พิมพ์ไทยออนไลน์ // ลิงโลดกันถ้วนหน้า! กับเรื่องที่ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีที่ฟ้องร้องนัวเนียระหว่างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC
กับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)และคณะกรรมการคัดเลือก ตามมาตรา 36
หลังจาก รฟม.ได้ออกประกาศยกเลิกการประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการดังกล่าวตามประกาศ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.2563 ไปเมื่อวันที่ 3 ก.พ.64 จึงทำให้เหตุแห่งการพิจารณาเกี่ยวกับการขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองไม่มีอยู่ต่อไปแล้ว และคดีนี้มิได้เป็นคดีที่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ การพิจารณาคดีต่อไปไม่เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงไม่มีเหตุให้ต้องพิจารณาต่อ ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาตให้คณะกรรมการคัดเลือกและรฟม.ถอนอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว
ไป และยังได้มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2563 ที่ให้ทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์ที่แก้ไขเพิ่มเติมจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา หรือคำสั่งอื่นใดไปด้วย
เมื่อทุกอย่างโล่ง ถนนเรียบตามความเข้าใจของฝ่ายบริหาร รฟม.นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการรฟม.จึงประกาศจะเดินหน้าจัดประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มใหม่เต็มสตรีม โดยระบุว่า รฟม. ได้เริ่มกระบวนการคัดเลือกตามขั้นตอน พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2562 ส่วนที่ 2 (การคัดเลือกเอกชน) โดยได้ปัดฝุ่นนำเอาร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการนี้ (RFP) และร่างสัญญาร่วมลงทุน เสนอต่อคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อให้ความเห็นชอบ และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง (Opinion Hearing) ไปตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา คาดว่าจะออกประกาศเชิญชวนในเดือนเม.ย.จากนั้นให้เวลาเอกชนทำข้อเสนอ 60 วันเพื่อยื่นซองประมูลในเดือน มิ.ย.และได้เอกชนผู้ชนะเดือน ก.ค.และ เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เดือน ส.ค.นี้
“ การรับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน เป็นเพียงการรวบรวมความเห็นนำมาใช้ประกอบในการปรับปรุงร่างประกาศเชิญชวนฯ ร่างเอกสาร RFP และร่างสัญญาฯตามที่ รฟม. เห็นสมควร เพื่อเสนอคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนฯ พิจารณาให้ความเห็นชอบและการดำเนินการเป็นอำนาจของคณะกรรมการมาตรา36 ไม่ต้องขออนุมัติ คณะรัฐมนตรี” ฟังแล้วก็ให้เคลิบเคลิ้มตาม จนเข้าใจว่าขวากหนามในการประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ที่ทุกฝ่ายก็รู้ว่าหมายจะประเคนให้กลุ่มทุนการเมืองกลุ่มใดนั้นดูจะปลอดโปร่งโล่งเตียนไปแล้วกระมัง แต่แน่ใจหรือว่าทุกอย่างจะราบรื่น ไม่สะดุดตอจนหน้าคะมำอีก!
การที่ ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีที่ รฟม.ร้องขออุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งคุ้มครอง และทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์พิจารณาคัดเลือกใหม่ของ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกนั้น เป็นการบอกว่าคดีความทั้งมวลที่ BTS ยื่นฟ้องต่อศาลที่คาราคาซังมาก่อนหน้านั้น ยุติลงไปแล้วโดยสิ้นเชิงกระนั้น หรือเพราะเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งจำหน่ายคดีนั้น หาใช่เออออห่อหมกหรือจำนนในข้อโต้แย้งทั้งมวลของ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือก แต่เป็นเพราะ รฟม.ได้แจ้งยกเลิกประกาศประมูลไปก่อนหน้า จึงทำให้เหตุแห่งปัญหาคือ “เกณฑ์พิจารณาคัดเลือก”ที่ว่านั่น ต้องสิ้นสุดลงไปด้วยต่างหาก จึงไม่มีเหตุที่จะต้องนำมา
พิจารณาใดๆ อีก แต่กระนั้นเหตุแห่งความไม่ชอบธรรม ที่มาจากเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกสุดหลุดโลกของ รฟม การกำหนดเกณฑ์คัดเลือกที่ไม่เป็นธรรม มุ่งเอื้อประโยชน์แก่เอกชน
บางรายและการกำหนดเกณฑ์คัดเลือกดังกล่าวล้วน “ย้อนแย้ง”ในตัวเองนั้น ก็ยังคงมีอยู่ และมีโอกาสที่ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกจะถูกฟ้องเอาได้อีกทุกเมื่อหากยังดันทุรังนำเกณฑ์ดังกล่าวมาจัดประมูลอยู่ต่อไป
วันวาน เราจึงได้เห็น สุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTS ออกมา “ดับเครื่องชน”รฟม.อีกครั้ง โดยได้แถลงยืนยันว่า รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ไม่มีอำนาจยกเลิกการประมูลคัดเลือกและจัดประมูลใหม่ โดยไม่ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพราะ รฟม.เป็นเพียงหน่วยงานเจ้าของโครงการเท่านั้นการจะเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญใด ๆ ในเงื่อนไข TOR ยังต้องขออนุมัติ ครม. แล้วจะไปมีอำนาจยกเลิกและจัดประมูลไปตามลำพังได้อย่างไร
“การที่รฟม.ยังคงดันทุรังจะจัดประมูลใหม่ โดยได้เริ่มเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศเชิญชวนใหม่อีก โดยไม่ยอมนำเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม.จะยิ่ง
เป็นการถลำลึกที่ทำให้เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว รฟม.จะไม่สามารถประมูลและเซ็นสัญญาโครงการนี้ภายในปีนี้ตามที่ประกาศไว้อย่างแน่นอน”
หากพิจารณาเหตุผล รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกที่ป่าวประกาศล่าสุดว่า การปรับมาใช้เกณฑ์ใหม่ ที่กำลังเปิดประชาพิจารณ์รับฟังความเห็นอยู่ เป็นอำนาจของ คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 จึงไม่ต้องนำเสนอขอความเห็นชอบจาก ครม.อีกสามารถจะนำไปประกาศในราชกิจจาได้เลยนั้น ความเข้าใจดังกล่าวไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเดิมนั้นมีการดำเนินการตามกระบวนการตาม พรบ.พีพีพี และได้ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว หน่วยงานรฟม.จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกและต้องดำเนินการไปตามกรอบที่กฏหมายกำหนดไว้ แต่การที่รฟม.หวังจะนำเอาเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกใหม่ที่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานเกณฑ์เดิมมาใช้ โดยยืนยันเป็นอำนาจที่ไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจาก ครม.แล้วจะโยนเผือกร้อนไปให้ ครม.รับผิดชอบประทับตาเป็น”รับเบอร์แสตมป์”ได้อย่างไร หาไม่แล้วก็คงจะมีปัญหาข้อกฎหมายตามมาในท้ายที่สุด เพราะนำเสนอ
เกณฑ์คัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนแบบหนึ่ง แต่กลับไปนำเอาเกณฑ์ดอีกเวอร์ชั่นมาใช้ ซึ่งหากตัวนายกฯและรัฐบาลปล่อยผ่านโครงการนี้ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราคงได้เห็นการประมูลโครงการเมกะโปรเจ็กต์ของรัฐระส่ำไปทั้งบางแน่ ประเภทเสนอเกณฑ์คัดเลือกแบบหนึ่งให้ที่ประชุม ครม.”รับเบอร์แสตมป์”ไป แต่ไปลากเอาเกณฑ์อีกแบบมาใช้แทน จริงไม่จริงก็กำลังจะได้เห็นจากอภิมหาโครงการประมูลคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม เจ้าปัญหาอยู่นี่
แหล่ะ!!!
Time Line ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม 1.42 แสนล้าน
28 ม.ค.63 ครม.อนุมัติโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ตามที่คณะกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (คณะกรรมการพีพีพี) นำเสนอในรูปแบบ PPP Net Cost โดยรัฐลงทุนค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนตะวันตก(ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์) และภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา และงานระบบรถไฟฟ้า การบริหารการเดินรถและซ่อมบำรุงรักษาทั้งเส้นทาง ระยะเวลา 30 ปี มิ.ย.63 รฟม.แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน(คณะกรรมการตามมาตรา 36) ตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562
26 มิ.ย.63 คณะกรรมการคัดเลือกฯ เห็นชอบเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม (Request for proposal: RFP)
และรายละเอียดการประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการ
3 ก.ค.63 รฟม.ออกประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี
(สุวินทวงศ์ )ระยะทาง 35.9 กม.วงเงินลงทุน 142,789 ล้านบาท
10-24 ก.ค.63 จำหน่ายเอกสารการประมูล (RFP) กำหนดยื่นซองประมูลในวันที่ 23 ก.ย.63 โดยมีบริษัทเอกชนรายใหญ่เข้าซื้อเอกสารการประมูล จำนวน 10
ราย
13 ส.ค.63 รฟม.ได้รับหนังสือจาก สคร.ว่า ได้รับการร้องขอจากบริษัทเอกชนที่ซื้อซองประกวดราคาที่ร้องขอให้ ปรับเปลี่ยนเกณฑ์การคัดเลือกใหม่
21 ส.ค.63 ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกฯ เห็นชอบการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกใหม่ โดยรวมคะแนนข้อเสนอที่ 2 ด้านเทคนิค(สัด
ส่วน 30คะแนน) และข้อเสนอที่ 3 ด้านการเงินและผลตอบแทน(สัดส่วน70คะแนน) จากเดิมที่จะพิจารณาแยกจากกัน และจะพิจารณาเปิดซองข้อเสนอการลง
ทุนและผลตอบแทนเฉพาะรายที่ผ่านด้านเทคนิคแล้วเท่านั้น และเห็นชอบขยายเวลายื่นเอกสารประกวดราคา 45 วัน เป็นวันที่ 9 พ.ย.63
21-28 ส.ค.63 BTS ทำหนังสือโต้แย้งและคัดค้าน การประกาศเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ในการประเมินข้อเสนอใหม่ของ รฟม.
และคณะกรรมการคัดเลือก
17 ก.ย.63 บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ร้องศาลปกครองเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนมติคณะกรรมการคัดเลือกฯ และเพิกถอนเอกสารสำหรับการคัด
เลือกเอกชนเพิ่มเติม (RFP Addendum)
25 ก.ย.63 รฟม.แถลงข่าว ยืนยันการเปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินข้อเสนอการร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม
ช่วงบางขุนนนท์ -มีนบุรี โดยยืนยันว่า คณะกรรมคัดเลือกได้พิจารณาอย่างรอบคอบ เป็นประโยชน์สูงสุดแก่รัฐ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ต้องใช้เทคนิคก่อ
สร้างที่มีความซับซ้อน จึงไม่สามารถพิจารณาเพียงข้อเสนอด้านการเงินและผลตอบแทนเพียงอย่างเดียว
19 ต.ค.63 ศาลปกครองมีคำสั่งให้ รฟม.และคณะกรรมการมาตรา 36 ทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก
เอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มใหม่ ไปจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งอื่นใดและให้รฟม.กับคณะกรรมการคัดเลือกกลับไปใช้เกณฑ์
การพิจารณาเดิมตามเอกสารประกวดราคา
21 ต.ค.63 คณะกรรมการตามมาตรา 36 มีมติให้อุทธรณ์คำสั่งต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอน
คำสั่งทุเลาการบังคับใช้หลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกที่คณะกรรมการตามมาตรา 36 ได้ปรับเปลี่ยนใหม่ ด้วยเหตุผล หากรอผลตัดสินของศาลอาจทำให้การดำเนิน
โครงการล่าช้า
9 พ.ย.63 รฟม.กำหนดให้เอกชนเข้ายื่นซองข้อเสนอ ในช่วงเวลา 9.00-15.00 น. โดยบริษัท BTSC ร่วมกับพันธมิตร
ในนามกิจการร่วมค้า BSR เข้ายื่นข้อเสนอคู่กับกลุ่มบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน)หรือ BEM
30 พ.ย.63 รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือก ขอขยายระยะเวลายื่นคำให้การ และยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลที่ให้ทุเลา การบังคับใช้เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกใหม่
3 ก.พ.64 คณะกรรมการคัดเลือกมีมติยกเลิกประกาศเชิญเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ลงวันที่ 3ก.ค.2563 โดยมอบหมายให้ รฟม
.พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
22 ก.พ.64 BTS ยื่นฟ้องผู้บริหาร รฟม.และบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางในข้อหา
ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,165 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ
.ศ. 2561 มาตรา 172
1 มี.ค. 64 รฟม.เปิดประชาพิจารณ์ร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม
5 มี.ค.64 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งจำหน่ายคดีที่ BTS ยื่นฟ้อง รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกฯ และให้ศาลปกครองกลางยกเลิกคำสั่งทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกที่แก้ไขเพิ่มเติม.