พิมพ์ไทยออนไลน์//“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ร่วมกับจังหวัดพิจิตร และองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร จัดการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) และการแข่งขันจักรยาน “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2566 สนามที่ 1 ระหว่างวันที่ 21-22 มกราคม ที่จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นการประเดิมเส้นทางปั่นจักรยานรอบบึงสีไฟที่ได้รับการพัฒนาให้เป็น “แลนด์มาร์ค” แห่งใหม่ของจังหวัดพิจิตร มีระยะทางรอบละ 10.28 กิโลเมตร โดยเส้นทางปั่นจักรยานแห่งนี้จะเป็นพื้นที่รองรับนักปั่นจากทั่วประเทศ และจะเป็นสนามจัดการแข่งขันระดับนานาชาติต่อไป
พลเอกเดชา กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) ในวันเสาร์ที่ 21 มกราคม ได้รับเกียรติจาก นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิจิตร 4 สมัย เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน เวลา 08.30 น. ส่วนการแข่งขันจักรยาน “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” ในวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม ได้รับเกียรติจาก นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันเวลา 07.30 น. นอกจากนี้การแข่งขันจักรยาน “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” ปีนี้จะปรับเปลี่ยนมาแข่งขันตามรุ่นอายุ รวมทั้งหมด 12 รุ่น ดังนี้ รุ่นประชาชนชาย, รุ่นเยาวชนชาย, รุ่นอายุ 30-34 ปีชาย, รุ่นอายุ 35-39 ปีชาย, รุ่นอายุ 40-44 ปีชาย, รุ่นอายุ 45-49 ปีชาย, รุ่นอายุ 50-54 ปีชาย, รุ่นอายุ 55-59 ปีชาย, รุ่นอายุ 60 ปีขึ้นไปชาย, รุ่นประชาชนหญิง, รุ่นเยาวชนหญิง, รุ่นอายุ 35 ปีขึ้นไปหญิง
สำหรับนักปั่นที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนจะได้รับเกียรติบัตรที่ระบุว่า ท่านคือผู้ที่สร้างประวัติศาสตร์การเข้าร่วมการแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) และ “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” ชิงถ้วยพระราชทานฯ สนามที่ 1 ที่ ริมบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร เป็นปฐมฤกษ์ ซึ่งจะจารึกไว้เป็นเกียรติประวัติของ สมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย บัตรดังกล่าวจะมีลายเซ็นของ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และกระทรวงการคลัง รวมทั้ง นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ, และ นายพยนต์ อัศวพิชยนต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ให้การรับรองว่านักปั่นทุกคนคือ ผู้ที่ได้ประเดิมปั่นทดสอบเส้นทางรอบบึงสีไฟ ที่เป็น “แลนด์มาร์ค” แห่งใหม่ของจังหวัดพิจิตร
ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือนักปั่นอาวุโสที่ลงแข่งขันรายการ “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” รุ่นอายุ 30-39 ปีชาย, รุ่นอายุ 40-49 ปีชาย, รุ่นอายุ 50 ปีขึ้นไปชาย และรุ่นอายุ 30 ปีขึ้นไปหญิง ที่ทำผลงานดีและโดดเด่น อาจจะได้รับการพิจารณาจากสตาฟฟ์โค้ชให้เป็นนักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยแข่งขัน ศึกจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์เอเชีย 2023 ระหว่างวันที่ 7-13 มิถุนายน 2566 ที่อ่างเก็บน้ำดอกกราย จังหวัดระยอง ซึ่งสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (ยูซีไอ) ได้บรรจุรุ่นอาวุโส (Master) เข้าในการแข่งขันจักรยานประเภทถนนชิงแชมป์เอเชียอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2018 ที่เมียนมา, ปี 2019 ที่อุซเบกิสถาน และปี 2022 ที่ทาจิกิสถาน โดยจัดเฉพาะรายการไทม์ไทรอัลบุคคล แต่นักกีฬาที่เข้าแข่งขันในรุ่นอาวุโสดังกล่าวจะต้องส่งแข่งขันในนามทีมชาติ โดยผ่านการรับรองจาก Federation หรือสหพันธ์กีฬาจักรยานของแต่ละประเทศเท่านั้น
“อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ประกาศโปรแกรมการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียออกไปแล้ว ปรากฏว่ามีนักปั่นอาวุโสจากต่างชาติได้มีข้อเสนอแนะมาว่าในรุ่นอาวุโสควรจะจัดการแข่งขันในรุ่นอายุ 60-64 ปีชาย, รุ่นอายุ 65-69 ปีชาย และรุ่นอายุ 70 ปีขึ้นไปชาย ซึ่งสมาคมฯ ก็ได้รับข้อเสนอแนะนี้ไว้ แต่เนื่องจากในการแข่งขัน 3 ครั้งที่ผ่านมา ที่เมียนมา, อุซเบกิสถาน และทาจิกิสถาน ไม่มีการจัดแข่งขันในรุ่นดังกล่าว สมาคมฯ จึงหารือกับสมาพันธ์จักรยานแห่งเอเชีย (เอซีซี) ว่าจะสามารถจัดแข่งขันได้หรือไม่ หากเอซีซีไม่ขัดข้องและอุมัติให้จัดได้ สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะดำเนินการจัดรุ่นอาวุโส ประเภทชาลแลนจ์ รายการไทม์ไทรอัล โดยนักปั่นอาวุโสนานาชาติและนักปั่นอาวุโสของไทยที่ไม่ได้เป็นตัวแทนทีมชาติ สามารถสมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ทุกคน ในกลุ่มอายุต่าง ๆ ที่กำหนด สมาคมฯ จะดำเนินการขอเกียรติบัตรจากเอซีซีมอบให้แก่นักปั่นประเภทชาลเลนจ์ทุกคน” พลเอกเดชา กล่าว
ผู้ที่ต้องการสมัครเข้าแข่งขันจักรยานเสือภูเขาทางเรียบ (ใจเกินร้อย) และ “ปั่นเพื่อชีวิต Sport Tourism Bike 4 All” สมัครได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทยฯ www.thaicycling.or.th ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และปิดรับสมัครวันพฤหัสที่ 19 มกราคม 2566 เวลา 17.00 น. โดยติดตามรายละเอียดที่เฟซบุ๊กของสมาคมฯ Thaicycling Association หรือสอบถามได้ที่ โทร.0-2719-3340-2 ในวันและเวลาราชการ
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์