https://linevoom.line.me/post/1175452468637291427?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://linevoom.line.me/post/1175452468637291427?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมกันจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่างประเทศไทยละอิสราเอลเป็นครั้งแรก ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2568
โดยมีคณะผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ชั้นนำจากอิสราเอลเข้าร่วมกิจกรรมอิสราเอลได้รับการยอมรับในระดับโลกว่าเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยยังคงเดินหน้าพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง จนได้ประเทศผู้นำด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
ปัจจุบันนี้อิสราเอลเป็นศูนย์กลางของบริษัทระดับยูนิคอร์นด้านไซเบอร์มากกว่า 20 บริษัท โดยมีระบบนิเวศทางไซเบอร์ที่เปี่ยมด้วยความคิดสร้างสรรค์ การลงทุนเชิงลึกอย่างมีคุณภาพ เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ อันส่งผลให้ประเทศอิสราเอลมีบทบาทสำคัญยิ่งในเวทีโลก ด้านการรักษาความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและการพัฒนาโซลูชันล้ำสมัย เพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอยู่ตลอดเวลา
การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้กรอบของบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสำนักงานความมั่นคงไซเบอร์แห่งชาติของอิสราเอล (INCD) และสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ของไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ การประชุมครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี ที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของทั้งสองประเทศ โดยผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความร่วมมืออย่างใกล้ชิด
ตลอดระยะเวลาสามวัน ผู้เข้าร่วมประชุมจากทั้งสองประเทศ ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูง ผู้บริหารด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิค ได้รับฟังการบรรยายจากผู้เชี่ยวชาญ โดยมีการยกตัวอย่างกรณีศึกษา และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเชิงลึกเพื่อสำรวจภัยคุกคามทางไซเบอร์ยุคใหม่ ทั้งยังมีการศึกษาแนวปฏิบัติที่เหมาะสมที่สุด และหารือแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและเศรษฐกิจในโลกยุคดิจิทัล
เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นางออร์นา ซากิฟ กล่าวว่า “สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลมุ่งมั่นในการส่งเสริมนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และขยายความร่วมมือระหว่างประเทศอิสราเอลและประเทศไทย การประชุมตลอดสามวันนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความเข้าใจซึ่งกันและกัน และสร้างความเป็นหุ้นส่วนระยะยาวในด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองประเทศในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและความพร้อมด้านไซเบอร์ เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้น”
Thailand and Israel Launch First Joint Cybersecurity Workshop in Bangkok
The Embassy of Israel, in partnership with Thailand’s National Cyber Security Agency (NCSA), proudly launches the first Thailand-Israel Cybersecurity Workshop held from August 5-7, 2025 featuring a leading cyber delegation from Israel.
Globally recognized as a pioneer in cyber innovation, Israel continues to drive technological advancement and lead in cybersecurity.
Home to over 20 cybersecurity unicorns, Israel’s dynamic cyber ecosystem is fueled by entrepreneurship and significant investment, positioning the country as a key global player in securing digital infrastructures. Israeli companies spearhead the development of cutting-edge solutions to address the ever-evolving cyber threat landscape.
This workshop stems from the Memorandum of Understanding (MoU) signed between Israel’s National Cyber Directorate (INCD) and Thailand’s NCSA, aimed at enhancing cybersecurity cooperation. It represents a significant milestone in strengthening bilateral relations and building resilient digital infrastructure through collaboration and knowledge-sharing.
The three-day program brings together senior government officials, cybersecurity executives, and technical experts from both countries. Through expert-led sessions, case studies, and interactive discussions, participants will explore emerging cyber threats, exchange best practices and discuss strategic solutions to protect national and economic interests in an increasingly digital world.
Ambassador of Israel to Thailand, Ms. Orna Sagiv, stated, “The Embassy of Israel is dedicated to fostering technological innovation and strengthening collaboration between Israel and Thailand. This three-day program is designed to promote mutual understanding and long-term partnership in the cyber domain. It reflects the shared commitment of bothCr countries to advancing cybersecurity innovation and preparedness for a better world.” :Cr;มณสิการ รามจันทร์
https://www.natethip.com/news.php?id=10615
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://linevoom.line.me/post/1175443916633815496?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=10501
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=10500
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://linevoom.line.me/post/1175435173530266372?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวโครงการ “ส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA” เตรียมพร้อมผู้ประกอบการกาแฟรุกตลาดจีน ใช้ประโยชน์ FTA อาเซียน-จีน และ RCEP จับคู่ธุรกิจ เข้าร่วมงานแสดงสินค้ากาแฟ และสำรวจศักยภาพตลาดโมเดิร์นเทรด ณ เมืองกว่างโจวและเมือง เซินเจิ้น ในเดือนสิงหาคม นี้
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตร โครงการ “ส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA” จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา กระทรวงพาณิชย์ โดยเปิดเผยว่า “กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายขับเคลื่อนการส่งออกและขยายตลาดใหม่ โดยเร่งรัดการเจรจา FTA ใหม่ ๆและปรับปรุงให้ทันสมัยและสอดรับกับประเด็นสำคัญ เช่น สิ่งแวดล้อมและการค้าโลกยุคใหม่ และส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้ก้าวทันยุคดิจิทัล เข้าถึงเทคโนโลยีและตลาดออนไลน์ จึงได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศดำเนินโครงการเพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการสินค้ากาแฟ ให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายการส่งออกไปตลาดการค้าเสรี 18 ประเทศ ที่ได้ลดหรือยกเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้าศุลกากรให้กับสินค้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว และดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับระเบียบการค้าโลกใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ทั้งนี้กาแฟเป็นสินค้าดาวรุ่งที่มีการบริโภคเติบโตเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกและภายในประเทศ ตลาดกาแฟยังมีช่องว่างในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะตลาดจีนที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน และมีแนวโน้มความนิยมบริโภคกาแฟโดยคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น ขยายตัวร้อยละ 8.55 ต่อปี ในปี 2567 ไทยส่งออกกาแฟคั่วไปจีนเป็นอันดับ 2 คิดเป็นมูลค่า 0.29 ล้านดอลลาห์สหรัฐ และส่งออกกาแฟสำเร็จรูปไปจีนเป็นอันดับ 7 คิดเป็นมูลค่า 3.79 ล้านดอลลาห์สหรัฐ ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
โครงการ “ส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA” มุ่งนำเมล็ดกาแฟที่มีอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทั้งอะราบิก้าและโรบัสต้ามาสร้างมูลค่าเพิ่ม มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟที่หลากหลายทั้งเมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟคั่วบด แคปซูล กาแฟดริป กาแฟถุงชง กาแฟสปาร์คกิ้ง กาแฟสำเร็จรูป และลูกอมกาแฟ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และส่งออกด้วยการใช้ประโยชน์จาก FTA โดยมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 84 ราย และผ่านการคัดเลือกรอบแรกจำนวน 20 ราย เข้าร่วมกิจกรรมอบรมเชิงลึก Boot Camp ติวเข้มเรื่อง FTA การค้าระหว่างประเทศ มาตรการและกฎระเบียบการส่งออกกาแฟของไทยและจีน การใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์ กลยุทธ์การทำตลาดด้วย AI การเขียนแผนธุรกิจและการบริหารความเสี่ยง
https://www.natethip.com/news.php?id=10475
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)