วันจันทร์, มิถุนายน 30, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 2088

“บิ๊กแนต” ชนะขาด16-1 นั่งนายกสภาม.การกีฬาแห่งชาติคนใหม่

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// สภามหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติมีมติเสียงเอกฉันท์ให้ “บิ๊กแนต” ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ อดีตรัฐมนตรี 4 สมัย และรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทน นายกสมาคมกีฬาฮอกกี้แห่งประเทศไทย นั่งนายกสภากีฬามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติด้วยคะแนน 16 ต่อ 1 เสียง ส่วนตำแหน่งอธิการบดียังไม่ได้ข้อยุติ
ที่ห้องประชุม 1 อาคารสระว่ายน้ำวิสุทธารมณ์ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้จัดให้มีระเบียบวาระการประชุมสภามหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 8 / 2563 ได้มีบุคคลากรสำคัญในวงการกีฬาหลายท่านนำโดย นาย โชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอีกหลายท่านในฐานะสภากรรมการมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติเข้ารับฟังการประชุม เพื่อลงมติในวาระสำคัญหลายประเด็น โดยวาระสำคัญที่อยู่ในความสนใจมาก

ที่สุดคือ การที่มีคณะบุคคลยื่นหนังสือให้ยับยั้งการพิจารณาการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบว่าสภากรรมการมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติไม่มีอำนาจการยับยั้งการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกระบวนการสรรหาได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องหรือไม่
ส่วนอีกวาระที่มีสนใจวงการกีฬา คือ การพิจารณาผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งได้ผ่านกระบวนการคัดสรรมาแล้ว จนได้ชื่อของ นาย ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ มาเสนอในที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ ซึ่งในที่ประชุมมีการลงมติให้ นาย ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ ด้วยคะแนนเสียงข้างมาก 16 ต่อ 1 เสียง

ประวัตินายกองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2499 เป็นบุตรคนที่ 1 ในจำนวน 4 คน ของพลเรือตรีชอบ กับนางสุพัตรา (วิจิตรานนท์) ศิริวัฒน์ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการตำรวจ มหาวิทยาลัยเซนต์เกรกอรี (AS. BS. Police Science – St. Gregory’s University) สหรัฐอเมริกา และ ปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้านชีวิตรอบครัวสมรสกับนางนฤมล ศิริวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดอุตรดิตถ์
ชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ เริ่มทำงานเป็นเจ้าของธุรกิจหนังสือพิมพ์ซันเดย์นิวส์ และต่อมาเข้ามาทำงานการเมือง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอุตรดิตถ์ สังกัดพรรคราษฎร โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ต่อมาได้ลาออกจากพรรคราษฎร และย้ายมาสังกัดพรรคประชากรไทย ปี 2538 เกิดกรณีกลุ่มงูเห่าขึ้นในพรรคประชากรไทย ซึ่งนายชัยภักดิ์ ได้ให้การสนับสนุนนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาภายหลังการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว นายชัยภักดิ์ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส.

ในการทำงานการเมืองเคยได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของพลเอกสุจินดา คราประยูร เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
นายกองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ เป็นนายกสมาคมกีฬาฮอกกี้แห่งประเทศไทย และได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกสหพันธ์ฮอกกี้เอเชีย ให้เป็นรองประธานสหพันธ์ เมื่อต้นปี 2554 และได้รับรางวัลนายกสมาคมฮอกกี้ยอดเยี่ยม ประกาศรางวัล AHF อะวอร์ด ที่ กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียอีกด้วย และปี 2560 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย

 

 Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

บางจากฯ จับมือ MTEC ร่วมจัดการของเสีย

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3105
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

ผู้ปกครองนักเรียน สารสาสน์ฯ พร้อมทนายร้องอัยการ ขอให้ช่วยเหลือทางแพ่ง

0

พิมพ์ไทนออนไลน์ // “ผู้ปกครอง-ทนายรณณรงค์” ร้องอัยการช่วยคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายโรงเรียนสารสาสน์ฯ โรงเรียนรับผิดชอบส่งจิตแพทย์ฟื้นฟูจิตใจเด็ก


วันที่ 5 ต.ค. 63 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมกลุ่มผู้ปกครองเด็กนักเรียนที่ถูกกระทำความรุนแรงในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เดินทางมายื่นเรื่องต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ขอให้ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและฟ้องร้องคดีแพ่งต่อโรงเรียนสารสาสน์วิเทศน์ราชพฤกษ์ ตลอดจนผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง และขอให้ติดตามในส่วนของคดีอาญาไม่ให้เกิดการแทรกแซงในคดี เนื่องจากเกี่ยวข้องเครือธุรกิจมูลค่าหลายพันล้าน โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนรับเรื่อง

นายประยุทธ กล่าวว่า ทางผู้ปกครองและทนายได้นำหนังสือมายื่นเพื่อให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการหลายเรื่อง ขอให้ดำเนินการ คือกระบวนการคุ้มครองลูกหลานเราที่ตกเป็นเหยื่อในเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งการคุ้มครองค่าเสียหายที่ผู้ปกครองพึงได้รับ ไม่ว่าจากผู้กระทำหรือทางโรงเรียน อัยการสูงสุดได้สั่งการด่วนไปยังพนักงานอัยการพื้นทีที่เกิดเหตุ เพราะลูกหลานที่ตกเป็นเหยื่อต้องเข้าไปให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวน ซึ่งตามกฎหมาย กระบวนการให้ถ้อยคำต้องมีพนักงานอัยการร่วมด้วยกับสหวิชาชีพและพนักงานสอบสวน ในการคุ้มครองดูแลสิทธิลูกหลาน ถือเป็นหลักสากลที่เด็กเยาวชนมีค่าที่สุดที่เราต้องช่วยกันคุ้มครองดูแล

นายประยุทธ กล่าวต่อไปว่า ภาพที่เกิดขึ้นไม่ได้สะเทือนใจเฉพาะผู้ปกครอง ครอบครัว เด็กและเยาวชน แต่เป็นความสะเทือนใจของทั้งประเทศและทั่วโลก การคุ้มครองสิทธิเด็กเป็นภารกิจร่วมกันของคนทั้งโลก โดยตนจะนำหนังสือร้องเรียนดังกล่าวเสนอให้อัยการสูงสุดเพื่อสั่งดำเนินการ โดยทางอัยการสูงสุดจะทำงานเชิงรุก จึงอยากขอให้ผู้ปกครองและสังคมสบายใจ สำนักงานอัยการสูงสุดลงไปดูแลลูกหลานตั้งแต่เกิดเรื่องโดยทันที ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่เข้มข้น จะต้องไม่เกิดเรื่องอย่างนี้กับลูกหลานเราอีก ทุกภาคส่วนต้องดูแลลูกหลานของเรา

ด้านกลุ่มผู้ปกครองเด็กนักเรียน น.ส.พิมรดา รัตนถาวรกิติ แม่น้องวิน วัย 2 ขวบที่ถูกครูอิงนำถุงขยะสีดำมาครอบศรีษะในอยู่ในชั้นเนอสเซอร์รี่ เปิดเผยว่า ทนายได้ประสานกลุ่มผู้ปกครองให้เข้ามายื่นเรื่องร้องเรียนทางแพ่ง เพื่อเรียกค่าเสียหายและเรียกร้องความเป็นธรรมจากโรงเรียน โดยกรณีของน้องวิน จากกล้องวงจรปิดในชั้นเรียนพบว่า ครูได้กระทำการดังกล่าว และยังกระชากตัวน้องวินไปหลังห้องเรียนและนำมืออุดปาก อุดจมูก และที่หนักกว่านั้นคือ การจับตัวน้องวินให้ลงไปอยู่ในถังขยะพร้อมข่มขู่ให้หยุดร้องให้ เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังและเห็นพฤติกรรมของครูคนดังกล่าวยิ่งเจอเรื่องที่รับไม่ได้ ตนจะไม่ขอยอมความกับครูและโรงเรียน
จากการสังเกตพฤติกรรมของน้อง ทางร่ายกายแม้จะไม่มีความผิดปกติมาก บางครั้งมีแค่รอบเขียวช้ำก็คิดว่า เด็กเล่นกันแล้วกระทบกระทั่ง จึงไม่ได้สงสัยอะไร แต่ถ้าด้านจิตใจไม่ทราบจะกระทบกระเทือนอะไรหรือไม่ กลัวจะส่งผลถึงอนาคต โดยเฉพาะเป็นภาพจำของเขา เพราะลูกถูกกระทำอย่างรุนแรงมาก และเชื่อว่า เขาน่าจะถูกกระทำมาหลายเดือนแล้ว แค่ดูภาพจากกล้องวงจรปิดเพียง 3 วัน ยังพบว่าลูกถูกกระทำขนาดนี้ แต่ก่อนหน้านั้นก็ไม่รู้ว่าลูกโดนอะไร กลางคืนก็มีนอนร้องให้ นอนผวา บางครั้งลูกก็มีอารมณ์เกรี้ยวกราด ก็ยังคิดว่าอาจจะเป็นวัยของเขา

ด้าน นายณรงค์ปกรณ์ อินไชยย์ทอง บิดาน้องเทมส์ เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ปกครองมาขอความเป็นธรรมให้กับบุตรของตัวเอง ในส่วนของน้องเทมส์ จากการตรวจสอบภาพจากล้องวงจรปิดย้อนหลังพบว่าลูกชายถูกทำร้ายถึง 17 ครั้ง จึงขอฝากความหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากอัยการ

ส่วน นายชาญวิทย์ น้อยสุขยิ่ง บิดาน้องเสือ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีทำร้ายร่างกายพี่เลี้ยงจุ๋มว่า ตนไม่มีเจตนาจะทำร้ายร่างกาย แต่เกิดจากบันดาลโทสะที่เห็นลูกชายถูกทำร้าย พร้อมรับผิดชอบตามกฎหมายและเสียค่าปรับทุกประการ ตนยอมรับผิดว่าเราผิด และเป็นสิทธิของพี่เลี้ยงจุ๋มที่จะเข้าแจ้งความ

ส่วนกรณีที่พี่เลี้ยงจุ๋มออกมาขอโทษโดยระบุมีความเครียดจากปัญหาทางครอบครัวนั้น นายชาญวิทย์ กล่าวว่า หากสำนึกผิดจริงๆ ก็ควรจะเข้าพบผู้ปกครองทุกคนเพื่อมาขอโทษต่อหน้า ไม่ใช่ขอโทษผ่านสื่อ เป็นการแสดงความจริงใจให้ชัดเจน เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วจะไปย้อนเรื่องราวกลับมาไม่ได้ และการให้อภัยเป็นทางออกที่ดีที่สุด

นายชาญวิทย์ กล่าวถึงกรณีที่โรงเรียนในเครือสารสาสน์ ตั้งทนายมาดำเนินการดูแลเรื่องคดีว่า ด้านกฎหมายถือว่ามีความผิด เพราะมีหลักฐานปรากฏในกล้องวงจรปิดชัดเจน ไม่ว่าจะตั้งทนายมากี่คนเพื่อสู้คดีก็เป็นสิทธิของทางโรงเรียน แต่ความจริงก็คือความจริง ส่วนเรื่องการฟ้องร้องทางเพ่ง กลุ่มผู้ปกครองทั้งหมดยังไม่ได้คุยได้ ว่าแต่ละคนต้องการอะไรบ้าง ต้องการเรียกร้องค่าเสียหายเท่าไหร่ ขอแค่โรงเรียนออกมารับผิดชอบก่อนดีกว่า โดยเฉพาะการดูแลด้านจิตใจของเด็กๆ เพราะเด็กหลายคนเริ่มมีอาการ กังวล หวาดผวา และมีปัญหาการเข้าสังคม จึงอยากให้จิตแพทย์เข้ามาช่วยดูแล จากการปรึกษาจิตแพทย์เบื้องต้นการฟื้นฟูจิตใจของของเด็กๆ ต้องใช้เวลานานถึง 10 ปี เพราะภาพความทรงจำที่ถูกกระทำรุนแรงจะฝังอยู่ที่สมองด้านหลังยาวนาน เงินเท่าไหร่ก็รักษาไม่ได้ ตนไม่อยากได้เงิน แต่อยากได้ลูกคนเดิมคืนกลับมามากกว่า

ขณะที่ นายรณณรงค์ ทนายความ กล่าวว่า หากผู้ปกครองคนใดถูกโรงเรียนฟ้องดำเนินคดี ให้แจ้งมายังตนหรือทางอัยการ ซึ่งพร้อมจะให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายเต็มที่

Cr.: นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผูิสื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

กรมบังคับคดี เผยการสำรวจความเชื่อมั่นปี 63 พบความพอใจถึง 90%

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // กรมบังคับคดี เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รับบริการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 พบสูงถึงร้อยละ 90.2 เขื่อมั่นการบริการ
วันที่ 5 ตุลาคม 2563 นางอรัญญา ทองน้ำตะโก อธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นพดล กรรณิกา หัวหน้าโครงการสำรวจฯ บริษัท ซูเปอร์โพล จำกัด แถลงผลการวิจัยโครงการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยผลจากการสำรวจพบว่าร้อยละ 90.2 เชื่อมั่นต่อกระบวนการบังคับคดีในภาพรวม ซึ่งสูงกว่า ปีที่ผ่านมา

​​ นางอรัญญา กล่าวว่า ภารกิจหลักของกรมบังคับคดีเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล เป็นกระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด เพื่อสร้างความเป็นธรรม และอำนวยความสะดวกแก่คู่ความทุกฝ่ายในคดี ตามแผนปฏิบัติราชการ 3 ปี (พ.ศ. 2563-2565) กรมบังคับคดีกำหนดยุทธศาสตร์การเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กรและยกระดับธรรมาภิบาล เพื่อให้มีภาพลักษณ์องค์กรที่น่าเชื่อถือ โปร่งใส เป็นธรรม เสมอภาค และทันสมัย เป็นองค์กรที่มีระบบการบังคับคดีที่มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนการปฏิบัติงานที่เกินความจำเป็น ประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวก และได้รับการตอบสนองความต้องการ รวมทั้งมีการประเมินผลการปฏิบัติราชการอย่างสม่ำเสมอ โดยมุ่งเน้นถึงความต้องการและความพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการเป็นหลักสำคัญ และเพื่อให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องไปสู่ LED – Thailand 4.0 ยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนตามนโยบายการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เสริมสร้างความเชื่อมั่นของการบังคับคดี สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมั่งคั่ง ยั่งยืน จึงทำให้กรมบังคับคดีเป็นหน่วยงานภาครัฐต้นแบบการสร้างและพัฒนากำลังคนภาครัฐเชิงกลยุทธ์เพื่อนำไปสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ ดังนั้น การนำความเห็นจากผู้รับบริการผู้มีส่วนได้เสียมาปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพของงานราชการและบริการประชาชน เพื่อเป็นการสนับสนุนการปรับปรุงการให้บริการโดยเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง จึงให้มีการสำรวจวิจัย “โครงการสำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563” โดยมอบหมายให้บริษัท ซูเปอร์โพล จำกัด เป็นผู้ดำเนินการตามโครงการนี้ เพื่อให้การสำรวจมีความเป็นมาตรฐาน น่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับ มีความเป็นกลาง และปราศจากอคติ ในการสำรวจจึงต้องมีผู้ประเมินอิสระจากหน่วยงานภายนอกเป็นผู้ดำเนินการ

ทั้งนี้ กรมบังคับคดีจะได้สำรวจความเชื่อมั่นของประชาชนผู้รับบริการที่มีต่อกระบวนการบังคับคดี อย่างต่อเนื่องต่อไปในทุกๆปี เพื่อพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความพึงพอใจให้กับประชาชนผู้รับบริการ รวมถึงเพื่อเป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กรมบังคับคดีที่สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ในการเสริมสร้างการรับรู้ความเข้าใจ ความเชื่อมั่นและการสนับสนุนของสาธารณชนต่อภารกิจสำคัญในกระบวนการบังคับคดี

Cr. : นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“แอตเลติโก้” ไทยประกันร่วมระดมทุน 100 ล้าน คัดนักเทนนิสรุ่นไม่เกิน 14-18 ปี เรียนสหรัฐ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// “แอทเลติโก้” ร่วมกับ บริษัทไทยประกันชีวิต ระดมทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ผุดโครงการคัดตัวนักกีฬาเทนนิสไทย เพื่อรับทุนไปศึกษาต่อ และ ฝึกซ้อมในต่างประเทศ ย้ำที่ผ่านมาส่งซูเปอร์สตาร์ไปสหรัฐอเมริกาและอังกฤษจำนวนหลายสิบคน
นายอัตนันท์ อัศวธเรศ ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท แอทเลติโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ได้ร่วมกับ บริษัทไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) โดยมีนายอังกูร ศรีกัลยาณบุตร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Marketing Officer ผู้ร่วมดูแลโครงการ จัดโครงการ สปอร์ต โชว์เคส 2019 เออีเอส. ซ็อคเกอร์ แคมป์ ไทยแลนด์ X ไทยไลฟ์ อินชัวร์รัน ( Sport Showcase 2019 : AES Soccer Camp Thailand X Thai Life Insurance ) ครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2 เมื่อเดือนมิถุนายน และ เดือนพฤศจิกายน และโครงการ สปอร์ต โชว์เคส 2019 ครั้งที่ 3 สำหรับกีฬาเทนนิส เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ด้วยการเปิดคัดนักกีฬาฟุตบอลและเทนนิสที่มีความสามารถ โดยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ไปศึกษาต่อ และ เล่นกีฬาในลีกโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างประเทศ

ซึ่งกระแสตอบรับเป็นที่น่าพึงพอใจ มีนักเตะและนักเทนนิสเยาวชนเข้าร่วมโครงการในระบบการคัดเลือกหลายร้อยคน โดยมีนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกและได้รับทุนการศึกษาจำนวน 30 คนรวมมูลค่ากว่า 79 ล้านบาท ประกอบด้วย “บอส” ภาณุวัฒน์ บุญภักดี , “ภูมิ” ภคิน ทองบุญเจิม , “ก้อง” สายฟ้า จันทร์ชัยมงคล, “ปั้น” รัชพล สกุลวงศ์ธนา และ “กะปอม” จอมขวัญ เวทยไวกูณฐ์ ฯลฯ
สำหรับเดือนนี้ บริษัทแอทเลติโก้ จำกัด ร่วมกับ ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) จัดโครงการ Sport Showcase 2020 # 4 : AES Tennis Showcase Thailand X Thai Life Insurance หรือ โครงการคัดนักกีฬาเทนนิส ที่มีความสามารถ เพื่อรับทุนการศึกษาในต่างประเทศ ครั้งที่ 4 วันที่ 10-11 ตุลาคม 2563 ที่ สนามเทนนิส อิมแพค เทนนิส อคาเดมี่ เมืองทองธานี

นายอัตนันท์ อัศวธเรศ ยืนยันว่า โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อให้โอกาสแก่นักกีฬาเทนนิสเยาวชนไทย รุ่นอายุไม่เกิน 14-18 ปี ทั้งชาย และ หญิง โดยได้จัดทุนการศึกษาไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท เพื่อส่งนักกีฬาเทนนิสที่ผ่านการคัดเลือกไปศึกษาต่อในระดับโรงเรียน หรือ ยูนิเวอร์ซิตี้ระดับแนวหน้าของสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งได้เข้าคอร์สการฝึกกีฬาเทนนิสในอคาเดมี่กับผู้ฝึกสอนอาชีพ ซึ่งการคัดเลือกครั้งนี้ ไม่มีการใช้เส้น หรือ ความสนิทส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง
เนื่องจากผู้ที่คัดเลือกเป็นผู้ฝึกสอนในอคาเดมี่จากต่างประเทศ คัดเลือกผ่านระบบออนไลน์ ด้วยตัวเอง ไม่สามารถเดินทางมาเมืองไทยไทยได้ เพราะติดปัญหาจากสถานการณ์ไวรัสโควิด – 19 ผู้ที่สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook page : Sportsync Thailand ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

โชติภัทร ถอนตัว! “ช้างศึก” เรียก “กษิดิ์เดช” เข้าแคมป์ อุ่นเครื่อง “นครปฐม”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// “จ็อบ” โชติภัทร พุ่มแก้ว ริมเส้นของ “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวา ทำให้ต้องถอนตัวจากทีมชาติไทย ชุดเตรียมเข้าแคมป์เก็บตัวช่วงฟีฟ่า เดย์ และอุ่นเครื่องกับ นครปฐม ยูไนเต็ด ทำให้ อากิระ นิชิโนะ เรียกตัว กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ จอมทัพจาก สุพรรณบุรี เอฟซี มาทดแทน
โดย โชติภัทร พุ่มแก้ว ทำไป 3 ประตู จากการลงสนาม 8 นัด ศึกลูกหนังโตโยต้าไทยลีก ฤดูกาล 2020-21 ล่าสุดดาวเตะวัย 22 ปี ได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวา จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง เกมที่ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เปิดบ้านพ่ายให้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไป 0-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
จากการตรวจอย่างละเอียดพบว่า โชติภัทร เจ็บบริเวณข้อเท้าขวา จนไม่สามารถเข้าแคมป์กับทีมชาติไทยได้ ทำให้ อากิระ นิชิโนะ กุนซือของทีมเรียก กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ จอมทัพจาก สุพรรณบุรี เอฟซี มาทดแทน
ซึ่ง นิชิโนะ เผยว่า “ผมทราบมาว่า โชติภัทร เป็นนักเตะที่ดีและได้ไปดูฟอร์มการเล่นที่สนามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายที่เขาได้รับบาดเจ็บและเล่นได้เพียงแค่ครึ่งเดียว”
“ผมได้เรียก กษิดิ์เดช เวทยาวงศ์ จาก สุพรรณบุรี เอฟซี มาทดแทน แล้ว ซึ่งจริงๆ กษิดิ์เดช อยู่ในลิสต์รายชื่อที่จะเรียกอยู่แล้ว แต่ผมได้รับรายงานว่าเขาได้รับบาดเจ็บและต้องพักหลายเดือนทำให้ไม่ได้เลือกมาตั้งแต่ตอนแรก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันอาทิตย์เขาสามารถกลับมาลงสนามได้ ทำให้ผมตัดสินใจเรียก กษิดิ์เดช มาเก็บตัวเข้าแคมป์ด้วยทันที”
“ในส่วนของการเลือก นครปฐม มาอุ่นเครื่องด้วยนั้นเป็นการเลือกของสตาฟฟ์โค้ช เป้าหมายหลักของเกมอุ่นเครื่องคือการได้เรียนรู้และดูฟอร์มนักเตะหน้าใหม่ เพื่อขยายตัวเลือกนักเตะทีมชาติไทยให้มีมากขึ้นด้วย”
“การที่เราไม่เลือกนักเตะจากเจลีก และไม่มีนักเตะจาก 4 สโมสรที่ติดโปรแกรมลงแข่งขันฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก นัดตกค้าง ทำให้ผมมีโอกาสดูนักเตะรายอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่ครับ”
สำหรับฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 วันที่ 5 ตุลาคม 2563 และเดินทางไปเก็บตัวเข้าแคมป์วันที่ 7-11 ตุลาคม 2563 ที่ สนามซ้อม วินด์มิลล์ ฟุตบอลคลับ ลงอุ่นเครื่องกับสโมสร นครปฐม เอฟซี วันที่ 10 ตุลาคมนี้ เวลา 17.00 น. จะแจ้งสนามให้ทราบอีกครั้ง ซึ่งการแข่งขันจะแบ่งออกเป็น 3 ครึ่ง ครึ่งละ 30 นาที

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

มิติใหม่รถไฟไทย.. ครม.ไฟเขียวพัฒนาที่ดินทำเลทองทั่วประเทศ!

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3104
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

ปรับป้ายดีเซลยังวุ่น.. ชาวบ้านสวดยับพลังงาน..ทำเพื่อ?

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3103
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

อรรณพ คว้าแชมป์สเตปรอบคัดเลือก ญาณพลยืน 1 ชิงโบว์ลิ่งสิงห์โปรฯ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// การแข่งขันโบว์ลิ่งไทยแลนด์ทัวร์ 2020 รายการ“สิงห์ โปรเฟสชั่นนอลไทยแลนด์ ทัวร์ 2020” ประเภทโอเพ่นชายและหญิง ชิงเงินรางวัลกว่า 5,000,000 บาท ที่ บลูโอริธึ่มแอนด์ โบว์ล รัชโยธิน ซึ่งรายการนี้เป็นรายการเพื่อพัฒนาและเป็นสนามให้นักกีฬาโบว์ลิ่งได้มีการแข่งขัน และรับสม้ครนักกีฬาโบว์ลิ่งจากทั่วประเทศ มาแข่งขัน ซึ่งเป็นครั้งแรกของสมาคมฯ ที่จัดการแข่งขันระดับโปรเฟสชั่นนอลชึ้นในเมืองไทย

กติกาการแข่งขันรอบคัดเลือกนั้น จะเอานักกีฬาคะแนนสูงสุด 24 คน ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป และ นักกีฬาที่ทำคะแนนสูงสุด 1-4 จะได้สิทธิ์ไปยืนรอบสุดท้าย ส่วนนักกีฬาที่เหลือจะต้องแข่งขันเพื่อคัดเหลือเพียง 4 คน เพื่อเข้ารอบชิงชนะเลิศรวมกับนักกีฬาตัวยืนในรอบชิงชนะเลิศ 4 คนเป็น 8 คน แต่สำหรับรอบคัดเลือกมีการคัดนักกีฬาทั้งหมด 15 คนเข้ารอบสเตปเรดเดอร์ เพื่อรับเงินรางวัล
รอบสเตปเรดเดอร์ ซึ่งคัดนักกีฬาจากรอบคัดเลือก 15 คน ผลปรากฎว่า รอบคัดเลือกเสตป แชมป์ “เบนซ์”อรรณพ อามรณ์สราญนนท์ ทีมชาติไทยชุดเอเชียนอินดอร์เกมส์ ชนะ เพื่อนร่วมทีม “โจ้”ญาณพล ลาภอาภารัตน์ 184-154 คะแนน, อันดับ 3 สิทธิพล คุณอักษร , อันดับ 4 สุรศักดิ์ มานุวงศ์ , อันดับ 5 พลกฤต ธนะสังข์, อันดับ 6 ลภัสดนัย ชูแสง, อันดับ 7 วัชระพงษ์ อึ้งตระกูลศ์, อันดับ 8 ยูอิจิ ฟูกชิมา, อันดับ 9 ภูธน บุษปนิกรกุล, อันดับ 10 กิ่งกมล สารทอง, อันดับ 11 อัจฉริยะ เช็ง, อันดับ 12 ฌาน อารีย์กุล, อันดับ 13 สาโรจน์ ประชาผดุง, อันดับ 14 ชูเกียรติ สามัคคีธรรม และอันดับ 15 ศุภกฤต วันทาสุข

รอบชิงชนะเลิศ 4 คนที่ทำคะแนนได้สิทธิ์เข้าเป็นต้วยืน ประกอบด้วย อันดับ 1 ญาณพล ลาภอาภารัตน์ ​ซึ่งทำคะแนนรวมมาได้ 1,446 คะแนน, อันดับ 2 อรรณพ อารมณ์สราญนนท์ 1,398 คะแนน, อันดับ 3 พลกฤต ธนะสังข์ 1,369 คะแนน, อันดับ 4 ชูเกียรติ สามัคคีธรรม 1,341 คะแนน ซึ่งจะต้องรอผู้ที่เข้ารอบอีกทั้งหมด 4 คน ซึ่งคัดจากการแข่งขันของ อันดับ 5-24 เพื่อมาทำการโยนทั้งหมด 6 เกม หาสุดยอดนักกีฬาโบว์ลิ่ง สิงห์ โปรเฟสชั่นอลไทยแลนด์ทัวร์ ประจำปี 2563
โปรแกรมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 18 ตุลาคมนี้ ที่ บลูโอริธึ่มแอนด์ โบว์ล รัชโยธิน เริ่มเวลา 15.00 น. สนใจติดตามรายละเอียดและผลการแข่งขันได้ที่ เฟชบุค สมาคม กีฬาโบว์ลิ่งแห่งประเทศไทย (thaittbabowling) และประเภทอาวุโส แข่งวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ที่ ทีพีดี บางบอน

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์