วันศุกร์, กันยายน 20, 2024

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรกข่าวกีฬาหลังม่านความสำเร็จ "บาส-ปอป้อ" สร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่

หลังม่านความสำเร็จ “บาส-ปอป้อ” สร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่

พิมพ์ไทยออนไลน์// เรื่องน่ายินดีในวงการแบดมินตันไทย เมื่อแบดมินตัน 3 รายการใหญ่ ไทย ฝ่าด่านไวรัสโควิด-19 ประสบความสำเร็จไปด้วยดี คือ ความสำเร็จของ “บาส” เดชาพล พัววรานุเคราะห์ และ “ปอป้อ” ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย ที่เหมาแชมป์ประเภทคู่ผสม 3 ศึกใหญ่ได้แบบเรียบวุธ ไม่ว่าจะเป็นศึกซูเปอร์ เวิลด์ทัวร์ 1000 รายการ “โยเน็กซ์ ไทยแลนด์ โอเพ่น” และ “โตโยต้า ไทยแลนด์ โอเพ่น” ปิดท้ายด้วย “เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ 2020” เป็นการคว้าแชมป์ระดับ 1000 ครั้งแรกของทั้งคู่ และเป็นหนแรกของนักตบขนไก่ไทยได้แชมป์ เวิลด์ทัวร์ ไฟนอลส์ มาครองอีกด้วย
ความสำเร็จของบาส-ปอป้อไม่ใช่เรื่องง่าย ไปดูหลังฉากการทำงานทีม “เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่” และการเตรียมตัวช่วงระยะเวลา 9 เดือนที่ไม่มีการแข่งขัน
“โค้ชโอม” เทศนา พันธ์วิศวาส หัวหน้าผู้ฝึกสอน บอกเล่าถึงการทำงานว่า ช่วงที่แบดมินตันแข่งขันไม่ได้เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมระยะเวลา 9 เดือน เป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด การพัฒนาให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การกีฬากับนักกีฬาเพื่อนำไปต่อยอด ให้เค้ารู้และเข้าใจไปกับเรา มีการศึกษาแนวทางการเล่นของคู่ต่อสู้ จำลองสถานการณ์เกมให้คล้ายกับสถานการณ์ในสนามให้ได้มากที่สุด เพื่อลบจุดอ่อนและอัพเกรดจุดแข็ง ถือว่าเวลา 9 เดือนที่ผ่านมาใช้ไปอย่างคุ้มค่ามาก

“เมื่อเรารู้ว่าจะไม่ได้แข่งอีกนาน ก็ต้องใช้เวลาที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การแก้ไขและพัฒนาจุดต่างๆ ที่แทบจะไม่ค่อยมีเวลาได้ทำ เพราะในช่วงเวลาปกติต้องออกทัวร์แข่งตลอด ถือว่าทั้งสองคนมีพัฒนาการที่ดีมากๆ ทั้งเรื่องของร่างกายและเทคนิค เมื่อร่างกายดีก็สามารถควบคุมสมรรถนะในเรื่องเทคนิคและทักษะได้อย่างดีเยี่ยม ก่อนแข่งขันตั้งเป้าจะต้องคว้าให้ได้ทั้ง 3 แชมป์ แม้ว่าตอนนั้นทีมจีนและญี่ปุ่นยังไม่ถอนตัว มั่นว่าทำได้ เพราะการพัฒนาขึ้นมาของบาสกับปอป้อ”
จุดแข็งอีกอย่างที่โค้ชโอมชื่นชมคู่หูนักตบขนไก่ คือ ระเบียบวินัย ทั้งคู่รู้ดีว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร แม้ว่าช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก ซึ่งเราจำเป็นต้องปรับรูปแบบการฝึกซ้อมให้สอดคล้องตามมาตรการป้องกันแพร่ระบาดของรัฐ โดยปล่อยนักกีฬากลับบ้านไม่สามารถพักที่แคมป์ของเอสซีจี อะคาเดมี่ได้ หลังจากมาตรการเริ่มผ่อนคลายทั้งคู่ก็ไม่เคยขาดซ้อม มาถึงก่อนเวลาเสมอ ซ้อมอย่างเต็มที่ แลกเปลี่ยนแนวทางกับโค้ชและทีมงานแบบเปิดเผย ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพอย่างมาก นอกจากนั้นหลังการฝึกซ้อมจะให้นักกีฬาทุกคนประเมินตัวเองในแต่ละวัน ประเมินโค้ชและทีมงาน เพื่อให้รู้ถึงจุดบกพร่องที่จะเอาไปแก้ไขในวันถัดไป ซึ่งโค้ชเองก็จะประเมินนักกีฬาเช่นกัน
ด้าน ศ.ดร.เจริญ กระบวนรัตน์ หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์การกีฬา เอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่ กล่าวว่า ช่วง 9 เดือนถือเป็นโอกาสทอง เราทำงานกันอย่างหนัก มีทั้งภาคทฤษฎี ปฏิบัติ และเรื่องสภาพจิตใจ สิ่งสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่ประสบความสำเร็จ คือ ระเบียบวินัย การทำทุกอย่างตามโปรแกรมที่วางไว้อย่างเคร่งครัด โดยโค้ชโอมจะเป็นคนวางแผนการเล่น อยากเสริมด้านไหนให้นักกีฬา เราก็จะกำหนดโปรแกรมการฝึกซ้อมตามนั้นเช่น วางแผนเล่นเร็ว เล่นลูกดาด เราก็จะวางโปรแกรมซ้อมเรื่องความเร็ว นอกจากนี้การปรับเรื่องการใช้พลังงานในการเล่น เป็นสิ่งที่นักกีฬาต้องได้รับการเรียนรู้. ..และเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทั้งคู่ฟื้นสภาพร่างกายได้เร็วและประสบความสำเร็จ โดยการรักษาสมดุลการใช้พลังงานอย่างไรเวลาเหนื่อย ซึ่งจะเห็นว่า แม้จะแข่งขันเกือบทุกวัน และเล่น 3 เกมเกือบทุกแมตช์ แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่มีอาการล้าให้เห็น

ศ.ดร.เจริญกล่าวอีกว่า การซ้อมของเอสซีจี แบดมินตัน อะคาเดมี่ จะไม่เน้นไปที่เวลาในการซ้อมที่ต้องนานหรือเยอะกว่าคนอื่น แต่เน้นที่คุณภาพและวัตถุประสงค์ของการฝึกซ้อมแต่ละครั้งเป็นหลักว่าตอบโจทย์และเป้าหมายที่เราวางไว้หรือไม่ โดยให้ความสำคัญและคำนึงถึงสมรรถภาพทางกลไกของร่างกายกับความสมดุล
ในการฝึกซ้อม ที่สำคัญจะต้องมีรูปแบบวิธีการฝึกซ้อมที่เหมาะกับตัวเอง ไม่ใช่ไปเอารูปแบบการซ้อมของคนอื่นมาใช้กับนักกีฬา เปรียบเสมือนกับช่างที่ตัดเย็บเสื้อผ้าให้นักกีฬาสวมใส่ ต้องตัดเย็บและออกแบบให้เหมาะกับขนาดรูปร่างทรวงทรงของคนใส่ เพราะคนที่สวมใส่ คือ นักกีฬาของเรา ไม่ใช่ไปเที่ยวลอกเลียนแบบการฝึกของนักกีฬาคนอื่นที่เห็นว่าเก่งมาให้นักกีฬาตนเองทำการซ้อม ซึ่งมันไม่ใช่ตัวของเขาเอง และที่สำคัญต้องพัฒนาทักษะการคิด วิธีคิดที่มีเหตุผลและอยู่บนความเป็นจริง.. เช่น.ถ้าป้อ/บาส…อยากจะชนะหรือเป็นแชมป์โลกหรือเอาชนะคู่ปรับ จะต้องทำอย่างไร และที่ผ่านมาเราแพ้เขาเพราะอะไร เป็นต้น
ผมจะบอกกับป้อและบาสเสมอว่า…เกมกดดันไม่เป็นไร นั่นคือ ธรรมชาติของการแข่งขัน แต่เราจะต้องไม่กดดันตัวเอง ไม่ต้องคิดถึงผลการแข่งขัน ให้คิดถึงรูปแบบวิธีการเล่นที่ฝึกซ้อมวางแผนกันมา และให้มีสมาธิอยู่กับเกม คะแนนต่อคะแนน ไม่ชะล่าใจเมื่อนำ …ไม่ท้อใจเมื่อเป็นฝ่ายไล่ตาม ไม่คำนึงถึงผลการแข่งขันที่ยังไม่เกิดขึ้นถ้ายังไม่จบเกม…รับฟังโค้ชแนะนำระหว่างเกมการแข่งขัน
ขณะที่บาสและปอป้อ กล่าวว่าความสำเร็จครั้งนี้เป็นความประทับใจที่สุดในชีวิตนักแบดมินตัน และมีผลมาจากการทำงานหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“ยอมรับว่ามีความกดดัน และมีหลายครั้งที่สติหลุดระหว่างแข่งขันไปบ้าง แต่มีบาสที่คอยเตือนและให้กำลังใจ ทำให้กลับมาได้ถูกเวลา การต้องไปอยู่ในบับเบิ้ลก่อน และตลอดการแข่งขันไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดอะไร ไม่แตกต่างกับการอยู่ในแคมป์เอสซีจี เรียกว่าชินและถือเป็นเรื่องที่ดีการเตรียมพร้อมแข่งขัน” ปอป้อกล่าว
บาสบอกว่า ฝันหลังจากนี้ของทั้งคู่ คือ การไปลุ้นเหรียญในโอลิมปิกเกมส์ เชื่อว่าโตเกียว 2020 ที่ญี่ปุ่น เลื่อนแข่งขันปีนี้ จะไม่เลื่อนหรือยกเลิกแน่นอน เพราะเจ้าภาพก็อยากจัด นักกีฬาก็อยากแข่ง ที่ผ่านมาตัวเองยังไม่เคยไปโอลิมปิกมาก่อน แต่ปอป้อไปมาแล้ว ก็เล่าประสบการณ์และให้คำแนะนำมาหลายอย่าง
“หลังจากนี้ก็ยังคงต้องทำงานหนักกันต่อไป เพื่อประสบความสำเร็จตามความฝันและรายการอื่นๆ ที่ลงแข่งให้ได้” บาสกล่าว
โค้ชโอมทิ้งท้ายว่า ถึงแม้จะดูว่าบาส-ปอป้อ ตัวโค้ชและทีมงานเองประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ตัวเองกลับมองว่ายังเรียกว่าความสำเร็จไม่ได้ ยังมีงานอีกเยอะมากที่ต้องทำ มีเรื่องใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยรู้ และจะต้องเรียนรู้ให้มากขึ้น รวมทั้งสร้างนักกีฬารุ่นใหม่ตามแนวทางที่ถูกต้อง จนถึงวันที่ไปถึงจุดนั้นได้แล้ว ถึงจะเรียกว่าความสำเร็จ ซึ่งก็ต้องทุ่มเทกันต่อไป

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวใหม่