วันศุกร์, สิงหาคม 8, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 194

“วราวุธ” รมว.พม. ขึ้นเวที สมาคมนักศึกษา วตท. ย้ำ นโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร ช่วยลดผลกระทบสังคมสูงวัย สร้างความมั่นคงของมนุษย์

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 เวลา 14.30 น. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง กำหนดทิศทางผลกระทบของสังคมสูงวัยต่อความมั่นคงของมนุษย์และการพัฒนาสังคม (Navigating the Impacts of an Aging Society on Human Security and Social Development) ในการประชุมธุรกิจของสมาคมนักศึกษาสถาบันวิทยาการตลาดทุน (ACMA Business Forum 2024) ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพมหานคร

นายวราวุธ กล่าวว่า จากสถานการณ์ประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรจากอัตราการเกิดลดลง ประชากรวัยทำงานลดลง ในขณะที่ประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น โดยในปี 2567 มีประชากรสูงอายุ 13 ล้านคน หรือ ร้อยละ 20 ในขณะที่มีเด็กเกิดใหม่ 5.18 แสนคนเท่านั้น (ข้อมูลกรมการปกครอง ณ 19 ม.ค. 2567) และในปี 2576 คาดการณ์ว่าจะมีประชากรผู้สูงอายุสูงถึง 18.38 ล้านคน หรือร้อยละ 28 ส่งผลให้ประเทศไทยกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด โดยมีผู้สูงอายุยังคงทำงาน ประมาณ 5.11 ล้านคน หรือร้อยละ 37.5 ของผู้สูงอายุทั้งหมด และภายใน 10 ปี ข้างหน้า กลุ่มประชากรวัยแรงงานตอนปลายกำลังทยอยเข้าสู่วัยสูงอายุกลายเป็นคลื่นมนุษย์ขนาดมหึมาที่กำลังเข้ามาสมทบกลุ่มประชากรสูงอายุที่มีจำนวนและสัดส่วนมากอยู่แล้ว ยิ่งเร่งให้จำนวนเพิ่มขึ้นเร็วมากขึ้น

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับการดูแลเกื้อหนุนผู้สูงอายุ (Potential Support Ratio) จะเป็นภาระที่เพิ่มขึ้นของประชากรวัยทำงาน ผู้สูงอายุอาศัยรายได้อุดหนุนจากครอบครัว ร้อยละ 32.2 ในขณะที่มีรายได้จากการทำงานด้วยตนเอง ร้อยละ 32.4 ผู้ที่อยู่ในวัยใกล้เป็นผู้สูงอายุ (อายุ 50 – 59 ปี) มีภาระในการเกื้อหนุนผู้สูงอายุรุ่นพ่อแม่ (อายุ 80 ปีขึ้นไป) เพิ่มขึ้น ซึ่งผลกระทบของสังคมสูงวัย ได้แก่ 1. ระบบสวัสดิการและหลักประกันของรัฐมีแนวโน้มล้มละลาย 2. ครอบครัวไทยกำลังเลือนหาย และ 3. ประชากรวัยเด็กและแรงงานน้อยลง และผลิตภาพ (Productivity) ของประชากรยังคงอยู่ในระดับต่ำ “เด็กน้อย แรงงานน้อย ด้อยคุณภาพ”

นายวราวุธ กล่าวว่า เพื่อเป็นการแก้ไขสถานการณ์ปัญหาโครงสร้างประชากรดังกล่าว กระทรวง พม. ได้ขับเคลื่อนนโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร ประกอบด้วย 1. เสริมพลังวัยทำงานตั้งตัวได้ สร้างและดูแลครอบครัวได้พร้อมสูงอายุอย่างมีคุณภาพ 2. เพิ่มคุณภาพและผลิตภาพของเด็กและเยาวชน เด็กน้อยแต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ 3. สร้างพลังผู้สูงอายุ ผ่อนหนักให้เป็นเบา พลิกวิกฤตทางประชากรให้เป็นโอกาส 4. เพิ่มโอกาสและเสริมสร้างคุณค่าคนพิการ และ 5. สร้างระบบนิเวศ (Eco – System) ที่เหมาะสม เพื่อพัฒนาความมั่นคงของครอบครัว

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับการสร้างพลังผู้สูงอายุนั้น ผ่อนหนักให้เป็นเบา พลิกวิกฤตทางประชากรให้เป็นโอกาส จำเป็นต้องขับเคลื่อนงานสำคัญ ดังนี้.1. มุ่งเน้นการป้องกันโรคมากกว่าการรักษาโรค และการเสริมพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของผู้สูงอายุ 2. ขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้ผู้สูงอายุ ขยายอายุเกษียณ ส่งเสริมการจ้างงาน พัฒนาทักษะด้านดิจิทัลเทคโนโลยี (Digital Literacy) และลดข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของผู้สูงอายุ 3. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการดูแลผู้สูงอายุในชุมชน เช่น จัดระบบบริบาลผู้สูงอายุในชุมชน และพัฒนาระบบคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชนโดยชุมชน เป็นต้น

4. ส่งเสริมให้มีสภาพแวดล้อม ทั้งภายในบ้าน รอบบ้าน และในชุมชนที่เอื้อต่อการทำกิจวัตรประจำวัน การสัญจรและการมีส่วนร่วมทางสังคมของผู้สูงอายุ และ 5. ส่งเสริมให้มีการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในทุกมิติ เพื่อให้เกิดการทำงานแบบบูรณาการอย่างครบวงจรกับผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม ขอฝากให้ทุกภาคส่วนร่วมกัน “คืนลูกให้ครอบครัว คืนครอบครัวให้สังคม คืนสังคมให้ประเทศ” เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตในระยะสั้น และหาแนวทางเพิ่มปริมาณในระยะยาว โดยทำอย่างรู้เท่าทันโลก ทำอย่างมุ่งเป้า ทั่วถึง เป็นธรรม และมุ่งเน้นให้เกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพ เพื่อครอบครัวที่มั่นคงและชุมชนที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธศิลปอาชา #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว #ฝ่าวิกฤตประชากร #ผู้สูงอายุ :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

“วราวุธ” รมว.พม. ยืนยัน อนุสัญญาสิทธิเด็ก ข้อที่ 22 ไม่ได้ให้สัญชาติเด็กต่างชาติ ย้ำปม คุ้มครองดูแลเด็กเท่านั้น ขอ ช่วยกระจายข้อมูลที่ถูกต้อง

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สะพานขาว กรุงเทพฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.)  กล่าวถึงกรณีที่มีสื่อโซเชียลมีเดียมีคอนเทนต์ครีเอเตอร์ท่านหนึ่งและพี่น้องประชาชนอีกจำนวนมากตั้งข้อสังเกต เกี่ยวกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก โดยเฉพาะข้อที่ 22 ที่กำหนดให้เด็กคนหนึ่งมีสิทธิที่จะได้รับการดูแลไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาการรักษาพยาบาลเรื่องอาหาร เรื่องการเจริญเติบโตที่ประเทศไทยจะต้องให้ความคุ้มครองกับเด็กที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ประเทศไทยนั้นมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าภายใต้ข้อ 22 นั้นประเทศไทยจะต้องให้สัญชาติไทยกับเด็กเหล่านั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนผิดโดยสิ้นเชิงนายวราวุธ กล่าวว่า ขออนุญาตทำความเข้าใจว่าในข้อที่ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ไม่ได้พูดถึงการให้สัญชาติประเด็นนี้เลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งที่เน้นในข้อที่ 22 คือการคุ้มครองดูแลเด็กคนหนึ่งให้เขาสามารถเจริญเติบโตทั้งกายและใจตามสิ่งที่เด็กคนหนึ่งพึงจะมี และที่สำคัญข้อที่ 22 นี้ ทั่วโลกได้มีการนำไปประยุกต์ใช้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งประเทศไทยของเราในทางกลับกันเป็นประเทศสุดท้าย จากกว่า 100 ประเทศที่ให้การรับรองข้อที่ 22 นี้ใช้เวลาเกือบ 40 ปี กว่าจะรับรองข้อบทนี้ แต่ว่าต้องขอย้ำบางท่านอาจจะตั้งข้อสังเกตว่าทำไมจะต้องไปดูแลเด็กต่างชาติ เด็กไทยเราไม่ดูแล ซึ่งในกรณีนี้เราดูแลเด็กทุกคน และในทางกลับกันถ้าหากว่ามีคนไทยไปตกระกำลำบากที่ต่างประเทศหรือว่ามีเด็กไทยไปตกระกำลำบาก ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับประเทศอื่น ประเทศเหล่านั้นก็จะต้องดูแลเด็กไทยเช่นเดียวกับเด็กของเขาเช่นกันแต่ไม่ได้ให้สัญชาติกับผู้ใดโดยเด็ดขาด

นายวราวุธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ดังนั้น ขออนุญาตทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าการที่ประเทศไทยให้การรับรองข้อที่ 22 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กนั้น ไม่ได้เป็นการรับรองให้สัญชาติกับผู้ใดขอให้ความสบายใจกับพี่น้องประชาชนและทำความเข้าใจ และที่สำคัญขอฝากบอกต่อๆกันเพราะว่าความเข้าใจผิดนั้นกระจายเหลือเกินแต่พอจะให้เข้าใจถูกไม่ค่อยกระจาย จึงขอฝากช่วยกันกระจายข้อมูลที่ถูกต้องด้วย#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธศิลปอาชา #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว #อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

จีนเชื่อมั่น “ไก่ไทย”.. รับรองโรงงานส่งออกเพิ่มอีก 3 โรง!

0

https://www.natethip.com/news.php?id=8949
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

ศุลกากรปราบเรียบ “สินค้าไม่ได้มาตรฐาน-สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสังคม”

0

https://www.natethip.com/news.php?id=8948
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

ป.ป.ช. ไล่บี้สัมปทาน “ประปาปทุม”.. หลังบอร์ดมุบมิบ ดอดต่อสัญญา 10 ปี

0

https://www.natethip.com/news.php?id=8947
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://linevoom.line.me/?utm_source=chrome_app&utm_medium=windows
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

“วราวุธ” รมว.พม. คิกออฟ “จังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็ก เมืองสร้างเด็ก เด็กสร้างเมือง” เริ่ม สุพรรณบุรี 1 ใน 12 จว. นำร่อง

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 เวลา 16.00 น. ที่สวนเฉลิมภัทรราชินี (หอคอยบรรหาร – แจ่มใส สุพรรณบุรี) จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานเปิดงาน Kick off : จังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็ก เมืองสร้างเด็ก เด็กสร้างเมือง ภายใต้กิจกรรม จังหวัดสุพรรณน่าอยู่สำหรับเด็ก เมืองสร้างเด็ก เด็กสร้างเมือง และกิจกรรมพื้นที่สร้างสรรค์ มหัศจรรย์เด็กสุพรรณ พร้อมกล่าว Ted talk ในหัวข้อ “พลังเครือข่ายในการสร้างจังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็ก เมืองสร้างเด็ก เด็กสร้างเมือง” โดยมี นายณัฐภัทร  สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี  นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.)  พร้อมด้วย นางอภิญญา ชมภูมาศ อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน คณะผู้บริหารกระทรวง พม. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคีเครือข่ายด้านเด็กและเยาวชน เข้าร่วมงาน

นายวราวุธ กล่าวว่า หนึ่งในกลุ่มเป้าหมายหลักของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คือ เด็กและเยาวชน โดยมีกรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการพัฒนาเด็กและเยาวชนในภาพรวม  อีกทั้งภารกิจของกระทรวง พม. ในภาพรวม มีการดำเนินงานกับบุคคลแวดล้อมเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. จึงได้ขับเคลื่อนนโยบาย 5X5 ฝ่าวิกฤตประชากร ประกอบด้วย 5 ข้อเสนอ ข้อเสนอละ 5 มาตรการ ที่ครอบคลุมการดำเนินงานด้านเด็กและเยาวชน วัยทำงาน ผู้สูงอายุ คนพิการ และสภาพแวดล้อมของครอบครัว ชุมชน โดยมุ่งเสริมพลังทางสังคมในการสร้างสังคมเข้มแข็ง ไม่ทอดทิ้งกัน ผ่านความร่วมมือในการทำงานของทุกภาคส่วน บนฐานของทุนทางสังคมและวัฒนธรรมที่ดีงามของสังคมไทย ซึ่งการจัดโครงการจังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็ก เมืองสร้างเด็ก เด็กสร้างเมือง ในพื้นที่ 12 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ จังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม เพชรบุรี อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด พะเยา เชียงราย ปัตตานี สงขลา พิษณุโลก ลพบุรี และสกลนคร นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้างความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ในการสนับสนุนงานด้านเด็กและเยาวชน โดยเริ่มจากการสนับสนุนเชิงนโยบายในระดับจังหวัด จนถึงการปฏิบัติงานตามกิจกรรมที่กำหนดร่วมกันในระดับพื้นที่ชุมชน

นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับกรอบทิศทางการขับเคลื่อนงานด้านเด็กและเยาวชนตามโครงการนี้ คือ เด็กเข้าถึงสิทธิสวัสดิการ 100% ยกระดับสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย เด็กและเยาวชนเข้มแข็งทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ การมีส่วนร่วมจากครอบครัวและพื้นที่ และการขับเคลื่อนกิจกรรมที่สอดรับกับบริบทสถานการณ์ของพื้นที่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการได้อย่างเป็นจริง ซึ่งจังหวัดสุพรรณบุรี ถือเป็น 1 ในจังหวัดนำร่อง 12 จังหวัด และเป็นจังหวัดแรกของการเปิดตัวโครงการนี้ วันนี้จึงแสดงถึงพลังความร่วมมือในการทำงานด้านเด็กและเยาวชนของทุกภาคส่วน ที่จะได้ร่วมพัฒนาเด็กและเยาวชนของจังหวัดสุพรรณบุรี ให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ภายใต้โครงการกิจกรรมที่หลากหลาย สร้างการมีส่วนร่วมตั้งแต่ระดับนโยบายถึงระดับปฏิบัติ ครอบคลุมกลุ่มเด็กทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กปฐมวัยถึงสภาเด็กและเยาวชน ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ได้ร่วมกันขับเคลื่อนงานต่อไป เพื่อเสริมพลังทางสังคมในทุกระดับ ช่วยให้สังคมเข้มแข็ง เช่นเดียวกับการเสริมพลังให้เด็กและเยาวชน จะเป็นการสร้างพลังสำคัญที่ทำให้จังหวัดสุพรรณบุรีเข้มแข็ง ประเทศไทยเข้มแข็งในอนาคตอย่างแน่นอน

นายวราวุธ กล่าวว่า งาน “จังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็ก เมืองสร้างเด็ก เด็กสร้างเมือง” ภายใต้กิจกรรม จังหวัดสุพรรณน่าอยู่ สำหรับเด็ก เมืองสร้างเด็ก เด็กสร้างเมือง และกิจกรรมพื้นที่สร้างสรรค์ มหัศจรรย์เด็กสุพรรณบุรี เป็นการพัฒนาจังหวัดนำร่อง เพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนในพื้นที่เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ บูรณาการความร่วมมือการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในพื้นที่ และเสริมสร้างความเข้มแข็งของกลไกและเครือข่ายการทำงานในระดับพื้นที่ โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย ได้แก่ 1. สภาเด็กสร้างสรรค์ 2. พม.พอใจ:ให้ทุกวัยพึงใจใน พม. 3. กิจกรรมสืบสานดนตรีไทย 4. Cooking with kids 5. ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว 6. Art for kids 7. กิจกรรมวาดภาพระบายสี  8. กิจกรรมนันทนาการ  9. กิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงบวกในครอบครัวกับ FamSkool 10. กิจกรรมปิดเทอมสร้างสรรค์  11. กิจกรรมเล่นเปลี่ยนโลก 12. กิจกรรมศิลปะด้านในสร้างพลังใจพลังชีวิตเด็ก 13. นิทรรศการจากสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยต้นแบบ 14. การแสดงจากเด็กและเยาวชน และ 15. กิจกรรม Ted talk #ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme  #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว #Kickoff #จังหวัดน่าอยู่สำหรับเด็ก #เมืองสร้างเด็กเด็กสร้างเมือง #สุพรรณบุรี:CR;มณสิการ รามจันทร์ 

ประธานวุฒิสภาพร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา ร่วมกับสมาพันธ์ออฟโรดแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จังหวัดน่าน

0

ประธานวุฒิสภาพร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา ร่วมกับสมาพันธ์ออฟโรดแห่งประเทศไทย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม จังหวัดน่าน

วันที่ 7-8 กันยายน 2567 นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พร้อมด้วย นางสาวเกศกมล เปลี่ยนสมัย นายมังกร ศรีเจริญกูล นางวาสนา ยศสอน สมาชิกวุฒิสภา ร่วมกับสมาพันธ์ออฟโรดแห่งประเทศไทย นำสิ่งของช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดน่าน ซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย

โดยได้ลงพื้นที่ให้กำลังใจ ร่วมกับชมรมผู้ใช้รถยนต์ออฟโรด ภายใต้กิจกรรม “ออฟโรดรวมใจ ช่วยโรงเรียนน้อง ผู้ประสบภัยน้ำท่วม“ ซึ่งได้รวมตัวกันบริจาคเงินและสิ่งของที่จำเป็น อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนการสอน เครื่องปริ้นเตอร์ อุปกรณ์กีฬา ถุงยังชีพ เป็นต้น เพื่อมอบให้แก่โรงเรียนที่ประสบภัยในพื้นที่อำเภอท่าวังผา อำเภอทุ่งช้าง และอำเภอปัว จังหวัดน่าน จำนวน 10 โรงเรียน รวมมูลค่าประมาณกว่า 400,000 บาท โดยประธานวุฒิสภา ได้กล่าวว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อสังเกตการณ์กรณีน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่จังหวัดน่าน ซึ่งได้เห็นการทำงานของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ในการเตรียมความพร้อมทั้งก่อนเกิดและขณะเกิดสถานการณ์ รวมทั้งการแก้ไขเยียวยาฟื้นฟูสถานการณ์ภายหลังเกิดอุทกภัยได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ครู นักเรียน และพี่น้องที่ประสบอุทกภัย โดยการนำความห่วงใยของสมาชิกวุฒิสภาลงไปสู่ประชาชน ซึ่งได้ไปร่วมกับพี่น้องชาวออฟโรดจากจังหวัดต่าง ๆ บริจาคสิ่งของที่จำเป็นด้วยจิตอาสาที่ต้องการทำความดีแทนคุณแผ่นดิน แบ่งปันความสุข บรรเทาทุกข์ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

ปลัด พม. เปิดเวทีนานาชาติ ส่งเสริมเสมอภาค-หลากหลายทางเพศ ชู “คุณค่าเพื่อถ่ายทอด ต่อยอดความเท่าเทียม”

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2567 เวลา 11.00 น. ที่สยามภวาลัย รอยัล แกรนด์เธียร์เตอร์ ชั้น 6 ศูนย์การค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ  นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานเปิดการสัมมนาระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและความหลากหลายทางเพศ (International Conference On Gender Equality 2024) ภายใต้แนวคิด “คุณค่าเพื่อถ่ายทอด ต่อยอดความเท่าเทียม” (Voices of the World: Gender Equality for All) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 8 – 10 กันยายน 2567 โดยมี คณะผู้บริหารกระทรวง พม. คณะผู้บริหารเครือกันตนา เอกอัครราชทูตและผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตในประเทศไทย ผู้แทนจากหน่วยงานภายใต้สหประชาชาติ ผู้แทนจากประเทศเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เนเธอร์แลนด์ และเวียดนาม และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เข้าร่วมงาน

นายอนุกูล กล่าวว่า การสัมมนาระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและความหลากหลายทางเพศ (International Conference On Gender Equality 2024) ภายใต้แนวคิด “คุณค่าเพื่อถ่ายทอด ต่อยอดความเท่าเทียม” (Voices of the World: Gender Equality for All) เป็นเวทีที่สำคัญสำหรับเราทุกคน ที่เชื่อมั่นในคุณค่าของความแตกต่างหลากหลาย ความเท่าเทียม ความยุติธรรม และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง สังคมของเรา ยังคงมีผู้คนที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ใจ ความเหลื่อมล้ำ และการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมที่เราทุกคนมีความรักและห่วงใยซึ่งกันและกัน สำหรับกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTIQ+ คือกลุ่มคนหนึ่งที่ยังต้องต่อสู้เพื่อสิทธิและศักดิ์ศรีในการเป็นตัวเอง เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนควรได้รับสิทธิในการแสดงออกได้อย่างเสรี

นายอนุกูล กล่าวว่า นอกจากนี้ ในด้านกฎหมายสมรสเท่าเทียม เป็นที่ทราบกันว่าวุฒิสภาเพิ่งให้ผ่านกฎหมายข้อนี้ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน 2567 ซึ่งทำให้เรากลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญและผลักดันให้เกิดเป็นกฎหมาย โดยระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนก่อนการบังคับใช้ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนมีการเตรียมการความพร้อมเพื่อให้เกิดกลไกการทำงานเพื่อรองรับร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม ที่จะออกมาบังคับใช้ เพื่อให้สังคมได้ตื่นตัวถึงเรื่องนี้

นายอนุกูล กล่าวต่อไปว่า สำหรับ กลุ่มคนพิการก็เช่นกัน หลายคนยังต้องเผชิญกับอุปสรรค ทั้งทางกายภาพและทางสังคม การไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้ หรือการถูกจำกัดโอกาสในการทำงาน ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง แต่คนพิการควรได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมในการแสดงศักยภาพของตนเอง เพราะคนพิการคือผู้ที่มีความสามารถในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติ รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุที่อาจถูกมองว่าคุณค่าลดลง ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญของสังคม แต่ผู้สูงอายุคือคลังปัญญาที่อุดมด้วยองค์ความรู้ ประสบการณ์ และบทเรียนที่มีคุณค่า

สำหรับถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหลัง  ซึ่งเราจึงต้องเสริมพลังและคุณค่าให้กับปู่ย่า-ตายายในการมีส่วนร่วมทางสังคม นอกจากนี้ กลุ่มผู้ด้อยโอกาสซึ่งยังไม่สามารถเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในทุกมิติ ไม่ควรถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะทุกคนควรมีสิทธิ์ที่จะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งที่ตนอยากเห็นในวันนี้ และในอนาคตของสังคมไทย คือ สังคมที่โอบรับความแตกต่างหลากหลาย เป็นสังคมที่ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี สามารถดำรงชีวิตได้ตามฐานานุรูป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ อาจไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่จะเกิดขึ้นได้จากการที่เราทุกคนในสังคม เริ่มก้าวเดินไปพร้อมกัน เราต้องรับฟังกันและกัน เปิดใจรับรู้กับคนรอบข้าง และเมื่อเราทำเช่นนี้ ความเท่าเทียมในสังคมจะกลายเป็นความจริงที่จับต้องได้#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #1300 #วราวุธรับฟังทำจริง #พมพอใจให้ทุกวัยพึงพอใจในพม #พมหนึ่งเดียว #ความเท่าเทียมทางเพศ #ความหลากหลายทางเพศ #ความเสมอภาค :Cr;มณสิการ รามจันทร์