พิมพ์ไทยออนไลน์//“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับเทศบาลตำบลทองผาภูมิ, เขื่อนวชิราลงกรณ, อำเภอทองผาภูมิ และจังหวัดกาญจนบุรี จัดการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์ภูมิพล” และจักรยานประเภทเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประจำปี 2567 สนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 19-21 มกราคม ที่เขื่อนวชิราลงกรณ ประเภทถนน สมาคมฯ ได้ลงทะเบียนกับสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ให้เป็นรายการชิงแชมป์ประเทศ ระดับ CN นักกีฬาที่ชนะเลิศการแข่งขันรายการไทม์ไทรอัล และรายการโรดเรซ รุ่นที่กำหนด จะได้สิทธิ์สวมเสื้อสีขาวที่มีลายธงชาติไทยคาดหน้าอกไปแข่งขันรายการต่าง ๆ ที่ “ยูซีไอ” ให้การรับรองได้ทั่วโลก
พลเอกเดชา กล่าวว่า สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถ้วยรางวัลชนะเลิศให้แก่นักกีฬาจักรยานประเภทเสือภูเขา ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2567 เพิ่มเติมในประเภทดาวน์ฮิล จำนวน 3 ถ้วย ประกอบด้วย รุ่นเยาวชนชาย อายุ 17-18 ปี, รุ่นเยาวชนหญิง อายุ 17-18 ปี, รุ่นอายุ 40 ปีขึ้นไปชาย และประเภทอีลิมิเนเตอร์ จำนวน 6 ถ้วย ประกอบด้วย รุ่นทั่วไปชาย อายุ 19 ปีขึ้นไป, รุ่นเยาวชนชาย อายุ 17-18 ปี, รุ่นยุวชนชาย อายุ 14-16 ปี, รุ่นอาวุโสชาย อายุ 35 ปีขึ้นไป, รุ่นทั่วไปหญิง อายุ 19 ปีขึ้นไป, รุ่นเยาวชนหญิง อายุ 16-18 ปี เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับนักกีฬา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
สมาคมกีฬาจักรยานฯ พัฒนาการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาอีลิมิเนเตอร์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการบรรจุเข้าแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 7-19 ธันวาคม 2568 และกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2028 ที่นครลอสแองเจลีส สหรัฐอเมริกา ในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งการแข่งขันจักรยานประเภทถนนและเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทยฯ สนามที่ 1 ได้รับความสนใจจากนักปั่นทั่วประเทศอย่างมาก ทำให้ที่พักในอำเภอทองผาภูมิเต็มหมดทุกแห่ง ล่าสุด มีบรรดานักปั่นจากทีมต่าง ๆ เข้าฝึกซ้อมเส้นทางภายในเขื่อนวชิราลงกรณเป็นจำนวนมาก ยอดผู้สมัครรวมทุกประเภทมากกว่า 600 คน ไม่รวมกับผู้สมัครด้วยตนเองที่กองอำนวยการ รวมแล้วน่าจะมีนักปั่นร่วมแข่งขันเกือบ 1,000 คน
นอกจากนี้สมาคมกีฬาจักรยานฯ ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเทศบาลตำบลทองผาภูมิ จัดกิจกรรมขี่จักรยาน “ปั่นเพื่อสุขภาพ Bike for Life” วันศุกร์ที่ 19 มกราคม เวลา 15.00 น. ที่หน้าสำนักงานเทศบาลทองผาภูมิ ที่เข้าร่วมกิจกรรมจะได้ประกาศนียบัตร พร้อมทั้งเสื้อยืดคอกลม และกระบอกน้ำที่ระลึกทุกคน รวมทั้งมีการแจกไฟกระพริบและป้ายสะท้อนแสง “ขับขี่ปลอดภัย ใส่ใจเพื่อนร่วมทาง” ให้แก่นักปั่นที่เข้าร่วมกิจกรรมปั่นเพื่อสุขภาพนำไปติดที่บริเวณใต้อานจักรยาน เพื่อเป็นการลดการเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการขับขี่จักรยานอย่างไรให้ปลอดภัย ทั้งการเตรียมตัวก่อนการปั่น และการปฏิบัติตัวหลังปั่น
ขณะเดียวกันทางสมาคมกีฬาจักรยานฯ ร่วมกับเทศบาลตำบลทองผาภูมิ และ สสส. จัดอบรมผู้ช่วยผู้ตัดสิน พร้อมกับอบรมการขับขี่จักรยานอย่างไรให้ปลอดภัย เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่สำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิ โดยได้รับเกียรติจาก นายศราวุธ ศรีทันดร นายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ เป็นประธานในพิธีเปิด และมี “โค้ชตั้ม” วิสุทธิ์ กสิยะพัท รองประธานฝ่ายเทคนิค พร้อมด้วย นายขัตติยะ ศรีโสดา ผู้ตัดสินระดับประเทศขั้นสูงสุด และนายประดิษฐ์ โฆษิตนุศาสตร์ ผู้ตัดสินชั้น 1 ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้ที่เข้ารับการอบรม ซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตร สามารถไปปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้ตัดสินในการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์ประเทศไทย หรือเป็นผู้ตัดสินการแข่งขันจักรยานในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งได้สิทธิ์เข้ารับการอบรมในระดับที่สูงขึ้นที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ จัดอบรมเป็นประจำทุกปี
ด้าน นายศราวุธ ศรีทันดร นายกเทศบาลตำบลทองผาภูมิ กล่าวว่า ทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ได้รับความไว้วางใจจากสมาคมกีฬาจักรยานฯ ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันจักรยานประเภทถนนและเสือภูเขาชิงแชมป์ประเทศไทยฯ ติดต่อกันเป็นปีที่ 14 โดยแข่งที่เขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งเป็นเขื่อนที่มีความสวยงาม มีบรรยากาศร่มรื่นท่ามกลางขุนเขาและแม่น้ำแควน้อย เชิญชวนนักกีฬาจักรยานและผู้ติดตามทุกท่านมาเยือนอำเภอทองผาภูมิ มาเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ อาทิ วัดท่าขนุน อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตลาดริมแควที่เราเพิ่งพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เป็นต้น ขอขอบคุณนักกีฬาและผู้ติดตามที่มาร่วมแข่งขันจักรยานที่อำเภอทองผาภูมิเป็นจำนวนมาก ทำให้ที่พักเต็มหมดทุกแห่ง พ่อค้าแม่ค้ามีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งเสริมการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
