วันจันทร์, มิถุนายน 9, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 1873

“คิงคองก้อง” ทะยานขึ้นท็อป 9 เปิดหัวเทสต์โมโตทู เฆเรซ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา ยอดนักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบระดับโลก รุ่นโมโตทู จากโครงการ “ฮอนด้า เรซ ทู เดอะ ดรีม” ประเดิมผลงานสุดหรู รั้งอันดับที่ 9 ด้วยเวลาต่อรอบเร็วสุด 1 นาที 42.521 วินาที จี้ติดจ่าฝูงเพียง 0.880 วินาที หลังจบโปรแกรมพรีซีซั่นเทสต์ ฤดูกาล 2021 วันแรก ที่สนามเฆเรซ ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 9-10 มีนาคมที่ผ่านมา
แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยสามารถติดตามข่าวสารของ “คิงคองก้อง” สมเกียรติ จันทรา พร้อมส่งกำลังใจเชียร์นักบิดหนึ่งเดียวของไทย ศึกโมโตจีพี รุ่นโมโตทู ตลอดฤดูกาล 2021 ได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ เรซ ทู เดอะ ดรีม : fb.com/aphondaracingth

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

ส่งออกผักผลไม้ไปอินโดฯ ต้องมีใบ RIPH และ SPI

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3730
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

Banpu Next จับมือ UMT ขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้ บริการตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าเพิ่ม 2,000 จุด

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3729
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

คนร.ไฟเขียวตั้งบริษัทลูก กฟน.-กฟผ. ยกระดับพลังงานด้วยนวัตกรรม

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3728
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

ปตท.จับมือสยามแก๊สฯ ร่วมพัฒนาธุรกิจ LNG และ LPG

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3727
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

กรมการแพทย์แผนไทยฯ จับมือ 2 องค์กร เปิดตัว กัญชาขึ้นห้าง “ครบเครื่องเรื่องกัญชา”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จับมือ เครือข่ายพลังภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)เตรียมเปิดตัวงาน “กัญชา”ภายใต้รูปแบบการจัดงาน“ครบเครื่องเรื่องกัญชาและเสน่ห์ยาสมุนไพร” GANJA & TTM IN THE CITY พบกิจกรรมให้ความรู้เรื่องกัญชาเต็มรูปแบบ พร้อมชิม ช้อป แชร์ สินค้าภายในงาน ขึ้นห้างครั้งแรก ระหว่างวันที่ 17 – 21 มีนาคม 2564 ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้า Paradise Park กรุงเทพมหานคร
โดยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2564 ณ ห้องประชุมการบูร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข มีงานแถลงข่าวและพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การจัดงาน “ครบเครื่อง เรื่องกัญชาและเสน่ห์ยาสมุนไพร” GANJA & TTM IN THE CITY ระหว่าง กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก เครือข่ายพลังภูมิปัญญาการแพทย์ แผนไทยและบริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) โดยมี แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับ พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุวรรณ ประธานเครือข่ายพลังภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและ คุณสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) จากบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวเป็นความร่วมมือ ทั้ง 3 หน่วยงาน โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนา อนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย วิจัยและพัฒนาศักยภาพวิชาการ ทางภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ให้มีความน่าเชื่อถือ เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงบริการการแพทย์แผนไทยที่มีมาตรฐาน รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการธุรกิจด้านการส่งเสริมสุขภาพด้วยภูมิปัญญาไทย เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลให้ความสำคัญในการต่อยอดภูมิปัญญาไทยและความรู้ของปราชญ์ชาวบ้านที่มีมาตรฐาน เพื่อสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป รวมถึงศึกษาวิจัยโดยเฉพาะการใช้กัญชาทางการแพทย์เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจเพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์ และช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการเพื่อสุขภาพอย่างครอบคลุม ล่าสุดประชาชนทุกคนสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนของกัญชาที่ไม่จัดเป็นยาเสพติดแต่ต้องมาจาก ผู้ได้รับอนุญาตปลูก ที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยปรุงอาหารได้ ทำผลิตภัณฑ์สุขภาพได้ เช่น ลูกประคบสด หรือ ถ้าจะผลิตเพื่อจำหน่าย ต้องขออนุญาตภายใต้กฎหมายผลิตภัณฑ์สุขภาพนั้น เช่น พระราชบัญญัติผลิตภัณฑ์สมุนไพร พระราชบัญญัติเครื่องสำอาง
สำหรับปี 2564 ได้มีนโยบายการจัดบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์แบบบูรณาการ โดยเป็นการร่วมให้บริการระหว่างการแพทย์แผนไทยร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อการเข้าถึงบริการและได้รับยากัญชาอย่างมีคุณภาพและปลอดภัยตามมาตรฐานวิชาชีพมีความครอบคลุม กระจายตัว ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัด โดยเป้าหมายปี 2564 จะให้บริการในโรงพยาบาลทุกระดับจำนวน 660 แห่ง ในส่วนการจัดบริการคลินิกกัญชาทางการแพทย์และการเข้าถึงบริการกัญชาทางการแพทย์แผนไทยปัจจุบันมีจำนวนคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยที่เปิดบริการ และมีการขอสนับสนุนยาจากกรมการแพทย์แผนไทย รวมทั้งสิ้น 571 แห่ง และมีการจ่ายตำรับยาแผนไทยที่มีกัญชาปรุงผสม 36,940 ครั้ง ตำรับยาแผนไทยที่มีการจ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ น้ำมันอาจารย์เดชา 8,897 ครั้ง ยาศุขไสยาศน์ 2,272 ครั้ง และยาทำลายพระสุเมรุ 1,454 ครั้ง โดยมีข้อบ่งชี้ของโรค อาการสำคัญที่ขอรับการรักษาสูงสุด 3 อันดับแรก คือ นอนไม่หลับ ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย และผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง การใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทย เป็นการผ่อนปรนให้ใช้พืชเสพติด เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์เท่านั้น เพื่อให้มีการบริการการรักษาแก่ประชาชนได้อย่างปลอดภัยและครอบคลุม และยังสามารถเพิ่มคุณภาพชีวิตแก่ผู้ป่วยได้อีกด้วย
แพทย์หญิงอัมพร กล่าวต่อไปว่า การจัดงาน “ครบเครื่องเรื่องกัญชาและเสน่ห์ยาสมุนไพร” GANJA & TTM IN THE CITY งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 21 มีนาคม 2564 ณ ชั้น1 ศูนย์การค้า Paradise Park กรุงเทพมหานคร โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับกัญชาและสมุนไพรไทย ในรูปแบบอาหาร เครื่องดื่ม และเวชสำอาง บริการตรวจรักษาโรคด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย อย่างเช่น คลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทย รักษาโรคของผู้สูงวัย
และวัยทอง โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง NCD การดูแลสตรีก่อนและหลังคลอดบุตร รวมทั้งการใช้หัตถการในการรักษาอาการป่วยต่างๆ พบศาสตร์ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้าน อาทิ การนวดตอกเส้น การนวดพื้นบ้าน และการบ่งต้อด้วยหนามหวายเพื่อรักษาอาการโรคที่เกี่ยวกับตา กิจกรรมให้ความรู้ด้านศาสตร์การแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย ประโยชน์ของกัญชา ทางการแพทย์แผนไทยที่หลายคนอาจจะคิดไม่ถึง สูงวัย ไร้โรคโดยแผนไทย และ พบการสาธิตการทำปรุงยาและเครื่องสำอาง โดยใช้สมุนไพรใกล้ตัว เช่น น้ำมันนวดกัญชา ยาดม ยาหม่องน้ำกัญชา เป็นต้น
พล.ร.อ.ชาญชัย เจริญสุวรรณ ประธานเครือข่ายพลังภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กล่าวว่า ในส่วนการจัดงาน ในครั้งนี้ทางองค์กรได้รวบรวมภาคีเครือข่ายหมอแผนไทยและหมอพื้นบ้านไทยที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาให้ความรู้และร่วมออกบูธกิจกรรมภายในงาน ถือเป็นงานที่นำศาสตร์องค์ความรู้ด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์พื้นบ้านไทย โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้านกัญชาทางการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย ขึ้นห้างเป็นครั้งแรก อีกด้วย
ทางด้าน นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศูนย์การค้าในเครือเอ็ม บี เค ได้แก่ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์, พาราไดซ์ พาร์ค, เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 และเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ โดยมีทาง บริษัท เซเว่น สตาร์ สตูดิโอ จำกัด โดยคุณบริพันธ์ ชัยภูมิ ร่วมดำเนินการจัดงาน ครบเครื่องเรื่องกัญชาและเสน่ห์ยาสมุนไพร Ganja & TTM in the City โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย สำหรับการลงนาม MOU ร่วมกับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข และ เครือข่ายพลังภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย นับเป็นมิติใหม่และครั้งแรกของศูนย์การค้า ในประเทศไทย ที่ยกระดับการรับรู้และต่อยอดความเข้าใจให้แก่ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงกัญชาวิถีใหม่ อย่างถูกต้องตามกฏหมาย หรือการใช้กัญชาเพื่อการรักษาตามหลักการแพทย์ กัญชากับอาหาร รวมทั้งกิจกรรมเวิร์คช้อปต่างๆ ผ่านการจัดงานมหกรรมผลิตภัณฑ์กัญชาและสมุนไพรไทย ครบเครื่องเรื่องกัญชาและเสน่ห์ยาสมุนไพร Ganja & TTM in the City ในครั้งนี้ :Cr;มณสิการ รามจันทร์์

ดับเครื่องชน!

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // ลิงโลดกันถ้วนหน้า! กับเรื่องที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีที่ฟ้องร้องนัวเนียระหว่างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC
กับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)และคณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36
หลังจาก รฟม.ได้ออกประกาศยกเลิกการประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวตามประกาศ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2563 ไปเมื่อวันที่ 3 ก.พ.64 จึงทำให้เหตุแห่งการพิจารณาเกี่ยวกับการขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองไม่มีอยู่ต่อไปแล้ว และคดีนี้มิได้เป็นคดีที่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ การพิจารณาคดีต่อไปไม่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงไม่มีเหตุให้ต้องพิจารณาต่อ ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาตให้คณะกรรมการคัดเลือกและรฟม.ถอนอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
ไป และยังได้มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2563 ที่ให้ทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์ที่แก้ไขเพิ่มเติมจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งอื่นใดไปด้วย

เมื่อทุกอย่างโล่ง ถนนเรียบตามความเข้าใจของฝ่ายบริหาร รฟม.นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรฟม.จึงประกาศจะเดินหน้าจัดประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มใหม่เต็มสตรีม โดยระบุว่า รฟม. ได้เริ่มกระบวนการคัดเลือกตามขั้นตอน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2562 ส่วนที่ 2 (การคัดเลือกเอกชน) โดยได้ปัดฝุ่นนำเอาร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการนี้ (RFP) และร่างสัญญาร่วมลงทุน เสนอต่อคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อให้ความเห็นชอบ และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง (Opinion Hearing) ไปตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนในเดือนเม.ย.จากนั้นให้เวลาเอกชนทำข้อเสนอ 60 วันเพื่อยื่นซองประมูลในเดือน มิ.ย.และได้เอกชนผู้ชนะเดือน ก.ค.และ เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เดือน ส.ค.นี้

“ การรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน เป็นเพียงการรวบรวมความเห็นนำมาใช้ประกอบในการปรับปรุงร่างประกาศเชิญชวนฯ ร่างเอกสาร RFP และร่างสัญญาฯตามที่ รฟม. เห็นสมควร เพื่อเสนอคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบและการดำเนินการเป็นอำนาจของคณะกรรมการมาตรา36 ไม่ต้องขออนุมัติ คณะรัฐมนตรี” ฟังแล้วก็ให้เคลิบเคลิ้มตาม จนเข้าใจว่าขวากหนามในการประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ที่ทุกฝ่ายก็รู้ว่าหมายจะประเคนให้กลุ่มทุนการเมืองกลุ่มใดนั้นดูจะปลอดโปร่งโล่งเตียนไปแล้วกระมัง แต่แน่ใจหรือว่าทุกอย่างจะราบรื่น ไม่สะดุดตอจนหน้าคะมำอีก!
การที่ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีที่ รฟม.ร้องขออุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งคุ้มครอง และทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์พิจารณาคัดเลือกใหม่ของ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกนั้น เป็นการบอกว่าคดีความทั้งมวลที่ BTS ยื่นฟ้องต่อศาลที่คาราคาซังมาก่อนหน้านั้น ยุติลงไปแล้วโดยสิ้นเชิงกระนั้น หรือเพราะเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งจำหน่ายคดีนั้น หาใช่เออออห่อหมกหรือจำนนในข้อโต้แย้งทั้งมวลของ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือก แต่เป็นเพราะ รฟม.ได้แจ้งยกเลิกประกาศประมูลไปก่อนหน้า จึงทำให้เหตุแห่งปัญหาคือ “เกณฑ์พิจารณาคัดเลือก”ที่ว่านั่น ต้องสิ้นสุดลงไปด้วยต่างหาก จึงไม่มีเหตุที่จะต้องนำมา
พิจารณาใดๆ อีก แต่กระนั้นเหตุแห่งความไม่ชอบธรรม ที่มาจากเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกสุดหลุดโลกของ รฟม การกำหนดเกณฑ์คัดเลือกที่ไม่เป็นธรรม มุ่งเอื้อประโยชน์แก่เอกชน
บางรายและการกำหนดเกณฑ์คัดเลือกดังกล่าวล้วน “ย้อนแย้ง”ในตัวเองนั้น ก็ยังคงมีอยู่ และมีโอกาสที่ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกจะถูกฟ้องเอาได้อีกทุกเมื่อหากยังดันทุรังนำเกณฑ์ดังกล่าวมาจัดประมูลอยู่ต่อไป

วันวาน เราจึงได้เห็น สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTS ออกมา “ดับเครื่องชน”รฟม.อีกครั้ง โดยได้แถลงยืนยันว่า รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่มีอำนาจยกเลิกการประมูลคัดเลือกและจัดประมูลใหม่ โดยไม่ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพราะ รฟม.เป็นเพียงหน่วยงานเจ้าของโครงการเท่านั้นการจะเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญใด ๆ ในเงื่อนไข TOR ยังต้องขออนุมัติ ครม. แล้วจะไปมีอำนาจยกเลิกและจัดประมูลไปตามลำพังได้อย่างไร

“การที่รฟม.ยังคงดันทุรังจะจัดประมูลใหม่ โดยได้เริ่มเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศเชิญชวนใหม่อีก โดยไม่ยอมนำเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม.จะยิ่ง
เป็นการถลำลึกที่ทำให้เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว รฟม.จะไม่สามารถประมูลและเซ็นสัญญาโครงการนี้ภายในปีนี้ตามที่ประกาศไว้อย่างแน่นอน”

หากพิจารณาเหตุผล รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกที่ป่าวประกาศล่าสุดว่า การปรับมาใช้เกณฑ์ใหม่ ที่กำลังเปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นอยู่ เป็นอำนาจของ คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 จึงไม่ต้องนำเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม.อีกสามารถจะนำไปประกาศในราชกิจจาได้เลยนั้น ความเข้าใจดังกล่าวไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเดิมนั้นมีการดำเนินการตามกระบวนการตาม พรบ.พีพีพี และได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว หน่วยงานรฟม.จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกและต้องดำเนินการไปตามกรอบที่กฏหมายกำหนดไว้ แต่การที่รฟม.หวังจะนำเอาเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกใหม่ที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานเกณฑ์เดิมมาใช้ โดยยืนยันเป็นอำนาจที่ไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจาก ครม.แล้วจะโยนเผือกร้อนไปให้ ครม.รับผิดชอบประทับตาเป็น”รับเบอร์แสตมป์”ได้อย่างไร หาไม่แล้วก็คงจะมีปัญหาข้อกฎหมายตามมาในท้ายที่สุด เพราะนำเสนอ
เกณฑ์คัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนแบบหนึ่ง แต่กลับไปนำเอาเกณฑ์ดอีกเวอร์ชั่นมาใช้ ซึ่งหากตัวนายกฯและรัฐบาลปล่อยผ่านโครงการนี้ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราคงได้เห็นการประมูลโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐระส่ำไปทั้งบางแน่ ประเภทเสนอเกณฑ์คัดเลือกแบบหนึ่งให้ที่ประชุม ครม.”รับเบอร์แสตมป์”ไป แต่ไปลากเอาเกณฑ์อีกแบบมาใช้แทน จริงไม่จริงก็กำลังจะได้เห็นจากอภิมหาโครงการประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม เจ้าปัญหาอยู่นี่
แหล่ะ!!!

Time Line ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.42 แสนล้าน

28 ม.ค.63 ครม.อนุมัติโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ตามที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการพีพีพี) นำเสนอในรูปแบบ PPP Net Cost โดยรัฐลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนตะวันตก(ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์) และภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา และงานระบบรถไฟฟ้า การบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาทั้งเส้นทาง ระยะเวลา 30 ปี มิ.ย.63 รฟม.แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน(คณะกรรมการตามมาตรา 36) ตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562

26 มิ.ย.63 คณะกรรมการคัดเลือกฯ เห็นชอบเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม (Request for proposal: RFP)
และรายละเอียดการประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการ

3 ก.ค.63 รฟม.ออกประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี
(สุวินทวงศ์ )ระยะทาง 35.9 กม.วงเงินลงทุน 142,789 ล้านบาท

10-24 ก.ค.63 จำหน่ายเอกสารการประมูล (RFP) กำหนดยื่นซองประมูลในวันที่ 23 ก.ย.63 โดยมีบริษัทเอกชนรายใหญ่เข้าซื้อเอกสารการประมูล จำนวน 10
ราย

13 ส.ค.63 รฟม.ได้รับหนังสือจาก สคร.ว่า ได้รับการร้องขอจากบริษัทเอกชนที่ซื้อซองประกวดราคาที่ร้องขอให้ ปรับเปลี่ยนเกณฑ์การคัดเลือกใหม่

21 ส.ค.63 ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกฯ เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกใหม่ โดยรวมคะแนนข้อเสนอที่ 2 ด้านเทคนิค(สัด
ส่วน 30คะแนน) และข้อเสนอที่ 3 ด้านการเงินและผลตอบแทน(สัดส่วน70คะแนน) จากเดิมที่จะพิจารณาแยกจากกัน และจะพิจารณาเปิดซองข้อเสนอการลง
ทุนและผลตอบแทนเฉพาะรายที่ผ่านด้านเทคนิคแล้วเท่านั้น และเห็นชอบขยายเวลายื่นเอกสารประกวดราคา 45 วัน เป็นวันที่ 9 พ.ย.63

21-28 ส.ค.63 BTS ทำหนังสือโต้แย้งและคัดค้าน การประกาศเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ในการประเมินข้อเสนอใหม่ของ รฟม.
และคณะกรรมการคัดเลือก

17 ก.ย.63 บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ร้องศาลปกครองเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกฯ และเพิกถอนเอกสารสำหรับการคัด
เลือกเอกชนเพิ่มเติม (RFP Addendum)

25 ก.ย.63 รฟม.แถลงข่าว ยืนยันการเปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินข้อเสนอการร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม
ช่วงบางขุนนนท์ -มีนบุรี โดยยืนยันว่า คณะกรรมคัดเลือกได้พิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นประโยชน์สูงสุดแก่รัฐ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้เทคนิคก่อ
สร้างที่มีความซับซ้อน จึงไม่สามารถพิจารณาเพียงข้อเสนอด้านการเงินและผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว

19 ต.ค.63 ศาลปกครองมีคำสั่งให้ รฟม.และคณะกรรมการมาตรา 36 ทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก
เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มใหม่ ไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งอื่นใดและให้รฟม.กับคณะกรรมการคัดเลือกกลับไปใช้เกณฑ์
การพิจารณาเดิมตามเอกสารประกวดราคา

21 ต.ค.63 คณะกรรมการตามมาตรา 36 มีมติให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอน
คำสั่งทุเลาการบังคับใช้หลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกที่คณะกรรมการตามมาตรา 36 ได้ปรับเปลี่ยนใหม่ ด้วยเหตุผล หากรอผลตัดสินของศาลอาจทำให้การดำเนิน
โครงการล่าช้า

9 พ.ย.63 รฟม.กำหนดให้เอกชนเข้ายื่นซองข้อเสนอ ในช่วงเวลา 9.00-15.00 น. โดยบริษัท BTSC ร่วมกับพันธมิตร
ในนามกิจการร่วมค้า BSR เข้ายื่นข้อเสนอคู่กับกลุ่มบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือ BEM

30 พ.ย.63 รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือก ขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ และยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ให้ทุเลา การบังคับใช้เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกใหม่

3 ก.พ.64 คณะกรรมการคัดเลือกมีมติยกเลิกประกาศเชิญเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ลงวันที่ 3ก.ค.2563 โดยมอบหมายให้ รฟม
.พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย

22 ก.พ.64 BTS ยื่นฟ้องผู้บริหาร รฟม.และบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในข้อหา
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,165 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ
.ศ. 2561 มาตรา 172

1 มี.ค. 64 รฟม.เปิดประชาพิจารณ์ร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม

5 มี.ค.64 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งจำหน่ายคดีที่ BTS ยื่นฟ้อง รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกฯ และให้ศาลปกครองกลางยกเลิกคำสั่งทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกที่แก้ไขเพิ่มเติม.

 

“บาค” เดินหน้าจัด โอลิมปิก 2020 วัคซีนป้องกันโควิด-19 ช่วยได้มาก

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ไอโอซีเมมเบอร์ เผย โธมัส บาค ประธานไอโอซี ประกาศการประชุมใหญ่ ไอโอซี ครั้งที่ 137 ผ่านละบบออนไลน์ พร้อมจะเดินหน้าจัดโอลิมปิก โตเกียว 2020 แบบเต็มตัว ระบุ ไม่มีเหตุผลอะไรไม่จัดการแข่งขันครั้งนี้ ทั้งเจ้าภาพญี่ปุ่น และทุกภาคส่วนทั่วโลก ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ส่วนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ก็ช่วยจัดการแข่งขันเป็นอย่างมาก
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซีเมมเบอร์) กล่าวว่า โธมัส บาค ประธานไอโอซี กล่าวในการประชุมใหญ่ ไอโอซี ครั้งที่ 137 ผ่านระบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ตั้งแต่เกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก เห็นได้ชัดเจนว่า กีฬามีส่วนเกี่ยวข้อง และมีบทบาท ในสังคม และมีผลต่อสุขภาพ เป็นอย่างมาก กีฬาถือเป็นส่วนหนึ่งการฟื้นฟูสังคม และองค์การสหประชาชาติมีมติให้เพิ่มกีฬาเข้าไปในแผนฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-19 ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติยอมรับกีฬาอย่างชัดเจนในฐานะ กีฬา เป็นเครื่องมือที่ช่วยโปรโมทสันติภาพและการพัฒนา
ส่วนการประชุม G 20 สนับสนุนการจัดการแข่งขัน โอลิมปิก ฤดูร้อน โตเกียว 2020 และ โอลิมปิก ฤดูหนาว ปักกิ่ง 2022 ซึ่ง โอลิมปิก โตเกียว 2020 แสดงออกถึง สันติภาพ ความสามัคคี ความเป็นปึกแผ่น โดย ไอโอซีขอขอบคุณเจ้าภาพญี่ปุ่น ไอโอซี จะยืนเคียงข้างเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งนี้ ซึ่งโตเกียว ถือเป็นเมืองโอลิมปิก เตรียมการได้ดีที่สุด และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่จัดการแข่งขันครั้งนี้ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันเพื่อให้การจัดการแข่งขันประสบความสำเร็จ
ไอโอซีเมมเบอร์หญิงชาวไทย กล่าวต่อว่า คำถามตอนนี้ ไม่ได้อยู่ที่เราจะจัดโอลิมปิก ได้หรือไม่ แต่คำถามควรอยู่ที่เราจะจัดงานอย่างไร จะรับมือกับโควิด-19 อย่างไรไอโอซี จัดทำ “เพลย์บุ๊ก” หรือคู่มือสำหรับการแข่งขันครั้งนี้ และได้คำแนะนำทางเทคนิค จากผู้ทำงานด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ทำให้จัดทำมาตรการ

สำหรับทุกคนที่จะเข้าแข่งขัน เราได้พิจารณาว่าบุคคลแต่ละกลุ่มจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร และทำเพลย์บุ๊ก ให้แต่ละกลุ่มปฏิบัติตาม ใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพื่อมาต่อสู้กับโควิด-19 และต้องทำให้นักกีฬา และผู้เข้าร่วมงานปลอดภัยที่สุด ขอขอบคุณทุกคนที่ให้การสนับสนุน ล่าสุดผู้นำกลุ่ม G 7สนับสนุนความพยายามของเรา รู้สึกทราบซึ้งใจอย่างมาก จะจัดการแข่งขันให้ปลอดภัย และป้องกันให้ดีที่สุด และถึงแม้จะมีข้อจำกัดอย่างมากมาย จะจัดงานให้สำเร็จ
ตั้งแต่ปลายปี 2020 มีการจัดการแข่งขันมากกว่า 200 รายการ รวมถึงรายการชิงแชมป์โลก ซึ่งแต่ละรายการจัดการและการรับมือกับโควิด-19 ได้ดี ซึ่งทุกรายการไม่มีการแข่งขันที่ไหนทำให้เกิดการแพร่เชื้อ ตอนนี้เรามีวัคซีนแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่า ช่วยเรื่องการจัดการแข่งขันได้มาก และนักกีฬาหลายคน พร้อมเข้ารับวัคซีนแล้ว
นอกจากนี้ คุณหญิงปัทมา กล่าวด้วยว่า ประธานไอโอซี แสดงความมั่นใจถึงการทำหน้าที่ของ ไซโกะ ฮาชิโมโตะ ประธานจัดการแข่งขันหญิงคนใหม่ จะสะท้อนให้ได้ เห็นถึงความเสมอภาคทางเพศในด้านต่าง ๆ
“ประธานไอโอซี เน้นย้ำด้วยว่า โลกเราปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง และถึงแม้จะมีความท้าทาย สามารถเปลี่ยนความท้าทายเป็นโอกาสได้ โควิด-19 เปลี่ยนโลกอย่างมาก และเราไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ต้องมองการณ์ไกล มองปัจจุบันและอนาคต ด้วยเหตุนี้เราเลยมี Agenda 2020+5 เพื่อปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่ และ ปิแอร์ เดอร์ กูบงแตง เคยพูดไว้ว่า ชาวโอลิมเปี้ยน เป็นหนึ่งสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคต จะนำคุณค่าไปยังโลกหลังโควิด-19 ตอนนี้มองไปยังอนาคตที่ดีขึ้นของกระบวนการโอลิมปิก” คุณหญิงปัทมา กล่าวในตอนท้าย

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

 

“สะสม” เชื่อ “ชลบุรี” ต้องโฟกัสตัว เพื่อรอดตกชั้น ไทยลีก

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // ความพร้อมก่อนการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก นัดที่ 26 คู่ระหว่าง “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ทีมอันดับ 12 เปิดสนาม ชลบุรี สเตเดียม รับการมาเยือนของ “เดอะ แรบบิท” บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีก วันที่ 11 มีนาคมนี้ เวลา 18.30 น.
ฉลามชล ฟอร์มไม่ต่อเนื่อง ชนะ สลับ เสมอ และ แพ้ในช่วงหลัง ขณะที่ เดอะ แรบบิท เข้าป้ายคว้าแชมป์ไทยลีกเรียบร้อยแล้ว และกำลังลุ้นสร้างสถิติไร้พ่ายตลอดฤดูกาล
สะสม พบประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ชลบุรี เอฟซี กล่าวว่า “สภาพทีมตอนนี้ก็มีปัญหาพอสมควร หลังต้องเสีย สหรัฐ สนธิสวัสดิ์ ที่ติดโทษแบน รวมถึงต้องเช็คความฟิตของ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, เรนาโต้ เคลิช และ จูเนียร์ ที่มีความล้าสะสม”
“แน่นอนว่าเกมนี้เราก็ต้องเลือกนักเตะที่พร้อมสมบูรณ์ และฟิตที่สุดลงสนามการเจอกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ในเกมนี้”
“ผมเชื่อว่า บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ต้องการสร้างผลงานเพื่อให้เป็นที่จดจำ ทั้งเรื่องของฟอร์มการเล่น หรือสถิติต่างๆ อย่างการไม่แพ้ใครในลีก ในหัวเขาต้องคิดเรื่องนี้ เขาไม่มีทางที่จะมาเยือนเราและยอมง่ายๆ ซึ่งผมมองว่ามันก็เป็นเรื่องดี”
“ผมมองว่า เราต้องการอีก 6 คะแนน จาก 5 นัดที่เหลือ เพื่อความอยู่รอดในลีกสูงสุด เพราะไม่ต้องการไปยืนแบบเฉียดโซนแดง สิ่งสำคัญคือเราไม่ต้องไปโฟกัสทีมอื่น ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับเรา เราต้องพยายามเก็บ 6 คะแนน ให้เร็วที่สุด เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของเรา”

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์