พิมพ์ไทยออนไลน์ // สมาคมกีฬามวยปล้ำแห่งประเทศไทย จัดประชุมสัมนาเชิงปฏิบัติการวันที่สองด้วยสองหัวข้อสำคัญ ด้านแผนงานการทำงานของสมาคมฯในปี 2564 และกิจกรรมด้านเทคนิคมวยปล้ำเพื่อลดข้อผิดพลาดของนักกีฬามวยปล้ำในระดับนานาชาติ
ที่ ห้องประชุมสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย ภายในการกีฬาแห่งประเทศไทย หัวหมาก ผศ.กิตติพศ สุฉันทบุตร นายกสมาคมกีฬามวยปล้ำเป็นประธานเปิดประชุมสัมนาเชิงปฏิบัติการ ประจำปี 2564 โดยมี ผศ.เอกสิทธิ์ อ้วนไตร อุปนายกฯ, นายมนตรี เพชรจรุงพร เลขาธิการฯ รวมถึงคณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬามวยปล้ำแห่งประเทศไทยทุกฝ่าย เข้าร่วมประชุมสัมนาเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้โดยพร้อมเพรียงกัน

สำหรับวาระสำคัญการประชุม เริ่มจากแผนงานงบประมาณส่งเข้าแข่งขัน, การอบรมผู้ฝึกสอน, ผู้ตัดสิน, การจ้างผู้ฝึกสอนค่างชาติ, บุคคลากรด้านเวชศาสตร์การกีฬา, บุคคลากรด้านวิทยาศาสตร์การกีฬา, สถานที่เก็บตัวทีมชาติไทย, ระบบและระเบียบการเก็บตัว, อาหารนักกีฬามวยปล้ำ
จากนั้นช่วงบ่ายเป็นวาระของเทคนิคกีฬามวยปล้ำ, แนวทางการพัฒนาผู้ฝึกสอนกีฬามวยปล้ำในระดับสโมสร/ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย, แนวทางการพัฒนาผู้ตัดสิน, การพัฒนานักกีฬาทีมชาติไทย และแนวทางสู่ความสำเร็จระดับนานาชาติในรายการต่างๆ

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พิมพ์ไทยออนไลน์ // บิ๊กตุ่ม” เทพพิทักษ์ จันทร์สุเทพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรรษกาล สปอร์ต จำกัด และ นาย อนุชา แสงแก้ว ผู้จัดการแผนกกิจกรรม สัมพันธ์ บ.บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด ร่วมแถลงข่าว จัดการแข่งขันฟุตบอล ฟุตบอล Expat Cup ครั้งที่ 1 ที่ สนาม พรรษกาล ซอยลาดพร้าว 101 กทม. เมื่อวันที่ 27พ.ย.ที่ผ่านมา

โดยสมาคมกีฬาฟุตบอลอาวุโสไทย ร่วมกับ บ.บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด จัดฟุตบอล รายการนี้ขึ้นเป็นครั้งแรก ในประเทศไทย สืบเนื่องจากผลกระทบของวิกฤตไวรัสโควิดทั่วโลก ทำให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศไทยได้ลำบาก และคนไทยก็เดินทางไปต่างประเทศไทยยาก จึงเกิดแนวคิดโดย นายเทพพิทักษ์ จันทร์สุเทพ เชิญชวนชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในไทย มาร่วมตัวแข่งขันฟุตบอล เพื่อสร้างมิตรภาพ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศด้วยกัน

สำหรับกำหนดแข่งขันทั้งหมด 3 วัน ตั้งแต่ วันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย. ,วันเสาร์ที่ 5 ธ.ค. และ วันอาทิตย์ 6 ธ.ค.63 ที่สนามฟุตบอล พรรษกาล เซ็นเตอร์ ลาดพร้าว 101 ตั้งแต่เวลา 15.00 น.เป็นต้นไป มีตัวแทน จากอังกฤษ,เกาหลีใต้,ญี่ปุ่น และประเทศไทย เข้าร่วมแข่งขัน เปิดให้ชมฟรี และมีการควบคุมเฝ้าระวังไวรัสตามมาตรการป้องกันโควิด ของ ศบค.อย่างเคร่งครัด

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พิมพ์ไทยออนไลน์//มิวเซียมสยาม ร่วมกับ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ชวนคนไทยชม “มิวเซียมใต้ดินภายในสถานีรถไฟฟ้าสนามไชย (Site Museum)” ซึ่งถือเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ในพื้นที่ขนส่งสาธารณะใต้ดินแห่งแรกของประเทศไทย ในบริเวณจุดเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้ามหานครสถานีสนามไชยกับมิวเซียมสยาม เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์พื้นที่รอบบริเวณสถานีสนามไชยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยใช้เป็นแหล่งให้ความรู้กับคนไทยและนักท่องเที่ยวที่ได้เดินทางสัญจรผ่านไปมายังเส้นทางนั้น พร้อมเชิญชวนทุกคนมาค้นพบความเป็นมาของพื้นที่มรดกทางวัฒนธรรมอันสำคัญของกรุงเทพฯ โดยสามารถเข้าชมฟรีได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น.
นายราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) กล่าวว่า “การจัดทำมิวเซียมใต้ดิน หรือ Site Museum ขึ้นเป็นความร่วมมือระหว่างมิวเซียมสยามกับ รฟม. และ บีอีเอ็ม มีจุดเริ่มต้นมาจากการขุดพบโบราณวัตถุหลากหลายประเภทระหว่างการก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสนามไชย ซึ่งส่วนหนึ่งถูกจัดแสดงอยู่ที่มิวเซียมสยามและภายในสถานีตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่าน การจัดทำนิทรรศการในครั้งนี้ได้พัฒนาพื้นที่บริเวณทางขึ้น-ลงภายในสถานีสนามไชยในรูปแบบ Site Museum และจัดทำนิทรรศการภายในสถานีรถไฟฟ้า และทำพื้นที่บริเวณนี้ให้กลายเป็นพื้นที่การเรียนรู้สาธารณะ อีกแห่งที่สำคัญในการนำเสนอเรื่องราวของพื้นที่ประวัติศาสตร์พื้นที่ที่น่าภาคภูมิใจ เผยแพร่ในรูปแบบของการนำเสนอแบบสมัยใหม่ที่ทุกคนสามารถศึกษาและเข้าใจได้ง่าย โดยนำมาร้อยเรียงเป็นเรื่องราวทำให้ผู้เข้าชมเห็นภาพได้ชัดเจนและเข้าใจมากยิ่งขึ้น ภายในนิทรรศการได้แบ่งเนื้อหาการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน คือ 1) ประวัติพื้นที่บางกอก 2) กลุ่มวังท้ายวัดพระเชตุพน และ 3) การจำลองท้องพระโรงวังเก่าในสมัยโบราณ ซึ่งเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมดด้วยการใช้สัญลักษณ์ของวัตถุที่ค้นพบในชั้นดินที่ต่างกันไป โดยชั้นด้านล่างคือ ชั้นดินสมัยอยุธยา ชั้นบนสุดคือสมัยปัจจุบัน และมีการจัดแสดงด้วยการจำลองโมเดลป้อม วัง และกระทรวง เพื่อให้เห็นพัฒนาการที่เปลี่ยนไปของพื้นที่อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อต่อยอดในการสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งทางเรามีความมุ่งมั่นและตั้งใจสร้างสรรค์นิทรรศการชุดนี้ขึ้นมาสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ”

นอกจากนี้ มิวเซียมสยามได้เพิ่มความพิเศษและความน่าสนใจให้กับนิทรรศการชุดนี้ ด้วยการจัดฉายภาพยนตร์แอนิเมชันแสดงประวัติของพื้นที่จากอดีตจนเป็นมิวเซียมสยามในปัจจุบัน พล็อตเรื่องโดยคุณรอมแพง ผู้ประพันธ์นวนิยายบุพเพสันนิวาสอันโด่งดัง ซึ่งเนื้อหาของภาพยนตร์ชุดนี้ ดำเนินเรื่องโดยหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีชีวิตเป็นอมตะ ผ่านกาลเวลามาทุกยุคทุกสมัย มาเป็นผู้เล่าความเป็นมาของพื้นที่จนได้มาเป็นพนักงานที่มิวเซียมสยามในปัจจุบัน
ผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 24.00 น. ไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับมิวเซียมใต้ดิน (Site Museum) และ มิวเซียมสยาม ได้ผ่านทางเว็ปไซต์ www.museumsiam.org หรือ เฟซบุ๊ก www.facebook.com/museumsiam #มิวเซียมใต้ดิน #BangkokUnderground #SiteMuseum #MRTสนามไชย #Bangkok #Museumsiam :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

พิมพ์ไทยออนไลน์ // การแข่งขันฟุตบอลโกแฮร์ลีกอุดมศึกษาหญิงแห่งประเทศไทย ประจำปี 2563 ชิงถ้วยประทานพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ นัดที่ 14 ของฤดูกาล เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา ทีมอันดับสุดท้ายของตาราง เปิดถิ่นสนาม พ.ราชดำเนิน รับการมาเยือนของ มกช.สมุทรสาคร เปิดฉาก 20 นาที เจ้าถิ่นที่ฟอร์มเป็นรองพลิกได้ประตูนำก่อนจาก ชลลดา ธนิกกุล จากนั้นเป็นทีมเยือนที่่โหมรุกหนัก ก่อนมาได้ 2 ประตูรวดจาก ปนัตดา แวงแสง นาที 40 และ ณัฐวดี ข้อสกุล นาที 47 เป็นฝ่ายบุกมาแซงชนะ 2-1
จากชัยชนะนัดนี้ ทำให้ มกช. สมุทรสาคร มี 17 แต้ม จาก 14 นัด ยังอยู่อันดับ 6 เช่นเดิม ไล่บี้ “เจ้าภาพ” มรภ.สวนสุนันทา เหลือแค่ 2 แต้ม ขณะที่ มรภ.บ้านสมเด็จเจ้าพระยา มี 3 แต้มเท่าเดิม รั้งอันดับสุดท้ายของตารางต่อไป

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พิมพ์ไทยออนไลน์ // “เสธ.ยอด” พลตรี อินทรัตน์ ยอดบางเตย ประธานสหพันธ์สมาคมกีฬาชาติ หรือ ฟอนซา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฯ โดยมี นายนิติกร โรจนวิภาต ผู้อำนวยการกองแข่งขันกีฬาเป็นเลิศ กกท. ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และ ผู้แทนสมาคมกีฬา เข้าร่วมประชุม เพื่อหาแนวทางการสนับสนุนสมาคมกีฬา รับทราบปัญหา และอุปสรรคต่าง ๆ ที่ ห้องประชุม 211 ราชมังคลากีฬาสถาน กกท. เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา

ประธานฟอนซา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ กรีฑา ว่ายน้ำ และ ยิมนาสติก ของไทย เคยยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าเหรียญทองกีฬาซีเกมส์ อย่างต่อเนื่อง ระยะหลัง 3 ชนิดกีฬา ผลงานตกลงไปมาก ฟอนซาเชิญผู้แทนกีฬาดังกล่าวร่วมหารือกัน เพื่อหาแนวทางการทำให้ กรีฑา ว่ายน้ำ และ ยิมนาสติก กลับมายิ่งใหญ่ เป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ อีกครั้ง ก่อนที่จะต่อยอดไปสู่กีฬาเอเชียนเกมส์ และ โอลิมปิกเกมส์ ต่อไป
ทั้งนี้ผู้แทน 3 กีฬาระบุถึงปัญหาในการพัฒนานักกีฬา โดยแต่ละสมาคมกีฬาย้ำว่า การพัฒนานักกีฬา ดำเนินการอย่างถูกต้องมาอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างนักกีฬาระดับเยาวชน อย่างเป็นระบบ แต่ปัญหาสำคัญ อยู่ที่การไม่มีงบประมาณ เพียงพอ ที่จะไปจ้างผู้ฝึกสอนระดับโลก มาฝึกซ้อมนักกีฬาไทย เพื่อให้ได้รับเทคนิคใหม่ ๆ ได้

พลตำรวจตรี สุรพงษ์ อาริยะมงคล เลขาธิการฟอนซา ในฐานะอุปนายกและเลขาธิการสมาคมกีฬากรีฑาฯ กล่าวว่า ความสามารถนักกีฬาไทย ไม่เป็นรองใคร เพียงแต่เรายังสู้ จีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินเดีย ไม่ได้ เพราะเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬา อีกอย่างไม่มี เทคนิเคิลไดเรกเตอร์ รวมถึงผู้ฝึกสอน ระดับโลก ที่จะติวเข้มนักกีฬา ส่วนสถานที่ฝึกซ้อม สมาคมฯ เพิ่งพาตนเอง สร้างศูนย์ฝึก สำหรับสร้างนักกีฬา เป็นที่เรียบร้อย
“โค้ชตึก” นายธนาวิชญ์ โถสกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาว่ายน้ำฯ กล่าวว่า การสร้างนักกีฬา ว่ายน้ำ กระโดดน้ำ โปโลน้ำ ระบำใต้น้ำ และว่ายน้ำมาราธอน สมาคมฯ ดำเนินการอย่างเป็นระบบอยู่แล้ว เพียงแต่ขาดงบประมาณ ที่จะนำไปจ้างผู้ฝึกสอนฝีมือดี ๆ เข้ามา กกท. ให้ดำเนินการจ้างสัญญาปีต่อปี แต่ยอดโค้ช ต้องการสัญญาระยะยาว ตรงนี้เป็นปัญหาที่จำเป็นต้องพิจารณา ยกตัวอย่าง นักว่ายน้ำจีน ระยะ 1,500 เมตร ไปฝึกซ้อมกับโค้ชออสเตรเลีย

นาวาตรี ศรายุทธ พัฒนศักดิ์ นายกสมาคมกีฬายิมนาสติฯ กล่าวว่า นอกจากสมาคมฯ จะขาดผู้ฝึกสอน ฝีมือดี อุปกรณ์ในการฝึกซ้อม แล้ว ปัจจุบัน สมาคมฯ ไม่มีศูนย์ฝึกซ้อมนักกีฬาทีมชาติ ที่เป็นของตนเอง ยังต้องเช่าที่เพื่อใช้ฝึกซ้อมนักกีฬาทีมชาติ อยากเสนอให้กองทุนฯ และหน่วยราชการสนับสนุน การสร้างศูนย์ฝึก ถ้าเรามีศูนย์ฝึกก็จะสามารถพัฒนาได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น
พลตรีอินทรัตน์ กล่าวสรุปว่า ฟอนซา จะได้สรุปประเด็นปัญหา ของ กรีฑา ว่ายน้ำ และยิมนาสติก ให้ กกท. และ กองทุนฯ ได้รับทราบ ซึ่งจากที่เชิญผู้แทนของกกท. และ กองทุนฯ มาร่วมประชุมในครั้งนี้ แต่ละหน่วยงาน ก็ยินดีให้การสนับสนุนเต็มที่ ขอเพียงสมาคมกีฬามีแผนงานที่ชัดเจน

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พิมพ์ไทยออนไลน์ // บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ประกาศความพร้อมจัดงาน “ไฮเออร์ 10K ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020” (Haier 10K Thailand Open 2020) ภายใต้แนวคิด “Haier Run for Smart Life” กับ 3 สนามวิ่งเส้นทางใหม่
มร. จาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไฮเออร์รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับความร่วมมือจากภาคีทุกภาคส่วน การจัดงานวิ่งมินิมาราธอนระยะทาง 10 กิโลเมตร “ไฮเออร์ 10K ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020” และเตรียมความพร้อมเต็ม 100% กับการจัดกิจกรรมวิ่งในรูปแบบวิถีใหม่ (New Normal Running) ภายใต้มาตรการความปลอดภัยที่รัดกุม
ปีนี้ไฮเออร์เสนอความพิเศษของสนามวิ่งเส้นทางใหม่ 3 จังหวัด และนำเอาเทคโนโลยีเอามาใส่ไว้การจัดการแข่งขัน เพื่อให้นักวิ่งได้ตื่นตาตื่นใจ ภายใต้แนวความคิด “Haier Run for Smart Life” ภายในงานมีการจัดแสดงสินค้าแบรนด์ไฮเออร์ควบคู่ไปด้วย สำหรับนักวิ่งผู้เข้าเส้นชัย 100 คนแรกทั้งประเภทชายและหญิง จะได้รับการบันทึกสถิติจัดอันดับนักวิ่งท็อป 100 ใน Hall Of Frame ของ Haier 10K Thailand Open อย่างเป็นทางการ และมีสิทธิ์ชิงเงินรางวัลมูลค่ากว่า 1 ล้าน

วันที่ 11-13 ธันวาคม 2563 จัดที่ อุทยานธรรมชาติวิทยา สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ใกล้น้ำตกเก้าโจน ส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ที่มีสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขาสูงชันต่อเนื่อง ท้าทายความสามารถนักวิ่งเทรล นักวิ่งเลือกการปล่อยตัว ในช่วงกลางวันหรือกลางคืน เพื่อลดความแออัดและกระจายการปล่อยตัว กับ 6 ระยะทางวิ่ง ได้แก่ ระยะ 110 กม. 70 กม. 50 กม. 30 กม. 20 กม. และ 10 กม.
กีฬา ไฮเออร์ 10 K ไทยแลนด์ โอเพ่น จัดวันที่ 19-20 ธันวาคม 2563 ที่ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ อ.คลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเนื้อที่ 370 ไร่ ในโซนแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรสืบสาน รักษา ต่อยอดตามศาสตร์พระราชา สนามนี้รองรับนักวิ่งได้ถึง 5,000 คน รายได้ส่วนหนึ่งจากค่าสมัครมอบให้แก่มูลนิธิ ซี.ซี.เอฟ. เพื่อเด็กและเยาวชน ทั้งนี้ในวันที่ 19 ธันวาคม เป็นงานรับ Race Kit และงาน Race Expo รจัดแสดงสินค้าแบรนด์ไฮเออร์ และวันที่ 20 ธันวาคม เป็นวัน Race Day ที่เหล่านักวิ่งจะมาร่วมประลองฝีเท้ากัน
อุบลรัตน์เลิฟรี่รัน บาย ไฮเออร์ วันที่ 26-27 ธันวาคม ที่ เขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น บริเวณสันเขื่อนอุบลรัตน์ เป็นสนามวิ่งที่สวยงามและแฝงไปด้วยความรักความอบอุ่น เสริมสร้างความสุขตลอดเส้นทาง ผัสกลิ่นอายความเป็นอีสาน ผสมผสานกับเทคโนโลยีในงานวิ่ง รวมไปถึงการสร้างมาตรฐานการวิ่งวิถีใหม่ (New Normal) โดยรับจำนวนทั้งสิ้น 2,000 คน
กิจกรรม “ไฮเออร์ 10K ไทยแลนด์ โอเพ่น 2020” เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ 10K Thailand Championship และเว็บไซต์ www.10kthailandopen.com

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พิมพ์ไทยออนไลน์ // การแข่งขันเทนนิสอาชีพ รายการ “หัวหิน โอเพ่น 2020 พรีเซนเต็ด บาย แคล-คอมพ์ แอนด์ ซีซีเอยู อินดัสเทรียล 4.0” ชิงเงินรางวัลรวม 500,000 บาท สะสมคะแนนสู่รอบมาสเตอร์ส (รายการที่ 2) ที่จีเอสบี เซ็นเตอร์ คอร์ต ทรู อารีน่า หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2563 รุ่นทั่วไป ประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ “จูน” ณัฐนิดา หลวงแนม นักเทนนิสจากสุโขทัย วัย 33 ปี ทีมชาติชุดเฟดคัพ 2019 โชว์ฟอร์มการเล่นได้ดีต่อเนื่อง ในฐานะมือวางอันดับ 1 ของรายการ ล่าสุดหวดชนะ “ออมสิน” อัญชิสา ฉันทะ เจ้าถิ่น วัย 18 ปี เหรียญทองแดงหญิงเดี่ยวซีเกมส์ ครั้งที่ 30 และมือวาง 5 ของรายการ 2-0 เซต 6-4, 6-2 ณัฐนิดาเข้ารอบรองชนะเลิศ พบ พัชรินทร์ ชีพชาญเดช มือวาง 4 ที่ชนะ กมลวรรณ บัวแย้ม 2-0 เซต 6-3, 6-2

อีกคู่ที่น่าสนใจระหว่าง “ไหม” มนัญชญา สว่างแก้ว ทีมชาติชุดเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 จากสิงห์บุรี วัย 18 ปี มือวาง 2 และปัจจุบันเป็นมือ 3 ของไทย กับ “แพตตี้” พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช เยาวชนทีมชาติชุดแชมป์จูเนียร์ เฟดคัพ 2019 โซนเอเชีย/โอเชียเนีย วัย 17 ปี จากกรุงเทพฯ มือ 18 ของไทย เกมคู่นี้เป็นไปอย่างสูสี พิมพ์รดา สามารถทำได้ดีกว่าในจังหวะที่สำคัญคว้าชัย 2-0 เซต 7-6(6), 7-5 พิมพ์รดาเข้ารอบรองชนะเลิศพบ ทรรศพร นาคหล่อ มือ 28 ของไทย ชนะ ชมภู่ทิพย์ จันดาเขต มือวาง 3 ของรายการ 2-0 เซต 6-2, 7-5
ชายเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ “โอเว่น” ธนเพชร ฉันทะ นักเทนนิสเจ้าถิ่น วัย 21 ปี มือวาง 8 ของรายการ และมือ 9 ของไทย พบกับ “แมงปอ” ภวิชญ์ สอนหลักทรัพย์ วัย 21 ปี ระยอง มือ 28 ของไทย ที่เพิ่งล้มมือวาง 1 ของรายการเข้ามา แมทช์นี้ ธนเพชร ที่แข็งแกร่งกว่า ใช้ความแน่นอนหวดชนะไป 2-0 เซต 6-3, 6-4 เข้ารอบรองชนะเลิศ พบ ปรัชญา อิสโร อดีตทีมชาติ ชนะ ณัฐสิทธิ์ กุลสุวรรณ์ ทีมชาติชุดกีฬามหาวิทยาลัยโลกฤดูร้อน ครั้งที่ 30 ไป 2-0 เซต 7-5,6-4

ส่วนคู่อื่นๆ ชายเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ กฤติน โกยกุล ชนะ คงทรัพย์ คงคา 6-3, 7-6(4), ยุทธนา เจริญผล ชนะ สิรวิชญ์ สุดเนตร 6-0, 6-0
ส่วนชายคู่ รอบรองชนะเลิศ คงทรัพย์ คงคา /ปรัชญา อิสโร ตัดเชือกชนะ สรรค์ชัย รติวัฒน์ /กษิดิศ สำเร็จ 6-4, 6-4 เข้าไปชิงชนะเลิศกับ ธนเพชร ฉันทะ /ฐานทัพ สุขสำราญ ชนะ นพดล น้อยกอ /ภวิชญ์ สอนหลักทรัพย์ 6-2, 3-6 และซูเปอร์ไทเบรก 10-7
หญิงคู่ รอบรองชนะเลิศ กมลวรรณ บัวแย้ม /พัชรินทร์ ชีพชาญเดช ตัดเชือกชนะ พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช /ศุภาพิชญ์ เกือรัมย์ 7-5, 6-2 เข้าชิงชนะเลิศกับ ธมจันทร์ มอมขุนทด /วรรษชล สวัสดี ชนะ มนัญชญา สว่างแก้ว /ลัลนา ธาราฤดี 7-5, 2-6 และซูเปอร์ไทเบรก 10-5

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พิมพ์ไทยออนไลน์ // สิ้นสุดการรอคอย “ปัญญา ประดับศรี” นักชกจากจังหวัดอุบลราชธานี โชว์ฟอร์มเก่งคว่ำ “ยักษ์แคระ” วันเฮง ซีพีเอฟ คว้าแชมป์โลกสภามวยโลกWBC รุ่นสตอรอว์เวต105ปอนด์ ผงาดเป็นแชมป์โลกคนที่49ของไทย ได้สำเร็จ และหยุดสถิติไร้พ่ายของวันเฮงไว้ที่ครั้งที่ 54 ในการเจอกันเป็นคู่เอกนำรายการศึกซีพีเอฟ ยอดมวยโลก นัดสายเลือด วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563 ที่ เทศบาลนครนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ “เสี่ยตังค์” โปรโมเตอร์ปิยะรัตน์ วชิรรัตนวงศ์ ร่วมแสดงความยินดีกับแชมป์คนใหม่
คู่เอก วันเฮง ซีพีเอฟ (แดง) ป้อองกันแชมป์โลกสภามวยโลก(WBC) รุ่นสตอรว์เวต ครั้งที่ 13 กับ ปัญญา ประดับศรี(น้ำเงิน) หรือ เพชรมณี

สี่ยกแรก วันเฮงเปิดเกมรุกต้อนแย๊บ นำสาวหมัดได้รวดเร็ว มีลูกเก๋าจิ้มหมัดขวาฉายต่อเนื่อง แต่ด้านปัญญาที่มาดีไม่มั่วอาศัยจังหวะฉาบฉวยต่อยท้องสลับฮุบสวนโต้ได้สนุกเร้าใจ มีจังหวะพลาดไปหัวโขกจึงโดนกรรมการเตือน2ครั้ง โดยคะแนนรวมกรรมการให้เพชรมณีนำอยู่ 2 ต่อ1เสียง ยก5 และ ยก6 วันเฮง เร่งฮึดลุยบี้ออกหมัดชุดได้ชัดเจน ปัญญาโดนแล้วมีสะดุ้ง ต้นยก 7 วันเฮงสปีดเดินเร็วฮุบซ้ายอัปเปอร์คัตขวาเข้าเป้าน่ากลัว ปัญญาถอยรับมีสะดุ้งแต่พอตั้งหลักได้มาชิงโยกต่อยท้องสลับบนำเอาคืนสนุกดุเดือดสะใจแฟน ยก 8 ปัญญาโดนแล้วเก็บอาการได้ อาศัยลูกหนักดักทุบท้องตัดลำตัวมีลูกจิ้มหมัดตามแล้ววนออกข้างได้สวยงาม โดยคะแนนรวมทั้งหมด 8 ยก ปัญญานำอยู่77-75 ทั้งสามเสียง
สี่ยกสุดท้าย วันเฮงพยายามเดินออกหมัดชุดเคืนแต่ทำๆหยุดๆ ปัญญาไม่สะเทือน มีลูกโต้เถียงไม่รับฝ่ายเดียว ปลายมาชิงจังหวะต่อยหมัดดักเอาวันเฮงโดนสะสมแล้วทำได้ไม่จะแจ้ง ครบ 12 ยก ปัญญาคว้าชัยชนะไปครอง ด้วยคะแนน 115-113 ทั้งสามเสียง

ส่วนคู่อื่นๆมีดังนี้ ก้องฟ้า ซีพีเอฟ ชนะน็อก ยูกิฮิโร่ มินามิ (ญี่ปุ่น)ยก 4, รุ่งฤทธิ์ ส.วิเศษกิจ ชนะน็อก เรืองเดช ศิษย์ชาญสิงห์ ยก 2, เพชร ซีพีเอฟ ชนะน็อก เสือน้อย สิงห์มนัสศักดิ์ ยก 3 และ เพชรหิรัญเล็ก วรวินิจ ชนะน็อก เหล็กเพชร ชนะน็อก เหล็กเพชร ศิษย์ชาญสิงห์ ยก 2
เสี่ยตังค์ เผยว่า ขอแสดงความยินดีกับแชมป์คนใหม่ ส่วนวันเฮงตนเข้าใจว่าหยุดเคลื่อนไหวไปนาน ทำให้ร่างกายอืด แต่ด้วยสถานการณ์ของประเทศที่ยังไม่เปิดประเทศปกติ อาจทำให้คู่นี้มีโอกาสรีแมตท์อีกครั้ง
สำหรับ ฉัตรชัย สาสะกุล เทรนเนอร์ของปัญญา หลังจบเกมนี้ ได้รับรางวัลเทรนเนอร์ยอดเยี่ยมสภามวยโลกจากการทำให้ปัญญาได้แชมป์โลกครั้งนี้ โดย พล.ต.อ.โกวิท ภักดีภูมิ รองประธานสภามวยโลก และ พ.อ.ธนพล เลขานุการบริหารสภามวยแห่งเอเซีย มอบรางวัล

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

พิมพ์ไทยออนไลน์//รู้ทันภัยเงียบ… ด้วยการตรวจสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
การตรวจสุขภาพหัวใจเป็นทางเลือกที่จะช่วยให้คุณรู้ทันโรคหัวใจแม้ว่ายังไม่มีอาการใดๆ ก็ตาม โดยเฉพาะคนที่มีพฤติกรรมจากชีวิตประจำวันที่ผิดๆ เช่น การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ขาดการออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวร่างกายน้อย ภาวะเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจโดยไม่รู้ตัว

โรงพยาบาลธนบุรี อยากให้ทุกท่านรู้ทันความเสี่ยงจากโรคหัวใจ ส่งมอบชุดตรวจสุขภาพให้กับทุกท่านได้ดูแลหัวใจของตนเองให้แข็งแรง อาทิ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงผ่านหน้าอก การตรวจบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และการตรวจภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว เริ่มต้น 950 บาท สามารถเข้ารับบริการได้ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคม 2563 หากใครสงสัยว่าตนเองมีภาวะเสี่ยงโรคหัวใจ แนะนำให้เข้ารับการตรวจ เพื่อหาแนวทางป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจในอนาคต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์หัวใจ โทร. 1645 ต่อ 2150-2155 หรือ https://www.thonburihospital.com/ และ www.facebook.com/thonburihospitalclub :Cr;มณสิการ รามจันทร์