือนต้องก้าวข้ามวิกฤตการแข่งขันที่รุนแรงไปให้ได้ ท่ามกลางโจทย์ทางธุรกิจที่มากมายทั้งในส่วนของรายได้และต้นทุนรอบด้าน แต่ในอีกมุมยังมีข้อบวกคือธุรกิจร้านอาหารถือเป็นธุรกิจที่ยังสามารถเติบโตได้อยู่แม้ไม่สูงมากนัก ทั้งนี้เพราะอาหารคือหนึ่งในปัจจัยสี่ที่จำเป็น อีกทั้งพฤติกรรมของคนไทยที่เคยนิยมทานอาหารนอกบ้านในห้างสรรพสินค้า ก็เปลี่ยนไปเป็นการทานที่ร้าน Stand Alone หรือศูนย์การค้าขนาดเล็กแทน หรือแม้แต่การเลือกปรุงอาหารรับประทานกันเองที่บ้านก็มีเพิ่มขึ้น นั่นเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนของวิกฤตโควิด-19
“อย่างไรก็ตามด้วยแนวโน้มที่เติบโตเห็นได้ชัดของกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ รวมถึงกลุ่มที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ความหลากหลาย ภายใต้ราคาที่สมเหตุสมผล ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายของร้านแม่ศรีเรือนในการที่จะตอบรับกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้อย่างลงตัว เพราะอาหารที่เราปรุงด้วยความใส่ใจจะถูกส่งไปถึงบ้าน ด้วยบริการดิลิเวอรี่จากผู้ให้บริการอย่าง Grab, Line Man, Gojek, Lalamove รวมถึงช่องทางดิลิเวอรี่ของร้านแม่ศรีเรือนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ และการเปิดตัวเมนูทางเลือกใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหารเพื่อสุขภาพ, น้ำแกงปรุงสำเร็จ หรือแม้แต่สำรับแม่ศรีเรือน คือบททดสอบว่าเรากำลังปรับตัวไปในทิศทางเดียวกันกับผู้บริโภคอย่างตรงจุด และจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยให้ร้านแม่ศรีเรือนสามารถก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ไปได้” นายชาณ สรุปทิ้งท้าย :Cr;มณสิการ รามจันทร์
เน้นทุกถ้วย ! “มาดามจอย” หวังอัดประจวบฯ กรุยทางช้างเอฟเอฯ รอบ 16
พิมพ์ไทยออนไลน์ // “มาดามจอย” หวังผ่านประจวบฯ แชมป์เก่าโตโยต้าลีกคัพ เพื่อกรุยทางสู่รอบ 16 ทีมบอลช้าง เอฟเอคัพให้ได้ พร้อมอ้อนแฟนร่วมเชียร์พญาไก่ชน ยืดสถิติไร้พ่ายต่อไป
หนองบัวพิชญ เอฟซี ว่าที่แชมป์ไทยลีก 2 เลกแรก ซึ่งมีโปรแกรมศึกช้างเอฟเอคัพ รอบ 32 ทีมสุดท้ายเปิดบ้านรับมือ พีที ประจวบ เอฟซี ดีกรีแชมป์เก่าฟุตบอลโตโยต้าลีกคัพ 2019 ที่ผ่านมา
“มาดามจอย” กฤษยา ภู่มงคลสุริยา รองประธานสโมสรหนองบัวพิชญฯ กล่าวว่า “การเจอกับพีที ประจวบ ทีมจากลีกสูงสุดและมีดีกรีแชมป์เก่าโตโยต้าลีกคัพด้วย ทีมที่มีประสบการณ์ถึงขนาดเคยเป็นแชมป์บอลถ้วย คงไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เชื่อว่าจะเป็นเกมที่สนุก ตื่นเต้น และเร้าใจแน่นอน ฟุตบอล 90 นาทีน็อคเอาท์ อะไรก็เกิดขึ้นได้”
บอสหญิงพญาไก่ชนกล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตามเกมในบ้านต่อหน้าแฟนบอล พวกเราทุกคนมุ่งมั่นเกินร้อยแน่นอน เพื่อหวังจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมให้ได้ รวมถึงรักษาสถิติไร้พ่ายซึ่งฤดูกาลนี้ยังไม่เคยแพ้ให้กับคู่แข่งเลย ทั้งในลีกและบอลถ้วย อยากขอกำลังใจจากแฟนคลับพญาไก่ชน เราเจอทีมจากลีกสูงสุดและมีดีกรีไม่ธรรมดา มาร่วมกันเป็นกำลังใจให้นักกีฬาของเราคว้าชัยชนะ เพื่อเข้าสู่รอบต่อไปให้ได้”
สำหรับเกมลูกหนังช้างเอฟเอคัพ รอบ 32 ทีมสุดท้าย ระหว่างหนองบัวพิชญ เอฟซี พบ พีที ประจวบ แข่งขันวันเสาร์ที่ 5 ธ.ค 63 ที่ สนามพิชญ สเตเดี้ยม เวลา 18.00 น.
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
“ลูกพระนาง” ชนะ อ่างทองขึ้นที่ 4 บอลโกแฮร์ยูลีกหญิง
พิมพ์ไทยออนไลน์ // “ลูกพระนาง”มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กลับขึ้นอยู่อันดับที่ 4 อีกครั้ง เปิดสนาม มหาวิทยาลัยเทคโนฯพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ที่โยกมาใช้เป็นรังเหย้าถล่มชนะ“พยัคฆ์สาวรวงทอง” 7 ประตูต่อ 1
การแข่งขันฟุตบอลโกแฮร์ลีกอุดมศึกษาหญิงแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 ชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ นัดที่ 15 ของฤดูกาล ที่สนามมหาวิทยาลัยเทคโนโนลี่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา ระหว่าง “ลูกพระนาง”มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ทีมอันดับ 6 กับ “พยัคฆ์สาวรวงทอง” มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอ่างทอง ทีมอันดับ 8 โดยนัดนี้ “ลูกพระนาง”มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ที่สะดุดฟอร์มมาหลายนัด ส่ง “นา” พัสฐ์นันทร์ ทองอิ่ม, “มัดซี” สุนิสา วงศ์ศรีแก้ว และ “ยูมิ” กัญญารัตน์ อาอิกาว่า เป็นสามประสานในแดนหน้า มี “เปียโน” วนัสนันท์ อิ่มทิม เฝ้าเสา ส่วน“พยัคฆ์สาวรวงทอง” มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตอ่างทอง มี “โบ” อรพิน วิรุฬพันธุ์ เป็นหัวหอกนำทัพ
เปิดเกมครึ่งแรก “ลูกพระนาง”เดินหน้าใส่ทีมเยือนก่อน แต่ยังหาช่องยิงประตูไม่ได้ แถมเสียประตูไปก่อนจากลูกยิงของ “พิม” พิมพร โรจนกุล ที่ซ้ำลูกโทษที่จุดที่ “หมิว” ณฐวรรณ เข็มเพชร ยิงไปให้ วนัสนันท์ อิ่มทิม เซฟกระดอนออกมา เข้าประตูไปให้ทีมเยือนนำก่อน สวนสุนันทา ตามเอาคืนจาก “นา”พัสฐ์นันท์ ทองอิ่ม นาทีที่ 38 และจาก “ยูมิ”กัญญารัตน์ อาอิกาว่า นาทีที่ 45 แซงนำ 2 ประตูต่อ 1
ครึ่งหลัง สวนสุนันทา เดินหน้ายิงใส่ทีมเยือนข้างเดียว ทำประตูเพิ่มได้ 5 ประตู จาก “ฝ้าย”สุทธินันท์ สัมพัดทองแหลน นาทีที่ 48 “นา”พัสฐ์นันท์ ทองอิ่ม นาทีที่ 63 “ฝน” ธนพร ยิ้มละมัย นาทีที่ 66 “มัดซี”สุนิสา วงศ์ศรีแก้ว นาทีที่ 70 และ “ฟ้า”พัชราพร แถวพันธุ์ นาทีที่ 78
ชนะนัดนี้ ทำให้ มรภ.สวนสุนันทา มีคะแนนสะสม 22 แต้มจาก 15 นัด แซงมกช.สมุทรสาคร ที่มี 20 คะแนน และแซง ม.เกษมบัณฑิตที่มี 21 คะแนนจาก 15 นัดเท่ากัน ขึ้นไปอยู่ที่ 4 ของตารางอีกครั้ง ขณะที่ มกช.อ่างทอง มี 8 คะแนน อยู่ที่ 7 ตามเดิม
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
The Urban Office สถานที่ทำงานยุคใหม่แบบไฮบริด เปิดตัวโคเวิร์กกิ้งสเปซสาขาใหม่ล่าสุด
พิมพ์ไทยออนไลน์//ดิ เออร์เบิน ออฟฟิศ (The Urban Office) โคเวิร์กกิ้งสเปซสัญชาติไทย ได้เปิดตัวโคเวิร์กกิ้งสเปซแบบไฮบริดเป็นแห่งที่ 3 ณ โครงการ Summer Point ในย่านพระโขนง โดยการขยายสาขาแห่งใหม่ล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ The Urban Office ได้รับการโหวตให้เป็น Best Coworking Space Startup in Thailand 2019 จาก ASEAN Rice Bowl Startup Awards และมีลูกค้าให้ความสนใจจองพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งสาขาแรกที่อาคารเมโทรโพลิส ย่านพร้อมพงษ์ และสาขาที่ 2 ที่อาคารเมืองไทยภัทรคอมเพล็กซ์ ถนนรัชดาภิเษกโคเวิร์กกิ้งสเปซแบบไฮบริดนี้ คือการจัดสรรสถานที่ให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เลือกรูปแบบได้ครบทุกความต้องการ ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด มอบความยืดหยุ่นในการปรับขนาดทีมได้เมื่อจำเป็น การดูแลบริหารจัดการเต็มรูปแบบ
พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้องครัว ห้องประชุม หรือ ห้องโทรศัพท์ ด้วยข้อได้เปรียบเหล่านี้ ลูกค้าจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของบริษัทหรือธุรกิจของตน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดการสำนักงานใด ๆ
The Urban Office สาขาที่ 3 นี้ เป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย บนพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่กว่า 2,000 ตร.ม. โดดเด่นด้วยโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายระดับองค์กร พร้อมด้วยคาเฟ่ และพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ประหนึ่งโอเอซิสในที่ทำงาน นอกเหนือจากการเป็นโซลูชั่นพื้นที่ทำงานที่ใหญ่ที่สุดในเขตพระโขนงแล้ว ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือกว่า โซนที่นั่งสำหรับพักผ่อนจำนวนมาก ห้องสมุด ตลอดจนระเบียงโซนเอาท์ดอร์ ที่สวยงามและกว้างขวาง เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวเพื่อการผ่อนคลาย
คุณทริน แดนห์ ผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง The Urban Office กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจที่ได้ขยายแบรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซสัญชาติไทยระดับพรีเมี่ยม ด้วยการเปิดสาขาที่ 3 ของเรา ที่โครงการ Summer Point พระโขนง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของไทย เราเชื่อว่าวิธีการทำงานของเราต้องพัฒนาไปให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของคนยุคปัจจุบัน โคเวิร์กกิ้งสเปซไม่ได้เป็นเพียงแค่ออฟฟิศสำหรับทำงาน แต่เป็นสถานที่ที่ผู้คนและไอเดียอันน่าทึ่งได้มาพบกัน กว่าไอเดียที่ยอดเยี่ยมจะเกิดขึ้น ต้องอาศัยเวลา ชุมชนที่สร้างสรรค์ และสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้คนสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ดีที่สุด”
ในขณะที่ผู้เล่นรายอื่นในอุตสาหกรรมมุ่งเน้นไปที่การออกแบบกิจกรรมและพื้นที่ทำงานร่วมกันเป็นหลัก The Urban Office ได้ก้าวไปอีกขั้น โดยนำเสนอพื้นที่การทำงานที่มีอุปกรณ์ครบครันและหลากหลายที่สุดให้แก่ลูกค้า
The Urban Office ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา พร้อมสนับสนุนเครื่องมือเพื่อชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่นและความคล่องตัวที่สมบูรณ์แบบ พื้นที่ทำงานของ The Urban Office ไม่ได้ออกแบบมาแค่เพื่อให้มีลูกค้ามีบรรยากาศการทำงานที่ดี แต่ยังมีโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายขั้นสูง แบบที่องค์กรชั้นนำเลือกใช้ เพื่อรองรับให้เพียงพอต่อความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ WIFI ที่ปลอดภัยและมีความเร็วสูง และบริการ VOIP Telephony โดยไม่ว่าจะเป็นลูกค้าระดับบุคคล หรือธุรกิจทุกขนาด ก็สามารถเติบโตและปรับเปลี่ยนการเชื่อมต่อแบบดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ“ที่ The Urban Office เราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา โคเวิร์กกิ้งสเปซของเราไม่ใช่เพียงแค่สิ่งก่อสร้าง แต่เป็นพื้นที่สำหรับคอมมูนิตี้และความคิดสร้างสรรค์ ในขณะที่เราเป็นส่วนช่วยสนับสนุนธุรกิจหลากหลายขนาดให้เติบโต เราก็ยังให้คุณค่าและความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนไปพร้อมๆ กัน และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เราจะมีบริการพิเศษใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ไหนทำมาก่อน” คุณทริน แดนห์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับ The Urban Office เชื่อว่าวิธีการทำงานต้องพัฒนาไปพร้อมกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป โคเวิร์กกิ้งสเปซไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับทำงาน แต่เป็นสถานที่ที่ผู้คนและไอเดียอันน่าทึ่งได้มาพบกัน กว่าไอเดียที่ยอดเยี่ยมจะเกิดขึ้น ต้องอาศัยทั้งเวลา สถานที่ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ด้วยสถานที่ตั้งทั้ง 3 แห่งในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ The Urban Office จึงพร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับ ให้แก่ลูกค้าผ่านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง และชุมชนโคเวิร์กกิ้งแบบไฮบริด ค้นพบพื้นที่ทำงานแห่งใหม่ของคุณได้ที่ https://www.theurbanoffice.com/:Cr;มณสิการ รามจันทร์
“Ultra Trail Thailand Series” ยกระดับสนามวิ่งเทรลไทย เฟ้นตัวแทนไป UTMB
พิมพ์ไทยออนไลน์ // นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดแข่งขัน Ultra Trail Thailand Series โดยมี นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการด้านกีฬา ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ประธานจัดการแข่งขัน Ultra Trail Thailand Series Phatthalung จังหวัดพัทลุง, พลเอก ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า ประธานจัดการแข่งขันตะนาวศรีเทรล, ดร. ชุมพล ครุฑแก้ว ประธานสมาคมวิ่งเทรลไทย และแชมป์เก่าของแต่ละสนาม ในการแข่งขันครั้งที่ผ่านมา ร่วมงาน ที่ ห้องประชุม ชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา กกท. เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับสนามวิ่งเทรล Thailand By UTMB ที่ได้ยกระดับอยู่ในสนาม Ultra-Trail World Tour ซึ่งในปี 2021 มี 28 สนาม จาก 6 ทวีป 22 ประเทศทั่วโลก โดยในเอเชียมีทั้งหมด 6 สนาม ได้แก่ จีน 2 สนาม, ญี่ปุ่น 1 สนาม, เกาหลี 1 สนาม, ไต้หวัน 1 สนาม และไทย 1 สนาม”
“สนาม Ultra-Trail World Tour เป็นสนามเก็บคะแนนของนักวิ่งเทรลชั้นนำทั่วโลก ที่จะเดินทางไปเก็บคะแนน ซึ่งไทยเป็น 1 ในสนามเก็บแต้มของโลกนี้ด้วย ในครั้งนี้ Thailand By UTMB เป็นควอลิฟายด์สู่สนาม Ultra Trail Du Mont Blanc (UTMB) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสนามโอลิมปิคของเหล่านักวิ่งเทรล จากทั้งหมด 5 สนาม และปีหน้าคาดว่า จากการได้รับเป็นสนาม Ultra-Trail World Tour จะทำให้มีนักวิ่งเข้าแข่งขันจำนวนมาก เพื่อที่จะนำเป็นสนามควอลิฟายด์สู่สนาม UTMB เปิดให้นักวิ่งเทรลในไทยมีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันสนามระดับโลกให้ง่ายขึ้น”
สำหรับ Ultra Trail Thailand Series เป็นโครงการยกระดับงานวิ่งเทรลในประเทศให้มีมาตรฐานระดับสากล โดยคัดเลือกสนามวิ่งเทรลจากทั่วประเทศ นำมาเข้าเป็นสนามในสังกัด Ultra Trail Thailand Series โดยกำหนดกรอบและเงื่อนไขไว้ พร้อมให้แนวทางการจัดการแข่งขันวิ่งเทรลมาตรฐานโลก และมาตรฐานการจัดการแข่งขันภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และยกระดับนักกีฬาวิ่งเทรลโดยคัดเลือกนักกีฬาตัวแทน “ประเทศไทย” ไปแข่งขันสนาม UTMB และการจัดอันดับผู้มีความเป็นเลิศทางด้านการวิ่งเทรลในประเทศไทยโดยมอบให้กกท.และสมาคมวิ่งเทรลไทยเป็นผู้ดำเนินโครงการนี้ ปี 2021 สนามใน Ultra Trail Thailand Series ประกอบด้วย 3 สนาม คือ 1) Thailand By UTMB ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่, 2) Ultra Trail Phatthalung พัทลุง, และ 3) ตะนาวศรีเทรล ราชบุรี
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
“สลักทิพย์” ทะลุตัดเชือก เทนนิส “แอลทีเอที ไอทีเอฟ เกรด 5”
พิมพ์ไทยออนไลน์ // นักหวดสาวดีกรีเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี สลักทิพย์ อุ่นเมือง และเป็นมือวาง 2 ของรายการ ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ หลังหวดชนะ กฤติกา แอบเอี่ยม 2 เซตรวด 6-0, 6-2 การแข่งขันเทนนิสเยาวชนนานาชาติ “แอลทีเอที ไอทีเอฟ เกรด 5” เก็บคะแนนสะสมเยาวชนโลก ของสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ITF) ที่ ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา รอบก่อนรองชนะเลิศ ผลคู่ที่น่าสนใจมีดังนี้
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ มือวาง 2 สลักทิพย์ อุ่นเมือง ชนะ กฤติกา แอบเอี่ยม 6-0, 6-2 มือวาง 1 ลัลนา ธาราฤดี ชนะ ดาเรีย นาซาเรนโก้ (รัสเซีย) 6-2, 6-2 มือวาง 3 นาตาชา แสงพระจันทร์ (แคนาดา) ชนะ กมรวรรณ ก้อนศิลา 6-2, 6-2 ไทร่า ลิธิบี (ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ) ชนะ มือวาง 4 วิจิตราภรณ์ วิมุกตานนท์ 6-4, 6-3
ประเภทชายเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ ศิวณัฎฐ์ อุ้ยตยะกุล ชนะ ชิษณุพงศ์ โภคินเศรษฐ์ศิริ 6-4, 6-0 มือวาง 1 ธนภัทร นิรันดร ชนะ ทาคูมิ วาตานาเบ้ (ญี่ปุ่น) 6-2, 6-4 มือวาง 2 ศุภวัฒน์ แซ่อุ้ย ชนะ โชติวัฒน์ แน่นอุดร 6-4, 6-2 มือวาง 3 แทนตะวัน ทัดเดโอ มายอลิ แม็คจิโอลิ (ลูกครึ่งไทย-อิตาลี) ชนะ มาร์ค เนลเซน (ลูกครึ่งเดนมาร์ก-ไต้หวัน) 6-0, 4-6, 7-6 (9)
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
“เสธ.หมึก” คุมเข้มนักปั่น ป้องกัน “โควิด” ที่ เชียงใหม่ เพิ่มสมรรถภาพ “บีซ” ลุยโอลิมปิก
พิมพ์ไทยออนไลน์ // “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย เผยว่า จากการที่ “บีซ” ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ นักปั่นสาวทีมชาติไทย ได้โควต้าไปแข่งขันกีฬาโอลิปิกเกมส์ ภาคฤดูร้อน ครั้งที่ 32 “โตเกียว 2020” ที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เดือนกรกฎาคม 2564 สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ให้ จุฑาธิป เก็บตัวฝึกซ้อม ที่ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมี “แพร” สิบตรีหญิง เพชรดารินทร์ สมราช เป็นคู่ฝึกซ้อม ภายใต้การควบคุมของ “โค้ชตั้ม” พันจ่าอากาศเอก วิสุทธิ์ กสิยะพัท หัวหน้าผู้ฝึกสอน พร้อมด้วย โค้ชลี เสี่ยว เล่อ ผู้ฝึกสอนชาวจีน และ ร้อยตำรวจเอก อดิศักดิ์ วรรณศรี สตาฟฟ์โค้ช
นอกจาก จุฑาธิป กับ เพชรดารินทร์แล้ว ยังมีนักกีฬาคนอื่น ๆ ร่วมซ้อมด้วย เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง นักกีฬาชาย 5 คน ประกอบด้วย “วุฒิ” สิบโท สราวุฒิ สิริรณชัย, “ป๋อม” ร้อยตำรวจเอก ธุรกิจ บุญรัตนธนากร, “มะตูม” จ่าอากาศเอก พีรพล ชาวเชียงขวาง, “เฟรม” สิบตรี ธนาคาร ไชยยาสมบัติ, “น็อต” สิบตำรวจโท ยุทธนา มะโน / นักกีฬาหญิงอีก 2 คน คือ “ไก่” สิบตรีหญิง ศุภักษร นันตะนะ และ “บีม” น.ส.ชนิภรณ์ บัตริยะ
“ล่าสุด มีข่าวพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ เชียงใหม่ แต่นักกีฬาจักรยานยังเดินหน้าเก็บตัวฝึกซ้อมกันต่อไป และได้ให้สตาฟ์โค้ชกำชับนักกีฬาทุกคนว่า ขอให้ยึดมาตรการหลัก 5 ข้อ ในการป้องกันการติดเชื้อ ได้แก่ 1.สวมหน้าการอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นเวลาฝึกซ้อม 2.ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 3.รักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร 4.หลีกเลี่ยงการสัมผัส 5.งดออกไปนอกโรงแรมที่พักโดยไม่จำเป็น ส่วนช่วงที่ต้องออกไปฝึกซ้อมข้างนอก จะเลือกเส้นทางที่ไม่เป็นพื้นที่เสี่ยง หรือสถานที่ซึ่งผู้ติดเชื้อโควิด-19 เคยไป เมื่อซ้อมเสร็จแล้วให้กลับโรงแรมที่พักทันทีเพื่อเป็นการลดความเสี่ยง การรับเชื้อจากสถานที่ต่าง ๆ จะสอบถามข้อมูลจากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ทุกวัน”
พลเอกเดชา กล่าวอีกว่า สำหรับนักปั่นถนนชุดนี้จะเก็บตัวต่อเนื่อง จนถึงกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 เวียดนาม พระหว่างวันที่ 21 พ.ย.- 2 ธ.ค.2564 ซึ่งสมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้รับการสนับสนุนจาก กกท. จัดหาบุคลากรด้านต่าง ๆ มาช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพนักกีฬา เช่น หมอนวดประจำทีม, นักกายภาพบำบัด เป็นต้น โดยสัปดาห์สุดท้ายเดือนมกราคม 2564 นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา กกท. พร้อมคณะ จะไปตรวจเยี่ยมนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ที่ เชียงใหม่ เพื่อดูพัฒนาการของนักกีฬาหลังจากเก็บตัวฝึกซ้อมมาแล้วระยะหนึ่ง
“โค้ชตั้ม” พ.อ.อ.วิสุทธิ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน เผยว่า นอกจากการเจาะเลือดเพื่อหาค่าต่าง ๆ และการทดสอบ “แลคเตท” แล้ว นักปั่นประเภทถนน ยังเข้ารับการทดสอบปั่นจักรยานเพื่อหาค่า FTP (Functional Threshold Power) ซึ่งนักกีฬาจักรยานทั่วโลกใช้ทดสอบอยู่ โดยนักกีฬาจะปั่นจักรยานเป็นเวลา 20 นาที แล้วดูเพาเวอร์ที่ได้ก่อนจะนำมาหารด้วยน้ำหนักตัว สำหรับนักกีฬาจักรยานระดับโลกจะมีค่า FTP เฉลี่ยอยู่ที่ 6 กว่า ๆ หากนักกีฬาไทยทำได้ 5 ขึ้นไป ก็ถือว่ามีสมรรถภาพร่างกายใกล้เคียงนักปั่นระดับโลก แต่ถ้าได้ต่ำกว่า 5 ก็จะต้องพัฒนากันต่อไป
พลเอกเดชา กล่าวเสริมว่า สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้วางแผนเก็บตัวนักกีฬา พร้อมเพื่อสู้ศึกโอลิปิกเกมส์ 2020 ที่ ญี่ปุ่น และกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ เวียดนาม ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ ฟิลิปปินส์ ทีมจักรยานไทยได้มา 6 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง เจ้าเหรียญทองกีฬาจักรยาน หากจะป้องกันแชมป์ซีเกมส์ เตรียมทีมให้พร้อมที่สุด
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์