http://www.natethip.com/news.php?id=4038
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=4038
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=4037
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=4036
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1162285926310053555
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การระบาดของโควิด-19 ในระลอก 3 ทำให้การบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหาร ถูกยกระดับจากความท้าทาย มาเป็นการดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาตัวรอด แม้แต่ธุรกิจอย่าง “ดีลิเวอรี่” ก็เกิดกระทบหนัก และถ้ามองอีกมุมกับธุรกิจใกล้ชิดอย่างร้านกาแฟ ที่แม้จะมีตัวเลือกเปิดกว้างมากกว่า แต่ใช่ว่าจะรอดร้อยเปอร์เซ็นต์หากไม่ศึกษาทางเลือกอื่น
บทความนี้จะร่วมพูดคุยถึงทรรศนะของ “สุภาภรณ์ อังศรีสุรพร” จาก อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ถึงการใช้เครื่องมือใหม่ๆ รวมถึงจุดแข็งที่มีในมือของอินฟอร์มาฯ อย่าง “งานแสดงสินค้าระดับโลก” เพื่อนำไปสู่ทางรอดในสถานการณ์ที่ต้องทำมากกว่าการปรับตัวนางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ หนึ่งในผู้นำธุรกิจการจัดงานแสดงสินค้าระดับโลก และ ผู้จัดงานฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิดในระลอก 3 ไม่ได้เป็นความท้าทายของบรรดาร้านอาหารอีกต่อไป แต่กลับเป็นการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดเสียมากกว่า ความรุนแรงของสถานการณ์ทำให้ภาครัฐยกระดับการควบคุมร้านอาหาร ทั้งพื้นที่และเวลาเปิดปิด ดังนั้นผู้ประกอบจึงมุ่งเป้าแต่เพียงการปรับตัวไม่ได้ แต่จำเป็นต้องบริหารสภาพคล่องและประเมินความเสี่ยงควบคู่กันไป ทั้งยังต้องคาดเดาพฤติกรรมการใช้เงินของกลุ่มลูกค้ามาเป็นตัวแปรในการบริหารจัดการอีกด้วย
“ปัญหาของผู้ประกอบการคือร้านของพวกเขาอยู่ในพื้นที่ควบคุม แน่นอนว่าในเมื่อจำนวนลูกค้าภายในร้านถดถอย จำนวนเวลาเปิดบริการลดน้อยลง การปรับตัวของร้านอาหารส่วนใหญ่คือหันไปพึ่งบริการ ‘เดลิเวอรี่’ กันตั้งแต่การระบาดระลอกแรก แต่นั่นคือการแก้ไขในระยะสั้น พอเวลาผ่านมาจนปัญหาลุกลามในระลอก 3 บริการเดลิเวอรี่เริ่มไม่ตอบโจทย์การอยู่รอด เนื่องจากร้านต้องแบกรับค่า GP (Gross Profit) จากแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงการแข่งขันด้านเดลิเวอรี่ก็มีสูงขึ้น ทั้งผู้ตัวบริโภคก็ต้องประเมินสถานะการเงินของตนเอง จนไม่สามารถใช้จ่ายกับค่าอาหารถี่ๆ ได้”นางสาวสุภาภรณ์ มองว่าถ้าต้องการเอาตัวรอดจากจุดวิกฤตนี้ คือบริการ ‘Delivery & Go’ เพื่อสร้างประสิทธิภาพของการบริการที่ดีกว่าเดิม “โดยทั่วไปร้านอาหารจะให้บริการเดลิเวอรี่ผ่านแพลตฟอร์มรายใหญ่ ข้อดีคือพวกเขาสามารถเข้าหากลุ่มผู้บริโภคได้เป็นจำนวนมาก ข้อเสียคือคู่แข่งในแพลตฟอร์มเดียวกันก็มีมากเช่นกัน ทั้งยังเสียค่า GP ขั้นต่ำราว 30-35% รวมถึงค่าจัดส่ง ก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจต่อผู้บริโภคอย่างเลี่ยงไม่ได้ ผู้ประกอบการหลายรายถึงหันมาใช้วิธี ‘Delivery & Go’ หรือขายของผ่านช่องทางของร้านเอง”
Delivery & Go เป็นเทคนิคที่มีผู้ประกอบการหลายรายหันมาใช้มากขึ้นในช่วงหลัง ซึ่งร้านจะใช้วิธีสอบถามความต้องการหรือรับออเดอร์ลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ของตัวเอง อย่าง Facebook, Line หรือ Instagram ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะให้บริการจัดส่งโดยกำหนดพื้นที่ หรือบางร้านจะใช้วิธีเปิดรับออเดอร์เป็นเส้นทางยาว แล้วจัดส่งตามลำดับอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ข้อดีของเทคนิคนี้คือการไม่ต้องแบกรับต้นทุน อย่างค่า GP และสามารถลดต้นทุนค่าจัดส่ง โดยอาศัยการส่งสินค้าพื้นที่ใกล้เคียงกันในครั้งเดียว เพียงแต่วิธีนี้อาจไม่สามารถจัดส่งได้ในทันที หรือต้องใช้วิธีพรีออเดอร์ล่วงหน้า ซึ่งไม่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการสินค้าในทันทีได้
“เราจะเห็นได้ว่าเชนร้านอาหารขนาดใหญ่หลายรายเริ่มมีแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่เป็นของตัวเอง เพื่อลดต้นทุนต่างๆ ที่ไปผูกกับแพลตฟอร์มรายอื่น ซึ่ง Delivery & Go ถือเป็นเทคนิคที่มีความคล้ายคลึงกันและเหมาะกับผู้ประกอบการระดับเล็กถึงกลางมากกว่า อีกทั้งวิธีนี้ยังมีข้อดีในด้านการสต็อกวัตถุดิบ ให้สดใหม่-ไม่คงค้าง ได้สินค้ามีคุณภาพดีก่อนถึงมือลูกค้า ช่วยคุมต้นทุนและลดความเสี่ยงได้ไปในตัว และยังทำให้เกิดความประทับใจในแบรนด์ มีโอกาสนำไปสู่การซื้อซ้ำ หรือร้านอาจใช้เพิ่มความน่าดึงดูด โดยการสอดแทรกโปรโมชั่นและการตลาดเพิ่มเข้าไปในแพลตฟอร์ม Delivery & Go ของตัวเอง ก็เป็นหัวข้อที่น่าสนใจเช่นกัน” นางสาวสุภาภรณ์ กล่าวเสริม
แม้ธุรกิจร้านอาหาร จะถูกผลกระทบในการระบาดระลอก 3 ทว่าธุรกิจเพื่อนบ้านที่ใกล้เคียงกันอย่าง “ธุรกิจกาแฟ” กลับเป็นตลาดที่มีความได้เปรียบจากเซกเมนต์ที่หลากหลาย แม้ร้านกาแฟจะถูกผลกระทบไม่ต่างจากร้านอาหาร แต่ด้วยการปรับตัวที่ยืดหยุ่นกว่า ไม่จำเป็นต้องยึดกับการชงสดเพียงอย่างเดียว เมื่อรวมกับทางเลือกแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่อีกด้าน จึงทำให้ผู้ประกอบการร้านกาแฟลอยตัวสวนกระแส และมีเซกเมนต์ให้เลือกเล่นมากกว่าร้านอาหารอย่างเห็นได้ชัด
นางสาวสุภาภรณ์ ให้ข้อมูลว่า “แน่นอนว่าธุรกิจกาแฟเองก็ได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกนี้ไปไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้ธุรกิจนี้กลับมาตั้งลำได้เร็วกว่าธุรกิจร้านอาหาร คือเซกเมนต์ที่ตอบต่อโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนดื่มกาแฟ ที่มองกาแฟเป็นมากกว่าเครื่องบริโภค แต่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันที่ต้องทำอยู่ทุกวัน อีกทั้งเซกเมนต์เหล่านี้ยังมีความหลากหลายกว่า เพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจตามแนวทางที่ตัวเองถนัดได้ง่ายกว่าด้วย เช่น กาแฟพร้อมดื่มที่โดดเด่นไม่แพ้กาแฟสด หรือจะเป็น กาแฟชนิดพิเศษและอุปกรณ์ชงกาแฟ ที่เข้ามาเสริมให้กาแฟสดมีความโดดเด่นน่าซื้อยิ่งขึ้น”
กาแฟพร้อมดื่ม (Ready-to-Drink Coffee) คือธุรกิจกาแฟที่กำลังอยู่ในตลาดขาขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมเป็นพิเศษ อย่างกาแฟสกัดเย็น หรือ Cold Brew วิธีการชงด้วยน้ำเย็น ให้รสสัมผัสที่ละมุน ตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบกาแฟดำ และสำหรับธุรกิจกาแฟสด ได้มีการตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วย กาแฟชนิดพิเศษ (Specialty Coffee) ที่มีเอกลักษณ์ทั้งกลิ่น รส หรือสตอรี่ต่างๆ ที่ดึงเอาสนใจจากผู้บริโภคได้ดี รวมไปถึงการใช้ อุปกรณ์ชงกาแฟแก้วเดียว (Single-Cup Coffee) อย่าง อุปกรณ์กาแฟดริป, หม้อต้ม Moka Pot มาเป็นจุดขายเรื่องกรรมวิธีชง หรือแม้แต่ทำเป็นธุรกิจขายอุปกรณ์โดยตรง ต่างก็มีแนวโน้มเติบโตด้วยดี
นอกเหนือไปจากกลุ่มตลาดร้านอาหารแล้ว อีกหนึ่งตลาดที่อยู่ในวงการอาหารและได้รับผลกระทบจากโควิดไม่แพ้กัน คือ “ธุรกิจงานจัดแสดงสินค้า” หรืออาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจในมือของ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ก็กำลังเผชิญกับการเอาตัวรอดอย่างหนักอยู่เช่นกัน ทว่าสิ่งที่ท้าทายยิ่งกว่า คืออินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ กำลังจะจัดงาน “ฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ 2021” ในเดือนกันยายนนี้ และสำหรับมุมมองของอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์แล้ว
“ฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ 2021 คือโอกาสในการสร้างทางรอดของธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟรวมถึงธุรกิจด้านการบริการและงานแสดงสินค้าไปได้พร้อมๆ กัน”
นางสาวสุภาภรณ์ ให้ข้อมูลว่า “ทางเราเล็งเห็นว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลังที่มีการฉีดวัคซีนเพิ่มมากขึ้น และธุรกิจกลับมาเริ่มใหม่ได้อีกครั้ง งานแสดงสินค้าถือเป็นทางเลือกสำคัญในการที่จะฟื้นฟูภาคธุรกิจ ประกอบกับเนื้อหาในงานสามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารร้านกาแฟรวมถึงธุรกิจด้านการบริการได้ เราก็เชื่อมั่นว่างานจะประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าการจัดงานแสดงสินค้าครั้งนี้ ก็มีการปรับตัวหลายด้านไม่ต่างจากธุรกิจอื่นๆแม้แต่น้อย สิ่งแรกที่เราทำคือการหันมาใช้รูปแบบของ ไฮบริด (Hybrid Edition) ประกอบด้วย การจัดงานในรูปแบบปกติ (Physical Exhibition) และการจัดแสดงงานในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Exhibition) ดิจิทัลแพลตฟอร์มเชื่อมโยงการค้าแบบบีทูบี และเป็นครั้งแรกที่ผู้เข้าชมงานจะพบปะผู้ประกอบการจากต่างประเทศในรูปแบบ ไฮบริด พาวิลเลียน (Hybrid Pavilion) เป็นงานแสดงสินค้าผ่านบูทเสมือนจริง (Virtual booth) ที่พร้อมอำนวยความสะดวกผู้เข้าชมงานทั้งในและต่างประเทศ ที่ช่วยให้การทำธุรกิจเกิดได้อย่างไร้ข้อจำกัด”
“ฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ 2021” เป็นงานแสดงสินค้าที่เกิดจากความร่วมมือขององค์กรภาครัฐและภาคธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือ ของธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร การค้า และการบริการ โดยมีการจัดแสดงสินค้าจาก 6 โซนหลัก อย่าง อาหารและเครื่องดื่ม, ชาและกาแฟ, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไวน์, อุปกรณ์และเครื่องใช้ในครัว, อุปกรณ์และเครื่องใช้สำหรับธุรกิจโรงแรม, สินค้าเทคโนโลยีและบริการสำหรับธุรกิจโรงแรมและค้าปลีก และยังมีไฮไลท์ 2 โซว์ใหม่ อย่าง ร้านอาหารและบาร์ (Restaurant & Bar Thailand) รวมถึงโซนกาแฟและเบเกอรี่ (Coffee & Bakery Thailand)
รวมถึงมีการเปิดตัว “สลัดเพลท” (Saladplate) ดิจิทัลแพลตฟอร์มเชื่อมโยงการค้าแบบบีทูบี (B2B) สู่รองรับฐานข้อมูลของงานฟู้ดแอนด์โฮเทลทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น โชว์รูมสินค้าออนไลน์ ที่แสดงรายละเอียดทั้งภาพและวิดีโอชัดเจน, ระบบนัดหมายเพื่อเจรจาการค้า บริการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ช่วยให้ผู้ค้าและผู้เข้าเยี่ยมชมสามารถเชื่อมต่อและทำธุรกรรมร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ตอบโจทย์แนวโน้มของธุรกิจยุค New Normal ทั้ง ธุรกิจออนไลน์ อีคอมเมิร์ซ หรือเดลิเวอรี่ ได้เป็นอย่างดี
นางสาวสุภาภรณ์ เผยว่า “งานฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ ในปี 2021 นี้ จะมีความพิเศษเป็นอย่างมาก เนื่องจากการจัดงานครั้งนี้จะเป็นการรวมตัวกันครั้งแรกของผู้ประกอบการชั้นนำ นับตั้งแต่เกิดโควิด-19 ขึ้น ตัวงานจะเต็มไปด้วยไอเดีย แนวโน้ม หรือโซลูชั่นล่าสุด ที่สามารถนำมาใช้ประกอบธุรกิจได้จริง ให้ผู้ประกอบการได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และยังมีความรู้ในแง่มุมต่างๆ จากการสัมมนาออนไลน์และเวิร์คช็อป อีกทั้งแพลตฟอร์มตัวใหม่อย่าง สลัดเพลท จะเข้ามาเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่สามารถเชื่อมโยงผู้ประกอบการ จากอีเว้นท์ฟู้ดแอนด์โฮเทลทั่วโลกเข้าด้วยกัน และเครือข่ายขนาดใหญ่นี้คือจุดหมายที่จะมาเปลี่ยนแปลงทั้งธุรกิจร้านอาหาร ร้านกาแฟ การบริการ หรือแม้แต่งานจัดแสดงสินค้า ให้มองเห็นทางรอดจากโควิดระลอก 3 ไปได้พร้อมๆ กันในท้ายที่สุด”
ผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน “ฟู้ดแอนด์โฮเทล ไทยแลนด์ 2021” สามารถติดตามรายละเอียดการจัดงานฯ และกิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.foodhotelthailand.com
รายละเอียดงาน
Food & Hotel Thailand 2021, Coffee & Bakery Thailand 2021, Restaurant & Bar Thailand 2021
วันที่: 8-11 กันยายน 2564
สถานที่: ไบเทค, บางนา
เฟสบุ๊ค: www.facebook.com/foodandhotelthailandwww.facebook.com/foodandhotelthailand
อินสตาแกรม: foodandhotelthailand
ไลน์: @foodhotelthailand :Cr;มณสิการ รามจันทร์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // การแข่งขันจักรยานประเภทลู่ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “ควีนส์สิริกิติ์” ประจำปี 2564 ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal (ไม่มีผู้ชม) สนามที่ 4 ที่สนามเวลโลโดรม หัวหมาก เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนเป็นวันแรก ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านการเห็นชอบจาก ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. อย่างเคร่งครัด
สำหรับผลการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ มี 2 รายการ ดังนี้ สแครตช์ รุ่นทั่วไปหญิง (20 รอบ) ปราฏว่า 3 นักปั่นสาวทีมชาติไทย จากทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กวาดอันดับ 1-3 ไปครองทั้งหมด โดยแชมป์ “บีม” ส.ต.หญิง ชนิภรณ์ บัตริยะ อันดับ 2 “บีซ” ร.ท.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ และอันดับ 2 “แพร” ส.ต.หญิง เพชรดารินทร์ สมราช
สแครชตช์ รุ่นยุวชนหญิง (10 รอบ) ชนะเลิศ น.ส.อภิสรา ศรีมงคล (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร), อันดับ 2 น.ส.สุพิชชา วรวงค์ (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย รร.บางบ่อ สมุทรปราการ), อันดับ 3 ด.ญ.ปาริชาติ พลเยี่ยม (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย รร.โคกกระเทียมวิทยาลัย)
ส่วนรอบคัดเลือกรุ่นที่น่าสนใจ มีดังนี้ เปอร์ซูต รุ่นทั่วไปหญิง (3 กม.) ยังเป็น 4 สาวนักปั่นทีมชาติไทย ทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เข้าเส้นชัยในอันดับ 1-4 ทั้งหมด คู่ชิงชนะเลิศเปลี่ยนมือจากสนามที่แล้ว ส.ต.หญิง ชนิภรณ์ บัตริยะ ทำเวลาดีที่สุด 4.08.741 นาที พบกับ ส.ต.หญิง เพชรดารินทร์ สมราช เวลา 4.10.392 นาที, คู่ชิงที่ 3 ร.ท.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ ทำเวลา 4.11.993 นาที พบกับ ส.ท.หญิง ศุภักษร นันตะนะ ที่ทำเวลา 4.14.262 นาที
เปอร์ซูต รุ่นทั่วไปชาย (4 กม.) ชิงชนะเลิศ นายพีรพงศ์ ลาดเงิน (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-โกกิ) เวลา 4.46.327 นาที พบกับ จ.ท.ปฐมภพ พลอาจทัน (สโมสรทหารอากาศ) เวลา 4.50.485 นาที, ชิงที่ 3 ส.ท.สราวุฒิ สิริรณชัย (จักรยานกองทัพบก) ทำเวลา 4.51.588 นาที พบกับ ส.ต.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม) ที่ทำเวลา 4.51.747 นาที
เปอร์ซูต รุ่นเยาวชนหญิง (2 กม.) น.ส.ณัฐภรณ์ อภิโมทย์ (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) ทำเวลาดีที่สุด 2.52.723 นาที เข้าชิงชนะเลิศกับ น.ส.ณัฐนันท์ นนทะแก้ว (ทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย) 2.54.567 นาที, คู่ชิงที่ 3 น.ส.พลอยปภัส ศรีไสไพ (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย) 2.57.692 นาที พบกับ น.ส.จิตราพร สายสิงห์ (สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดอำนาจเจริญ-รร.อำนาจเจริญวิทยาคม) เวลา 2.58.757 นาที
เปอร์ซูต รุ่นเยาวชนชาย (3 กม.) คู่ชิงชนะเลิศ นายเสกอนันต์ มาเนียม (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ กองบิน 46 วัดดงน้อย) เวลา 3.42.360 นาที พบกับ นายภูริเดช อินทะผิว (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) เวลา 3.45.709 นาที, คู่ชิงที่ 3 นายกันต์กวี วางจิต (Prim 19 สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดพะเยา) เวลา 3.53.449 นาที พบกับ นายธนายุต พาหวล (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-โกกิ) เวลา 3.55.545 นาที ผลการแข่งขัน ติดตามได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ www.thaicycling.or.th
Cr. :วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับโครงการ “แคลอรี่เครดิตสู้COVID19“ (โควิด-19) ของ สมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย ร่วมกับ คณะอนุกรรมาธิการกีฬาอาชีพและอุตสาหกรรมกีฬา วุฒิสภา ซึ่งเป็นการชวนประชาชนทุกภาคส่วนร่วมแชร์คลิปการออกกำลังกายที่บ้านทุกรูปแบบ ทุกคนปฏิบัติเป็นประจำที่บ้าน เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เมือวันที่ 10-31 พ.ค. 64 เพื่อชิงเงินรางวัลกว่า 1 แสนบาท โดยแชร์คลิปทางเฟซบุ๊ก”
“จบโครงการคัดเลือกคลิปวิดิโอการออกกำลังกายตามกติกาทั้งหมด 429 คลิป ตอนนี้ทางคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่สมาคมฯ เลือกมาพิจารณา กำลังคัดเลือกคลิปให้เหลือทั้งหมด 50 คลิปวิดิโอ และจะตัดรอบสุดท้ายเหลือ 30 คลิปวิดิโอ เชื่อว่าประมาณกลางเดือนมิ.ย.จะประกาศผุ้ชนะเลิศ และรองอันดับต่างๆ รวมถึงรางวัลป๊อบปูล่าโหวต อยากให้รอลุ้นว่าใครจะเป็นผู้ชนะของโครงการนี้ และใครจะได้รับรางวัลป๊อปปูล่าโหวต ซึ่งตัดสินจากยอดการกดไลค์ และยอดการเข้าชม”
“นอกจากนี้ สมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสฯ เลื่อนการประชุมสามัญประจำปี 2564 เลื่อนออกไป คาดว่าน่าจะประมาณปลายเดือนมิถุนายนนี้ตามหลักเกณฑ์ที่ทาง ศบค.”
“อีกเรื่องการประชุมก็คือ โปรแกรมจัดการแข่งขันนานาชาติ เนื่องจากสหพันธ์เพาะกายและฟิตเนสโลก แจ้งมาว่า มัลดีฟส์เจ้าภาพจัดการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์เอเชีย เลื่อนจากปีที่แล้วเป็นปีนี้ แต่ช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของ โควิด -19 อีกระลอก ขอเลื่อน เป็นเจ้าภาพในปี 2565 แทน”
“สำหรับ การแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์เอเชีย มองว่าถ้าประเทศไทย สถานการณ์ดีขึ้นและคลายล็อคสามารถจัดการแข่งขันได้ จะดึงการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสเอเชีย ปีนี้ จัดที่ไทยแทน และต้องดูตามสถานการณ์ด้วยว่าจะสามารถทำได้ไหม”
“ถ้าไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์เอเชีย จัดในเดือนกันยายน เพราะเดือนตุลาคมเป็นการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ที่อุซเบกิสถาน
Cr. :วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019) ระลอกใหม่มียอดผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง และต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด บริษัท บุรีรัมย์ยูไนเต็ดอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จำกัด ในฐานะผู้จัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ “OR BRIC SUPERBIKE 2021” จำเป็นต้องปฏิบัติตามมาตการตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์อย่างเคร่งครัด ขอแจ้งเลื่อนการแข่งขันรายการ “OR BRIC SUPERBIKE 2021” ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 4 สนาม 5 เรซ แข่งขันฯใหม่ ดังนี้
สนามที่ 1 วันที่ 16-18 กรกฎาคม สนามที่ 2 วันที่ 30 กรกฎาคม-1 สิงหาคม สนามที่ 3 วันที่ 13-15 สิงหาคม 2564 สนามที่ 4 วันที่ 4-7 พฤศจิกายน 2564 (จำนวน 2 เรซ)ทั้งนี้ นักแข่ง ทีมแข่งและผู้เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่าน จะต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดการแข่งขัน “OR BRIC SUPERBIKE 2021” แก้ไขเพิ่มเติมอ้างอิงตามประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดบุรีรัมย์ เรื่อง การป้องกันการระบาดใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 แก้ไขเพิ่มเติมครั้งที่ 5 ลงวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ดังนี้
นักแข่ง ทีมแข่งและผู้เข้าร่วมทุกท่าน จะต้องมีเอกสารเพื่อรับรองว่า ผ่านการฉีดวัคซีน ซิโนแวค ครบ 2 เข็ม หรือ แอสตร้าเซนเนก้า อย่างน้อย 1 เข็ม ก่อนวันที่ 15 กรกฎาคม 2564 เพื่อแสดงแก่เจ้าหน้าที่สนามฯสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้
หากนักแข่ง ทีมแข่งไม่มีการนัดหมายคิวฉีดวัคซีนซิโนแวค จำนวน 2 เข็ม หรือ แอสตร้าเซนเนก้า อย่างน้อย 1 เข็ม จะต้องสมัครเข้าร่วมแข่งขันพร้อมชำระค่าสมัคร และขอให้ทางผู้จัดฯช่วยประสานงานขอรับวัคซีน(ไม่สามารถระบุยี่ห้อวัคซีนได้)ในใบสมัครแข่ง 5 คน ต่อ 1 ทีมแข่ง ภายในวันที่ 10 มิถุนายนนี้ โดยดาวน์โหลดแบบฟอร์มการสมัครได้ทาง Facebook : BRIC Superbike หรือ Chang Circuit Buriram และส่งเอกสารการสมัครมาที่ e-mail : bricsbk@gmail.com
Cr. :วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์ // คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ไอโอซีเมมเบอร์ ร่วมนับถอยหลัง เหลือเวลาอีกไม่ถึง 50 วัน เข้าสู่ มหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 แล้ว “โธมัส บาค” ประธานไอโอซี ชี้ว่า การรวมตัวของนักกีฬาทั่วโลก จะเป็นพลังที่ยิงใหญ่ หลังผ่านอุปสรรคด้านต่าง ๆ มาไม่น้อย พร้อมย้ำ กีฬาสร้างสันติภาพให้กับโลกใบนี้
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) กล่าวว่า จากนี้ไป เหลือเวลาอีกไม่ถึง 50 วันแล้ว มหกรรมกีฬาโอลิมปิก โตเกียว 2020 เริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 23 ก.ค.-8 ส.ค.นี้ ที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าภาพญี่ปุ่นประกาศความพร้อมว่า จะเดินหน้าจัดการแข่งขันตามแผนเดิม
โธมัส บาค ประธานไอโอซี เชื่อมั่นว่า การรวมตัวของนักกีฬาจากทั่วโลก ในโตเกียวเกมส์ ครั้งนี้ จะเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ หลังจากผ่านอุปสรรคด้านต่าง ๆ มาไม่น้อย โดยเฉพาะจากปัญหาโควิด-19 ที่ต้องเลื่อนการแข่งขันมา 1 ปี พร้อมกันนี้ ประธานไอโอซี ย้ำด้วยว่า กีฬาสามารถสร้างสันติภาพให้กับโลกใบนี้ได้เสมอ
ประธานไอโอซี กล่าวในที่ประชุม หัวข้อ “การทูตด้านกีฬาสามารถช่วยสร้างยุโรปให้แข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไร” ซึ่งมีผู้เข้าร่วมรับฟังกว่า 500 คน ทั้งที่ประชุมและฟังทางออนไลน์ ว่า กีฬาและการทูตสามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันเป็นอย่างดี
ตลอดประวัติศาสตร์ของกีฬาโอลิมปิก แสดงให้เห็นถึงความสามารถส่งเสริมความเข้าใจของมนุษย์ แม้ในสถานการณ์ที่ข้อตกลงทางการเมืองเป็นเรื่องเข้าใจยาก พลังของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก คือ ความเป็นสากล โอลิมปิกเป็นงานเดียวที่นำคนทั้งโลกมารวมกัน เพื่อการแข่งขันอย่างสันติ เมื่อนักกีฬาของคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งชาติ 206 ชาติ และทีมโอลิมปิกผู้ลี้ภัย มารวมตัวกันในโอลิมปิก โตเกียว วันที่ 23 ก.ค. หรืออีกประมาณ 50 วันนับจากนี้ เขาจะส่งข้อความอันทรงพลังจากโตเกียวไปทั่วโลก สารสำคัญคือ สันติภาพ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และความสามารถในการฟื้นตัว
ประธานไอโอซี กล่าวต่อว่า พันธกิจของเราบังคับให้เราต้องยอมรับความหลากหลายของมนุษย์ และไม่เคยกีดกันผู้อื่น การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกสร้างสะพานให้เสมอ และไม่เคยสร้างกำแพงขึ้นมา โดยหน้าที่ของไอโอซี ต้องเป็นกลางทางการเมือง
หลักการของความเป็นกลางทางการเมือง มั่นใจว่าการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก สามารถยืนหยัดอยู่เหนือความแตกต่างทางการเมืองที่มีอยู่ในโลก นี่คือเหตุผลที่กีฬาและการทูตสามารถส่งเสริมซึ่งกันและกัน
ที่ผ่านมา ไอโอซีเป็นตัวกลางระหว่างรัฐบาลต่าง ๆ ช่วยเชื่อมสัมพันธ์ผ่านทางกีฬา ตั้งแต่สเปน ไปจนถึง เซอร์เบีย โคโซโว ตูนิเซีย อิสราเอล ปาเลสไตน์ อิหร่าน ยูเครน รัสเซีย อาร์เมเนีย อาเซอร์ไบจาน เกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ และอีกหลายประเทศ
ขณะเดียวกัน เรารู้ดีว่ากีฬาอย่างเดียวไม่สามารถสร้างสันติภาพ ไม่สามารถป้องกันความขัดแย้ง หรือเปลี่ยนแปลงกฎหมายของรัฐอธิปไตย เป็นเรื่องทางการเมือง การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกไม่สามารถจัดการกับความท้าทายทางการเมือง และสังคมทั้งหมดในโลก แต่สามารถเป็นแบบอย่างของโลก ที่ทุกคนเคารพกฎเดียวกัน และเคารพซึ่งกันและกัน
โธมัส บาค ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของความเป็นกลางทางการเมืองของไอโอซี ว่าเราสามารถบรรลุพันธกิจ เมื่อฝ่ายการเมือง เคารพความเป็นกลาง หากไม่เคารพความเป็นกลางของเรา การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก จะกลายเป็นความแตกแยกมากกว่าที่จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว หากความเป็นกลางนี้ไม่ได้รับการเคารพ เป็นไปไม่ได้จะนำโลกสู่การแข่งขันอย่างสันติ
Cr. :วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์