พิมพ์ไทยออนไลน์// ที่ สถาบันพระปกเกล้า ศูนย์ราชการ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านา พันโทรุจ แสงอุดม รองผู้ว่าการกกท. ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์
การกีฬาได้เป็นวิทยากรให้ความรู้ในหัวข้อ “บริบทการกีฬาไทยกับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม” ให้กับผู้เข้าร่วมอบรมหลัก
สูตรการพัฒนาศักยภาพผู้บริหารมืออาชีพทางการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ รุ่นที่ 4 จัดโดยกกท.ร่วมกับ สถาบันพระปกเกล้า
พันโทรุจ แสงอุดม กล่าวว่า บริบทการกีฬาไทยกับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมนั้น ต้องบอกว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดจาก
กิจกรรมกีฬาและการแข่งขันกีฬาของประเทศ ประกอบด้วย เงินหมุนเวียนจากค่าใช้จ่ายการแข่งขัน, เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ
จากการใช้จ่าย, เงินหมุนเวียนในระบบจากการเงินหมุนเวียน และระบบเศษฐกิจจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดกิจกรรมกีฬา
โดยเกิดจากช่องทางต่างๆ ดังนี้ 1. การจัดแข่ขันกีฬาเพื่อความเป็นเลิศระดับชาติ ได้แก่ กีฬาเยาวชนแห่งชาติ กีฬาแห่งชาติ
2. การจัดกาแข่งขันฬอาชีพ หมายถึง ก็ฬาที่จัดการแข่งขันอย่างเป็นระบบตามมาตรฐานสากล โดยมีนักกีฬาอาชีพเข้าร่วมการแข่งขัน
และมีรายได้จากการแข่งขัน ตามชนิดหรือประเภทที่คณะกรรมการกีฬาอาชีพประกาศเป็นกีฬาอาชีพตามพระราชบัญญัติส่งเสริมฬา
อาชีพ พ.ศ. 2556 และการกีฬาเพื่อการท่องเที่ยวและนั่นทนาการ (Sports Tourism) ตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกกิจกรรม
กีฬาเพื่อการท่องเที่ยวและนันทนา การ ที่ฝ่ายธุรกิจและสิทธิประโยชน์ กกท. กำหนด 4. การจัดกิจกรมกีฬาอื่นๆ ที่ กกท. ให้การสนับ
สนุนในการดำเนินการ
พันโทรุจแสงอุดม กล่าวต่อว่าเมืองกีฬาหรือสปอร์ตซิตี้ในตอนนี้จังหวัดที่ได้รับการประกาศให้เป็น Sports City ปี พ.ศ. 2561มี 1)
ชลบุรี,บุรีรัมย์, กระบี่, สุพรรณบุรี, อุดรธานี และ ศรีสะเกษ ปี 2562 กลุ่มที่ ด้านก็ฬาเชิงสุขภาพและออกกำลังกาย (Sports for Health & Exercise) มี กทม.จันทบุรี, และยะลา
กลุ่มที่ 2 : ด้านก็ฬาเพื่อการท่องเที่ยวกีฬาเชิงศิลปวัฒนธรรมและกีฬาการส่งเสริมกีฬาไทย (กีฬาพื้นบ้าน) (Sports Tourism and Sports Culture) มี เชียงราย,พัทลุง, และภูเก็ต กลุ่มที่ 3 : กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ (Sports for Excellence) มี นครราชสีมา,สงขลา? และตรัง กลุ่มที่ 4 : กีฬาขั้นพื้นฐานและกี่หามวลชน (Basic Sports and Sports for all) มีอุบลราชธานี
“สุดท้ายนี้ในตัวแผนแม่บทและเป้าหมายของการบริหารกีฬาเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของชาติมีด้วย 17 แผน มี 1.ศูนย์ฝึกเพื่อการแข่งขัน, 2.สถาบันวิทยาศาสตร์การกีฬา, 3.สปอร์ตอะคาเดมี่, 4.ศูนย์วิจัยและฝึกอบรม, 5.โพลี่คลีนิคและใก้คำปรึกษา, 6.ไทยแลนด์เกมส์,
7.สถาบันมวยไทย, 8.สมัชชาใหญ่การกีฬาแห่งประเทศไทย, 9.สำนักงานบริหารการแข่งขัน, 10.สำนักงานส่งเสริมเทคโนโลยีและนวัต
กรรม, 11.ช่องทีสปอร์ต ชาแนล, 12.กองทุนพัฒนาการกีฬา?แห่งชาติ, 13.คณะกรรมการรับเรื่องร้องทุกข์และไกล่เกลี่ยข้อพิพาท,
14.คณะกรรมการเตรียมการนักกีฬาแห่งชาติ, 15.ศูนย์พัฒนาบุคลากรทางการกีฬา, 16.สำนักงานการสงเคราะห์และสวัสดิการ,
17.ศูนย์ประสานงานและสนับสนุนการปฎิบัติ”
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์