สะพัดเรื่องฉาวโฉ่ในรถไฟ ทำโครงการจัดซื้อจัดจ้างอืดเป็นเรือเกลือจากผลงานชิ้นโบว์ดำอดีตบิ๊กสตง.(บางราย)เป็นหัวหน้าทีมร่วมกับเจ้าหน้าที่รถไฟและบริษัทรับเหมา
ด้าน”วีริศ”เซ็นยกเลิกคำสั่งตั้งที่ปรึกษา-คณะทำงานกลั่นกรองงานทุกชุดแล้วก่อนไขก๊อก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)ว่า เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรฟท.ได้ลงนามในคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานชุดต่างๆ ประกอบด้วย ศึกษากระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุของการรถไฟ คณะทำงานศึกษาปัญหาด้านกฏหมายการรถไฟ คณะทำงานศึกษาและติดตามการดำเนินโครงการของการรถไฟ และคำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าการรถไฟ

หลังจาก ผู้ว่าการรถไฟ ได้แต่งตั้งที่ปรึกษา และคณะทำงานกลั่นกรองงานด้านต่างๆ ข้างต้นมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟฯ เมื่อปลายปี 2567 ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการรถไฟ ว่า การแต่งตั้งคณะทำงานกลั่นกรองงานเหล่านี้ ไม่ใช่เพื่อการติดตาม หรือเร่งรัดการดำเนินโครงการ แต่เป็นไปเพื่อกลั่นกรองงานหรือโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ ที่จะส่งขึ้นไปให้ผู้ว่ารถไฟอนุมัติ บางโครงการเป็นไปเพื่อให้คณะทำงาน และที่ปรึกษาผู้ว่าการรถไฟเข้ามาล้วงลูกได้โดยง่ายหรือไม่
โดยหลายโครงการพบว่า ที่ปรึกษาผู้ว่าการรถไฟที่นั่งอยู่ในคณะทำงานชุดต่างๆ สามารถเรียกผู้รับเหมาที่มีสัญญาจ้างกับรถไฟเข้าไปเจรจาเพื่อทำความตกลงก่อนเสนอเรื่องขึ้นไปยังผู้ว่าการรถไฟ หรือก่อนที่การรถไฟจะตรวจรับงาน แม้แต่ตรวจรับงานแล้ว แต่จะยังไม่จ่ายเงินให้จนกว่าจะทำความตกลงกับคณะทำงานเสียก่อน จนมีการวิพากษ์วิจารณ์กันวงกว้างว่า ส่อมีการเรียกรับผลประโยชน์ในโครงการจัดซื้อ จัดจ้างที่ตนเองต้องการได้
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีในการรถไฟฯว่ามีเอกชนขาใหญ่รายหนึ่งคนของขั้วรัฐบาลเดิมหากประมูลงานแล้วพ่ายแพ้ อดีตบิ๊กสตง.(บางราย) จะเรียกพวกพ้องในฐานะลูกน้องเก่าของตนในสตงฯ เข้ามาสอบโครงการเพื่อหาช่องทางข่มขู่ให้คู่แข่งต้องยอมเปิดทางหรือถอนตัวออกไป มิเช่นนั้นทั้งบริษัทและเจ้าหน้าที่รถไฟ จะมีปัญหากับเจ้าหน้าที่สตง.ถึงขั้นโดนยัดข้อหาจนถึงที่สุด หากไม่สนองให้บริษัทเอกชนพวกพ้องของตนเอง จนทำให้เจ้าหน้าที่รถไฟที่ไม่ยอมหมดกำลังใจในการทำงาน ถึงขั้นยื่นใบลาออกกันเป็นแถว




“ถือเป็นยุคไม่โปรงใสของการรถไฟฯเลยก็ว่าได้ ที่ปล่อยให้ทีมงานที่ปรึกษาโดยการนำของที่ปรึกษาที่เคยเป็นถึงองค์กรตรวจสอบทุจริตคอรัปชั่นเข้ามามีอำนาจครอบงำ โดยร่วมมือกับบริษัทเอกชนรับเหมางานรถไฟขาใหญ่รายหนึ่งเดินเกมเจรจา โดยมีระดับบิ๊กในฝ่ายการช่างกลป้ายแดง ซึ่งเป็นคนที่ตนเองแต่งตั้งขึ้นมาคอยประสานงานให้ จนเป็นที่รู้กันว่าหากใครมีปัญหากับบริษัทนี้เท่ากับกำลังหาเรื่องใส่ตัว เพราะจะถูกส่งเรื่องให้สตง.เข้ามาตรวจสอบ หากเจรจาแล้วไม่เป็นผล ถึงขั้นมีการยัดข้อหาหรือกล่าวโทษเจ้าหน้าที่”
แหล่งข่าวในการรถไฟ เผยว่า แม้นายวีริศจะลงนามในคำสั่งยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งทีมที่ปรึกษา และคณะทำงานชุดต่างๆไปแล้วก่อนที่ตนจะพ้นตำแหน่งในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่า บรรดาทีมที่ปรึกษาผู้ว่ารถไฟหลายคนยังคงเกาะเก้าอี้อย่างเหนียวแน่นในคณะอนุบอร์ดรถไฟชุดต่างๆ ทั้งที่ตามมารยาทเมื่อสถานะที่ปรึกษาสิ้นสุดลงควรต้องแสดงสปิริตยื่นลาออกจากคณะอนุบอร์ดรถไฟชุดต่างๆ ด้วย
คงต้องส่งเสียงแรงๆไปยังท่านประธานบอร์ดรถไฟฯ อย่าปล่อยผ่านนิ่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ควรปลดคนเหล่านี้ออกให้หมด เพราะสไตล์การทำงานเข้มข้นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ไม่ยอมให้เกิดเรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้ในการรถไฟฯอย่างแน่นอน ในเมื่อว่าวันนี้ได้ตัดเนื้อร้ายในองค์กรออกไปแล้ว ก็ไม่ควรมีเชื้อมะเร็งร้ายหลงเหลืออยู่
ล่าสุดมีกระแสข่าวว่า มีผู้หวังดีไปยื่นหลักฐานให้นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วยแล้ว หากอดีตบิ๊กสตง.มีความจริงใจในการตรวจสอบการทุจริตในองค์กรต่างๆ เหตุใดเรื่องตึก สตงฯถล่มมาเกือบ 1 ปี กลับเงียบเป็นเป่าสากหายเข้ากลีบเมฆไม่เคยมีหน่วยงานใด แม้แต่ ป.ป.ช.ก็เงียบกริบ แต่สตง.ยังคงใช้อำนาจของตนตรวจสอบหน่วยงานอื่นๆชนิดไม่อายฟ้าอายดิน.


