พิมพ์ไทยออนไลน์ // การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2020” รอบแรก กลุ่มอี นัดสุดท้าย “กระทิงดุ” สเปน ดวลแข้งชี้ชะตา สโลวาเกีย ที่เอสตาดิโอ เด ลา คาร์ตูฆา เมืองเซบีย่า เมื่อคืนวันที่ 23 มิถุนายน โดยผลงาน 2 นัดแรก สเปน เสมอมาทั้ง 2 นัด มีเพียง 2 แต้ม ขณะที่ สโลวาเกีย ชนะ 1 นัด แพ้ 1 นัด มี 3 แต้ม
เริ่มเกมครึ่งแรกสเปนเปิดฉากพับสนามบุกตั้งแตต้นเกม นาทีที่ 10 โกเก้ พยายามไล่แย่งบอลจาก ยาคุบ ฮโรมาด้า แข้งสโลวาเกีย แต่โดนเตะข้อเท้าล้มลงไปในเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินวิ่งไปเช็ก VAR ก่อนชี้ให้สเปนได้จุดโทษ แต่ อัลบาโร่ โมราต้า รับ
หน้าที่ยิงไปติดเซฟ มาร์ติน ดูบราฟก้า และเป็นการพลาดจุดโทษครั้งที่ 2 ของสเปนในทัวนาเมนต์นี้ นับเป็นการพลาดจุดโทษครั้งที่ 5 ติดต่อกันของสเปน ก่อนหน้านี้พลาดจุดโทษ เซร์คิโอ รามอส 2 ครั้ง, อาเบล รุยซ์, เคราร์ด โมเรโน่ และล่าสุด อัลบาโร่ โมราต้า ส่งผลให้สเปนทำสถิติที่ไม่น่าจดจำนักคือ เป็นชาติแรกในประวัติศาสตร์ที่พลาดจุดโทษ 5 ครั้งติดต่อกัน
นาทีที 30 แนวรับสโลวาเกียจ่ายบอลพลาดเข้าทาง ปาโบล ซาราเบีย ซัดบอลไปชนคาน ก่อนที่บอลลอยโด่ง และหล่นใต้คาน มาร์ติน ดูบราฟก้า ปัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเอง สเปน 1-0
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก นาทีที่ 45+2 สเปนได้เล่นลูกเตะมุม เคราร์ด โมเรโน่ ชิพบอลให้ อายเมอริค ลาปอร์ต เติมเกมรุกขึ้นมาโขกประตูแรกของตัวเองในการรับใช้ทีมชาติสเปน หมดครึ่งแรก สเปนทิงนำ 2-0
ครึ่งหลังสโลวาเกียปรับเกมรุกหวังทวงประตูตีไข่แตก สเปนยังเล่นเกมรับได้อย่างรัดกุม และครองบอลบุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 56 ฆอร์ดี้ อัลบ้า เปิดบอลยัดเข้ากลาง ปาโบล ซาราเบีย ตวัดบอลเปลี่ยนทางเสียบเสาเข้าไปตุงตาข่าย สเปนนำ 3-0
นาทีที่ 67 ปาโบล ซาราเบีย จ่ายบอลเข้ากลางให้ เฟร์ราน ตอร์เรส ตัวสำรองที่เพิ่งเปลี่ยนตัวลงสนามยิงเข้าประตูไปอย่างสวยงาม สเปนหนีห่าง 4-0 นาทีที่ 71 อายเมอริค ลาปอร์ต โหม่งบอลให้ เปา ตอร์เรส ที่เพิ่งลงสนามมาเป็นตัวสำรอง โหม่งบอลโดน ยูไรจ์ คุชก้า สกัดบอลเข้าประตูตัวเองไป จบเกม สเปน ไล่ถล่ม สโลวาเกีย 5-0 พร้อมทำสถิติเป็นเกมที่มีการยิงกันขาดลอยมากที่สุดในยูโร 2020 ทำให้ สเปน คว้า 3 แต้มแรกได้สำเร็จ สรุปผลงานหลังแข่ง 3 นัด ชนะ 1 เสมอ 2 มี 5 แต้ม ประตูได้เสีย +5 คว้าอันดับ 2 ของกลุ่มอี เข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย พบกับ โครเอเชีย อันดับ 2 ของกลุ่มดี ส่วน สโลวาเกีย แข่ง 3 นัด ชนะ 1 แพ้ 2 มี 3 แต้ม ประตูได้เสีย -5 จบอันดับ 3 ของกลุ่มอี
ที่สนามเครสตอฟสกี้ สเตเดี้ยม, เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก (รัสเซีย) กลุ่ม อี นัดสุดท้าย ระหว่าง สวีเดน ที่เข้ารอบ 16 ทีมไปแล้ว พบกับ โปแลนด์ ที่มีแค่แต้มเดียว เกมนี้ทัพโปลต้องชนะให้ได้เท่านั้นเพื่อโอกาสลุ้นเข้ารอบต่อไป
ยานเน่ อันเดอร์สสัน ใช้ชุดเดิมที่ชนะ สโลวาเกีย 1-0 เปลี่ยนแค่ มาร์คุส เบิร์ก หัวหอกตัวเก๋ามาใช้ โรบิน ไควสัน ยืนจับคู่ตัวจริงร่วมกับ อเล็กซานเดอร์ อิซัค โดยมี เอมิล ฟอร์สเบิร์ก ขับเคลื่อนเกมตรงกลางร่วมกับ เซบาสเตียน ลาร์สสัน
ด้าน โปแลนด์ เกมนี้ต้องคว้าสามแต้มให้ได้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เป็นทีเด็ดคอยล่าตาข่ายอยู่แดนหน้า และมีตัวสนับสนุนอย่าง คาโรล สวิเดอร์สกี้ และปิโอเตอร์ เซลินสกี้ ผลปรากฏว่า สวีเดน เฉิอนชนะ โปแลน์หวุดหวิด 3-2 ได้ประตูจาก ฟอร์สเบิร์ก นาที 2 เอมิล ฟอร์สเบิร์ก นาที 59 วิคเตอร์ เครสสัน นาที 94 ส่วนโปแลนด์ได้จาก โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ นาที 61 และ วิคเตอร์ เครสสัน นาที 94 ทำให้สวีเดนเก็บสามแต้มคว้าแชมป์กลุ่ม ส่วน โปแลนด์ตกรอบ
ที่สนามฟุตบอล อารีนา มิวนิก ประเทศเยอรมนี “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี พบกับ ฮังการี รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย ของกลุ่มเอฟ
โดยเยอรมนี ไล่ถล่ม โปรตุเกส 4-2 ในเกมที่แล้ว นัดแรกแพ้ ฝรั่งเศส 0-1 ส่วน ฮังการี แบ่งแต้มจากฝรั่งเศส เสอม 1-1 หลังจากเกมแรกแพ้ โปรตุเกส 0-3 ผลปรากฏว่า เยอรมนี เสมอกับ ฮังการี 2-2 ฮังการีได้ประตูจาก อดัม ซาไล นาที 11 อันดราส ชาแฟร์
นาที 46 เยอรมนีได้จาก ไค ฮาเวิร์ตซ์ นาที 66 และ เลออน โกเรตซ์กา นาที 84 จบเกม เยอรมนี เสมอกับ ฮังการี 2-2 เก็บ 1 คะแนนมี 4 คะแนน ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่ ฮังการีตกรอบแบ่งกลุ่ม
ที่สนามปุสกัส อารีนา เมืองบูดาเปสต์ ฮังการี ระหว่างทีมโปรตุเกส พบกับ ฝรั่งเศส โดยอนหน้านี้ โปรตุเกส มี 3 คะแนน ชนะ ฮังการี 3-0 และแพ้ เยอรมนี 2-4 ส่วน ฝรั่งเศส ชนะ เยอรมนี 1-0 และเสมอฮังการี 1-1 โปรตุเกสได้ประตูจาก คริสเตียโน โรนัลโด นาที 28 และนาที 59 ฝรั่งเศสได้จาก คาริม เบนเซมา นาที 45 และ รุย ปาตริซิโอ นาที 67 โปรตุเกส เสมอ ฝรั่งเศส 2-2 โดย ฝรั่งเศส เป็นแชมป์กลุ่ม มี 5 คะแนน ส่วนโปรตุเกส มี 4 คะแนน เข้ารอบเป็น อันดับ 3
Cr. :วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์