พิมพ์ไทยออนไลน์// เอเอฟเอฟหรือสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน จัดงานแถลงข่าวก่อนการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ เลกแรก คู่ระหว่าง ทีมชาติไทย กับ ทีมชาติอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ฃ่านมา โดยมี มาโน โพลกิง หัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลชายทีมชาติไทย เข้าร่วม
ในรอบรองชนะเลิศ ทีมชาติไทย ชนะเวียดนาม ด้วยสกอร์รวม 2-0 ส่วน อินโดนีเซีย ชนะ สิงคโปร์ ด้วยสกอร์รวม 5-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
มาโน โพลกิง กล่าวว่า “เรารู้ถึงสถิติอินโดนีเซียเป็นอย่างดี และเข้าใกล้แชมป์มาหลายครั้ง แต่ไม่ว่าใครเวลาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศต้องหวังถึงแชมป์ อินโดนีเซียเป็นทีมที่ดี แล้วได้พักมามากกว่าเรา 1 วัน แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับทีมชาติไทย เราจะวิเคราะห์การเล่น หาแผนการเล่น และเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนามในเกมนี้ ไม่ต้องไปคิดถึงสถิติให้มากนัก เพราะทั้งสองทีมควรมาอยู่ในจุดนี้ทั้งคู่ และทีมไทยจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเป็นแชมป์ให้ได้”
“ตอนนี้ผมคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะพูดเรื่องของการเป็นเบอร์ 1 อาเซียน ทีมไทยมีเป้าหมายการคว้า
แชมป์กลับบ้านให้ได้ เหลือเกมที่ยากอีก 2 เกมรออยู่และเราจะต้องมีสมาธิกับตรงนั้น”
“อินโดนีเซียนั้นเป็นทีมที่สามารถเล่นได้หลากหลายรูปแบบ อย่างเกมกับเวียดนามพวกเขาสามารถเล่นเกมรับ ได้อย่างดีและเก็บผลเสมอ 0-0 ขณะที่เกมอื่นๆ แสดงให้เห็นว่ามีเกมรุกที่อันตราย ดังนั้นทีมไทย
จะต้องเตรียมพร้อมรับมือและวางแผนให้ดี ตอนนี้มันกลับมาเป็นเกม 180 นาที ที่ทุกอย่างเท่ากันที่ 0
-0 อีกครั้ง ไทยจะต้องเริ่มต้นให้ดีเหมือนเกมเจอกับเวียดนาม เพราะจะช่วยให้วางแผนในการเล่นนัดที่สอง
ได้ดี”
“ตลอด 6 นัดที่ผ่านมาทีมชาติไทยเป็นฝ่ายที่ครองบอลได้มากกว่าทุกนัด และการครองบอลคือจุดแข็งของ
ทีมอยู่แล้ว คิดว่าไม่ใช่ปัญหาอะไร บางทีโค้ชชาวเกาหลีใต้อาจจะไปมองบางช่วงของเกมที่เจอกับเวียดนามและเข้าใจผิดมากกว่า”
“น่าเสียดายสำหรับ ฉัตรชัย บุตรพรม ที่ได้รับบาดเจ็บเอ็นไขว้หน้า ซึ่ง ฉัตรชัย เป็นบุคคลสำคัญของทีมที่ช่วยให้ทีมผ่านมาถึงรอบชิงชนะเลิศ และเจ้าตัวอยากลงเล่นทั้งสองเกมเช่นกัน ขณะที่ ธีราทร คือนักเตะที่มี
ประสบการณ์สูงที่สุดในทีมคนหนึ่ง และเป็นผู้เล่นคุณภาพ อย่างไรก็ตามเราจะไม่มีธีราทรเพียงแค่ 90 นาทีแรกเท่านั้น นับเป็นเรื่องดีที่จะได้ความสดของ ธีราทร กลับมาในเกมที่สองด้วย ส่วนเรื่องตัวแทนทีมชาติไทยนั้นมีคุณภาพผู้เล่นบนม้านั่งสำรองที่ดีอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่มีปัญหาอะไร
“เรื่องสนามแข่งแน่นอนว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะเล่นกันมาหลายนัดมากแล้ว แต่ในเมื่อเขา (ชิน แต ยอง)บอกว่าทีมเราครองบอลได้ไม่ดี ดังนั้นที่สนามไม่ดีก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเราอยู่แล้ว”
“สิ่งที่ประทับใจมากที่สุดในทีมอินโดนีเซียคือ แนวทางการเล่นของพวกเขา เป็นทีมที่อายุน้อยและทำงานกันหนักทั้งทีม ส่วนตัวโค้ชก็มีประสบการณ์อย่างมาก แต่ทีมชาติไทยก็จะมองที่ทีมตัวเองเท่านั้น มันเป็น 2 เกมที่ยาก แต่จะทำผลงานให้ดีที่สุดเพื่อนำถ้วยแชมป์กลับบ้านให้ได้
สำหรับทีมชาติไทย พบกับ ทีมชาติอินโดนีเซีย รอบชิงชนะเลิศของศึกชิงแชมป์อาเซียน 2020 แข่งขันสองนัดในวันที่ 29 ธันวาคม และ 1 มกราคม 2565 ถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD และ AIS Play
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์