วันอาทิตย์, กันยายน 14, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 40

ตะลุยโรดโชว์ครั้งที่ 2 “Phangnga Fair 2025” 21-25 มิ.ย.68 ณ ศูนย์ราชการจังหวัดพังงา เมืองพังงา

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ฟิน กิน ช้อป สินค้าอัตลักษณ์ สินค้าชุมชน อาหารทะเล สินค้าเด่นของจังหวัดพังงา พร้อมกิจกรรมสนุกมากมาย ณ จังหวัดพังงากับการจัดกิจกรรมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าอัตลักษณ์พังงา เดินสายโรดโชว์อย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 สำหรับ “Phangnga Fair 2025”

เปิดบ้านจัดใหญ่ชวนชิม ช้อปสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนมากมาย อาทิ สินค้าเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าชุมชน อาหารทะเล และอาหารทะเลแปรรูป รวมทั้งสินค้าขึ้นชื่อและหายากของจังหวัดพังงา ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียนสาลิกาพังงา ข้าวไร่ดอกข่าพังงา มังคุดทิพย์พังงา และปลิงทะเลเกาะยาว พร้อมสนุกกับกิจกรรมสินค้านาทีทอง ลุ้นรับของรางวัล เพลิดเพลินกับศิลปินชื่อดังทุกวัน งานจัดระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์ราชการจังหวัดพังงา อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา คาดหวังขยายตลาดสร้างโอกาสให้สินค้าท้องถิ่นจังหวัดพังงา และกระตุ้นให้เกิดการสร้างรายได้ให้กับชาวพังงา หนุนให้เศรษฐกิจท้องถิ่นเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน

นายไพรัตน์ เพชรยวน ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา กล่าวถึงการจัดกิจกรรมจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า
อัตลักษณ์พังงา “Phangnga Fair 2025” ครั้งที่ 2 ว่า “จากการจัดกิจกรรมงานแสดงสินค้าอัตลักษณ์พังงา
ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี มีทั้งชาวภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นของจังหวัดพังงาเป็นอย่างมาก โดยมียอดจำหน่ายสินค้าในงานรวมทั้งสิ้น 3,230,588 บาท เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของการจัดงานดังกล่าว และเพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของจังหวัดพังงาที่ต้องการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะสินค้าอัตลักษณ์พังงาให้เติบโตเป็นที่รู้จักแพร่หลาย จึงจัดโรดโชว์งานแสดงและจำหน่ายสินค้าอัตลักษณ์พังงาอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ปักหมุดที่ศูนย์ราชการจังหวัดพังงา อำเภอเมืองพังงา จังหวัดพังงา ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายน 2568 โดยเริ่มงานวันนี้เป็นวันแรก !!”

ตื่นตากับทัพผู้ประกอบการร่วม 80 บูธ อาทิ ทุเรียนสาลิกาพังงา มังคุดทิพย์พังงา จำปาดะกะปง ข้าวไร่
ดอกข่าพังงาและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวไร่ดอกข่าพังงา เสื้อผ้าบาติก ผ้าปาเต๊ะและผ้ามัดย้อม เครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์จักสาน สินค้าเกษตรแปรรูป สินค้าชุมชน อาหารทะเล อาหารทะเลแปรรูป และอาหารพื้นถิ่นของจังหวัดพังงา

ภายในงานยังมีกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจขยายตลาดและคู่ค้าเพิ่ม ช้อปสนุก
สุดคุ้มกว่ากับกิจกรรมสินค้านาทีทอง พร้อมลุ้นรับของรางวัลในงานมากมาย ที่สำคัญในงานยังมีเหล่าศิลปินชื่อดังมาร่วมสร้างสีสันภายในงานทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น นุ้ย สุวีณา , เอิ้นขวัญ วรัญญา, ฟิวส์ กิติกร, เบนซ์ จริยา และ เจี๊ยบ เบญจพร อีกด้วย

นายไพรัตน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมคาดหวังว่าการจัดกิจกรรมแสดงสินค้าอัตลักษณ์พังงา ด้วยการโรดโชว์
ทั้งในพื้นที่และนอกพื้นที่ในครั้งนี้ จะช่วยสร้างการรับรู้และเพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการในท้องถิ่นสามารถขยายช่องทางการตลาดได้เพิ่มมากขึ้น และยังช่วยให้ผู้บริโภคต่างพื้นที่ได้รู้จักและเข้าถึงสินค้าจากจังหวัดพังงามากขึ้น โดยจะเป็นผลดีต่อการส่งเสริมการทำธุรกิจและสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ ที่สำคัญยังช่วยกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดพังงาได้ในระยะยาวอีกด้วยครับ”

ผู้ว่าฯพังงา กล่าวเชิญชวนชาวพังงาและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมงาน Phangnga Fair 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์ราชการจังหวัดพังงา อำเภอเมืองพังงาจังหวัดพังงา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อร่วมด้วยช่วยกันผลักดันสนับสนุนสินค้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นให้เติบโตสร้างเศรษฐกิจชาติไทยให้แข็งแกร่ง :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

ผส. จับมือ ETDA เดินหน้า “สร้างภูมิคนไทยรู้ทันปัญหาออนไลน์” (1212 ETDA)

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ณ ห้องนครา แกรนด์บอลรูม ชั้น 2 โรงแรมแพร่นครา จังหวัดแพร่ นายธนสุนทร สว่างสาลี อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มอบหมายให้ นางสาวโสพิญฐ์ สุวรรณหงส์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแพร่ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม “สร้างภูมิคนไทยรู้ทันปัญหาออนไลน์ (1212 ETDA)” ซึ่งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

นำโดย คุณประภารัตน์ ไชยยศ หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์(1212 ETDA) ร่วมกับกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) จัดขึ้น เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และการป้องกันภัยออนไลน์ที่มีความซับซ้อน และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในยุคดิจิทัล การรวมตัวของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในวันนี้ ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความตระหนักในปัญหาภัยออนไลน์ แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหา และสร้างสังคมที่มีความปลอดภัยทางดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการเป็นประชาชนอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดแพร่รวมกว่า 200 คน

ภายใต้การจัดงานดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก นางเมตตา อนุศาสนกุล สถิติจังหวัดแพร่, นายภาณุพงษ์ ยะปะนันท์ ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาแพร่, นางสาวสุธัตตา สุวรรณกาศ ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงจังหวัดแพร่ และหัวหน้าส่วนหรือผู้แทนหน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมาร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดงาน และร่วมจัดบูทนิทรรศการ ได้แก่ สำนักงานสถิติจังหวัดแพร่, บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน), บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัดธนาคารแห่งประเทศไทย, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) -AIS ,สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และสภาองค์กรของผู้บริโภค และการจัดโครงการในวันนี้เป็นการให้ความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพให้ผู้สูงอายุให้สามารถเรียนรู้ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์กับการดำเนินชีวิตให้มีประสิทธิภาพ สามารถใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ รู้เท่าทันภัยคุกคามออนไลน์ควบคู่กันได้อย่างปลอดภัย

:Cr;มณสิการ รามจันทร์                                                       

โกง – มักง่าย : ต้นเหตุอาคารราชการทิ้งร้าง สร้างไม่เสร็จ

0

https://www.natethip.com/news.php?id=10235
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1175038264380883548?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

“สุริยะ”นั่งไม่ติด! สั่งสอบค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง กังขา “งานงอก” ทะลุแสนล้าน.. ไฮสปีดเทรนไทย-จีนส่อเจริญรอยตาม!

0

https://www.natethip.com/news.php?id=10234
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

สกพอ. เปิดตัว “EEC Connext” ยกระดับสินค้าชุมชนสู่ตลาดโลก สร้างโอกาสเศรษฐกิจฐานรากใน EEC

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) โดยสายงานพื้นที่และชุมชน เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ EEC (ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก) เปิดตัวโครงการ “EEC Connext” อย่างเป็นทางการ โครงการ EEC Connext เป็นโครงการเพื่อสร้างโอกาสและพัฒนาเครือข่าย ให้เป็นเวทีเชื่อมโยงธุรกิจและจับคู่นักลงทุนกับวิสาหกิจชุมชนและ SMEs ใน EEC โดยมุ่งมั่นสร้างโอกาสและเชื่อมโยงประโยชน์จากการลงทุนใน 3 จังหวัด EEC (ชลบุรี, ระยอง, ฉะเชิงเทรา) สู่ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

“EEC Connext” ถือเป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการนำเสนอและประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์คุณภาพภายใต้แบรนด์ “EEC Select”ซึ่งรวบรวมสินค้าเด่นที่มีศักยภาพโดดเด่นจากชุมชนและนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC โดยเน้นสินค้ากลุ่มสุขภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้รับการพัฒนามาตรฐานการผลิต เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและสร้างการรับรู้ในระดับประเทศและนานาชาติ

นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวว่า “หากโครงการ EEC Select คือต้นทางคัดเลือกสินค้าและบริการคุณภาพจากวิสาหกิจชุมชนและ SMEs ใน EEC โครงการ EEC Connext จะเป็นการรับไม้ต่อส่งสินค้าบริการ EEC Select สู่ตลาดและห่วงโซ่การลงทุน EEC Connext จึงถือเป็นกลไกสำคัญที่เราใช้ในการเชื่อมโยง ‘ชุมชน-นิคม-ตลาด’ อย่างเป็นรูปธรรม เรามุ่งส่งเสริมสินค้ากลุ่มสุขภาพที่มีรากฐานจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการพัฒนาการผลิตให้ได้มาตรฐานระดับสากล พร้อมขยายโอกาสทางการค้าในเวทีระดับประเทศและนานาชาติ”

ในปีนี้ สกพอ. เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนใน 3 จังหวัด EEC กับนิคมอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และต่อยอดทางเศรษฐกิจร่วมกัน ดังนั้น ในปีนี้ EEC Connext ได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์เด่นกว่า 30 รายการ จากผู้ประกอบการ SME วิสาหกิจชุมชนและนิคมฯ เพื่อจัดแสดงใน 2 งานใหญ่ระดับชาติ ได้แก่:

* Thailand Wellness & Healthcare 2025 ระหว่างวันที่ 26-29 มิถุนายน 2568 ณ ฮอลล์ 101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา
* Smart SME Expo 2025 ระหว่างวันที่ 7-10 สิงหาคม 2568 ณ ฮอลล์ 7-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ภายในงานทั้งสอง สกพอ. ยังได้จัดกิจกรรม Business Matching (จับคู่ธุรกิจ) เพื่อสร้างโอกาสใหม่ทางธุรกิจให้เติบโตอย่างแท้จริง โดยเชื่อมโยงผู้ผลิตจากชุมชนเข้ากับนักลงทุนและผู้ประกอบการในพื้นที่ EEC โดยตรง

นอกจากนี้ ยังมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) โดยความร่วมมือกับผู้ประกอบการที่ได้รับตราสัญลักษณ์

EEC Select Best Service จากจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา นำเสนอ ที่พักเพื่อสุขภาพ (Wellness Stay) จากแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ เพื่อตอบรับกระแส Wellness Tourism ที่กำลังเติบโตและเป็นที่นิยม

โครงการ EEC Connext และการขับเคลื่อน EEC Select มีเป้าหมายสำคัญในการกระจายรายได้สู่ชุมชน และสร้างรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจฐานรากในพื้นที่ EEC ให้แข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน สกพอ. จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมชมงานและอุดหนุนทั้งสินค้าและบริการคุณภาพ พร้อมใช้โอกาสนี้ในการจับคู่ธุรกิจและสร้างเครือข่ายการค้าการลงทุน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภูมิภาค EEC ให้ก้าวหน้าไปด้วยกัน :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

” ฮักหลาย…มหาสารคาม160 ปี” ยกทัพของดีบุกเมืองกรุง ณ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// ช้อป ชิม ชิลล์ ห้ามพลาด!“งานแสดงและจำหน่ายสินค้า ฮักหลาย…มหาสารคาม160 ปีสร้างชุมชนสู่การพัฒนา สร้างสรรค์ภูมิปัญญา ก้าวไกลสู่สากล”ครั้งที่ 2 โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม

สำนักงานพาณิชย์จังหวัดมหาสารคาม ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเข้าชมนิทรรศการ การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าของดีเมืองมหาสารคาม ที่ถ่ายทอดความงดงามและเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์ของมหาสารคาม ภายในงานจะได้พบกับสินค้า OTOP SMEs คุณภาพเยี่ยม ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีจากใจกลางอีสาน นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมร่วมสร้างธุรกิจและการเจรจาเชื่อมโยงธุรกิจการค้า ( Business Matching) ไปกับผู้ประกอบการ OTOP SMEs เพื่อเป็นการสร้างโอกาสและยกระดับการค้าการลงทุนให้ผู้ประกอบการจังหวัดมหาสารคามให้มากยิ่งขึ้น

ไม่เพียงแต่สินค้าคุณภาพภายในงานท่านจะได้พบกับความบันเทิงและกิจกรรมสุดฮิตติดเทรนด์ ความบันเทิงเต็มรูปแบบและโอกาสทางธุรกิจที่ห้ามพลาด ที่จะมาร่วมสร้างความสนุกสนาน สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับศิลปินลูกทุ่งขวัญใจทุกวัน อาทิ

วันที่ 26 มิ.ย 68  นัท มานิสา
วันที่ 27 มิ.ย 68  เต๋า ภูศิลป์
วันที่ 28 มิ.ย. 68  อิสร์ อิสรพงศ์
วันที่ 29 มิ.ย. 68 เพชร คฑาวุธ

และในวันที่ 30 มิ.ย. 68 เอิ้นขวัญ วรัญญา ที่จะมาร่วมสร้างสรรค์ความบันเทิงให้กับผู้เข้าร่วมช็อป ชิม ชิล แช๊ะ แชร์ ทุกวัน จึงขอเชิญชวนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงร่วมงานแสดงและจำหน่ายสินค้า “ ฮักหลาย…มหาสารคาม160 ปี สร้างชุมชนสู่การพัฒนา สร้างสรรค์ภูมิปัญญา ก้าวไกลสู่สากล” ณ ลานกิจกรรม ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ระหว่างวันที่ 26-30 มิถุนายน 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.30 น. นี้ :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

สศท.8โชว์ผลศึกษาการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้จากมังคุด ตามแนวทาง BCG Model เพิ่มรายได้เกษตรกร

0

นายนิกร แสงเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 สุราษฎร์ธานี (สศท.8) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ภาคใต้เป็นแหล่งเพาะปลูกสินค้าเกษตรหลายชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะมังคุด เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีการส่งออกและสร้างรายได้ให้ประเทศในแต่ละปีเป็นจำนวนมาก โดยสถานการณ์มังคุดของ 14 จังหวัดภาคใต้ ปี 2568 (ข้อมูลจากคณะทำงานย่อยเพื่อพัฒนาระบบข้อมูลและโลจิสติกส์ภาคใต้ ครั้งที่ 2/2568 ณ พฤษภาคม 2568) คาดว่าจะมีเนื้อที่ให้ผล 224,806 ไร่ ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มี 226,931 ไร่ (ลดลง 2,125 ไร่ หรือร้อยละ 0.94) เนื่องจากเกษตรกรทยอยโค่นต้นมังคุดที่ปลูกผสมกับทุเรียนและไม้ผลอื่น ๆ เพื่อดูแลทุเรียนซึ่งเป็นพืชหลักหรือปลูกพืชอื่นที่มีราคาดี ปริมาณผลผลิต 109,697 ตัน ลดลงจากปีที่ผ่านมาที่มี 119,305 ตัน (ลดลง 9,608 ตัน หรือร้อยละ 8.05) เนื่องจากฝนตกในช่วงดอกบานทำให้ดอกร่วงและแตกยอดอ่อน ซึ่งผลผลิตมังคุดของภาคใต้ในฤดูจะออกสู่ตลาดช่วงเดือนมิถุนายน – ตุลาคม 2568 จำนวน 86,997 ตัน คิดเป็นร้อยละ 79 และมังคุดนอกฤดูอีกร้อยละ 21

ทั้งนี้ มังคุดของภาคใต้ พบปลูกมากที่สุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีเนื้อที่ให้ผล 93,567 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 42 ของเนื้อที่ให้ผลมังคุดในพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมด สร้างมูลค่าให้จังหวัดปีละ 1,217 ล้านบาท
​สถานการณ์การผลิตและตลาดมังคุดของภาคใต้ที่ผ่านมา พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่จำหน่ายผลผลิตมังคุดในรูปแบบผลสดแบบคัดเกรด คละขนาด และตกเกรด ซึ่งผลผลิตแบบตกเกรดมาจากปัจจัยหลายด้าน อาทิ ผลผลิตเน่าเสียง่าย สุกเร็ว สภาพอากาศที่แปรปรวน ผลผลิตเสียหายระหว่างเก็บเกี่ยวและขนส่ง ส่งผลให้เกิดของเหลือทิ้งที่เป็นวัสดุเกษตร (Agricultural Waste) จำนวนมากตามไปด้วย ซึ่งผลมังคุดประกอบด้วยเปลือกแข็งประมาณร้อยละ 17 เปลือกอ่อน ร้อยละ 48 เนื้อมังคุดร้อยละ 30 ขั้วร้อยละ 4 และส่วนที่เกิดการสูญเสียร้อยละ 1 ในแต่ละปีคาดว่ามีวัสดุเหลือทิ้งจากมังคุด ร้อยละ 65 ของปริมาณผลผลิตมังคุดที่ออกสู่ตลาดจำหน่ายภายในประเทศ ซึ่ง สศท.8 ได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับห่วงโซ่คุณค่าวัสดุเหลือใช้จากมังคุดของวิสาหกิจชุมชน ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ปี 2567

เนื่องจากเล็งเห็นว่า มังคุดเป็นสินค้าเกษตรสำคัญที่มีมูลค่าสูงทั้งในระดับประเทศและเชิงพื้นที่เพื่อขับเคลื่อนแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเกษตร ให้เกิดประสิทธิภาพตามแนวทาง BCG Model ตลอดจนเป็นแนวทางในการส่งเสริมและพัฒนาให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นและมีความมั่นคงในอาชีพ สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ​

 

​จากผลการศึกษาของ สศท.8 โดยการลงพื้นที่เก็บข้อมูลวิสาหกิจชุมชนผู้รวบรวมแปรรูปมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 5 แห่ง ที่มีการรับซื้อมังคุดทั้งจากเกษตรกรชาวสวนมังคุดที่เป็นสมาชิกกลุ่มและเกษตรกรทั่วไป และนำผลผลิตมังคุดในฤดูช่วงที่ราคาตกต่ำมาแปรรูป โดยขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ BCG Model แปรรูป เป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าด้วยกระบวนการทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม

สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของกลุ่มพบว่า กลุ่มเป็นผู้รวบรวมและรับซื้อวัสดุเหลือใช้จากมังคุด ได้แก่ มังคุดผลดำ ตกเกรด และเปลือกมังคุดเพื่อนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยแบ่งสัดส่วนเป็น ร้อยละ 85 รับซื้อจากเกษตรกรสมาชิกกลุ่ม รองลงมา ร้อยละ 12 รับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรทั่วไป และอีกร้อยละ 3 รับซื้อผลผลิตจากพ่อค้ารวบรวมมังคุดในพื้นที่ โดยพบว่าปริมาณการใช้เปลือกมังคุดสด 1 กิโลกรัม สามารถนำไปแปรรูปเป็นผงเปลือกมังคุด ได้ 0.83 กิโลกรัม สร้างรายได้ 361 บาท/กิโลกรัม หรือรายได้สุทธิ (กำไร) 184 บาท/กิโลกรัม ผลิตสบู่ ได้ 3.33 กิโลกรัม สร้างรายได้ 188 บาท/กิโลกรัม หรือรายได้สุทธิ (กำไร) 113 บาท/กิโลกรัม และผลิตน้ำหมักชีวภาพได้ 10 กิโลกรัม สร้างรายได้ 10 บาท/กิโลกรัม หรือรายได้สุทธิ (กำไร) 5 บาท/กิโลกรัม ด้านสถานการณ์ตลาด ส่วนใหญ่ร้อยละ 54 จำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้แก่ลูกค้าโดยตรงผ่านช่องทางหน้าร้าน รองลงมาร้อยละ 35 จำหน่ายออนไลน์ผ่าน Facebook ของกลุ่มและของเกษตรกรเอง อาทิ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปไม้ผลต้นน้ำตาปี วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ต้นน้ำกลาย กลุ่มบ้านวิสาหกิจชุมชนบ้านสมุนไพรคีรีวง ร้อยละ 6 จำหน่ายให้
​​​​​​​​ผู้ประกอบการโรงแรมรีสอร์ทในพื้นที่ภาคใต้ และอีกร้อยละ 5 จำหน่ายในการออกบูทของหน่วยงานภาครัฐ โดยจากการแปรรูปวัสดุเหลือใช้จากมังคุดในทุกผลิตภัณฑ์สร้างรายได้ให้กลุ่มเฉลี่ย 940,500 บาท/ปี
​ทั้งนี้ วิสาหกิจชุมชนผู้รวบรวมแปรรูปมังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งเป้ามุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ได้มาตรฐาน อย.

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ สศท.8 ยังให้ข้อเสนอแนะเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนากลุ่ม คือ การสร้างความร่วมมือและการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกลุ่มกับเครือข่ายผู้ผลิตและแปรรูปวัสดุเหลือใช้จากมังคุดในจังหวัด ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐควรส่งเสริมให้กลุ่มจัดการผลผลิตมังคุดตกเกรดในช่วงที่ราคาตกต่ำด้วยการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ แทนการกำจัดทิ้ง ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับประโยชน์และวิธีการแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตลาดต้องการ ตลอดจนสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ในการแปรรูปวัสดุเหลือใช้ให้กลุ่มที่เข้มแข็งเพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพในจัดการเพิ่มมูลค่าวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาสินค้าเกษตรมูลค่าสูงเพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกร รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเกษตรให้เกิดประสิทธิภาพตามแนวทาง BCG Model อีกด้วย สำหรับท่านที่สนใจรายละเอียดผลการวิจัยเชิงลึก สอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 8 โทร. 0 7731 1373 หรืออีเมล Zone8@oae.go.th

 

 

 

 

 

 

 

 

รพ.บำรุงราษฎร์ “โต้ข่าวมั่ว” ทำหุ้นทรุด!

0

https://www.natethip.com/news.php?id=10233
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)