พิมพ์ไทยออนไลน์//อนิจาชีวิตคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์มีทั้งความสุขและความทุกข์คละเคล้ากันไป
บางคนมีความสุขทั้งกายและใจตลอดชีวิตที่เกิดมา บางคนมีความสุขสบายตอนวัยหนุ่มสาว แต่ต้องมาลำบากในยามแก่เฒ่า
ดังนั้นจงจำไว้ว่า ยามมีแรง มีกำลังในการทำงาน เงินทองที่หามาได้ควรเก็บออมไว้ใช้ในยามแก่เฒ่าบ้าง ถ้าไร้ซึ่งเงินทอง จะขาดคนเอาใจใส่ดูแลและต้องพบกับความลำบากอย่างแสนสาหัสตามมาเหมือนที่คนหลายๆคนประสพอยู่ในขณะนี้
และเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา เพจคลองสามวา Vs 2 เพจชุมชนของชาวบ้านย่านคลองสามวา ได้โพสต์ เจอคุณลุงคนหนึ่งหลงเข้ามาในซอย ไม่รู้ว่าเป็นใคร พูดจารู้เรื่อง จำหมู่บ้านที่อยู่ได้ แต่จำทางกลับบ้านไม่ได้ พบเจอประมาณตีสาม
ถ้าคนรุ่นใหม่อายุไม่เกิน 45 ปี คงไม่มีใครรู้จักคุณลุงคนนี้แน่ แต่คนอายุ 50 ขึ้นไป ทุกคนต้องรู้จักชายคนนี้ที่ชื่อ “สุเมธ แก้วทิพยเนตร”อย่างแน่นอนเพราะเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลชื่อดังในอดีตอย่าง “ธำรงไทยสโมสร” ที่เคยสร้างทีมฟุตบอลแบบไม่เคยง้อสปอร์นเซอร์จนทีมก้าวขึ้นไปเล่นในฟุตบอลถ้วยที่สูงที่สุดของเมืองไทยในยุคนั้นอย่าง ถ้วยพระราชทานประเภท ก. ได้สำเร็จ เคยพาทีมยุวชนธำรงไทยสโมสรไปสร้างให้คนทั่วโลกได้รู้จักประเทศไทยในศึกบอลยุวชนโลกนานาชาติในหลายรายการทั้งที่ นอรเวย์, สวีเดน, สหรัฐอเมริกา คว้าแชมป์มาไม่น้อยกว่า 100 แชมป์
และเป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่ขี่จักรยานรอบโลกเพื่อไปเรียนโค้ชฟุตบอลที่ประเทศอังกฤษ เคยผ่านการอบรมโค้ชที่ประเทศบราซิล แต่ด้วยนิสัยที่ดื้นรั้น ไม่ยอมคน ไม่ฟังใคร เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มี ที่ทุกแปลงที่พอจะแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ก็จะขายเอาเงินมาทำทีมฟุตบอลแบบคนหลงเสน่ห์กีฬาลูกหนังแบบลืมหูลืมตาไม่ขึ้น
มาถึงวันนี้เงินทองที่มีอยู่ก็ร่อยหรอไปตามกาลและเวลา จนต้องอาศัยอยู่กับลูกชายเพียงแค่ 2 คน ภรรยาสุดที่รักก็แยกตัวไปเลี้ยงลูกของลูกสาวอีกบ้านหนึ่ง ทำให้ชีวิตคนชราวัย 75 ปี เกิดความว่างเปล่า เงียบเหงาจากการขาดคนดูแลอย่างใกล้ชิด
ทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่า “อ.สุเมธ” ใช้ชีวิตในบ้านที่พักอาศัยอย่างไร ถ้าถามว่าลูกศิษย์ลูกหาทอดทิ้งแกรึเปล่า ก็ต้องบอกว่าทุกคนคอยให้ความช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ ครั้งหนึ่งเคยจัดบอลมุทิตาจิตให้ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก ได้เงินไปหลายหมื่น เงินที่ได้มาเมื่อต้องใช้จ่าย ไม่มีรายรับเงินก็ต้องหมดไปเป็นธรรมดา
มีหลายครั้งที่ “อ.สุเมธ” เดินโซซัดโซเซเข้ามาที่สนามฟุตบอลของสโมสรไทยสปิริต เอฟซี บอกว่าหิวข้าว ไม่ได้กินข้าวมาหลายวัน แล้ว และมีเงินติดกระเป๋าเพียงแค่เศษสตางค์ไม่กี่บาท ทาง “มาดามเล็ก”มลฤดี จีนะศิริ ผู้จัดการสโมสร รวมทั้ง อ.รุ่งโรจน์ พยัคฆพันธ์ กับ อ.ภราดร ชื่นสมพงษ์ อดีตนักฟุตบอลเก่าของธำรงไทยสโมสร ก็ช่วยกันหาข้าว หาน้ำให้กิน ก่อนกลับก็มอบเงินไปให้อีกจำนวนหนึ่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย แถมยังขับรถไปส่งถึงหน้าบ้าน
การช่วยเหลือกุนซือเก่าของธำรงไทยสโมสร ก็คงทำได้แค่ในขีดความสามารถที่พึงจะช่วยเหลือได้ ทุกคนต่างก็มีภาระหน้าของตัวเองที่ต้องใช้เงินเช่นกัน แต่ถ้ายามใดมาหาก็จะให้ความช่วยเหลือไม่เคยขาดตกบกพร่อง บางครั้งผู้ปกครองนักฟุตบอลในอะคาเดมี่เห็นถึงความลำบากคนอดีตกุนซือชื่อดังก็หยิบยื่นเงินทองให้ด้วยความสงสาร
มีครั้งหนึ่งที่ทางสโมสรไทยสปิริต ให้ “อ.สุเมธ” เข้ามาสอนแท็กติกเล็กๆน้อยๆให้กับเด็กเพื่อให้แกได้มีความสุขกับการเป็นโค้ช บางครั้งให้ลงเป่านกหวีดให้เด็กอุ่นเครื่อง มีการหยุดเกมเป็นระยะๆเพื่อให้แกแก้ไขการเล่นที่ผิดพลาดของเด็ก การทำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการทรมานคนแก่ เป้าหมายอยากให้แกได้เดิน ได้ออกกำลังกาย แต่ก็มีคนบางคนเข้าใจผิดคิดว่าเอาชื่อแกมาขายในการทำอะคาเดมี่
โถๆชื่อเสียงของ “ธำรงไทยสโมสร” ในยุคนี้ไม่มีใครรู้จักแล้ว จากจุดนี้ทางสโมสรไทยสปิริต เอฟซี จึงยกเลิกภาระกิจที่บางคนคิดว่าเป็นการทรมานคนแก่ไปในที่สุด
มาถึงวันนี้มีคนคิดบ้างหรือไม่ว่า…ทำไมคนแก่วัย 70 กว่าๆ ที่สภาพร่างกายก็ย่ำแย่ เดินแทบไม่ไหว สมองบางส่วนขาดหายไป
ทำไม…ต้องออกนอกบ้านในยามค่ำคืนดึกดื่นเช่นนี้ ถ้าชีวิตเขาอยู่สุขสบาย กินอิ่ม นอนหลับ มีคนเอาอกเอาใจ จะมีคนแก่คนไหนที่อยากจะออกมาเสี่ยงภัยนอกบ้านกันบ้าง
คิดแล้วก็น่าสงสารคนที่เคยทำชื่อเสียงให้กับวงการฟุตบอล ทำบุญสร้างเด็กนักฟุตบอลจนได้ดิบได้ดีจำนวนมาก ทำไม…ชีวิตบั้นปลายจึงลำบากเช่นนี้หนอ!!!
บทความทั้งหมดที่เขียนมานี้ไม่ได้กล่าวว่าร้ายใครทั้งนั้น แต่ที่เขียนถึงก็ด้วยความรักและห่วงใย พี่ชายที่แสนดีคนนี้ ที่ยามมีเงิน มีทอง มีความเจริญรุ่งเรือง ก็สร้างคนให้เป็นคนดีเป็นจำนวนมาก สร้างนักเตะพวกจรจัดเป็นผู้เป็นคนก็มากมาย
ขอให้บุญกุศลที่ อ.สุเมธ แก้วทิพยเนตร สร้างเอาไว้จงเป็นเครื่องนำทางให้ท่านไปพบกับความสุข ความสบายในบั้นปลายชีวิตที่เหลือด้วยเทอญ สาธุ…สาธุ
เรียบเรียงบทความและภาพข่าวโดย วัชเรนทร์ ผาสุข
Cr..;วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์