วันศุกร์, พฤษภาคม 9, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 1979

The Urban Office สถานที่ทำงานยุคใหม่แบบไฮบริด เปิดตัวโคเวิร์กกิ้งสเปซสาขาใหม่ล่าสุด

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ดิ เออร์เบิน ออฟฟิศ (The Urban Office) โคเวิร์กกิ้งสเปซสัญชาติไทย ได้เปิดตัวโคเวิร์กกิ้งสเปซแบบไฮบริดเป็นแห่งที่ 3 ณ โครงการ Summer Point ในย่านพระโขนง โดยการขยายสาขาแห่งใหม่ล่าสุดนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ The Urban Office ได้รับการโหวตให้เป็น Best Coworking Space Startup in Thailand 2019 จาก ASEAN Rice Bowl Startup Awards และมีลูกค้าให้ความสนใจจองพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งสาขาแรกที่อาคารเมโทรโพลิส ย่านพร้อมพงษ์ และสาขาที่ 2 ที่อาคารเมืองไทยภัทรคอมเพล็กซ์ ถนนรัชดาภิเษกโคเวิร์กกิ้งสเปซแบบไฮบริดนี้ คือการจัดสรรสถานที่ให้ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เลือกรูปแบบได้ครบทุกความต้องการ ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด มอบความยืดหยุ่นในการปรับขนาดทีมได้เมื่อจำเป็น การดูแลบริหารจัดการเต็มรูปแบบ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้องครัว ห้องประชุม หรือ ห้องโทรศัพท์ ด้วยข้อได้เปรียบเหล่านี้ ลูกค้าจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของบริษัทหรือธุรกิจของตน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดการสำนักงานใด ๆThe Urban Office สาขาที่ 3 นี้ เป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย บนพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่กว่า 2,000 ตร.ม. โดดเด่นด้วยโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายระดับองค์กร พร้อมด้วยคาเฟ่ และพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ประหนึ่งโอเอซิสในที่ทำงาน นอกเหนือจากการเป็นโซลูชั่นพื้นที่ทำงานที่ใหญ่ที่สุดในเขตพระโขนงแล้ว ที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหนือกว่า โซนที่นั่งสำหรับพักผ่อนจำนวนมาก ห้องสมุด ตลอดจนระเบียงโซนเอาท์ดอร์ ที่สวยงามและกว้างขวาง เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวเพื่อการผ่อนคลายคุณทริน แดนห์ ผู้บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง The Urban Office กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจที่ได้ขยายแบรนด์โคเวิร์กกิ้งสเปซสัญชาติไทยระดับพรีเมี่ยม ด้วยการเปิดสาขาที่ 3 ของเรา ที่โครงการ Summer Point พระโขนง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ของไทย เราเชื่อว่าวิธีการทำงานของเราต้องพัฒนาไปให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ของคนยุคปัจจุบัน โคเวิร์กกิ้งสเปซไม่ได้เป็นเพียงแค่ออฟฟิศสำหรับทำงาน แต่เป็นสถานที่ที่ผู้คนและไอเดียอันน่าทึ่งได้มาพบกัน กว่าไอเดียที่ยอดเยี่ยมจะเกิดขึ้น ต้องอาศัยเวลา ชุมชนที่สร้างสรรค์ และสภาพแวดล้อมการทำงานที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้คนสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ดีที่สุด”ในขณะที่ผู้เล่นรายอื่นในอุตสาหกรรมมุ่งเน้นไปที่การออกแบบกิจกรรมและพื้นที่ทำงานร่วมกันเป็นหลัก The Urban Office ได้ก้าวไปอีกขั้น โดยนำเสนอพื้นที่การทำงานที่มีอุปกรณ์ครบครันและหลากหลายที่สุดให้แก่ลูกค้า

The Urban Office ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา พร้อมสนับสนุนเครื่องมือเพื่อชีวิตการทำงานที่ยืดหยุ่นและความคล่องตัวที่สมบูรณ์แบบ พื้นที่ทำงานของ The Urban Office ไม่ได้ออกแบบมาแค่เพื่อให้มีลูกค้ามีบรรยากาศการทำงานที่ดี แต่ยังมีโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายขั้นสูง แบบที่องค์กรชั้นนำเลือกใช้ เพื่อรองรับให้เพียงพอต่อความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อ WIFI ที่ปลอดภัยและมีความเร็วสูง และบริการ VOIP Telephony โดยไม่ว่าจะเป็นลูกค้าระดับบุคคล หรือธุรกิจทุกขนาด ก็สามารถเติบโตและปรับเปลี่ยนการเชื่อมต่อแบบดิจิทัลอย่างไร้รอยต่อ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ“ที่ The Urban Office เราพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา โคเวิร์กกิ้งสเปซของเราไม่ใช่เพียงแค่สิ่งก่อสร้าง แต่เป็นพื้นที่สำหรับคอมมูนิตี้และความคิดสร้างสรรค์ ในขณะที่เราเป็นส่วนช่วยสนับสนุนธุรกิจหลากหลายขนาดให้เติบโต เราก็ยังให้คุณค่าและความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนไปพร้อมๆ กัน และในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เราจะมีบริการพิเศษใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีโคเวิร์กกิ้งสเปซที่ไหนทำมาก่อน” คุณทริน แดนห์ กล่าวทิ้งท้ายสำหรับ The Urban Office เชื่อว่าวิธีการทำงานต้องพัฒนาไปพร้อมกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป โคเวิร์กกิ้งสเปซไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับทำงาน แต่เป็นสถานที่ที่ผู้คนและไอเดียอันน่าทึ่งได้มาพบกัน กว่าไอเดียที่ยอดเยี่ยมจะเกิดขึ้น ต้องอาศัยทั้งเวลา สถานที่ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ด้วยสถานที่ตั้งทั้ง 3 แห่งในย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ The Urban Office จึงพร้อมมอบประสบการณ์เหนือระดับ ให้แก่ลูกค้าผ่านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง และชุมชนโคเวิร์กกิ้งแบบไฮบริด ค้นพบพื้นที่ทำงานแห่งใหม่ของคุณได้ที่ https://www.theurbanoffice.com/:Cr;มณสิการ รามจันทร์

 

“Ultra Trail Thailand Series” ยกระดับสนามวิ่งเทรลไทย เฟ้นตัวแทนไป UTMB

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการแถลงข่าวการจัดแข่งขัน Ultra Trail Thailand Series โดยมี นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานคณะอนุกรรมการด้านกีฬา ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านวัฒนธรรม กีฬา แรงงาน และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์, ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายกู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง ประธานจัดการแข่งขัน Ultra Trail Thailand Series Phatthalung จังหวัดพัทลุง, พลเอก ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า ประธานจัดการแข่งขันตะนาวศรีเทรล, ดร. ชุมพล ครุฑแก้ว ประธานสมาคมวิ่งเทรลไทย และแชมป์เก่าของแต่ละสนาม ในการแข่งขันครั้งที่ผ่านมา ร่วมงาน ที่ ห้องประชุม ชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา กกท. เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับสนามวิ่งเทรล Thailand By UTMB ที่ได้ยกระดับอยู่ในสนาม Ultra-Trail World Tour ซึ่งในปี 2021 มี 28 สนาม จาก 6 ทวีป 22 ประเทศทั่วโลก โดยในเอเชียมีทั้งหมด 6 สนาม ได้แก่ จีน 2 สนาม, ญี่ปุ่น 1 สนาม, เกาหลี 1 สนาม, ไต้หวัน 1 สนาม และไทย 1 สนาม”
“สนาม Ultra-Trail World Tour เป็นสนามเก็บคะแนนของนักวิ่งเทรลชั้นนำทั่วโลก ที่จะเดินทางไปเก็บคะแนน ซึ่งไทยเป็น 1 ในสนามเก็บแต้มของโลกนี้ด้วย ในครั้งนี้ Thailand By UTMB เป็นควอลิฟายด์สู่สนาม Ultra Trail Du Mont Blanc (UTMB) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสนามโอลิมปิคของเหล่านักวิ่งเทรล จากทั้งหมด 5 สนาม และปีหน้าคาดว่า จากการได้รับเป็นสนาม Ultra-Trail World Tour จะทำให้มีนักวิ่งเข้าแข่งขันจำนวนมาก เพื่อที่จะนำเป็นสนามควอลิฟายด์สู่สนาม UTMB เปิดให้นักวิ่งเทรลในไทยมีโอกาสเข้าร่วมแข่งขันสนามระดับโลกให้ง่ายขึ้น”

สำหรับ Ultra Trail Thailand Series เป็นโครงการยกระดับงานวิ่งเทรลในประเทศให้มีมาตรฐานระดับสากล โดยคัดเลือกสนามวิ่งเทรลจากทั่วประเทศ นำมาเข้าเป็นสนามในสังกัด Ultra Trail Thailand Series โดยกำหนดกรอบและเงื่อนไขไว้ พร้อมให้แนวทางการจัดการแข่งขันวิ่งเทรลมาตรฐานโลก และมาตรฐานการจัดการแข่งขันภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และยกระดับนักกีฬาวิ่งเทรลโดยคัดเลือกนักกีฬาตัวแทน “ประเทศไทย” ไปแข่งขันสนาม UTMB และการจัดอันดับผู้มีความเป็นเลิศทางด้านการวิ่งเทรลในประเทศไทยโดยมอบให้กกท.และสมาคมวิ่งเทรลไทยเป็นผู้ดำเนินโครงการนี้ ปี 2021 สนามใน Ultra Trail Thailand Series ประกอบด้วย 3 สนาม คือ 1) Thailand By UTMB ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่, 2) Ultra Trail Phatthalung พัทลุง, และ 3) ตะนาวศรีเทรล ราชบุรี

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“สลักทิพย์” ทะลุตัดเชือก เทนนิส “แอลทีเอที ไอทีเอฟ เกรด 5”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // นักหวดสาวดีกรีเยาวชนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี สลักทิพย์ อุ่นเมือง และเป็นมือวาง 2 ของรายการ ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศ หลังหวดชนะ กฤติกา แอบเอี่ยม 2 เซตรวด 6-0, 6-2 การแข่งขันเทนนิสเยาวชนนานาชาติ “แอลทีเอที ไอทีเอฟ เกรด 5” เก็บคะแนนสะสมเยาวชนโลก ของสหพันธ์เทนนิสนานาชาติ (ITF) ที่ ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา รอบก่อนรองชนะเลิศ ผลคู่ที่น่าสนใจมีดังนี้

ประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ มือวาง 2 สลักทิพย์ อุ่นเมือง ชนะ กฤติกา แอบเอี่ยม 6-0, 6-2 มือวาง 1 ลัลนา ธาราฤดี ชนะ ดาเรีย นาซาเรนโก้ (รัสเซีย) 6-2, 6-2 มือวาง 3 นาตาชา แสงพระจันทร์ (แคนาดา) ชนะ กมรวรรณ ก้อนศิลา 6-2, 6-2 ไทร่า ลิธิบี (ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ) ชนะ มือวาง 4 วิจิตราภรณ์ วิมุกตานนท์ 6-4, 6-3
ประเภทชายเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ ศิวณัฎฐ์ อุ้ยตยะกุล ชนะ ชิษณุพงศ์ โภคินเศรษฐ์ศิริ 6-4, 6-0 มือวาง 1 ธนภัทร นิรันดร ชนะ ทาคูมิ วาตานาเบ้ (ญี่ปุ่น) 6-2, 6-4 มือวาง 2 ศุภวัฒน์ แซ่อุ้ย ชนะ โชติวัฒน์ แน่นอุดร 6-4, 6-2 มือวาง 3 แทนตะวัน ทัดเดโอ มายอลิ แม็คจิโอลิ (ลูกครึ่งไทย-อิตาลี) ชนะ มาร์ค เนลเซน (ลูกครึ่งเดนมาร์ก-ไต้หวัน) 6-0, 4-6, 7-6 (9)

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“เสธ.หมึก” คุมเข้มนักปั่น ป้องกัน “โควิด” ที่ เชียงใหม่ เพิ่มสมรรถภาพ “บีซ” ลุยโอลิมปิก

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย เผยว่า จากการที่ “บีซ” ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ นักปั่นสาวทีมชาติไทย ได้โควต้าไปแข่งขันกีฬาโอลิปิกเกมส์ ภาคฤดูร้อน ครั้งที่ 32 “โตเกียว 2020” ที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น เดือนกรกฎาคม 2564 สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้ให้ จุฑาธิป เก็บตัวฝึกซ้อม ที่ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 1พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมี “แพร” สิบตรีหญิง เพชรดารินทร์ สมราช เป็นคู่ฝึกซ้อม ภายใต้การควบคุมของ “โค้ชตั้ม” พันจ่าอากาศเอก วิสุทธิ์ กสิยะพัท หัวหน้าผู้ฝึกสอน พร้อมด้วย โค้ชลี เสี่ยว เล่อ ผู้ฝึกสอนชาวจีน และ ร้อยตำรวจเอก อดิศักดิ์ วรรณศรี สตาฟฟ์โค้ช

นอกจาก จุฑาธิป กับ เพชรดารินทร์แล้ว ยังมีนักกีฬาคนอื่น ๆ ร่วมซ้อมด้วย เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง นักกีฬาชาย 5 คน ประกอบด้วย “วุฒิ” สิบโท สราวุฒิ สิริรณชัย, “ป๋อม” ร้อยตำรวจเอก ธุรกิจ บุญรัตนธนากร, “มะตูม” จ่าอากาศเอก พีรพล ชาวเชียงขวาง, “เฟรม” สิบตรี ธนาคาร ไชยยาสมบัติ, “น็อต” สิบตำรวจโท ยุทธนา มะโน / นักกีฬาหญิงอีก 2 คน คือ “ไก่” สิบตรีหญิง ศุภักษร นันตะนะ และ “บีม” น.ส.ชนิภรณ์ บัตริยะ
“ล่าสุด มีข่าวพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ เชียงใหม่ แต่นักกีฬาจักรยานยังเดินหน้าเก็บตัวฝึกซ้อมกันต่อไป และได้ให้สตาฟ์โค้ชกำชับนักกีฬาทุกคนว่า ขอให้ยึดมาตรการหลัก 5 ข้อ ในการป้องกันการติดเชื้อ ได้แก่ 1.สวมหน้าการอนามัยตลอดเวลา ยกเว้นเวลาฝึกซ้อม 2.ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 3.รักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 2 เมตร 4.หลีกเลี่ยงการสัมผัส 5.งดออกไปนอกโรงแรมที่พักโดยไม่จำเป็น ส่วนช่วงที่ต้องออกไปฝึกซ้อมข้างนอก จะเลือกเส้นทางที่ไม่เป็นพื้นที่เสี่ยง หรือสถานที่ซึ่งผู้ติดเชื้อโควิด-19 เคยไป เมื่อซ้อมเสร็จแล้วให้กลับโรงแรมที่พักทันทีเพื่อเป็นการลดความเสี่ยง การรับเชื้อจากสถานที่ต่าง ๆ จะสอบถามข้อมูลจากสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ทุกวัน”

พลเอกเดชา กล่าวอีกว่า สำหรับนักปั่นถนนชุดนี้จะเก็บตัวต่อเนื่อง จนถึงกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 เวียดนาม พระหว่างวันที่ 21 พ.ย.- 2 ธ.ค.2564 ซึ่งสมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้รับการสนับสนุนจาก กกท. จัดหาบุคลากรด้านต่าง ๆ มาช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพนักกีฬา เช่น หมอนวดประจำทีม, นักกายภาพบำบัด เป็นต้น โดยสัปดาห์สุดท้ายเดือนมกราคม 2564 นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาศาสตร์การกีฬา กกท. พร้อมคณะ จะไปตรวจเยี่ยมนักกีฬาจักรยานทีมชาติไทย ที่ เชียงใหม่ เพื่อดูพัฒนาการของนักกีฬาหลังจากเก็บตัวฝึกซ้อมมาแล้วระยะหนึ่ง
“โค้ชตั้ม” พ.อ.อ.วิสุทธิ์ หัวหน้าผู้ฝึกสอน เผยว่า นอกจากการเจาะเลือดเพื่อหาค่าต่าง ๆ และการทดสอบ “แลคเตท” แล้ว นักปั่นประเภทถนน ยังเข้ารับการทดสอบปั่นจักรยานเพื่อหาค่า FTP (Functional Threshold Power) ซึ่งนักกีฬาจักรยานทั่วโลกใช้ทดสอบอยู่ โดยนักกีฬาจะปั่นจักรยานเป็นเวลา 20 นาที แล้วดูเพาเวอร์ที่ได้ก่อนจะนำมาหารด้วยน้ำหนักตัว สำหรับนักกีฬาจักรยานระดับโลกจะมีค่า FTP เฉลี่ยอยู่ที่ 6 กว่า ๆ หากนักกีฬาไทยทำได้ 5 ขึ้นไป ก็ถือว่ามีสมรรถภาพร่างกายใกล้เคียงนักปั่นระดับโลก แต่ถ้าได้ต่ำกว่า 5 ก็จะต้องพัฒนากันต่อไป
พลเอกเดชา กล่าวเสริมว่า สมาคมกีฬาจักรยานฯ ได้วางแผนเก็บตัวนักกีฬา พร้อมเพื่อสู้ศึกโอลิปิกเกมส์ 2020 ที่ ญี่ปุ่น และกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ เวียดนาม ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ ฟิลิปปินส์ ทีมจักรยานไทยได้มา 6 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 4 เหรียญทองแดง เจ้าเหรียญทองกีฬาจักรยาน หากจะป้องกันแชมป์ซีเกมส์ เตรียมทีมให้พร้อมที่สุด

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พช.จัด“โครงการสืบสานภูมิปัญญา OTOP ผ้าไทย และเผยแพร่อัตลักษณ์ผ้าแห่งสยาม”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทย กำหนดจัดงานแถลงข่าว “โครงการสืบสานภูมิปัญญา OTOP ผ้าไทย และเผยแพร่อัตลักษณ์ผ้าแห่งสยาม” โดยมีนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนให้เกียรติเป็นผู้แถลงข่าว เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2563 ณ ลานเอนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B)
นายสุทธิพงศ์ กล่าวว่ากรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้สืบสานพระราชปณิธานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญาของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนาผ้าไทยโดยเสมอมา เกิดการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรม ภูมิปัญญารักษาขนบประเพณี ส่งผลให้เกิดการสร้างอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ ให้เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการในชุมชน อันเป็นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ให้มีความมั่นคง สามารถพึ่งพาตนเองได้ ทำให้เกิดการหมุนเวียนในห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจระดับประเทศ และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ กรมการพัฒนาชุมชนได้สืบสานภูมิปัญญาและอนุรักษ์ผ้าไทยให้คงอยู่โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือ (MOU) กับสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดทำโครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ในแผ่นดิน” ขึ้น ลงนาม MOU ร่วมกับ 76 จังหวัดและกทม.ในการสวมใส่ผ้าไทย และกรมการพัฒนาชุมชนเองก็ได้ผลักดันมาตรการสวมใส่ผ้าไทย จนเป็นมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2563 เห็นชอบมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย จนเกิดการรณรงค์ให้คนไทยสวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละสองวัน
ประกอบกับในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ประเทศไทยอยู่ในวิกฤติ ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อการใช้ชีวิตของประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อรายได้ของผู้ประกอบการผ้าในท้องถิ่นชุมชน ซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ดังนั้น การรณรงค์กระตุ้นให้เกิดค่านิยมการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากผ้าทอพื้นเมือง ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทยจะก่อให้เกิดรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง รวมไปถึงการเร่งพัฒนาศักยภาพของผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP ให้มีความสามารถในการผลิต การออกแบบ การตัดเย็บ การดีไซน์ผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และตลาดออนไลน์ เพื่อให้เกิดการค้าเชิงพาณิชย์ อันจะทำให้เกิดรายได้ ความมั่นคงในชีวิต วิถีชุมชนยั่งยืน
นายสุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงมหาดไทย ได้รับนโยบายจาก พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน โดยเฉพาะผ้าไทย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสืบสานภูมิปัญญา การพัฒนาและยกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP ให้มีคุณภาพมาตรฐานสูงขึ้น เป็นการสร้างคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรม พัฒนาศักยภาพและยกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP ในการพัฒนาสินค้าอัตลักษณ์ และการแปรรูปผลิตภัณฑ์ผ้าให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น สามารถขยายตลาดเชิงพาณิชย์ได้มากขึ้น เสริมสร้างภาพลักษณ์ การรับรู้คุณค่าของผลิตภัณฑ์ OTOP สู่ระดับสากล และเพื่อขยายการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ OTOP ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และตลาดออนไลน์โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ดีไซน์ใหม่ ๆ
ทั้งนี้การดำเนินงานของโครงการ “สืบสานภูมิปัญญา OTOP ผ้าไทยและเผยแพร่อัตลักษณ์ผ้าแห่งสยาม” ได้เริ่มดำเนินงานมาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยที่ผ่านมาได้ดำเนินการสังเคราะห์ข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวกับอัตลักษณ์ที่โดดเด่น ของผ้าไทย ลายผ้าที่เป็นที่นิยม การย้อมสีธรรมชาติ แนวทางการสร้างมูลค่าเพิ่มของผ้าไทย จากการรวบรวมข้อมูล การลงพื้นที่สัมภาษณ์ผู้ประกอบการ นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไทย ควบคู่ไปกับการอบรม สัมมนาเชิงปฏิบัติ กับผู้ประกอบการผ้าไทยทั่วประเทศ กว่า 300 กลุ่ม/ราย เพื่อเป็นการจัดทำฐานข้อมูลที่สำคัญของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ และมีการลงพื้นที่ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิต ผู้ประกอบการ เพื่อให้ความรู้ แนวทางการพัฒนาศักยภาพ แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และรายละเอียดแผนงานให้กลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ อุดรธานี นครราชสีมา กรุงเทพ เชียงใหม่ พิษณุโลก และสงขลา โดยได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีโดยมีนักวิชาการ นักออกแบบแฟชั่นชั้นนำของเมืองไทยและมีผลงานในระดับโลกมาร่วมเป็นวิทยากร ต่อจากนั้นดีไซน์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ และการตลาดจึงได้มีการวาง PRODUCT CONCEPT จัดทำร่างแบบ Sketch วางรูปแบบ ลาย โทนสี คู่สี วัสดุที่ใช้ โดยนำอัตลักษณ์ของแบรนด์และจุดเด่นของภิปัญญามาสร้างเป็นจุดดึงดูดทางการตลาดและออกแบบคอลเลคชั่นใหม่ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทำการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในกระบวนการผลิตตามข้อมูลผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง 60 ท่านทำการออกแบบและให้คำแนะนำการผลิตชิ้นงานต้นแบบจาก 300 ผู้ประกอบการมีการจัดทำ E-Catalogue 300 ผลิตภัณฑ์เพื่อส่งเสริมการขายผ่านระบบออนไลน์ และมีการจัดแสดง 40 ผลงานที่โดดเด่นในรูปแบบแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษสุดในงานกาล่าไนท์ เสน่ห์สีสัน แพรพรรณ แห่งสยาม ในวันที่ 18 ธันวาคม นี้ ณ ห้องรอยัลจูบิลลี่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ซึ่งเดินแบบโดยนางแบบแฟชั่นชั้นนำของเมืองไทยนอกจากนี้นายสุทธิพงษ์ ยังกล่าวทิ้งท้ายอีกว่า โครงการนี้ยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้า ผลิตภัณฑ์จากผ้าไทย ในวันที่ 16-18 ธันวาคมนี้ ณ ศูนย์ราชการอาคาร B ก็ขอเชิญชาวนทุกท่านมาซื้อหาผลิตภัณฑ์ผ้าไทยซึ่งมีความหลากหลาย ทั้งชุดแฟชั่น ชุดกลางวัน ชุดเดรสกลางคืน ผ้าอัตตลักษณ์ ผ้าผืน ผ้าซิ่น ผ้าพันคอ ผ้าคลุมไหล่ กระเป๋า รองเท้า หมวก เครื่องประดับจากผ้า กลุ่มเคหะสิ่งทอและอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นงานรวมมหกรรมผ้าไทยที่หลากหลายที่สุดแห่งปี ผมขอเชิญชวนทุกท่าน ร่วมกันส่งเสริม อุดหนุน เป็นแรงใจ และร่วมให้การสนับสนุนผ้าไทยให้มีอนาคตที่สดใส อยู่คู่คนไทยและประเทศไทยของเราตลอดไปครับ นายสุทธิพงษ์กล่าวในที่สุด...:Cr;มณสิการ รามจันทร์

 

 

“เอิร์น-จิรวรรณ” สุดปลื้ม!! เพียงหนึ่งเดียว รางวัล “บุคคลคุณภาพแห่งปี ด้านการศึกษา”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // เอิร์น-จิรวรรณ ชัยรุ่งเรือง ผู้อำนวยการบริหาร โรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี เข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณ “บุคคลคุณภาพแห่งปี 2020” ด้านการศึกษา จาก นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรีในรัชกาลที่ 9 ที่ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เมื่อวันก่อน

เอิร์น-จิรวรรณ ชัยรุ่งเรือง ผู้อำนวยการบริหาร โรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี กล่าวว่า “เอิร์นขอขอบคุณ มูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (มสวท.) ที่มอบรางวัล “บุคคลคุณภาพแห่งปี ด้านการศึกษา” เป็นคนเดียวในปีนี้ ปี 2563 ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ด้านการศึกษา และขอบคุณโรงเรียนสาธิตกรุงเทพธนบุรี ที่ทำให้เอิร์นได้ทำและสร้างผลงานด้านการศึกษา เพื่อเยาวชนของชาติต่อไป ขอบคุณพ่อกับแม่ที่ดูแลอบรมและให้การศึกษาที่ดีที่สุดสำหรับเอิร์น มาตั้งแต่เล็กจนโต”
คนดังที่เข้ารับรางวัลในครั้งนี้มีมากมาย อาทิ ศ.นพ.ยง ภูวรวรรณ, นายศุภชัย เจียรวนนท์, ดร.พระมหาสมปอง ตาลปุตโต, นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์, นส.พัชรศรี เบญจมาศ, นางวิลาสินี ภาณุรัตน์, นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ ฯลฯ

รางวัล “บุคคลคุณภาพแห่งปี 2020″ จัดขึ้นโดยมูลนิธิสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อประกาศเกียรติคุณ และเป็นการยกย่องบุคคลที่ประสบความสำเร็จการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตการทำงาน และการอุทิศตนทำกิจกรรมเพื่อประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในด้านต่างๆ ซึ่งสมควรเป็นแบบอย่างที่ดี และควรค่าต่อการส่งเสริม เพื่อประกาศเชิดชูเกียรติยศแห่งความภาคภูมิใจ แบ่งออกเป็น รางวัลบุคคลคุณภาพแห่งปี 2020, รางวัลเยาวชนคุณภาพแห่งปี 2020 และ รางวัลบุคคลตัวอย่างในภาพธุรกิจแห่งปี 2020 โดยมีผู้เข้ารับรางวัลทั้งสิ้นจำนวน 109 คน และ เอิร์น-จิรวรรณ ชัยรุ่งเรือง เป็นเพียงบุคคลคนเดียวที่ได้รับรางวัลบุคคลตัวอย่างในภาคธุรกิจสถาบันการศึกษา ในปีนี้
โครงการ “บุคคลคุณภาพแห่งปี” เริ่มจัดขึ้นตั้งแต่ปี 2553 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล และเทิดพระเกียรติ รัชกาลที่ 9 ในฐานะพระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย รวมทั้งเพื่อสร้างแบบอย่างที่ดีให้กับคนไทย 5 แสน

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“สรณพ” ผจก.เบิ้ลอัดฉีดเท่ารัฐบาล แม็กซิมั่มเบรก รับเพิ่มอีก 5 แสน

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // สนุกเกอร์ประกาศความพร้อมเป็นกีฬาชนิดแรก พร้อมเปิดตัว “เฮียตี๋” สรณพ จันทรจุติ ผู้จัดการทีมป้ายแดงครั้งแรก ลั่น เอเชี่ยนอินดอร์ฯ​ต้องการเห็นเหรียญทอง พร้อมอัดฉีดเบิ้ลเงินรางวัลเท่าของรัฐบาล ส่วนผู้ที่ทำแม็กซิมั่มเบรก 147 แต้ม รับอีก 500,000 บาท
ความเคลื่อนไหวของสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ที่รับผิดชอบ 4 ชนิดกีฬา ได้แก่ สนุกเกอร์ , กีฬาพูล, กีฬาบิลเลียด และ แคร่อมบอล การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์ แอนด์ มาเชี่ยลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ระหว่างวันที่ 21-30 พฤษภาคม 2564 ที่ จังหวัดชลบุรี

สมาคมกีฬาบิลเลียดฯประกาศให้นักกีฬาทั้ง 25 คน เก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกันตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ ทีบีซี.สนุกเกอร์ เซ็นเตอร์ ซอยรามคำแหง 89/1 โดยมี ชูชาติ ไตรรัตนประดิษฐ์ (ต่าย พิจิตร) เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน, วีระพงษ์ บริสุทธิ์สุขกมล (จุ้ย คิวทอง) และ กิตติพงษ์ พรชัย (หน่อย ปากน้ำ) ผู้ฝึกสอน
ล่าสุด “บิ๊กฮง” นายสุนทร จารุมนต์ นายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกฯ ในฐานะผู้ช่วยผู้จัดการทีม และ นายสรณพ จันทรจุติ ผู้จัดการทีม ได้เดินทางมาชมการฝึกซ้อมของนักกีฬา พร้อมทั้งให้โอวาทเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬาทุกคน นานกว่า 3 ชั่วโมง ส่งผลให้บรรยากาศของการฝึกซ้อมเป็นไปอย่างอบอุ่น
“บิ๊กฮง” นายสุนทร จารุมนต์ กล่าวชื่นชมนักกีฬาทุกคนที่มีความรับผิดชอบ การฝึกซ้อมจนทำให้พัฒนาขีดความสามารถเป็นไปตามที่ผู้ฝึกสอนกำหนดตามโปรแกรม ไม่อยากให้ทุกคนกังวลว่า จะถูกตัด หรือ จะหลุดออกจากทีม ตอนนี้ขอให้ทุกคนรับผิดชอบหมั่นฝึกซ้อมพัฒนาฝีมือ หากเก่งจริงเขื่อว่าไม่หลุดจากทีมแน่นอน พร้อมยืนยันว่า ต่อไปนี้จะมาร่วมชมการฝึกซ้อมอาทิตย์ละอย่างน้อย 1 วัน พร้อมกับทานข้าวร่วมกับนักกีฬาเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้ทุกคนอย่างต่อเนื่อง

“เฮียตี๋” นายสรณพ จันทรจุติ ผู้จัดการทีมกล่าวว่า ส่วนตัวชอบเล่นกีฬาสนุกเกอร์มานานพอสมควร รู้สึกดีใจ ที่ได้รับเกียรติให้เป็นผู้จัดการทีมชาติไทยชุดเอเชี่ยนอินดอร์ แอนด์ มาเชี่ยลอาร์ตเกมส์ ได้มาชมนักกีฬาเก็บตัวฝึกซ้อมครั้งนี้ รู้สึกเกิดความมั่นใจ และ เชื่อใจ แม้กระทั่งนักสนุกเกอร์หญิงรุ่นอายุ 12 ปี ที่ถูกเรียกมาเก็บตัว ยังมีความแม่นยำมาก การเข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีม อยากเห็นนักกีฬารับเหรียญทองมากที่สุด โดยทราบว่า เอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ มีความยากลำบากเนื่องจากต้องแข่งกับนักกีฬาเก่ง ๆ ในทวีปเอเชียอีก 45 ประเทศ หากไม่เก่งจริงคงเอาชนะได้ยากมาก ปีนี้รัฐบาลอัดฉีดความสำเร็จของนักกีฬาที่ได้เหรียญทอง 300,000 บาท, เหรียญเงิน 150,000 บาท และเหรียญทองแดง 75,000 บาท มองว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง ขณะที่ส่วนตัวยินดีมอบให้นักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัลอีก 1 เท่าของรัฐบาล ผู้ที่ได้เหรียญทองได้รับอีก 3 แสนบาท, เหรียญเงิน 150,000 บาท และ เหรียญทองแดง 75,000 บาท เช่นเดียวกัน เพราะต้องการให้ทุกคนเกิดความมุ่งมั่นและตั้งใจกับเป้าหมายสำคัญที่รออยู่ข้างหน้า ไม่ใช่เพื่อตัวผม แต่เพื่อชื่อเสียงประเทศไทย และเพื่อชื่อเสียงของครอบครัวนักกีฬาคนนั้น ๆ นอกจากนี้ นักกีฬาสนุกเกอร์คนไหน สามารถทำแม็กซิมั่มเบรก 147 แต้มได้สำเร็จ ยินดีมอบให้ทันทีอีก 500,000 บาท

สำหรับนักกีฬาสนุกเกอร์, บิลเลียด, พูล และ แคร่อมบอล ขณะนี้ได้เก็บตัวซ้อมทุกวัน ตั้งแต่วันจันทร์–วันศุกร์ (เว้นวันเสาร์–อาทิตย์) วันละ 8 ชั่วโมง แต่ก่อนการแข่งขัน 3 เดือน จะปรับเวลาใหม่ให้มีการฝึกซ้อมทุกวัน ไม่มีวันหยุด วันละ 6 ชั่วโมง ทั้งนี้ เพื่อให้เข้าสู่ความเข้มข้นตามโปรแกรมที่กกท.กำหนด

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

NAVA by NSAT” บริการดิจิทัลผ่านดาวเทียมเพื่อการสื่อสารทางทะเลพัฒนาสู่ความเป็น Maritime Digital Solutions

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// NSAT เปิดตัวบริการดิจิทัลผ่านดาวเทียมเพื่อการสื่อสารทางทะเล NAVA by NSAT ดึงจุดแข็งด้านเทคโนโลยี พัฒนาต่อยอดสู่ความเป็น Maritime Digital Solutions ตอบโจทย์ตามความต้องการของผู้ใช้งานทางทะเล ชูจุดเด่น Connectivity ไม่พลาดทุกการสื่อสาร เชื่อมโยงถึงกันได้ทุกที่ ทุกเวลา มุ่งยกระดับอุตสาหกรรมการเดินเรือสู่การเป็น Smart Ship เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

บริษัท เนชั่น สเปซ แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด (NSAT) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนภายใต้ความร่วมมือของ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) ชูธงเปิดตัวบริการ NAVA by NSAT บริการดิจิทัลผ่านดาวเทียมเพื่อการสื่อสารทางทะเลแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการเดินเรือและอุตสาหกรรมนอกชายฝั่ง (Offshore) ในพื้นที่น่านน้ำประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและให้บริการทางทะเล รองรับการรับ-ส่ง Data และสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัย พร้อมอำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารเพื่อการบริหารจัดการเรือดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท เนชั่น สเปซ แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด (NSAT) กล่าวว่า “NAVA by NSAT เป็นบริการแรกของ NSAT ภายใต้ความร่วมมือของ CAT และไทยคม ซึ่งได้นำจุดแข็งของบริษัทแม่ทั้งสอง มาผนึกรวมกัน โดย CAT มีศักยภาพด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม และความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาดิจิทัลโซลูชัน ในขณะที่ไทยคม มีประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรมด้านดาวเทียม จึงนำมาสู่การต่อยอดและพัฒนาขึ้นเป็นบริการ NAVA by NSAT ในรูปแบบ Maritime Digital Solutions ที่เน้นการตอบโจทย์ตามลักษณะและความต้องการของผู้ใช้งาน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและช่วยลดต้นทุนให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการเดินเรือ ด้วยการนำเสนอโมเดลธุรกิจที่หลากหลายในราคาที่สมเหตุสมผล รวมถึงให้ความสำคัญในด้านความปลอดภัยของข้อมูล โดยมีทีมงานที่พร้อมดูแลและให้การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นว่า NAVA by NSAT จะเป็นบริการเรือธง ที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการเดินเรือสู่การเป็น Smart Ship และสร้างประสบการณ์อันดีเยี่ยมด้านการสื่อสารทางทะเลให้แก่ผู้ใช้งานทางทะเลได้อย่างครบวงจร”พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT เปิดเผยว่า “กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ CAT มุ่งเน้นการพัฒนาด้านดิจิทัลโซลูชัน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี โดย CAT มีความเชี่ยวชาญด้านโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมภาคพื้นดิน รวมถึงมีผลิตภัณฑ์และบริการด้านการสื่อสารที่หลากหลาย ซึ่งเมื่อนำมาพัฒนาต่อยอดด้านเทคโนโลยีร่วมกับพันธมิตร จะช่วยเสริมศักยภาพการบริการให้แก่ผลิตภัณฑ์ และเป็นการขยายบริการเครือข่ายโทรคมนาคมของ CAT สู่ภาคพื้นน้ำ อย่างเช่น NAVA by NSAT ที่เป็นการต่อยอดและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกันจนเกิดเป็น Maritime Digital Solutions ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานมีทางเลือกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ทั้งบริการเสริมด้าน Voice การเชื่อมต่อบริการคลาวด์-ดาต้าเซ็นเตอร์ และบริการระบบ CCTV ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครบวงจร สร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งเสริมให้ผู้ใช้งานก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างเต็มศักยภาพ”

นายอนันต์ แก้วร่วมวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ไทยคม กล่าวว่า “กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของไทยคม คือ การเป็นผู้ให้บริการด้านสมาร์ทโซลูชัน และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ครอบคลุมทั้งทางอวกาศ อากาศ ทางบก และทางน้ำ (Space-Air-Ground-Maritime Smart Solutions) โดยมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชัน เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเดิมและขยายไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่ เช่นเดียวกับบริการ NAVA by NSAT ที่ได้ผนวกเทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียมของไทยคมเข้ากับดิจิทัลโซลูชันที่หลากหลายของ CAT ทำให้บริการ NAVA by NSAT ถูกยกระดับขึ้นเป็น Maritime Digital Solutions ที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มประสิทธิภาพของงานบริการนอกชายฝั่งทะเลได้อย่างดีที่สุด และไทยคมมุ่งหวังให้ความร่วมมือในการพัฒนาโซลูชันของทั้ง 2 องค์กรในครั้งนี้ เป็นก้าวแรกแห่งความสำเร็จในการขยายเครือข่ายด้านการสื่อสารโทรคมนาคมให้ครอบคลุมทั้งภาคพื้นดิน และพื้นน้ำ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพด้านโทรคมนาคมของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคต่อไปในอนาคต”

NAVA by NSAT คือ บริการดิจิทัลผ่านดาวเทียมที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับใช้สื่อสารทางทะเล ช่วยลบข้อจำกัด ลดช่องว่างและอุปสรรคในการติดต่อสื่อสาร เสริมประสิทธิภาพให้แก่การปฏิบัติงานในอุตสาหกรรมการเดินเรือ มุ่งสร้าง Connectivity ที่ไร้รอยต่อ เพื่อเชื่อมโยงทุกคนให้สื่อสารกันได้ทุกที่ ทุกเวลา

“ฉลามสาว” ต้อน “ลูกสุริยะ” 17 ตุงไล่บี้บัณฑิตเอเซีย 3 แต้ม

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “ฉลามสาว” มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี ทำแต้ม ไล่บี้ “ไดโนเสาร์พิฆาต” วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย เหลือช่องว่างแค่ 3 คะแนนแล้ว หลังเปิดบ้านถล่ม “ลูกสุริยะ” มหาวิทยาลัยบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 17 ประตูต่อ 0
การแข่งขันฟุตบอลโกแฮร์ลีกอุดมศึกษาหญิงแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 ชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม นัดที่ 15 ของฤดูกาล ที่สนามกีฬากลางมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี ระหว่าง “ฉลามสาว” มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตชลบุรี ทีมอันดับ 2 กับ “ลูกสุริยะ” มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา โดย “ฉลามสาว” มกช.ชลบุรี ถูกวิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย ลงเล่นนัดที่ 15 ก่อนหน้าทำคะแนนทิ้งห่างออกไป 6 คะแนนแล้ว นัดนี้ ต้องมี 3 แต้มเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น ถึงจะตามกดดันทีมมหาอำนาจลูกหนังขาอ่อนจากขอนแก่น
เพื่อไปชิงดำวัดกันในนัดสุดท้าย วันที่ 18 ธันวาคม เกมนี้ “โค้ชปอ” ชีวธันย์ เครือวัลย์ ส่งผู้เล่นสำรองลงยกชุด แต่ทุกสิ่งอย่างเหนือชั้นกว่าทีมเยือนที่มี วีรยุทมธ ยวนใจเป็นเฮดโค้ช เยอะ แค่ครึ่งแรกครึ่งเดียวก็กดประตูนำห่างไป 7 ประตูต่อ 0 โดย “แพร์รี่” ศิริวิภา จันทะรักษ์ เหมายิงคนเดียวไป 5 เม็ด ในนาทีที่ 10, 21, 27, 40 และ 45 อีก 2 ประตู ได้จาก “หนิง” กุลสตรี ใจทน นาทีที่ 15 และจาก “พราว” ศิริกาญจน์ พยัคฆ์เนตร นาทีที่ 9

ครึ่งหลัง มกช.ชลบุรี กระหน่ำยิงเพิ่มได้อีก 10 ประตู จาก “นิ้ง” ภันทรานิษฐ์ ดวงแก้ว นาทีที่ 46 และ 78 “พราว” ศิริกาญจน์ พยัคฆ์เนตร ยิงเพิ่มอีก 2 ประตู นาทีที่ 48 และ 54 “บีม” ศิริกัญญา แก้วแสง นาทีที่ 52 “แก้ว” แก้ว ศรีจันทร์ นาทีที่ 57 “เหยิน” สุพรรณิการ์ ทรัพย์รวยยิ่ง นาทีที่ 65 และ 90 และ “ใบหม่อน” จณิสตา จินันทยา นาทีที่ 67 และ 84 เกมนี้มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตลบุรี ถล่มชนะ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็นเจ้าพระยา 17 ประตูต่อ 0 โดยยิงมากกว่านัดที่ไปเยือนบ้านสมเด็จเจ้าพระยา 1 ประตู นัดนั้นชลบุรีชนะ 16 ประตูต่อ 0 รวม 2 เหย้า-เยือน บ้านสมเด็จเจ้าพระยา ถูกชลบุรียิงไป 33 ประตู แก้คืนไม่ได้เลย
ชัยชนะนัดนี้ มกช.ชลบุรี มี 42 คะแนนจาก 15 นัด ตามหลังบัณฑิตเอเซียจ่าฝูงที่ชนะรวด 15 นัด อยู่ 3 แต้ม คาดว่าทั้งสองทีมจะไปวัดดวงกันในนัดที่ 18 ของฤดูกาล ที่ มกช.ชลบุรีจะต้องไปเยือน บัณฑิตเอเซีย ที่สนามมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ถ้าชนะห่าง 3 ประตูขึ้นไป ชลบุรีจะได้แชมป์ทันที แต่ถ้าชนะไม่ถึง หรือเสมอ หรือแพ้ แชมป์จะเป็นของบัณฑิตเอเซีย ส่วน บ้านสมเด็จเจ้าพระยา แพ้นัดนี้เป็นนัดที่ 14 จาก 15 นัด มี 3 คะแนน อยู่อันดับบ๊วยสุดของตารางต่อไป

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์