วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 9, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 2076

ส.ว่ายน้ำ ผลักดันดาวรุ่งระดับภูมิภาค ให้ก้าวสู่เส้นทางสายทีมชาติ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // นายธนาวิชญ์ โถสกุล ”โค้ชตึก” รักษาการเลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำแห่งประเทศไทย กล่าวถึง การเปิดโอกาสให้นักกีฬาว่ายน้ำ ระดับเยาวชนจากทั่วประเทศมีโอกาสประลองฝีมือเพื่อสานฝันการเป็นนักกีฬาทีมชาติว่า ขณะนี้สมาคมกีฬาว่ายน้ำฯ พยายามกระจายการเเข่งขันออกไปตามต่างจังหวัดให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับนักว่ายน้ำเยาวชนในทุกภูมิภาคเเสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทาง เฟ้นหาช้างเผือกของสมาคมฯอีกด้วย ซึ่งไม่อยากให้คนเก่งๆกระจุกตัวอยู่เเต่ในเมืองกรุงเท่านั้น
โดยเฉพาะการเเข่งขันกีฬาว่ายน้ำ รายการ ”ไทยออยล์ชิงชนะเลิศ” ประจำปี 2563 ระหว่างวันที่10-11ธ.ค. ที่ จ.ชลบุรี สมาคมฯจับมือกับภาคเอกชน ในโครงการ “ไทยออยล์สานฝันเยาวชนสู่นักกีฬาอาชีพ” เปิดโอกาสให้กับนักว่ายน้ำในเขตพื้นที่ จ.ชลบุรี จำนวน 500 คน ได้ลงประชันฝีมือ พร้อมเก็บสถิติการคัดเลือกตัวนักกีฬาสู่ทีมชาติในอนาคต

นอกจากนี้ตลอดเดือนพ.ย.สมาคมกีฬาว่ายน้ำจัดโครงการ“ช่วยชีวิต ลดวิกฤติการจมน้ำ” นำผู้เชี่ยวชาญของสมาคมฯว่ายน้ำและนิสิตจากมหาวิทยาลัยบูรพา เปิดสอนทักษะการว่ายน้ำให้แก่เยาวชนในพื้นที่เทศบาลนครแหลมฉบัง จำนวน 500 คน มีการมอบประกาศนียบัตรให้เเก่เยาวชนที่เข้าเรียนครบ 10 ชั่วโมง พร้อมเฟ้นหาเยาวชนที่มีความสามารถผลักดันขึ้นสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพต่อไป

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

สทป.จับมือกองเรือยุทธการ ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมมือพัฒนาต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ หรือ สทป. ในฐานะหน่วยงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศที่มีองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญในการวิจัยและพัฒนาต้นแบบเทคโนโลยีป้องกันประเทศขั้นสูง เพื่อสนับสนุนการใช้งานของกองทัพและภาคพลเรือนเพื่อการพึ่งพาตนเอง ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนาจัดสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ร่วมกับกองเรือยุทธการ กองทัพเรือ เพื่อสนับสนุนภารกิจของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ นสร.กร. ซึ่งเป็นหน่วยขึ้นตรงของกองเรือยุทธการ กองทัพเรือ และในนามของ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (พธท.) โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) อีกด้วย

ทั้งนี้เพื่อให้สามารถตอบสนองภารกิจที่สำคัญดังกล่าว กองเรือยุทธการ เล็งเห็นถึงศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศของสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ในการวิจัยและพัฒนาจัดสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ที่สามารถตอบสนองภารกิจของ นสร.กร. ดังนี้
1.) ด้านความมั่นคงทางทหาร ได้แก่ 1.1) สนับสนุนภารกิจหลักสูตรต่าง ๆ ของ นสร. เช่น นักทำลายใต้น้ำจู่โจม, ปฏิบัติงานใต้น้ำ และลาดตระเวน 1.2) ขนส่งในพื้นที่ที่เรือใหญ่เข้าไม่ถึง (เข้าเกยหาด)
2.) ด้านความมั่นคงทางทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ การเก็บขยะลอยน้ำในพื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) และพื้นที่รับผิดชอบของ นสร.กร.
3.) ด้านความมั่นคงทางสังคม การมีส่วนร่วมตอบสนองความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อสร้างการตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากขยะในทะเลให้แก่ประชาชนร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะให้หมดไป
โดยมีกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการโครงการฯ 2 ปี จนแล้วเสร็จ พร้อมส่งมอบให้ นสร.กร. ใช้งาน
สทป. ได้เสนอโครงการเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเลต่อคณะกรรมการ สทป. เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบและพิจารณาอนุมัติให้ สทป. วิจัยและพัฒนาสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ร่วมกับ นสร.กร. และบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพภายในประเทศ และได้กำหนดระยะเวลาในการดำเนินการโครงการฯ 1-2 ปี จนแล้วเสร็จ ประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินโครงการฯ ในครั้งนี้ ได้แก่ 1.) สทป. ได้นําแนวคิดในเรื่องแผนพัฒนาทางลัดมาดําเนินการให้เป็นรูปธรรม 2.) เพิ่มขีดความสามารถในงานวิจัยต่อยอดองค์ความรู้สําหรับแพลตฟอร์มทางน้ำของ สทป. 3.) การพัฒนาต่อยอดการจัดสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์ทางทะเล 4.) ส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือของไทย 5.) ตอบสนองความรับผิดชอบต่อสังคม 6.) การร่วมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ได้ดําริโครงการเพื่อให้สาธารณชนเรียนรู้และตระหนักถึงความสําคัญของพันธุกรรมพืช และ สทป. เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยอนุรักษ์พันธุ์พืช เพื่อสร้างการตระหนักถึงปัญหาที่เกิดจากขยะ ในทะเลให้แก่ประชาชนร่วมกันแก้ไขปัญหาขยะให้หมดไป
พลอากาศเอก ดร.ปรีชา ประดับมุข ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาจัดสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเลระหว่าง สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ กับ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของความร่วมมือในการพัฒนาจัดสร้างต้นแบบอุตสาหกรรมเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเลให้สำเร็จเป็นรูปธรรม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพึ่งพาตนเอง ในการสนับสนุนภารกิจของกองเรือยุทธการ กองทัพเรือ และสามารถสนับสนุนการดำเนินการโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ อย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงต่อยอดองค์ความรู้ในการวิจัยและพัฒนาต้นแบบอุตสาหกรรมเรือเพื่อความมั่นคงทางทะเลไปจนถึงขั้นการผลิต และส่งเสริมสู่อุตสาหกรรมตามพระราชบัญญัติเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พ.ศ. 2562
นอกจากนี้โครงการเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ยังถือเป็นโครงการแรกของ สทป. ตั้งแต่ก่อตั้งสถาบันฯ มา ที่จะได้มีโอกาสนำผลงานวิจัยพัฒนาต้นแบบสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ นสร.กร. ซึ่งถือเป็นมหามงคลอย่างยิ่งต่อ สทป. เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการพึ่งพาตนเองสามารถสนับสนุนกระทรวงกลาโหม ในการดำเนินกิจการด้านการวิจัยพัฒนา และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเพื่อความมั่นคง รวมถึงต่อยอดผลการวิจัยและพัฒนาไปจนถึงขั้นการผลิต และจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ตามพระราชบัญญัติเทคโนโลยีป้องกันประเทศ พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ สทป. มาตรา 22 (1) (2) ว่าด้วยการศึกษาค้นคว้า วิจัย และพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีป้องกันประเทศและดำเนินการอื่นที่เกี่ยวข้องหรือต่อเนื่อง เพื่อนำไปสู่อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ส่งเสริมและสนับสนุนกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของกระทรวงกลาโหม หน่วยงานอื่นของรัฐ และภาคเอกชน และมาตรา 23 (6) ทำความตกลงและร่วมมือกับองค์การหรือหน่วยงานอื่นทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศในกิจการที่เกี่ยวกับการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของสถาบันที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ. เทคโนโลยีป้องกันประเทศ พ.ศ. 2562 นอกจากนั้นการดำเนินโครงการฯ ยังก่อให้เกิดความคุ้มค่าด้านต่าง ๆ ดังนี้
1. ความคุ้มค่าด้านเศรษฐกิจ
– ลดการนำเข้า และ/หรือการใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศที่มีต้นทุนสูง
– เพิ่มมูลค่าของผลงานวิจัยและพัฒนาทางด้านความมั่นคงในอนาคต
2. ความคุ้มค่าด้านความมั่นคง
– ตอบสนองยุทธศาสตร์ของ กห. และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมกิจการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
– สามารถตอบสนองต่อความต้องการของหน่วยผู้ใช้งานได้อย่างเป็นรูปธรรม
3. ความคุ้มค่าด้านการเมือง
– ก่อให้เกิดพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ รวมถึงการบูรณาการ/พัฒนาเครือข่ายความร่วมมือตามแผนยุทธศาสตร์ของ สทป.
– ตอบสนองตามนโยบายของรัฐบาลในการผลักดันให้เกิดการพึ่งตนเองในด้านการวิจัยและพัฒนา

4. ความคุ้มค่าด้านเทคโนโลยี
– มีความคุ้มค่าในการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ในโครงการร่วมวิจัยของหน่วยงานรัฐ
– เปิดโอกาสให้บุคลากรของหน่วยงานรัฐในการร่วมวิจัยและพัฒนา

ทั้งนี้เมื่อสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศสามารถสร้างต้นแบบเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเลสำเร็จเป็นรูปธรรม และส่งมอบให้หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เพื่อใช้งานสำเร็จเรียบร้อยแล้ว สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศมีแผนที่จะนำองค์ความรู้ในการสร้างต้นแบบเรืออเนกประสงค์เพื่อความมั่นคงทางทะเล ดังกล่าว ต่อยอดองค์ความรู้สู่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรมที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้นต่อไปในอนาคต:Cr;มณสิการ รามจันทร์

มว.ยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยสู่มาตรฐานสากล

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3315
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

ส่งมอบข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ สู่ครัวโลก

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3314
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

“น้องเมษา” โชว์ฟอร์มสราคา ไล่ถลุง ณัฐภัทรา จอดป้ายยกแรก

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “น้องเมษา” นิลาวัลย์ เตชะสืบ นักชกสาวทีมชาติไทย เหรียญทองแดงเอเชี่ยนเกมส์2018 กับ เหรียญทองซีเกมส์ 2019 ชกให้สโมสรราชนาวี ไล่ตะบัน ณัฐภัทรา ปกรณ์ไชยโรจน์ สโมสรโรงเรียนกีฬาอุบลราชธานีชนะอาร์เอสซี ยกแรก รุ่น 57 กก.ผ่านเข้ารอบสบาย ๆ ด้าน สมัคร แซ่หาญ กำปั้นทีมชาติ รุ่น 49 กก.สังกัดกองทัพบก ชกรอบ 16 คนฟอร์มยังแรงเป็นชนะอาร์เอสซียกแร การแข่งขัน มวยสากลชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 ณ เวทีมวย โรงยิมฝึกซ้อม 2 ศูนย์ฝึกกีฬาแห่งชาติ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา ผลคู่ที่น่าสนใจ ดังนี้
รุ่น 57 กก.หญิง “น้องเมษา”นิลาวัลย์ เตชะสืบ นักชกทีมชาติไทยเหรียญเงินเอเชี่ยนเกมส์ 2018 กับเหรียญทองซีเกมส์ 2019 ชกให้ สโมสร ราชนาวี พบ ณัฐภัทรา ปกรณ์ ไชยโรจน์กุล โรงเรียนกีฬาอุบลราชธานี เป็นฉากมาเป็น นิลาวัลย์ ที่สูงยาวกว่าเป็นฝ่ายเดินหน้าออกหมัดใส่ ณํฐภัทรา ไปได้อย่างจะแจ้งก่อนจะยิงหมัดชุดเข้าที่หน้าจัง ๆ จนกรรมการนับแล้วชูมือให้นิลาวัลย์เอาชนะอาร์เอสซีไปในยกแรกหลังชกไปแค่นาทีกว่า ๆ

รุ่น 49 กก. รอบ 2 (16คน) สมัคร แซ่หาญ นักชกทีมชาติ สโมสรกองทัพบก พบกับ จตุรงค์ มุทาพร สโมสรไทรน้อย เริ่มยกแรกเป็นสมัครที่เดินหน้ายิงหมัดตัดลำตัวสลับใบหน้าก่อนที่จะยิงหมัดเข้าที่หน้าของจตุรงค์ จัง ๆ จนกรรมการนับ 8 เป็นหนแรก จากนั้นสมัครก็ไล่ชกจนได้นับที่ 2 กรรมการยุติการชกแล้วชูมือให้สมัครเป็นฝ่ายเอาชนะ อาร์เอสซีไปในยกแรกอ เข้ารอบชิงเหรียญทองแดงในรอบต่อไป
คู่อื่น ๆ รอบแรก รุ่น 48 กก. กนกวรรณ ไชยแก้ว(โรงเรียนกีฬาจ.ศรีสะเกษ) ชนะคะแนน เมวิกา เพิ่มสุวรรณ(โรงเรียนกีฬาจ.อ่างทอง),จันทกานต์ มโนบาล(พิทักษ์สันติราษฏร์)แพ้คะแนน ปานประดับ ปลอดสัย(ราชนาวี),ลลิตา แงวกุดเสือ(สมาคมกีฬาจ.สมุทรปราการ) แพ้อาร์เอสซียก 1 ธนวรรณ ทองดวง( กองทัพอากาศ),อัญมณี มีตัวตน(มหาลัยกีฬาแห่งชาติจ.สุโขทัย) แพ้คะแนน สรรพศิริ แช่มละออ(สโมสรกีฬาจ.ชุมพร) ,ฐิติมา ศรีบุญเรือง(ภานุรังสี) สมฤทัย สิริปทุม(ผู้ครองฟ้า),ศุภ ฟ้าธรณีแสง(ลูกประดู่) ยุภาพร ยั่งยืน(โรงเรียนกีฬาจ.อุบลราชธานี),ณัชชา ศิลปะกิจ(กองทัพบก) แพ้คะแนน ศิริวรรณ พึ่งปัญญา(ตำรวจ),นพรัตน์ บุญปลื้ม(โรงเรียนกีฬาอบจ.พิษณุโลก) แพ้คะแนน รัชนีกร สีกระโดน(สำนักงานตำรวจแห่งชาติ)

รุ่น 57 กก.หญิง รอบแรก วิมลศิริ แสงพรม (สโมสรกีฬาจ.ชุมพร) แพ้อาร์เอสซียก 1 เนรัญชญา เชื้อคำจันทร์(ภานุรังสี),จุฑามาศ ทองแท่ง(มวยสากลจ.ศรีสะเกษ)แพ้อาร์เอสซียก 1 ธารทิพย์ วรรณพรม (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ),รุ่งฉัตร ขาวพันธุ์ (มหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติสุพรรณบุรี) แพ้อาร์เอสซียก 1 นพเกตุ ศรีสวัสดิ์(โรงเรียนกีฬาอบจ.พิษณุโลก),ปรีดากมล ถิ่นทับไทย(ตำรวจ) ชนะคะแนน สุธิตา กลิ่นลูกอิน (ลูกประดู่),ศิริโสภา ศิริศักดิ์(ผู้ครองฟ้า)ชนะคะแนน สุภาพร ทวีถิ่น(มหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติสุโขทัย),อุมาวดี คงสันเทียะ(กองทัพบก)แพ้คะแนน อภิษฏา ทันท่าหว้า(กองทัพอากาศ),ประภาพร โฉมดง(โรงเรียนกีฬาอ่างทอง) ภูวราภัทร ม้าชัย(พิทักษ์สันติราษฏร์)
รุ่น 49 กก. รอบ 2 กลวัชร บุญละ(กองทัพภาค3)ชนะอาร์เอสซียก 1 เถกิงเดช แก้วประเสิรฐ(ราชทัณฑ์), กันตศักดิ์ สมกันผม(หนองน้ำใส)แพ้อาร์เอสซียกแรก สืบพงษ์ พรมเดื่อ(สำนักงานตำรวจแห่งชาติ),ณัฐวุฒิ บัวใหญ่ (โรงเรียนกีฬาจ.อ่างทอง) ชนะคะแนน วิเจ็ส โอ๊ต(โรงเรียนกีฬาจ.สุพรรณบุรี),ฤทธิอมร แสงสว่าง(โรงเรียนกีฬาอบจ.พิษณุโลก) ชนะคะแนน รติพงษ์ คำท้าว(ลูกประดู่),ธนรัช แสงเพชร (ตำรวจ) ชนะผ่าน เสกสรร คุ้มดี(สโมสรกีฬาจ.อ่างทอง),ณัฐพงษ์ ท้วมเจริญ(ราชนาวี) ชนะอาร์เอสซียก 3 ภานุวัฒน์ จันทระ(สโมสรกีฬาจ.ชุมพร),พงศกร ไพโรจน์วิรุฬห์(มาบตาพุด) ชนะอาร์เอสซียก 1 วัชรินทร์ บัวเจริญ(มวยสากลจ.ศรีสะเกษ)

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

สหพันธ์แบดมินตันโลก เลือกไทย จัดศึกขนไก่คนพิการโลก ปี 2023

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก เผย ที่ประชุมสหพันธ์แบดมินตันโลก มีมติเลือก ประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแบดมินตันคนพิการชิงแชมป์โลก ปี 2023 โดย เอา ชนะแคนาดา ไปได้ ส่วน ญี่ปุ่น ได้รับเลือก ให้จัดในปี 2021 หลังเอาชนะ เปรู คู่แข่งสำคัญ
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล กรรมการคณะกรรมการโอลิมปิกสากล รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า นับเป็นข่าวดีของวงการกีฬาไทย อีกครั้ง เมื่อที่ประชุม สหพันธ์แบดมินตันโลก มีมติเลือก ประเทศไทย ให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแบดมินตันคนพิการชิงแชมป์โลก ปี 2023 โดย เอา ชนะแคนาดา ไปได้ ส่วน ญี่ปุ่น ได้รับเลือก ให้จัดในปี 2021 หลังเอาชนะ เปรู คู่แข่งสำคัญ

“ การนำเสนอความพร้อมการเป็นเจ้าภาพ ต่อสหพันธ์แบดมินตันโลก ในรอบสุดท้าย ปัทมา และสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทย รวมถึง สมาคมกีฬาคนพิการแห่งประเทศไทย ทำงานร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง และนำเสนอความพร้อมในด้านต่าง ๆ ให้สหพันธ์แบดมินตันโลก ได้รับทราบว่าเรามีวิธีการเตรียมการอย่างไรบ้าง จนชนะใจสหพันธ์แบดมินตันโลกในที่สุด” คุณหญิงปัทมา กล่าว
รองประธานสหพันธ์แบดมินตันโลก กล่าวต่อว่า ปัทมา หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดการแข่งขันครั้งนี้ ไทยจะได้รับประโยชน์ เช่นเดียวกับนักกีฬาแบดมินตันคนพิการทีมชาติ ก็จะได้รับประโยชน์ เนื่องจากรายการนี้ เป็นการเก็บคะแนนสะสมอันดับโลก ที่ใหญ่ที่สุด เพื่อการควอลิฟาย ไปพาราลิมปิก ปารีส 2024 ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“โป๊ยเซียน” กวาดเรียบ 3 ทอง ศึกยกน้ำหนัก “อีแกท”​

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // โป๊ยเซียน ยอดสาร โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์สุราษฎร์ธานี กวาดเรียบ 3 เหรียญทอง รุ่น 59 กิโลกรัมหญิง รายการ EGAT (อีแกท) ยกน้ำหนักเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนรุ่น 67 กิโลกรัมชาย แย่งเหรียญกันสนุก ธนโชติ พรมชาติ สมาคมกีฬายกน้ำหนักจังหวัดศรีสะเกษ เอ ทำได้ 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน
การแข่งขัน EGAT (อีแกท) ยกน้ำหนักเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่ง จังหวัดนครสวรรค์ ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย จัดขึ้นภายใต้มาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด ที่โรงยิมเนเซียม 4,000 ที่นั่ง สนามกีฬาจังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ผลปรากฎว่า รุ่น 67 กิโลกรัมชาย แย่งเหรียญทองกันอย่างสนุก เริ่มจากท่าสแนทช์ พิพัฒน์ บุรีคำ ชมรมยกน้ำหนักจังหวัดสุรินทร์ คว้าเหรียญทอง ยกได้ 113 กิโลกรัม ส่วนท่าคลีนแอนด์เจิร์ก สถิติ 110 กิโลกรัม ได้อันดับ 18 น้ำหนักรวม 223 กิโลกรัม ได้อันดับ 8 ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก อนุชา อินทรักษา ม้ามืดโรงเรียนกีฬาจังหวัดอ่างทอง คว้าเหรียญทอง ยกได้ 145 กิโลกรัม พร้อมกับทุบสถิติเยาวชนประเทศไทยของ ธนโชติ พรมชาติ ทำไว้ 142 กิโลกรัม ส่วนท่าสแนทช์ สถิติ 106 กิโลกรัม ได้อันดับ 8 น้ำหนักรวม 251 กิโลกรัม ได้เหรียญเงิน และ น้ำหนักรวม เหรียญทอง ธนโชติ พรมชาติ สมาคมกีฬายกน้ำหนักจังหวัดศรีสะเกษ เอ ทำได้ 251 กิโลกรัม โดยท่าสแนทช์ สถิติ 112 กิโลกรัม ได้เหรียญเงิน น้ำหนักรวม 139 กิโลกรัม ได้เหรียญเงิน

รุ่น 59 กิโลกรัมหญิง โป๊ยเซียน ยอดสาร โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์สุราษฎร์ธานี กวาดเรียบ 3 เหรียญทอง จากท่าสแนทช์ 83 กิโลกรัม คลีนแอนด์เจิร์ก 100 กิโลกรัม น้ำหนักรวม 183 กิโลกรัม ส่วน ศิรดา ดีพุดซา โรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครราชสีมา คว้า 2 เหรียญเงิน จากท่าสแนทช์ 72 กิโลกรัม น้ำหนักรวม 161 กิโลกรัม 1 เหรียญทองแดง ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 89 กิโลกรัม ขณะที่ ปริฉัตร กุนรา จากโรงเรียนบึงมะลูวิทยา ได้ 1 เหรียญเงิน ท่าคลีนแอนด์เจิร์ก 96 กิโลกรัม และ รจนา ไหมทอง สมาคมกีฬายกน้ำหนักจังหวัดศรีสะเกษ เอ ได้ 2 เหรียญทองแดง ท่าสแนทช์ 71 กิโลกรัม น้ำหนักรวม 159 กิโลกรัม ส่วนท่าคลีนแอนด์เจิร์ก สถิติ 88 กิโลกรัม ได้อันดับ 4
ด้าน รุ่น 64 กิโลกรัมหญิง ชลธิชา สีหาทับ จอมพลังโรงเรียนกีฬาเทศบาลนครนครสวรรค์ เอ โชว์ฟอร์ม ยอดเยี่ยม กวาด 3 เหรียญทอง จากท่าสแนทช์ 82 กิโลกรัม คลีนแอนด์เจิร์ก 98 กิโลกรัม น้ำหนักรวม 180 กิโลกรัม ส่วน กาญจนา ไหมทอง สมาคมกีฬายกน้ำหนักจังหวัดศรีสะเกษ เอ คว้า 3 เหรียญเงิน จากท่าสแนทช์ 81 กิโลกรัม คลีนแอนด์เจิร์ก 97 กิโลกรัม น้ำหนักรวม 178 กิโลกรัม
“โป๊ยเซียน” กวาดเรียบ 3 ทอง ศึกยกน้ำหนัก “อีแกท”​

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

สมศักดิ์ ยัน โคเคน ฝิ่น มอร์ฟิน ยังเป็นยาเสพติด มีแผนปลดล็อคพืชกระท่อม

0

พิมพ์ไทยออนไลน์ // สมศักดิ์ รมว.ยุติธรรม ยันไม่มีนโยบายยกเลิก โคเคน-ฝิ่น-มอร์ฟีน ออกจากยาเสพติด มีแผนปลดล็อกพืชกระท่อมให้ใช้ตามวิถีชาวบ้านเท่านั้น ชี้พืชกัญชา เพื่อเพิ่มโอกาสทางการแพทย์ ให้ปชช.มีหวังสู้โรคร้าย

วันที่ 18 พ.ย.63 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวงอนุญาตจำหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 2 (เช่น โคเคน-มอร์ฟีน-ฝิ่น) เพื่อใช้ในการรักษา การศึกษา และประโยชน์ของทางราชการ ว่าขณะนี้ยังไม่มีนโยบายในการประกาศยกเลิกโคเคน หรือฝิ่นจากยาเสพติดให้โทษ มีเพียงนโยบายยกเลิกพืชกระท่อม ออกจากยาเสพติดเท่านั้น เนื่องจากพืชกระท่อมมีฤทธิ์ในการเสพติดน้อยมาก หากบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม เช่น ไม่เกิน 20 ใบต่อวัน จะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและสุขภาพ ใช้ในวิถีชีวิตชาวบ้านทำให้มีแรงทำงานหนักได้ ส่วนการปลดยาเสพติดเพื่อประโยชน์ของทางราชการ มีเพียงกระท่อมที่ต้องการให้ประชาชนสามารถใช้ในวิถีชีวิตพื้นบ้านได้  และจะให้เป็นพืชเศรษฐกิจในอนาคต

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การปลดพืชกระท่อม ไม่มีการเอื้อประโยชน์ใคร แต่ต้องการให้สามารถใช้ในวิถีชาวบ้านได้ และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ พึ่งพาตนเองในการใช้เป็นยาสมุนไพร พืชกระท่อมมีสรรพคุณทางยาสมุนไพรของหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทย โดยเมื่อมีการถอดพืชกระท่อมจากยาเสพติดแล้ว จะมี กฎหมายดูแลการขออนุญาตปลูก การป้องกันการขายแก่เด็กนักเรียนเยาวชน ไม่มีวัตถุประสงค์มอบเมาแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เห็นชอบให้พื้นที่นำร่อง 135 หมู่บ้าน/ชุมชน เป็นท้องที่ที่ให้เสพพืชกระท่อมได้โดยไม่เป็นความผิดนั้น ประกาศ 135 พื้นที่เสพและครอบครองพืชกระท่อม เป็นการผ่อนปรนให้ใช้ด้วยวิธีเคี้ยวใบสด ชงชาตามวิถีชาวบ้านเท่านั้น

“การออกกฎหมายต่างๆจะต้องมีกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม พืชกระท่อมนี้ เราไม่ได้เปิดให้มีการใช้อย่างเสรี แต่จะเป็นการผ่อนปรนให้ใช้ตามวิถีชาวบ้าน ส่วนการน้ำมาต้มแล้วผสมเป็น 4×100 เราไม่มีการปล่อยให้ทำเช่นนั้นเด็ดขาด รวมทั้งต้องมีการควบคุมและไม่ขายให้แก่เด็กและเยาวชนโดยเด็ดขาด หากใครฝ่าฝืนเราจะลงโทษหนักตามกฎหมาย” นายสมศักดิ์ กล่าว

ข้อเสนอเปลี่ยนแปลงการควบคุมกัญชาและสารที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ของ WHO ให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และทางการวิจัย นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ประเทศไทยตระหนักถึงความพยายามของ WHO ในการให้ข้อเสนอแนะที่จะปรับเปลี่ยนขอบเขตการควบคุมกัญชาและสารที่เกี่ยวข้องกับกัญชา เป็นการสร้างสมดุลในการบริหารจัดการพืชกัญชาแทนการควบคุมอย่างเข้มงวดเพียงอย่างเดียวทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการดำเนินการตามอนุสัญญาฯ เพื่อตอบสนองต่อองค์ความรู้ใหม่ที่พัฒนาขึ้นในห้วงที่ผ่านมา รวมถึงแนวโน้มใหม่ของโลกที่เปิดกว้างมากขึ้นในเรื่องการใช้ประโยชน์จากกัญชา แม้ว่าเรื่องประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชายังเป็นประเด็นอ่อนไหวที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกันอยู่มากและน่าจะยังหาข้อยุติไม่ได้โดยง่าย

“เราควรมองพืชกัญชาและสารสกัดจากกัญชาอย่างแยกส่วนโดยไม่เหมารวม ในส่วนที่เป็นโทษ ออกฤทธิ์ทำลายจิตและประสาทยังจำเป็นต้องควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กรอบแนวคิดตามที่ไทยและประเทศสมาชิกอาเซียนยึดมั่นมาโดยตลอด ส่วนสารที่นำมาใช้ประโยชน์ ควรเปิดกว้างในการเข้าถึงและทำให้ง่ายต่อการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการวิจัย เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกและมีความหวังในการต่อสู้กับโรคร้าย”นายสมศักดิ์ กล่าว

Cr.:  นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทวออนไลน์

“วรัท”ปรับโฉมกศน.สู่ยุคไอที ปรับหลักสูตรยืดหยุ่นสะสมหน่วยกิต-เน้นเข้าถึงชุมชน

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ายวรัท พฤกษาทวีกุล เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ให้สัมภาษณ์ว่า ได้เน้นบทบาทสำคัญลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาตามข้อกำชับของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เพื่อให้ผู้ที่ขาดโอกาสทางการเรียนรู้ได้เข้าสู่ระบบการศึกษามากขึ้น นอกจากนี้จะมีการปรับหลักสูตร กศน.จะต้องเชื่อมโยงกับการเรียนต่อระดับอุดมศึกษา โดยเบื้องต้นจะทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี จัดการเรียนรูปแบบเครดิตแบงก์หรือธนาคารหน่วยกิต เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ผู้เรียนมากขึ้นเพื่อนักศึกษากศน.ที่ต้องการศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา

พร้อมกันนี้จะปรับปรุงระบบสารสนเทศ กศน.ทั้งระบบให้ทันสมัย เชื่อมโยงกับศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (Human Capital Excellence Center : HCEC)เนื่องจาก กศน.มีข้อมูลออนไลน์จำนวนมาก ซึ่งรื่องนี้เป็นความท้าทายที่จะปรับโฉม กศน.ให้เป็นยุคข้อมูลไอที 4.0  สามารถคลิกผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวก็สามารถค้นข้อมูลที่ต้องการ
อีกทั้งกศน.จะต้องทำงานเชิงรุกใกล้ชิดกับชุมชนให้มากขึ้น สร้างโอกาสทางการศึกษาให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะการเก็บเด็กตกหล่นที่อยู่นอกระบบการศึกษา และการทำให้ผู้พิการมีอาชีพและช่องทางการเรียนรู้มากขึ้น รวมถึงได้ชู “โคกหนองนาโมเดล”ให้ กศน.จังหวัดเรียนรู้และนำไปเป็นต้นแบบขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆ เนื่องจากโมเดลดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการน้ำด้วยการเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของรัชกาลที่ 9

“ผมได้มอบหมายแก่ กศน.จังหวัด ให้ดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาตามคำสั่งการของท่านรมว.ศธ. และการมอบหมายของท่านกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศธ.ที่ได้มอบแนวทางการฝึกอาชีพต่างๆเช่น โครงการ 1 อำเภอ 1 อาชีพด้วยการยกระดับสินค้าของชุมชนให้มีคุณภาพ หรือ โคกหนองนา โมเดล”เลขาธิการ กศน.กล่าวในตอนท้าย :Cr;มณสิการ รามจันทร์