https://www.natethip.com/news.php?id=8056
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=8056
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=8055
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1170985867535032213
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย ผ่านพ้นภัยวิกฤตประชากร” โดยร่วมกับวิทยาลัยประชากรศาสตร์ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการจุฬาอารี และ World Bank พร้อมทั้งแถลงนโยบายการขับเคลื่อนงาน เพื่อให้สังคมตระหนักถึงประเด็นท้าทายของประชากรที่ส่งผลสำคัญต่อคุณภาพชีวิตของประชากรทุกช่วงวัยและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนร่วมกันออกแบบนโยบาย มาตรการ และขับเคลื่อนการพัฒนาความมั่นคงของครอบครัวไทยสู่ความมั่นคงของมนุษย์ โดย Workshop ระดมความคิดจากทุกภาคส่วนในรูปแบบ World Café จากกลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มคนพิการและผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มระบบนิเวศน์ เพื่อความมั่นคงของครอบครัว โดยมี ผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้บริหารกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน เครือข่าย NGOs และองค์กรประชาสังคม รวมถึงองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ สื่อมวลชน และอินฟลู เอนเซอร์ (Influencers)เข้าร่วมงาน ณ ห้องเพลนารี ฮอลล์ 1 (Plenary Hall 1) ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เขตคลองเตย กทม.
นายวราวุธ กล่าวว่า จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่สัดส่วนประชากรวัยเด็กและวัยแรงงานลดลง ในขณะที่ สัดส่วนประชากรสูงอายุยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากกรมการปกครอง พบว่าในปี 2566 ประเทศไทยมีจำนวนผู้สูงอายุถึง 13 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ20.08 ของประชากรทั้งประเทศ ในขณะที่เด็กเกิดใหม่มีเพียง 5.18 แสนคน และคาดการณ์ว่าในปี 2585 ประชากรไทยจะลดลงเหลือจำนวน 60 ล้านคน โดยประชากรวัยเด็ก (0-14 ปี) จะมีสัดส่วนลดลงจากร้อยละ 16.27 เหลือร้อยละ 10.36 ประชากรวัยแรงงาน (15-59 ปี) ลดลงจากร้อยละ 64.87 เหลือร้อยละ 58.20 ในขณะที่สัดส่วนผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 18.86 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 31.44 ซึ่งจำนวนผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 12.5 ล้านคน เป็น 18.9 ล้านคน (มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย, 2565) ส่งผลให้อนาคตของประเทศไทยต้องเผชิญกับวิกฤตวัยแรงงานที่ขาดแคลนและประสบกับภาวะพึ่งพิงของผู้สูงวัยที่เพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโลกด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ล้วนมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่
นายวราวุธ กล่าวต่อไปว่า ในขณะที่ ข้อมูลรายงานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา (TDRI) ในปี 2564 พบว่า ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานและทัศนคิดของคนรุ่นใหม่ (Generation Y และ Z) เป็นอย่างมาก จะเห็นได้จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของแรงงานนอกระบบรูปแบบใหม่ (Gig workers) ที่คาดว่ามีจำนวนประมาณ 1-5 ล้านคน ซึ่งมีรายได้ที่ไม่แน่นอน ต้องแบกรับความเสี่ยงต่างๆ ในชีวิตและการทำงาน และข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า ในปี 2565 มีจำนวนผู้สูงอายุที่ทำงาน 4.74 ล้านคน (36.1%) เพิ่มขึ้น 0.2 ล้านคน จากปี 2564 (4.54 ล้านคน, 34.9%) โดยผู้สูงอายุยังคงทำงานเพราะความจำเป็นทางเศรษฐกิจ เงินออมไม่พอ ไม่มีลูกหลานดูแล นอกจากนี้ ยังพบว่า ในปี 2562 กลุ่มเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษาและว่างงาน หรือกลุ่ม NEET (Not in Education, Employment or Training) ที่มีอายุ 15-29 ปี จำนวนประมาณ 1.1 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 25.5 ของประชากรในกลุ่มอายุดังกล่าวทั้งหมดส่วนใหญ่มาจากครอบครัวรายได้น้อย รวมทั้งข้อมูลขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (The United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) พบว่า “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” ยังเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย โดยเฉพาะเยาวชนจาก “ครอบครัวยากจน” จำนวนมาก ไม่มีโอกาสเรียนหนังสือสูงกว่าภาคบังคับ ทั้งนี้ ยูเนสโก ระบุว่าไทยมีเยาวชนจากครัวเรือนฐานะยากจนที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศ โดยมีเพียง 8 ใน 100 คนเท่านั้นที่สามารถศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาได้ น้อยกว่าเด็กที่มาจากครัวเรือนร่ำรวยที่สุดร้อยละ 20 ของประเทศถึง 6 เท่า อีกทั้งข้อมูลจากบัญชีกระแสการโอนประชาชาติ (National Transfer Accounts: NTA) พบว่า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทเพียงอย่างเดียว ทำให้เกิดการขาดดุลรายได้ (Life Cycle Deficit : LDC) ของประเทศเพิ่มขึ้น 1.34 เท่าในช่วงปี 2562-2583 และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจะทำให้ภาระทางการคลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หนี้สาธารณะต่อ GDP ในปี 2583 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5.41 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมทั้งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2555-2564) งบประมาณด้านสังคมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดการณ์ว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า (2565-2583) จะยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ในระยะยาว ภาครัฐและทุกภาคส่วนของสังคม จึงต้องตื่นตัวมากขึ้นในการกำหนดหรือออกแบบนโยบายตั้งแต่วันนี้ ที่จะทำให้รายได้จากแรงงานเพิ่มสูงขึ้น และจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัย เพื่อให้มีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับโลกยุคปัจจุบันและมีความสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานสมัยใหม่ ให้ความรู้กับทุกช่วงวัยและให้ความสำคัญกับการปรับพฤติกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการการเงิน การออม เป็นต้น
นายวราวุธ กล่าวต่ออีกว่า จากสถานการณ์ต่างๆ ข้างต้น จึงอาจคาดการณ์ได้ถึงวิกฤตทางประชากรในอนาคตที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับจำนวนประชากรสูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรแบบก้าวกระโดด จึงเป็นความท้าทายต่อบทบาทและภารกิจของกระทรวง พม. ไม่ว่าจะประเด็นวิกฤตเด็กเกิดน้อย ในขณะเดียวกัน เด็กที่เกิดมาอยู่ในครอบครัวที่ไม่พร้อมที่จะดูแลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการกำหนดนโยบายที่ต้องพิจารณาถึงครอบครัวของเด็กในการเลี้ยงดูเด็กให้มีประสิทธิภาพ กลไกของรัฐหรือกลไกของสังคมที่ต้องเข้ามาดูแลมากขึ้น เพื่อให้การเกิดอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นความท้าทายของกระทรวง พม. ทั้งในเรื่องเด็กและครอบครัว นอกจากนี้ สัดส่วนผู้สูงอายุที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่วัยแรงงานมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายภาคส่วนมีความเป็นห่วงเรื่องกำลังแรงงานที่ลดลง และต้องแบกรับภาระดูแลประชากรช่วยวัยอื่น การเข้าสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ การที่ผู้สูงอายุยังคงทำงานเพราะความจำเป็นทางเศรษฐกิจ เงินออมไม่พอ และปราศจากลูกหลานดูแลเป็นต้น ประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นท้าทายที่สำคัญของสังคมไทยที่รออยู่ในอนาคตข้างหน้าที่สำคัญ ได้แก่ 1) ความท้าทายต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสถานภาพทางการเงินการคลังของประเทศ 2) ท้าทายต่อการสร้างระบบคุ้มครองทางสังคมที่เหมาะสม 3) ท้าทายต่อความยั่งยืนของระบบการเงินของครัวเรือน ตลาดการเงิน และระบบการคลังของประเทศ และ 4) ท้าทายต่อความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตของประชาชน ได้แก่ การได้รับการศึกษา การทำงาน ระบบบริการสุขภาพที่เหมาะสม และที่อยู่อาศัยที่มั่นคงและปลอดภัย
นายวราวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า จากสถานการณ์วิกฤตประชากรดังกล่าว ถือเป็นภารกิจจำเป็นเร่งด่วนที่สอดคล้องกับการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวง พม. ซึ่งทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวง พม. จำเป็นต้องบูรณาการร่วมกันในการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวง พม. และร่วมกันออกแบบนโยบาย มาตรการ และกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนภารกิจ ให้สอดรับกับประเด็นท้าทายและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อนำไปสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากวิกฤตประชากรที่จะส่งผลต่อความมั่นคงของมนุษย์ จึงได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย ผ่านพันภัยวิกฤตประชากร” โดยร่วมกับวิทยาลัยประชากรศาสตร์ สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โครงการจุฬาอารี และ World Bank เพื่อสื่อสารให้สังคมตระหนักถึงความสำคัญวิกฤตประชากร และให้ทุกภาคส่วนร่วมกันออกแบบนโยบาย มาตรการ และขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆ ทุกมิติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
รวมทั้งให้คนทุกช่วงวัยได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างครอบคลุมทุกมิติและเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของสังคมไทย โดยมีเข้าร่วมประชุมประมาณ 300 เป็นผู้แทนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน ได้แก่ ผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้บริหารกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน เครือข่าย NGOs และองค์กรประชาสังคม รวมถึงองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ สื่อมวลชน และอินฟลูเอนเซอร์ (Influencers) ระดมความคิดในรูปแบบ World Café เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมออกแบบนโยบาย มาตรการ และขับเคลื่อนพัฒนาความมั่นคงของครอบครัวสู่ความมั่นคงของมนุษย์ โดยแบ่งเป็นการปฏิบัติการกลุ่มย่อย 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มเด็กและเยาวชน 2) กลุ่มวัยทำงาน 3) กลุ่มผู้สูงอายุ 4) กลุ่มคนพิการและผู้ด้อยโอกาส และ 5) กลุ่มระบบนิเวศน์เพื่อความมั่นคงของครอบครัว
นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากการประชุมครั้งนี้ กระทรวง พม. จะดำเนินการจัดทำสมุดปกขาว “พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์” เสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายในเดือนเมษายน 2567 เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นจะได้นำเสนอในการประชุมคณะกรรมาธิการประชากรและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 (57th Session of Commission on Population and Development : CPD57) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 29 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2567 #ช่วย24ชั่วโมง #พม24ชม #ข่าวพม #esshelpme #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว #ศรส #พม #แถลงนโยบาย #พัฒนาความมั่นคงครอบครัวไทยผ่านพ้นภัยวิกฤตประชากร
พิมพ์ไทยออนไลน์// “พาณิชย์” ผนึกกำลัง “กระทรวงดีอีเอส” เปิดจุดบริการ “ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า” ดันร้านธงฟ้าเป็นจุดบริการ Drop Off ให้กับไปรษณีย์ไทย เพิ่มโอกาสให้กับเกษตรกรและ SMEs สามารถส่งสินค้าได้ง่าย ผ่านเครือข่ายร้านธงฟ้ากว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ ดีเดย์เปิดให้บริการตั้งแต่เดือน เม.ย. นี้เป็นต้นไป.
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นประธานการลงนามระหว่างกรมการค้าภายใน และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อขับเคลื่อนโครงการพัฒนาร้านธงฟ้าเป็นจุดบริการไปรษณีย์ (ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า) ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์กระทรวงพาณิชย์ ว่า โครงการนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โดยใช้กลไกเครือข่ายร้านธงฟ้าที่มีอยู่ทั่วประเทศให้เป็นจุดดรอปพัสดุ (Drop Off) ของไปรษณีย์ ตามแนวทางการใช้ศักยภาพและใช้จุดแข็งของกันและกันในการขับเคลื่อนและสร้างโอกาสให้กับร้านธงฟ้า เกษตรกร ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) และไปรษณีย์ไทยเอง
สำหรับการร่วมมือในครั้งนี้ นอกจากช่วยเพิ่มเครือข่ายบริการให้ของไปรษณีย์ไทยให้ครอบคลุมการให้บริการประชาชนทั้งประเทศ ยังจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับร้านธงฟ้า ที่จะมีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น มีช่องทางในการเพิ่มรายได้มากขึ้น และในส่วนของเกษตรกร ผู้ประกอบการ SMEs ร้านค้าออนไลน์ และประชาชนทั่วไป จะได้ประโยชน์ในการส่งสินค้าที่สะดวกขึ้น ง่ายขึ้น เร็วขึ้น เพราะร้านธงฟ้าอยู่ใกล้บ้าน ลดข้อจำกัดในการเดินทางไปไปรษณีย์ไทย และยังสามารถเลือกเวลาส่งสินค้าได้ด้วย
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ได้มอบหมายให้ไปรษณีย์ไทย ร่วมกับกรมการค้าภายใน พัฒนาระบบรองรับการขยายจุดดรอปพัสดุที่ร้านธงฟ้า เพื่อใช้และสร้างโอกาสให้กับร้านธงฟ้าที่มีอยู่ทุกชุมชน เป็นช่องทางในการให้บริการไปรษณีย์ และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซ มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และผลักดันให้ระบบฝากส่งสิ่งของเป็นเรื่องที่สะดวกและง่ายยิ่งขึ้น จากการมีจุดดรอปออฟที่กระจายอยู่ทุกพื้นที่
“ไปรษณีย์ไทย เป็นกลไกสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ สังคมและชุมชน ซึ่งปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเป็นรัฐวิสาหกิจที่ก้าวทันทุกการแข่งขัน คล่องตัว มีเครือข่าย ข้อมูล ระบบการให้บริการ และเทคโนโลยีที่รองรับความต้องการได้หลากหลายรูปแบบ รวมทั้งความเชี่ยวชาญของบุรุษไปรษณีย์ ซึ่งความโดดเด่นเหล่านี้ จะช่วยสร้างโอกาสให้กับทุกคน และหนุนเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโตได้แบบไร้รอยต่อ” นายประเสริฐกล่าว
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยพร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลด้วยการพัฒนาระบบขนส่งให้มีประสิทธิภาพ และใช้กลไกนี้เป็นจุดเชื่อมต่อภาคส่วนต่าง ๆ ให้ได้รับประโยชน์ และสำหรับโมเดลการพัฒนาร้านธงฟ้า 20,000 แห่ง ให้เป็นจุดให้บริการงานไปรษณีย์ในลักษณะดรอปออฟในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางสนับสนุนภาคเศรษฐกิจ สังคม ชุมชนให้มีการเติบโตในหลากหลายมิติ ตั้งแต่ในส่วนของร้านธงฟ้าที่สามารถสร้างรายได้โดยไม่ต้องลงทุน และสามารถสร้างเครือข่ายกับธุรกิจต่าง ๆ ได้มากขึ้น ในส่วนของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซที่มีสัญญากับไปรษณีย์ไทยจะได้รับความสะดวกในการดรอปสิ่งของที่จุดให้บริการใกล้บ้าน ทำให้ดรอปง่าย สร้างรายได้ เครือข่ายครอบคลุมด้วยคุณภาพบริการตอบโจทย์ธุรกิจ
สำหรับจุดบริการ “ไปรษณีย์ไทย@ธงฟ้า” ในระยะแรก จะเปิดเป็นจุดดรอปพัสดุ ผู้ฝากส่งเพียงเตรียมการฝากส่งล่วงหน้า ซึ่งผู้ให้บริการร้านธงฟ้าสแกนบาร์โค้ดหน้ากล่องผ่านแอปพลิเคชันเพื่อรับสิ่งของเข้าระบบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จะเข้ามารับพัสดุไปดำเนินการเพื่อส่งต่อให้ผู้รับปลายทาง และระบบจะคำนวณรายได้ให้ร้านธงฟ้า โดยจะเริ่มให้บริการในเดือนเมษายน 2567 ตามเวลาทำการของร้านธงฟ้าแต่ละแห่ง ส่วนระยะต่อไปจะเปิดให้บริการทั้งจุดรับพัสดุและเป็นจุดรอจ่ายพัสดุให้ผู้รับปลายทาง ทั้งนี้ จากความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้ไปรษณีย์ไทยมีเครือข่ายรวมมากกว่า 50,000 จุดทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ขอเชิญชวนร้านธงฟ้าเข้าร่วมโครงการ โดยสามารถสมัครได้ที่ เว็บไซต์ https://newthongfah.dit.go.th/ ของกรมการค้าภายใน โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอคำแนะนำเบื้องต้นได้ที่ 02-8313791 (6 คู่สาย) ตั้งแต่เวลา 08.00–18.00 น. ของวันทำการ และเวลา 08.30–16.30 น. สำหรับวันเสาร์และวันอาทิตย์ :Cr;มณสิการ รามจันทร์
พิมพ์ไทยออนไลน์//สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ และ กฟผ. พร้อมพันธมิตร ร่วมกับ จังหวัดนครศรีธรรมราช ประกาศความพร้อมจัดศึก EGAT ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567 ระดับประชาชน ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และระดับยุวชน ชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
วันที่ 20-30 เมษายน 2567 ที่โรงยิมเนเซียมเทศบาลเมืองทุ่งสง อำเภอทุ่งสง รวมทั้ง ผนึกกำลังกับ จังหวัดภูเก็ต จัดศึกเวิลด์ คัพ 2024 รายการเก็บคะแนนสะสมคัดเลือกจอมพลังทั่วโลก ไปโอลิมปิก ปารีส 2024 วันที่ 31 มีนาคม-11 เมษายน 2567 ที่ศูนย์ประชุมขุนเลิศโภคารักษ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
นายศรีธรรม ราชแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และ นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ หลักเมือง ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) พลเอกวิสุทธิ์ เดชสกุล เลขาธิการสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย พลอากาศโทวัฒนชัย เจริญรัตน์ กรรมการและประธานฝ่ายเทคนิคสมาคมกีฬายกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวการจัดการแข่งขัน EGAT ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567 ระดับประชาชน ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และระดับยุวชน ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ ยกน้ำหนักเวิลด์ คัพ ประจำปี 2567 ที่ห้องออดิทอเรียม กฟผ. สำนักงานใหญ่ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2567
สำหรับการแข่งขัน EGAT ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567 ระดับยุวชน ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระหว่างวันที่ 20-25 เมษายน 2567 และ ระดับประชาชน ชิงถ้วยพระราชทาน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แข่งขันระหว่างวันที่ 26-30 เมษายน 2567 ที่โรงยิมเนเซียมเทศบาลเมืองทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ขณะที่ การแข่งขันยกน้ำหนัก เวิลด์ คัพ ประจำปี 2567 เป็นรายการเก็บคะแนนสะสมคัดเลือกจอมพลังทั่วโลก ไปโอลิมปิก ปารีส 2024 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 มีนาคม-11 เมษายน 2567 ที่ศูนย์ประชุมขุนเลิศโภคารักษ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต โดย ช่อง ที สปอร์ต 7 ถ่ายทอดสดทุกวัน ส่วน เอ็นบีที เอชดี และ ช่อง 5 สลับสับเปลี่ยนหมุมเวียนกันถ่ายทอดสด
นายชัยวุฒิ หลักเมือง กล่าวเสริมว่า กฟผ. ให้ความสำคัญกับการพัฒนา ศักยภาพด้านการกีฬาของเยาวชน ยุวชนไทย โดยให้การสนับสนุนสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังได้สนับสนุนการถ่ายทอดสด พร้อมด้วยเงินรางวัลสำหรับนักกีฬาที่ได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 เพื่อเป็นกำลังใจและส่งเสริมให้นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ได้มีโอกาสสร้างชื่อเสียงและคว้ารางวัลจากการแข่งขันทั้งในระดับนานาชาติและระดับโลกอีกด้วย
ล่าสุดได้คว้ารางวัล 1 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง การแข่งขันยกน้ำหนัก เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2 ประเทศกาตาร์ เมื่อปี 2566 สร้างความภาคภูมิใจ และความสุขให้กับคนไทยเป็นอย่างมาก
พลเอกวิสุทธิ์ เดชสกุล กล่าวว่า การจัดการแข่งขัน EGAT ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยครั้งนี้ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พร้อมทั้งพัฒนาศักยภาพและเปิดโอกาสเฟ้นหานักกีฬายกน้ำหนักหน้าใหม่เข้าร่วมเป็นนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย สร้างชื่อเสียงให้ประเทศต่อไป
โดยได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กฟผ. บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน)บริษัท แกรนด์ สปอร์ต กรุ๊ป จำกัด บริษัท บางกอก แอธเลติก จำกัด กลุ่มบริษัท ดัชมิลล์ และ บริษัท อินโดรามาเวนเจอร์ส จำกัด โดย กฟผ. ให้การสนับสนุนงบประมาณจัดการแข่งขัน รวมทั้ง จังหวัดนครศรีธรรมราช และ จังหวัดภูเก็ต ในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
นายศรีธรรม ราชแก้ว เปิดเผยถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน EGAT ยกน้ำหนักชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2567 ว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช และ เทศบาลเมืองทุ่งส่ง ได้ร่วมกันเตรียมการจัดการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกอย่างพร้อมสมบูรณ์ที่สุด ขณะที่ นายธนคม เจริญฤทธิ์ รองนายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง กล่าวว่า เทศบาลเมืองทุ่งสง มีความพร้อมอย่างมาก ทั้งด้านสถานที่จัดการแข่งขัน ที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพื่อรองรับคณะนักกีฬา อีกทั้งประสบการณ์ในการจัดแข่งขันกีฬายกน้ำหนักเป็นปีที่ 6 ช่วยอำนวยความสะดวกให้การจัดการแข่งขันให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พลอากาศโทวัฒนชัย เจริญรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแข่งขันครั้งนี้มีสโมสรสมาชิกในประเทศส่งเข้าร่วมแข่งขันจำนวน 65 ทีม รวมจำนวนกว่า 500 คนแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 รายการ คือ ระดับยุวชน แข่งขันระหว่างวันที่ 20-25 เมษายน 2567 และระดับประชาชนแข่งขันระหว่างวันที่ 26-30 เมษายน 2567 โดยสโมสรที่ได้คะแนนรวมทีมชายและหญิงสูงสุดของแต่ละระดับจะได้รับรางวัลถ้วยพระราชทานฯ และชุดอุปกรณ์กีฬายกน้ำหนักไปครอง
“นอกจากนี้ ยังได้รับข่าวดี เมื่อจะมีนักยกน้ำหนักจากมาเลเซีย สิงคโปร์ และ ฮ่องกง เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย”
นายนรศักดิ์ สุขสมบูรณ์ เปิดเผยว่า จังหวัดภูเก็ต มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันยกน้ำหนักเวิลด์ คัพ ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นรอบคัดเลือกนักกีฬาเข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยทางจังหวัดมีความพร้อมทั้งในด้านการรองรับนักกีฬา เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ รวมถึงสนามการแข่งขัน
“อีกทั้งการเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองแห่งกีฬา (Sport City) ส่งเสริมการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่อีกด้วย”
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์//“โค้ชจุ้ย” วีระพงษ์ บริสุทธิ์สุขกมล นำนักกีฬาสอยคิวทีมชาติชุดเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์ เข้าทดสอบความฟิตเล่นเอาทุกคนถึงกับเป่าปาก “หมู ปากน้ำ – มิ้งค์ สระบุรี-ใบพัด ศรีราชา” ผ่านฉลุย เหลือเพียง “เอฟ นครนายก” ติดแข่งรอตามมาสมทบภายหลัง เจ้าหน้าที่ กกท.ย้ำ ใครทดสอบไม่ครบ 3 ครั้ง ต้องพ้นสภาพทีมชาติ “คิวทอง” ชี้ชัดเดือนหน้า รู้ผลใครเล่นเดี่ยว หรือ ประเภทคู่
ความคืบหน้าของนักกีฬาสอยคิวทีมชาติไทย ทั้ง สนุกเกอร์, บิลเลียด, พูล, แคร่อมบอล จำนวน 23 คน ได้เข้าทำการทดสอบความฟิตของร่างกาย ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา กกท. ตามโปรแกรมของการกีฬาแห่งประเทศไทย ที่กำหนดให้นักกีฬาทีมชาติชุด เอเชี่ยนอินดอร์ แอนด์ มาเชียลอาร์ตเกมส์ เข้าทำการทดสอบจำนวน 3 ครั้ง ในส่วนนักกีฬาสอยคิวทีมชาติไทย เข้าทดสอบเป็นครั้งที่ 2 นำทีมโดย “ต๋อง ศิษย์ฉ่อย” วัฒนา ภู่โอบอ้อม, “รมย์ สุรินทร์” ประพฤติ ชัยธนสกุล, “กร นครปฐม” ภาสกร สุวรรณวัฒน์ , “โอ ระยอง” อำนวยพร โชติพงษ์ และ “เป้า ลาดหญ้า” ธงชัย ปุณยวีร์ ซึ่งนักสนุกเกอร์ที่แข่งขันอยู่ต่างประเทศจำนวน 3 คน ประกอบด้วย นพพล แสงคำ (หมู ปากน้ำ) , น.ส.ณัชชารัตน์ วงศ์หฤทัย (มิ้งค์ สระบุรี)
และ น.ส. ศิริภาพร นวนทะคำจัน (ใบพัด ศรีราชา) เข้าทดสอบไปก่อนหน้านี้แล้ว ยกเว้น “เอฟ นครนายก” เทพไชยา อุ่นหนู กำลังกลับเมืองไทยและเข้าทดสอบในเร็ว ๆ นี้ โดยมี “โค้ชจุ้ย” นายวีระพงษ์ บริสุทธิ์สุขกมล ผู้ฝึกสอนควบคุมอย่างใกล้ชิด
การทดสอบมีทั้งสิ้น 6 อุปกรณ์ ประกอบด้วย การนั่งโน้มตัว ดันแกนบนโต๊ะสุดแขน ( เป็นการวัดความอ่อนตัวด้านหน้า) / การยืน เหยียดแขนตรง บีบอุปกรณ์ด้านข้างแนบชิดลำตัว (เป็นการ วัดเปอร์เซ็นไขมันในร่างกาย ) / นั่งดีดนวมคู่ (สีแดง) (เป็นการ ความวัดแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อขาทั้ง 2 ข้าง ) / การนอนคว่ำหน้าราบพื้น แล้วแอ่นหลัง ยกศีรษะเหนือพื้นให้มากที่สุด (เป็นการวัดความอ่อนตัวด้านหลัง ) / การยืนบล๊านซ์ บนกระดาน 6 วงกลม ( เป็นการ ทดสอบการทรงตัวของนักกีฬาว่ามีสมาธิมากแค่ไหน ) / การปั่นจักรยาน จับเวลา 6 นาที ( เป็นการวัดระบบความอดทนของหัวใจ หรือ ความจุของปอด )
หลังการทดสอบเสร็จสิ้นลง เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬา กกท. เปิดเผยว่า จากการเปรียบเทียบครั้งแรก กับ ครั้งที่ 2 เห็นได้ชัดว่านักกีฬาส่วนใหญ่ร่างกายพัฒนาดีขึ้นกว่าเดิม รายของ เพ็ญนิภา (โจนส์) นาคจุ้ย นักกีฬาพูลหญิง สมาธิดีขึ้นมาก วัดจากการยืนบนกระดานหก สามารถทำได้เต็ม 100 คะแนน อย่างไรก็ตาม ยังเหลือการทดสอบครั้งสุดท้ายประมาณเดือน มิถุนายน 2567 ซึ่งหากนักกีฬาคนไหนยังเข้ามาทดสอบไม่ครบ 3 ครั้ง จะต้องพ้นสภาพจากการเป็นนักกีฬาทีมชาติตามระเบียบของ กกท.
นอกจากนี้ “คิวทอง” นายศักดา รัตนสุบรรณ อุปนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคัดเลือกนักกีฬาสอยคิวทีมชาติไทย ยืนยันว่า นักกีฬาทั้งหมดได้เก็บตัวซ้อมร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง ที่ ทีบีซี.สนุกเกอร์ ในซอยรามคำแหง 89/1 รวมถึงชุดที่เดินทางไปแข่งขันต่างประเทศจำนวน 4 คน ทุกคนฝีมือพัฒนาเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนซ้อมในส่วนที่ถนัด แยกเป็น สนุกเกอร์, บิลเลียด, พลู และ แคร่อมบอล แต่เดือนเมษายน จะกำหนดว่า ใครเล่นประเภทไหน สนุกเกอร์ 15 แดง หรือ สนุกเกอร์ 6 แดง เดี่ยว หรือ คู่ รวมทั้ง บิลเลียด และ พลู เช่นเดียวกัน จะพิจารณาว่าใครเหมาะสมเล่นประเภทเดี่ยว หรือ ประเภทคู่ ให้ชัดเจน เพื่อทุกคนตั้งใจมุ่งหน้าซ้อมตามที่รับผิดชอบกันอย่างเต็มที่
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์//สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยุคของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ เตรียมใช้วิธีการใหม่ ด้วยการไลฟ์ประกาศรายชื่อ 23 แข้งทีมชาติไทยชุดใหญ่ เตรียมพบกับ เกาหลีใต้ ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 3 และ นัดที่ 4
การไลฟ์ประกาศรายชื่อครั้งนี้ ถือเป็นมิติใหม่ที่เกิดขึ้นกับ ทีมชาติไทย ครั้งแรก เพื่อให้นักเตะ สื่อมวลชน และ แฟนบอล ได้รอลุ้น และ รับรู้ไปพร้อมกัน โดย มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอน เป็นผู้ประกาศด้วยตนเอง ไล่เรียงทีละตำแหน่ง ผู้รักษาประตู, กองหลัง, กองกลาง และ กองหน้า รวมถึงจะมีการอัพเดทไทม์ไลน์สำคัญ และแผนเตรียมความพร้อมของ ทัพช้างศึก ครั้งนี้ ให้รับทราบ
การไลฟ์ วันศุกร์ ที่ 8 มีนาคมนี้ เวลา 14.00 น. ผ่าน 2 ช่องทาง ประกอบด้วย FA Thailand (แฟนเพจ) และ ช้างศึก (แฟนเพจ และ ยูทูป) โดยระหว่างไลฟ์ไปจนสิ้นสุดการประกาศรายชื่อของ มาซาดาทะ อิชิอิ จะเปิดโอกาสให้ สื่อมวลชน ส่งคำถามผ่านทางทีมงานเข้ามาได้ด้วย
สำหรับ ทีมชาติไทยชุดใหญ่ มีโปรแกรมแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 2 นัดที่ 3 พบกับ เกาหลีใต้ ที่ โซล เวิลด์คัพ สเตเดียม วันที่ 21 มีนาคม 2567 เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และนัดที่ 4 ที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 26 มีนาคม 2567 เวลา 19.30 น. ทั้งสองนัด จะถ่ายทอดสดทาง ไทยรัฐ ทีวี
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์//“จุฑาธิป มณีพันธุ์” โดนนักปั่นเวียดนามและมาเลเซียรวม 6 คน รุมกินโต๊ะไม่ให้ขึ้นไปสปรินท์หน้าเส้นชัย ทำให้ได้เพียงอันดับที่ 6 แต่ “จุฑาธิป” ยังคว้าอันดับ 1 เจ้าความเร็วมาครองถึง 2 จุด ยังรั้งตำแหน่งผู้นำเจ้าความเร็ว ได้ครองเสื้อน้ำเงินต่อไป ส่วนสเตจที่ 3 วันที่ 8 มี.ค.67 ระยะทาง 120 กม. เป็นเส้นทางปั่นขึ้นเขา ลุ้น “เพชรดารินทร์ สมราช” คว้าแชมป์เหมือนปีที่แล้วอีกครั้ง
“เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี ประธานสหพันธ์จักรยานแห่งอาเซียน (เอซีเอฟ) และนายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ ส่งนักปั่นสาวทีมชาติไทย ชุดเตรียมโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส ไปร่วมแข่งขันจักรยานทางไกลสตรีนานาชาติรายการ “บีวาเซ คัพ 2024” ที่เวียดนาม ระหว่างวันที่ 6-15 มีนาคม ล่าสุดได้รับรายงานจาก “โค้ชนพ” ร.ต.อ.อดิศักดิ์ วรรณศรี ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย การแข่งขันเสตจที่ 2 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม เส้นทางจากเมืองบินห์ดวงไปเมืองบินห์ลอง แล้วกลับมาเข้าเส้นชัยที่เมืองบินห์ดวง ระยะทาง 160 กิโลเมตร
พลเอกเดชา กล่าวว่า เกมการแข่งขันในสเตจที่ 2 “บีซ” ร.อ.หญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ ซึ่งคว้าแชมป์สเตจที่ 1 มาครองเมื่อวันก่อน ปั่นหนีมาอยู่กลุ่มหน้ากับนักปั่นทีมอื่น ๆ รวม 9 คน ซึ่งจุฑาธิปสามารถเก็บรางวัลเจ้าความเร็ว หรือ Intermediate Sprints จุดที่ 2 (IS2) และจุดที่ 3 (IS3) มาครองได้สำเร็จ ช่วง 10 กิโลเมตรสุดท้ายมีนักกีฬากลุ่มนำเหลือแค่ 7 คน เป็นนักปั่นทีมบีวาเซ, ทีมแท็บ ดวน ล็อค ตรอย ของเวียดนาม และทีมชาติมาเลเซีย ทีมละ 2 คน ผลัดกันรุมกินโต๊ะจุฑาธิปเพื่อป้องกันไม่ให้ขึ้นไปสปรินท์หน้าเส้นชัย ผลสุดท้ายจุฑาธิปจบอันดับที่ 6 ส่วนแชมป์ เหงียน ธิ ธู มัน ทีมแท็บ ดวน ล็อค ตรอย เวลา 3.31.34 ชั่วโมง พร้อมกับครองตำแหน่งผู้นำเวลารวม ได้สวมเสื้อเหลือง ขณะที่จุฑาธิป ยังครองตำแหน่งผู้นำเจ้าความเร็ว ได้สวมเสื้อน้ำเงินต่อไป
พลเอกเดชา กล่าวเสริมว่า สำหรับการแข่งขันเสตจที่ 3 วันที่ 8 มีนาคม เริ่มเวลา 08.00 น. เส้นทางจากเมืองบินห์ดวงไปยังเมืองเบ๋าหล็อค ระยะทาง 120 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่ปั่นขึ้นเขาเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนักกีฬาทีมชาติไทยที่ถนัดปั่นขึ้นเขาก็มี “แพร” ส.อ.หญิง เพชรดารินทร์ สมราช ซึ่งปีที่แล้ว เพชรดารินทร์ได้แชมป์สเตจที่ 3 มาครอง หวังว่าเพชรดารินทร์จะคว้าแชมป์ได้เหมือนปีที่แล้ว ตนได้แจ้งให้สตาฟฟ์โค้ชไปกำชับนักกีฬาให้ปั่นตามแผน ไม่ต้องกดดันตัวเอง ขอให้สู้อย่างเต็มที่และทำให้ดีที่สุด ขอฝากให้พี่น้องประชาชนชาวไทยส่งแรงใจเชียร์นักปั่นไทยให้คว้าแชมป์มาครองอีกครั้ง
Cr..วิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์