พิมพ์ไทยออนไลน์//เพาะกายไทย ส่ง 46 นักเบ่งกล้ามทั้งชาย-หญิง ลุยศึกเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ที่ภูเก็ต วันที่ 6-12 ธ.ค.นี้ ตั้งเป้าได้แชมป์โลกไม่น้อยกว่าครั้งก่อน 13 ทอง พร้อมประกาศใครคว้าแชมป์โลกได้สิทธ์บู๊แมตช์นานาชาติปีหน้า
นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากสหพันธ์กีฬาเพาะกายและฟิตเนสโลก(WBPF) ให้ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ประจำปี 2022 ครั้งที่ 13 ระหว่างวันที่ 6-12 ธันวาคม ที่เซ็นทรัล ภูเก็ต โดยมี 44 ชาติเข้าแข่งขัน ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันกีฬาเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลกมาตั้งแต่ปี 2555 จนถึงครั้งนี้ มา 5 ครั้งแล้ว ครั้งแรกในปี 2555 ครั้งที่ 2 ปี 2558 ที่กทม. ทั้ง 2 ครั้ง ต่อด้วยครั้งที่ 3 ปี 2559 ที่พัทยา ครั้งที่ 4 ปี 2561 ที่เชียงใหม่ และครั้งนี้ ครั้งที่ 5 ที่ภูเก็ต
ร่วมหารือ…ศุกรีย์ สุภาวรีกุล นายกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทยและคณะได้เข้าพบหารือกับทาง เรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬาเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ประจำปี 2022 ที่จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 6-12 ธันวาคมนี้
“ในเรื่องการเตรียมตัวจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลก ทางสมาคมฯ ได้เข้าพบและร่วมหารือกับนายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเพื่อเตรียมความในการจัดการแข่งขันรายการนี้ ซึ่งทางภูเก็ตมีความพร้อมอย่างมากในทุกๆ ด้าน คาดว่าในรายการนี้ จะมีนักกีฬา เจ้าหน้าที่ กองเชียร์ ครอบครัวนักกีฬา ฝ่ายจัดการแข่งขันจากทั้ง 44 ชาติ มารวมตัวกันที่ภูเก็ต เป็นจำนวนมากมาย คาดว่า จะสร้างรายได้จำนวนมากเข้าประเทไทย มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันของภูเก็ตได้อย่างแน่นอน”
“ส่วนความพร้อมของนักกีฬาไทยมีทั้งหมด 46 คน มารวมตัวฝึกซ้อมที่ เดอะ ฟิสิค ไอทีสแควร์ หลักสี่ ศูนย์ฝึกสมาคมกีฬาเพาะกายและฟิตเนสแห่งประเทศไทย รวมทั้งมีการตรวจร่างกายและทดสอบสมรรถภาพที่การกีฬาแห่งประเทศไทย เรียบร้อยแล้ว
ส่วนความพร้อมของนักกีฬาทุกคนร่างกายสมบูรณ์พร้อมเกิน 90 เปอร์เซ็นต์ ทุกคนพร้อมทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนทีมชาติไทย โดยคณะนักกีฬาทีมชาติไทยจะเดินทางไปภูเก็ต ในวันที่ 6 ธ.ค.”
“สำหรับการแข่งขันเพาะกายและฟิตเนสชิงแชมป์โลก ครั้งนี้ เชื่อว่านักกีฬาไทยจะสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ตามเป้าหมายที่สมาคมฯ วางไว้ น่าจะได้เหรียญทองไม่น้อยกว่าในการแข่งขันชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 11 ที่เกาะเชจู เกาหลีใต้ เมื่อปี 2562 ไทยทำ ได้ 13 เหรียญทอง 18 เหรียญเงิน 8 เหรียญทองแดง รวมทั้งได้ถ้วยชนะเลิศคะแนนรวมทีมชาย อันดับ 1 และ ถ้วยชนะเลิศคะแนนรวมทีมหญิงอันดับ 2”
“ถ้าในการแข่งขันเพาะกายชิงแชมป์โลก ครั้งนี้ นักกีฬาคนไหนสามารถคว้าแชมป์โลกในรายการนี้ จะการันตีว่าจะได้สิทธิ์เก็บตัวต่อเนื่องในการเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย สำหรับการแข่งขันแมตช์นานาชาติปีหน้า ปี 2566 ซึ่งมีรายการสำคัญอยู่หลายรายการไม่ว่าจะเป็น ซีเกมส์ ครั้งที่32 ที่กรุงพนมเปญ กัมพูชา วันที่ 5-17 พ.ค.2566 รวมทั้งชิงแชมป์เอเชีย 2023 ครั้งที่ 55 ที่เนปาล ในเดือนก.ย.ปีหน้า และชิงแชมป์โลก 2023 ครั้งที่ 14 ที่เกาหลีใต้ เดือนพ.ย.ปี 2566”
รายชื่อนักกีฬาทั้งหมด 46 คน มีดังนี้ นักกีฬาชาย 35 คน ได้แก่ เกษม รัตนพร, จีรพันธ์ โป่งคำ, พงษ์ศิริ พรหมจรรย์, จักรวัฒน์ อินทะรังษี, วิชัย สิงห์ทอง, พรเทพ สุขเกษม, ผไทวัฒน์ เอลกวัฒน์, อภิชัย วันดี, พันธวัช นิมิตภาคภูมิ, ฉัตรดนัย เศรษฐศิริกุล, เอกพล สุขทอง, ธนกฤต บุญศรี, กองพล ทองสุข, วันชัย กาญจนพิมาย, เรือโทดำรงค์ศักดิ์ สร้อยศรี, ณัฐวัตร โพธิ์ฉัตร, ณัฐนันท์ พรหมภูวงศ์, เทพพร พวงทับทิม, ประกาศิต เครือบุตร, อุษมาร์ ลอตันหยง, สุรศักดิ์ ปานเรือง, อิทธิภัฒฐ์ ประทีป, ชัยพิพัฒน์ ลิ่วตระกูล, พัชรพงษ์ พจนะโกสีย์, สุรพันธ์ ไหมสีทอง, บุลากร ดีกระโทก, ธนพิพัฒน์ จันทนเสวี, ชวินธร เทพวงษ์, กิตติศักดิ์ วุฒิการณ์, สหรัฐ เคลือบมาศ, กิตติ ผลาผล, สาคร มาตรวังแสง, เกษม ศิริโสตร์, สุวิจักขณ์ พินทุสรชัย, พรชัย ธรรมสังวาลย์
นักกีฬาหญิง 11 คน ได้แก่ จิรฐา จุฑานิชกานต์, ปุริมปรัชญ์ วรรณอภิลักษณ์, ศิรินทิพย์ อินทรีย์, สิมรา ชุ่มชื่น, ศิริพร ศรช่วย, พันจ่าอากาศตรีหญิงอาจารี แท่นทรัพย์, กีรติญา จันทรัตน์, ตรีรักษ์ สระป้อมแก้ว, ชัญญาภัสร์ ก่อพาราภิรมย์, สิรินดา พันสถา, อรอนงค์ อินทร์แก้ว
ผู้ฝึกสอน ได้แก่ นายชำนาญ แสนดี, นายวิษณุ แรงดี และ นายสุวโรจน์ เรขะเฉลิมพัฒน์
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์