วันอาทิตย์, มิถุนายน 8, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 202

พม.แพร่ ร่วมกับท้องที่ท้องถิ่นปรับสภาพแวดล้อม และสิ่งอำนวยความสะดวกในบ้านของผู้สูงอายุให้เหมาะสมและปลอดภัย

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 นางสาวโสพิญฐ์ สุวรรณหงส์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแพร่ (พมจ.แพร่) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ลงพื้นที่ร่วมมอบบ้าน ภายใต้โครงการปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้สูงอายุให้เหมาะสมและปลอดภัย ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมี นายชาตรี บุญมาภิ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ทราย อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ พร้อมด้วย อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) จังหวัดแพร่ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ และคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินโครงการฯ ร่วมมอบบ้านจำนวน 4 หลัง ที่ได้รับการปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้สูงอายุให้เหมาะสมและปลอดภัย

นางสาวโสพิญฐ์ กล่าวว่า สำนักงาน พมจ.แพร่ ได้ร่วมบูรณาการการทำงานกับเครือข่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในพื้นที่จังหวัดแพร่ เพื่อขับเคลื่อนภารกิจกระทรวง พม. ให้บรรลุผลเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในการแก้ไขปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชน ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ช่วยเหลือกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และผู้ยากไร้ ซึ่งในวันนี้ พมจ.แพร่ได้ร่วมกับ อบต.แม่ทราย พร้อมด้วย อพม.จังหวัดแพร่ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ และคณะทำงานขับเคลื่อนการดำเนินโครงการฯ ลงพื้นที่หมู่ 1, หมู่ 2 และหมู่ 3 ตำบลแม่ทราย อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ เพื่อมอบบ้านจำนวน 4 หลัง ที่ได้รับการปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกของผู้สูงอายุให้เหมาะสมและปลอดภัยดังกล่าว

นางสาวโสพิญฐ์ กล่าวต่อว่า พม. สนับสนุนงบประมาณในวงเงินหลังละไม่เกิน 40,000 บาท เพื่อใช้ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านผู้สูงอายุกลุ่มเปราะบางที่มีความเดือดร้อนยากจน มีที่อยู่อาศัยสภาพเก่าทรุดโทรมไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตให้ผู้สูงอายุสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคงปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ เช่น สร้างซ่อมห้องน้ำ ทำราวจับ เปลี่ยนโถส้วม ทำพื้นห้องน้ำ พื้นบ้าน ป้องกันการลื่นล้ม ซ่อมประตู หน้าต่างให้แข็งแรง ปลอดภัย เปลี่ยนหลังคาเก่าผุพังจากสังกะสีเป็นกระเบื้องที่สามารถป้องกันความร้อนเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิสูงขึ้นมีความร้อนระอุมากขึ้น เป็นต้น ภายใต้การสนับสนุนจากหน่วยงานท้องที่ท้องถื่น ซึ่งทั้ง 4 หลังดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากองค์การบริหารส่วนตำบลแม่ทราย และประชาชนจิตอาสาในพื้นที่หมู่ 1 หมู่ 2 และหมู่ 3 ตำบลแม่ทราย อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ร่วมดำเนินการอย่างดียิ่งจนสำเร็จเรียบร้อยเหมาะสมกับการดำรงชีวิตของผู้สูงอายุต่อไป

ทั้งนี้ นางสาวโสพิญฐ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า พม.จังหวัดแพร่ พร้อมขับเคลื่อนงานด้านสังคมและส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนคนเปราะบาง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน หากพบเห็นหรือเป็นผู้ประสบปัญหาความทุกข์ยากเดือดร้อนในการดำรงชีวิต สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจาก พม. ได้ที่เบอร์โทรสายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1172092062839280553
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

“กยศ.” ยันคิดดอกเบี้ย 1% … ไม่คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ย

0

https://www.natethip.com/news.php?id=8643
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

“โฮมโปร” ปลื้ม! คว้ารางวัล “แบรนด์ผู้ขายที่มียอดขายเติบโตเร็วสุด อันดับ 1”

0

https://www.natethip.com/news.php?id=8642
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

สงขลา-OTOP ทั่วไทย ร่วมใจสู่สงขลา ยกขบวนสินค้าแร้พชุมชนกว่า250 บูท มาให้ ชม ชิม ช้อป เพิ่มช่องทางการตลาดและกระตุ้นเศรษฐกิจ

0

สงขลา-OTOP ทั่วไทย ร่วมใจสู่สงขลา ยกขบวนสินค้าแร้พชุมชนกว่า250 บูท มาให้ ชม ชิม ช้อป
เพิ่มช่องทางการตลาดและกระตุ้นเศรษฐกิจ

จังหวัดสงขลาโดย สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสงขลา เปิดงาน
“OTOP ทั่วไทย ร่วมใจสู่สงขลา” ระหว่างวันที่ 12-21 กรกฎาคม
2567 โดยมีนายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา
เป็นประธาน พร้อมด้วย นายสงัด พืชพันธุ์
พัฒนาการจังหวัดสงขลา รวมถึง หัวหน้าส่วนราชการ
และผู้ประกอบการเข้าร่วม ณ
ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดสงขลา
ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคีเครือข่าย OTOP
จัดงานมหกรรมจัดแสดง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP
จากกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และ OTOP ทั่วไทย
เพื่อส่งเสริมการสร้างช่องทางการตลาด
การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP)
ในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์
ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ
พัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง
เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างเครือข่ายด้านการตลาด
ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้น
อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ OTOP และ
กิจกรรมการนวดเพื่อสุขภาพ จากกลุ่มอาชีพสตรี
ของจังหวัดสงขลา ให้เป็นที่รู้จักและแพร่หลาย
นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้มีการเจรจาด้านธุรกิจระหว่าง
ผู้ซื้อ และผู้ขายที่จะเกิดขึ้นด้วย
ภายในงานมีการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP จำนวน
250 บูธ ประกอบด้วยสินค้า 0TOP 220 บูท ชวนชิม 30 บท เช่น
อาหาร์ เครื่องดื่ม สมุนไพร เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ของใช้
ของตกแต่ง และอื่นๆอีกมากมาย /
มีกิจกรรมการแสดงด้านศิลปวัฒนธรรม การแสดงดนตรี
มาสร้างสีสันต์ และความสนุกตลอดงาน
นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสปาและนวดแผนไทย
ของกลุ่มสตรีอำเภอหาดใหญ่ ,กิจกรรมส่งเสริมการขาย
“ชั่วโมงทอง”
กิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
(การไลฟ์สด) ด้วย / สามารถร่วมงานได้ ตั้งแต่บัดนี้ ถึง 21 ก.ค.
67 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ม.อ.
หาดใหญ่ จ.สงขลา
เขียนข่าวโดย :ผศ.ดร.พิมพาภรณ์ วงศ์เตชะนนท์
เสนอข่าวโดย : นายณัฎฐ์ธนัน วงศ์เตชะนนท์ /นายศุภาชัย เพชรยศ
บริษัทมหานครเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด

ปัญหา “ทับลาน” ไม่ซับซ้อน! กันที่ดิน “อุทยาน” ให้ “ส.ป.ก.” เพื่อออก “โฉนด” ปั่นราคาขาย

0

https://www.natethip.com/news.php?id=8641
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยเชิญร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการ ร้อยเรื่องราว 100 ปี มองโลกแบบ “วิลาศ มณีวัต”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ขอเชิญร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการ “ร้อยเรื่องราว ๑๐๐ ปี มองโลกแบบ วิลาศ มณีวัต” เนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งร้อยปีชาตกาล “วิลาศ มณีวัต” นักเขียนอารมณ์สีชมพู

ในวันวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2567  ณ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์กรุงเทพ) สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อว่า สวนโมกข์กรุงเทพ  ถนนนิคมรถไฟสาย 2 เขตจตุจักร กรุงเทพฯ โทร. 02 936 2800 www.bia.or.th

งานเริ่มตั้งแต่ เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป

โดยมีกิจกรรมดังนี้

– พิธีเปิดนิทรรศการ โดย นางนรีภพ จิระโพธิรัตน์ นายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
– การอ่านบทกวีเปิดงาน 100 ปี วิลาศ มณีวัต นักเขียนอารมณ์สีชมพู โดยคุณชมัยภร บางคมบาง (ไพลิน รุ้งรัตน์) ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์
– เสวนาหัวข้อ ร้อยเรื่องราววิลาศ : ธรรมะ นักประพันธ์ อารมณ์ขัน และสังคมไทย ร่วมเสวนาโดย คุณชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์, ทายาทคุณวิลาศ มณีวัต, คุณอาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ และดำเนินรายการโดยคุณจรูญพร ปรปักษ์ประลัย
– หลังเสวนา พบกับกิจกรรมอ่านบทกวี / การแสดง / และเชิญชมนิทรรศการ

นิทรรศการ ร้อยเรื่องราว 100  ปี มองโลกแบบ “วิลาศ มณีวัต” ณ สวนโมกข์กรุงเทพ จัดแสดงตั้งแต่ วันที่ 18 กรกฎาคม 2567 ถึง วันที่ 30 สิงหาคม 2567
ติดตามอ่านประวัติเบื้องต้น “วิลาศ มณีวัต” และขอบคุณข้อมูล  https://pridi.or.th/th/content/2024/05/1980

สอบถามเพิ่มเติมทางแชท หรือ โทร. 08 2297 5968 (อมรศักดิ์) :Cr;มณสิการ รามจันทร์

“องคมนตรี” เปิดสัมมนาวิชาการระดับชาติ “นวัตกรรมขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตคนพิการสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 6 รอบ 72 พรรษา”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี เป็นประธานเปิดงานสัมมนาวิชาการระดับชาติด้านคนพิการ ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 (The 16th National Conference on Persons with Disabilities – NCPD 2024) หัวข้อ “นวัตกรรมขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตคนพิการสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 6 รอบ 72 พรรษา” “Innovation Driving for Quality of Life of Persons with Disabilities Towards the Sustainable Thai Society on the Auspicious Occasion of His Majesty the King’s 72nd Birthday” ซึ่งจัดโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และภาคีเครือข่ายทางวิชาการ 90 แห่ง

โดยมี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “คุณภาพชีวิตคนพิการสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน” นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. กล่าวรายงาน นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กล่าวความเป็นมา และนายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. คณะผู้บริหารกระทรวง พม. ผศ.ดร.คณิศรา ธัญสุนทรสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ศ.ดร.เสถียร ธัญญศรีรัตน์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน นายณฐรัช ทองเจิม ผู้ช่วยผู้อำนวยการกองพัฒนานักศึกษา ผู้แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พลตรียุทธนา มีทิพย์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 เครือข่ายสถาบันการศึกษา นักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ เครือข่ายองค์กรคนพิการ คนพิการ และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน รวมถึงสถานประกอบการ จำนวนกว่า 1,600 คน เข้าร่วมงาน ณ หอประชุมศูนย์การศึกษาสามพร้าว มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (ศูนย์การศึกษาสามพร้าว) จังหวัดอุดรธานี

นอกจากนี้ มีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ระหว่างกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวง พม. ร่วมกับสถาบันการศึกษา หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จำนวน 90 แห่ง โดย พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ได้พูดคุยและขอบคุณผู้แทนที่มาร่วมลงนามความร่วมมือครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือทางวิชาการด้วยเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านวิชาการ วิจัยและพัฒนา นวัตกรรม เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยีที่เหมาะสมตามหลักการออกแบบที่เป็นสากล (Universal Design) สำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการอย่างเท่าเทียมในสังคม และเพื่อการจัดทำแผนปฏิบัติการภายใต้บันทึกความร่วมมือตามบทบาทภารกิจ ความเชี่ยวชาญ และความสนใจ รวมถึงให้มีการติดตาม ประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดระยะต่อไป

สำหรับกระทรวง พม. โดย พก. มีความร่วมมือในการดำเนินการสำคัญ ดังนี้ 1) การบูรณาการและประสานความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ และการวิจัยเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 2) การสนับสนุนสถาบันการศึกษา หน่วยงาน และองค์กรเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ในด้านต่าง ๆ เช่น องค์ความรู้ ในรูปแบบสหวิทยาการ งบประมาณตามความจำเป็น เพื่อการศึกษาวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้และส่งเสริมการนำผลงานวิจัย นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ เทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวก เทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยีที่เหมาะสม ตามหลักการออกแบบที่เป็นสากล (Universal Design) 3) การจัดให้มีสถานที่สำหรับการศึกษาดูงาน และการฝึกภาคปฏิบัติ สำหรับนิสิต นักศึกษาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง กับการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ทั้งระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และบัณฑิตศึกษา และ 4) เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดสัมมนาทางวิชาการระดับชาติด้านคนพิการ เป็นต้น#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธศิลปอาชา #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว #คนพิการ #สัมมนาวิชาการระดับชาติด้านคนพิการ #mou:Cr;มณสิการ รามจันทร์                        

ยกระดับการรักษามะเร็งปอดด้วยนวัตกรรมใหม่เพิ่มเวลาชีวิตให้คนไข้ เผย ใช้ Enhanze®; rHuPH20 นำส่งยา

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//คนไทยป่วยมะเร็งปอดรายใหม่ วันละ 64 คน เสียชีวิตอันดับ 2 ของมะเร็งในไทย ปัจจัยจากพันธุกรรม พบได้มากในผู้ป่วยชาวเอเชีย แม้ไม่สูบบุหรี่-ไม่ได้รับฝุ่น PM2.5 เผยนวัตกรรมให้ยาภูมิคุ้มกันบำบัด รูปแบบฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ลดเวลาการรักษาจาก 1 ชั่วโมง เหลือ 7 นาที ประสิทธิภาพ-ความปลอดภัยไม่ต่างจากวิธีเดิม แต่ผู้ป่วยกลับบ้านได้เร็ว รพ.สามารถช่วยคนไข้ได้เพิ่มมากขึ้น
ศ.ดร.นพ.วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์ อายุรแพทย์ สาขามะเร็งวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานคณะทำงานมะเร็งปอดเพื่อคนไทย ภายใต้มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถานการณ์มะเร็งปอดในปัจจุบัน นับเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่น่า เป็นห่วง ของประเทศไทย และมีผลต่อการเพิ่มภาระทางสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ ถือเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อย เป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง แต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 23,494 คน หรือวันละ 64 คน เป็นเพศชาย 15,200 คน และเพศหญิง 8,294 คน ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 19,864 คน หรือคิดเป็น 54 คนต่อวัน1 นับเป็นมะเร็งที่มีอุบัติการณ์ และอัตราการเสียชีวิตที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย เป็นปัญหาที่ทางสาธารณสุข ควรเข้ามาแก้ไขอย่างเร่งด่วน
สำหรับปัจจัยเสี่ยงแบ่งออกเป็น 1.ปัจจัยที่หลีกเลี่ยงได้ การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด ซึ่งร้อยละ 85 ของผู้ป่วยมะเร็งปอดเกิดจากการสูบบุหรี่ ปัจจัยอื่นๆ ที่อาจมีผล ได้แก่ การได้รับมลภาวะทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5, การเผาถ่าน, การสัมผัสกับก๊าซเรดอน และสารก่อมะเร็งอื่น ๆ เช่น แร่ใยหิน โครเมียมและรังสี และ 2.ปัจจัยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น อายุ

“แต่ละปีคนไทยเสียชีวิตด้วยมะเร็งสูงกว่าเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนนถึง 6 เท่า อุบัติการณ์ และอัตราการเสียชีวิตด้วยมะเร็งปอดในประเทศไทยสูงเป็นอันดับ 2 เมื่อเทียบกับมะเร็งชนิดต่างๆ นำมาซึ่งการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนไทย โดยกว่า 80% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดเสียชีวิตภายใน 5 ปี” ศ.ดร.นพ.วิโรจน์ กล่าว
รศ.นพ. วิเชียร ศรีมุนินทร์นิมิต อายุรแพทย์ สาขามะเร็งวิทยา โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ กล่าวว่า โรคมะเร็งปอดมี 2 ชนิด 1. มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก และ 2. มะเร็งปอด ชนิดเซลล์ไม่เล็ก วิธีในการรักษาโรคมะเร็งปอดมีหลายวิธีแตกต่างกัน การพิจารณาเลือกวิธีในการรักษา ขึ้นกับชนิด และระยะของมะเร็งปอดตลอดจนสภาพร่างกายของผู้ป่วยเป็นสำคัญซึ่งในปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่มักจะรู้จักเพียงการ ผ่าตัด การฉายแสง หรือ การฉายรังสี และการให้ยาเคมีบำบัด4 เนื่องจากเป็นการรักษา ที่มีมานาน และคนไทยมีความ คุ้นชิน
ปัจจุบันการรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก มีวิวัฒนาการความก้าวหน้าของการรักษาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่สามารถรักษาได้อย่างเฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็งมากยิ่งขึ้น และลดอาการข้างเคียงจากการ ใช้ยาเคมีบำบัดในรูปแบบเดิม ทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น เพิ่มอัตราการรอดชีวิต หรือสามารถควบคุมโรคได้ดียิ่งขึ้น

ได้แก่ 1.การรักษาแบบเฉพาะเจาะจง (targeted therapy) หรือการรักษาโดยใช้ยามุ่งเป้า โดยการใช้ยาที่ ออกฤทธิ์เฉพาะเจาะจงต่อเซลล์มะเร็ง ทำให้ให้ประสิทธิผลในการรักษาดีขึ้นและและมีผลข้างเคียงต่อเซลล์ปกติน้อย และ 2.การใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy) เป็นยากลุ่มใหม่ที่ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกาย ให้สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งได้ ปัจจุบันมีการใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยจะมีรูปแบบการบริหารยาเป็นการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ ทางสายน้ำเกลือ
ขณะที่ นายแพทย์ ยศวัจน์ รุ่งโรจน์วัฒนา อายุรแพทย์ สาขามะเร็งวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวว่า ยาภูมิคุ้มกันบำบัดที่นำมารักษา คนไข้ มะเร็งปอดทั้งในส่วนของเป็นยาเดี่ยว หรือการใช้ ร่วมกับยาเคมีบำบัด ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ดี และมีผลข้างเคียงที่ควบคุมได้ โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ที่ยาในกลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งแต่เดิมจะบริหารยาด้วยวิธีฉีดเข้าเส้นเลือดดำแต่ในปัจจุบัน มีนวัตรกรรมใหม่ ที่มีการนำ Halozyme Therapeutics’ drug delivery technology (Enhanze®; rHuPH20) มาใช้ในการนำส่งยาซึ่งในอดีต การฉีดยาใต้ผิวหนังจะสามารถที่จะฉีดยาได้ปริมาณเพียง 1-2 มิลลิลิตร แต่ด้วยการมี นวัตกรรมที่ผสม ไฮยาลูโรนิคเดสเข้าไปเพื่อสลายไฮยาลูโรแนนเพื่อทำให้ช่องว่างชั่วคราวภายใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้สามารถเพิ่ม การนำส่ง ยาใต้ผิวหนังได้ปริมาณที่มากขึ้น โดยนำนวัตกรรมนี้มาใช้ในยาหลากหลายไม่ว่าเป็นยารักษามะเร็ง ยาเบาหวาน รวมถึง ยาในกลุ่มภูมิคุ้มกันบำบัด โดยจากการศึกษาทางคลินิก พบว่าการให้ยาด้วยวิธีทางใต้ผิวหนัง เทียบกับการให้ยา ทางหลอดเลือดำมีประสิทธิภาพและความปลอดภัย ไม่แตกต่างจากการบริหารยาด้วยวิธีเดิม แต่สามารถที่จะลด ระยะเวลาในการบริหารยาได้ลดลง จาก 1 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 7 นาที

“ระยะเวลาในการบริหารยาลดลงทำให้ คนไข้สามารถที่จะกลับบ้านได้อย่างรวดเร็ว สามารถไปใช้ชีวิต ประจำวันได้ตามที่ต้องการ ส่วนโรงพยาบาลและบุคลลากรทางการแพทย์ สามารถที่จะช่วยเหลือคนไข้ หรือสามารถที่จะเพิ่ม ประสิทธิภาพของหน่วยมะเร็งได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ การบริหารยาด้วยวิธีการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง จำเป็นจะต้องวางแผนการรักษา ระหว่าง อายุรแพทย์โรคมะเร็งกับคนไข้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับคนไข้” นายแพทย์ยศวัจน์ กล่าว :Cr;มณสิการ รามจันทร์