พิมพ์ไทยออนไลน์//กระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวโครงการ “ส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA” เตรียมพร้อมผู้ประกอบการกาแฟรุกตลาดจีน ใช้ประโยชน์ FTA อาเซียน-จีน และ RCEP จับคู่ธุรกิจ เข้าร่วมงานแสดงสินค้ากาแฟ และสำรวจศักยภาพตลาดโมเดิร์นเทรด ณ เมืองกว่างโจวและเมือง เซินเจิ้น ในเดือนสิงหาคม นี้
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตร โครงการ “ส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA” จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ณ ห้องประชุมมโนปกรณ์นิติธาดา กระทรวงพาณิชย์ โดยเปิดเผยว่า “กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายขับเคลื่อนการส่งออกและขยายตลาดใหม่ โดยเร่งรัดการเจรจา FTA ใหม่ ๆและปรับปรุงให้ทันสมัยและสอดรับกับประเด็นสำคัญ เช่น สิ่งแวดล้อมและการค้าโลกยุคใหม่ และส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้ก้าวทันยุคดิจิทัล เข้าถึงเทคโนโลยีและตลาดออนไลน์ จึงได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศดำเนินโครงการเพื่อมุ่งพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการสินค้ากาแฟ ให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จาก FTA ขยายการส่งออกไปตลาดการค้าเสรี 18 ประเทศ ที่ได้ลดหรือยกเว้นการจัดเก็บภาษีนำเข้าศุลกากรให้กับสินค้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว และดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับระเบียบการค้าโลกใหม่ที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ความรับผิดชอบต่อสังคม และการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
ทั้งนี้กาแฟเป็นสินค้าดาวรุ่งที่มีการบริโภคเติบโตเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกและภายในประเทศ ตลาดกาแฟยังมีช่องว่างในการเติบโตอีกมาก โดยเฉพาะตลาดจีนที่เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน และมีแนวโน้มความนิยมบริโภคกาแฟโดยคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น ขยายตัวร้อยละ 8.55 ต่อปี ในปี 2567 ไทยส่งออกกาแฟคั่วไปจีนเป็นอันดับ 2 คิดเป็นมูลค่า 0.29 ล้านดอลลาห์สหรัฐ และส่งออกกาแฟสำเร็จรูปไปจีนเป็นอันดับ 7 คิดเป็นมูลค่า 3.79 ล้านดอลลาห์สหรัฐ ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
โครงการ “ส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA” มุ่งนำเมล็ดกาแฟที่มีอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ ทั้งอะราบิก้าและโรบัสต้ามาสร้างมูลค่าเพิ่ม มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟที่หลากหลายทั้งเมล็ดกาแฟคั่ว กาแฟคั่วบด แคปซูล กาแฟดริป กาแฟถุงชง กาแฟสปาร์คกิ้ง กาแฟสำเร็จรูป และลูกอมกาแฟ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค และส่งออกด้วยการใช้ประโยชน์จาก FTA โดยมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ จำนวน 84 ราย และผ่านการคัดเลือกรอบแรกจำนวน 20 ราย เข้าร่วมกิจกรรมอบรมเชิงลึก Boot Camp ติวเข้มเรื่อง FTA การค้าระหว่างประเทศ มาตรการและกฎระเบียบการส่งออกกาแฟของไทยและจีน การใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเชิงพาณิชย์ กลยุทธ์การทำตลาดด้วย AI การเขียนแผนธุรกิจและการบริหารความเสี่ยง

ในวงการกาแฟได้สร้างคลัสเตอร์กลุ่มผู้ประกอบการ พร้อมจัดกิจกรรม Pitching คัดเลือกผู้ประกอบการ 10 รายสุดท้าย ที่จะได้เข้าร่วมกิจกรรมเดินทางไปสำรวจศักยภาพตลาดและจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าจีนทั้งผู้นำเข้า โมเดิร์นเทรด ตัวแทนกระจายสินค้า โรงแรมและร้านอาหาร พร้อมกับเข้าร่วมงานแสดงสินค้ากาแฟ CAFEEX 2025 (Café Expo China) ณ เมืองกว่างโจวและเมืองเซินเจิ้น สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือนสิงหาคม 2568กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศมั่นใจว่า โครงการ “ส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA” จะช่วยเหลือเกษตรกร ผู้ประกอบการติดอาวุธ FTA ที่มีผลบังคับใช้แล้ว 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศภาคีและอีก 3 ฉบับ ที่ลงนามแล้ว ครอบคลุม 6 ประเทศภาคี ได้แก่ ศรีลังกา ภูฏาน ไอซ์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์ ขยายการส่งออกกาแฟของไทยไปในตลาดจีนและตลาดโลก และที่สำคัญคือ วัตถุดิบเมล็ดกาแฟที่มีอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ในประเทศสามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานโลกได้ที่เกิดจากความร่วมมือของผู้ประกอบการรายใหญ่และรายเล็กเติบโตไปด้วยกัน นายฉันทวิชญ์ กล่าว
ภายใต้โครงการส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA จำนวน 10 รายสุดท้าย
1. บริษัท กาแฟ ภูซาง จำกัด
2. บริษัท คอฟฟี่ บีนเนอรี่ จำกัด
3. บริษัท จินคอฟฟี่ แอนด์ โรสเตด จำกัด
4. บริษัท เดอะ คอฟฟี่ บีน โรสติ้ง จำกัด
5. บริษัท นานา คอฟฟี่ โรสเตอร์ส จำกัด
6. บริษัท พานาคอฟฟี่ จำกัด
7. บริษัท เมซโซ่ จำกัด
8. บริษัท ยอดกาแฟไทย จำกัด
9. บริษัท อาข่าจังเกิ้ลคอฟฟี่ จำกัด
10. บริษัท ฮิลล์คอฟฟ์ จำกัดรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมกิจกรรมสำรวจศักยภาพตลาดและสร้างเครือข่ายธุรกิจในตลาดจีน ภายใต้โครงการส่งเสริมกาแฟไทยอย่างยั่งยืนด้วย FTA สำรองจำนวน 3 ราย
1. บริษัท มีวนา จำกัด
2. บริษัท อินเตอร์ คอฟฟี่ เทรด จำกัด
3. บริษัท มาวิน คอฟฟี่ โรสเตอร์ จำกัด