วันอังคาร, พฤศจิกายน 26, 2024

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรกข่าวกีฬาอาร์เจนตินา ดวลจุดโทษ เฉือน ฝรั่งเศส 4-2 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3

อาร์เจนตินา ดวลจุดโทษ เฉือน ฝรั่งเศส 4-2 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3

พิมพ์ไทยออนไลน์//ศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบชิงชนะเลิศ ที่ลูซาอิล สเตเดียม การ์ต้า เมื่อวันที่ 18ธ.ค.2565 เป็นการโควจรมาพบกันของ “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา แชมป์ 2 สมัย พบ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์ 2 สมัย และแชมป์เก่าเมื่อครั้งที่ผ่านมา
สำหรับรอบรองชนะเลิศ อาร์เจนตินา โชว์ฟอร์มโหด ถล่ม โครเอเชีย (รองแชมป์เก่า) 3-0 ขณะที่ ฝรั่งเศส ถล่ม โมร็อกโก 2-0
เกมนี้ อาร์เจนตินา จัดผู้เล่นมาในระบบ 4-4-2 ประกอบด้วย เอมิเลียโน มาร์ติเนซ : นาฮูเอล โมลินา, คริสเตียน โรเมโร, นิโกลัส โอตาเมนดี, นิโกลัส ตายาฟิโก : อังเคล ดิ มาเรีย, โรดริโก เด ปอล, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, อเล็กซิส แม็กอัลลิสเตอร์ : ลิโอเนล เมสซี, ฮูเลียน อัลบาเรซ
ขณะที่ ฝรั่งเศส มาในระบบ 4-3-3 ประกอบด้วย อูโก โยริส : ฌูลส์ คุนเด, ราฟาเอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน, เธโอ แอร์กน็องเดซ : อองตวน กรีซมันน์, ออเรเลียง ชูอาเมนี, อาเดรียง ราบิโอต์ : อุสมาน เดมเบเล, โอลิวิเยร์ ชิรูด์, คีลิยัน เอ็มบัปเป

โดย ลิโอเนล เมสซี แนวรุกกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินา ทำสถิติเป็นผู้เล่นที่ลงสนามในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายมากที่สุด ด้วยจำนวน 26 นัด หลังมีชื่อเป็นตัวจริงในเกมรอบชิงชนะเลิศกับ ฝรั่งเศส
เปิดฉากเริ่มเกมอาร์เจนตินา ครองบอลได้มากกว่า บุกเข้าทำ นาทีที่ 10 อาร์เจนตินา บุกเจาะตรงกลาง โรดริโก เด ปอล ยิงไกลหน้าเขตโทษ บอลพุ่งตรงแฉลบแนวรับฝรั่งเศส นาทีที่ 16 อาร์เจนตินาบุกต่อเนื่อง โรดริโก เด ปอล แย่งบอลจากฝรั่งเศส ถึง ลิโอเนล เมสซี จ่ายต่อเข้าไปในเขตโทษ โรดริโก เด ปอล ตัดเข้ากลางประตู อังเคล ดิ มาเรีย ได้ยิงบอลเหินข้ามคานออกหลังไป
อาร์เจนตินา บุกต่อเนื่อง นาทีที่ 22 ดิ มาเรีย ลากบอลริมเส้นทางซ้ายใช้ความสามารถเฉพาะตัว กระชากบอลเข้าในเขตโทษ อุสมาน เดมเบเล สะกิดขาหลังล้ม ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที เมสซี สับไกไม่มีพลาด อาร์เจนตินา ออกนำ 1-0 พร้อมขึ้นนำดาวซัลโว เดี่ยว จำนวน 6 ประตู แถมทำสถิติเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ยิงประตูครบทุกรอบ ไล่ตั้งแต่รอบแรก, รอบ 16 ทีม, รอบ 8 ทีม, รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ ในฟุตบอลโลกครั้งเดียวกัน
ทัพตราไก่ พยายามเร่งเกมบุกหวังทวงประตูคืน นาทีที่27 ได้ลุ้นจากฟรีคิก หน้าเขตโทษ อองตวน กรีซมันน์ เปิดโด่งไปกลางประตูบอล ไม่ผ่านแนวรับอาร์เจนตินา ช่วยกันสกัดออกมาได้

นาทีที่ 36 อาร์เจนตินา สวนกลับเร็ว จากเมสซี ถึง อเล็กซิส แม็กอัลลิสเตอร์ วิ่งหลุดเข้าไปในเขตโทษ ดิ มาเรีย ยิ่งสอดเข้าประตู ทัพฟ้าขาว หนี 2-0
นาที 41 ฝรั่งเศส เปลี่ยนตัว 2 ผู้เล่นด้วยการเอา โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และอุสมาน เดมเบเล ออก และส่ง มาร์กกุส ตูราม และร็องดัล โคโล มูอานี ลงมาแทน และรูปเกมดีขึ้น แต่ไม่มีประตูเพิ่ม จบครึ่งแรก อาร์เจนตินา นำ 2-0
ครึ่งหลังเกมเปิดแลกกันสนุก ฝรั่งเศส นาทีที่ 50 มาได้ลุ้นจากเตะมุม อองตวน กรีซมันน์ โยนบอลไปกลางประตู เอมิเลียโน มาร์ติเนซ นายด่านอาร์เจนตินา รับบอลไว้ได้
นาที 80 ฝรั่งเศสตีไข่แตก 1-2 จากลูกจุดโทษ ในจังหวะ นิโกลัส โอตาเมดี ไปสกิตขา ร็องดัล โคโล มูอานี ในเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ คีลิยัน เอ็มบัปเป ยิงเข้าประตูไป ถัดมานาทีเดียว ฝรั่งเศส ตีเสมอ 2-2 จนได้ ในจังหวะ อาร์เจนตินา ไปเสียบอลกลางสนาม บอลถึง คีลิยัน เอ็มบัปเป หลุดเข้าไปในเขตโทษ ยิงบอลผ่านมือผู้รักษาประตู อาร์เจนตินา เข้าประตูไป
ช่วงท้ายเกมทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันสนุก ไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม เสมอ 2-2 ต้องต่อในช่วงทดเวลาพิเศษ
ช่วงต่อเวลาพิเศษ เกมอย่างสูสี ทั้งสองทีมไม่เร่ง ต่างเล่นด้วยความระมัดระวัง เน้นการครองบอลและชิงจังหวะกลางสนาม นาทีที่ 109 อาร์เจนตินา บุกหนก เลาตาโร มาร์ติเนซ หลุดเข้าไปในเขตโทษ และยิง นายด่านฝรั่งเศส ปัดออกเข้าทางปืน เมสซี ซ้ำดาบสองส่งบอลเข้าประตู อาร์เจนตินา นำอีก 3-2

ฝรั่งเศส เร่งเกมบุก นาทีที่ 117 คีลิยัน เอ็มบัปเป ยิงไกล บอลพุ่งไปโดนแขนแนวรับฝรั่งเศส ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษอีกครั้ง คีลิยัน เอ็มบัปเป สับไกบอลเข้าประตู ฝรั่งเศส ตามตีเสมอ 3-3 อีกครั้ง และเป็นประตูที่ 3 ของเจ้าตัวในเกมนี้ เอ็มบัปเป ทำสถิติเป็นผู้เล่นคนที่ 2 ที่สามารถทำแฮตทริกในฟุตบอลโลก รอบชิงชนะเลิศ ต่อจาก เจฟฟ์ เฮิร์สต์ อดีตกองหน้าทีมชาติอังกฤษที่ทำได้เมื่อปี 1966
ช่วงเวลาที่เหลือเกมแลกกันสนุก ไม่มีประตูเพิ่มครบ 120 นาที เสมอ 3-3 ต้องหาแชมป์จากการดวลจุดโทษ
การดวลจุดโทษ ปรากฎว่า อาร์เจนตินา แม่นกว่า เป็นฝ่ายเอาชนะไปด้วยสกอร์ 4-2 (เสมอในเวลา 3-3) ทำให้ทัพฟ้าขาว คว้าแชมป์โลกมาครองได้สำเร็จ เป็นสมัยที่ 3 ในประวัติศาสตร์ ต่อจากปี 1978 และ 1986

Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวใหม่