วันเสาร์, มิถุนายน 28, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 2111

“SACICT” โชว์ 50 ผลงานสุดครีเอท “ผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN” ชิง 5 สุดยอดผลงานชนะ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT โชว์ 50 ผลงานแฟชั่น
สุดสร้างสรรค์ ยกทัพนางแบบนายแบบ เปิดรันเวย์ชิงสุดยอดผลงานชนะเลิศ โครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ (SACICT AWARD 2020) “ผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN” พร้อมเดินหน้าสู่
การยกระดับเสื้อผ้าแฟชั่นจากผ้าไทยที่มีความร่วมสมัย ตอบโจทย์ตรงใจทุกเจเนอเรชั่น และพัฒนา
ต่อยอดผลงานสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นทั้งในและต่างประเทศเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2563 ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) หรือ SACICT ได้จัดงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัล โครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ (SACICT AWARD 2020) ภายใต้หัวข้อ “ผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN” โดยได้รับเกียรติจาก นายพรพล เอกอรรถพร ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) เป็นประธานในพิธี ซึ่งภายในงานได้นำ
50 ผลงานสุดสร้างสรรค์ที่ผ่านการคัดเลือก และได้รับการตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าที่สมบูรณ์แบบมาจัดแสดง
บนรันเวย์การประกวดในรอบชิงชนะเลิศ พร้อมแฟชั่นโชว์ผ้าไทยจากแบรนด์ชั้นนำ โดยศิลปินดาราชื่อดัง
อาทิ ณิชา-ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์, ตั๊ก-นภัสรัญชน์ มิตรธีรโรจน์, อ๊ะอาย-กรณิศ เล้าสุบินประเสริฐ และ
มินิคอนเสิร์ตจาก เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ ณ อาคารศาลาพระมิ่งมงคล ชั้น 1 ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
นายพรพล เอกอรรถพร ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) เปิดเผยว่า จากการที่ SACICT ได้จัดโครงการประกวดผลงานศิลปหัตถกรรมเชิงสร้างสรรค์ (SACICT AWARD 2020)
โดยเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีความสามารถได้นำเสนอแนวคิดการออกแบบสร้างสรรค์ประเภทแฟชั่นและ
เครื่องแต่งกาย ในหัวข้อ “ผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN” โดยแบ่งการประกวดเป็น 5 ประเภท ได้แก่ 1.ประเภทชุด Finale 2.ประเภทชุด Baby Boomer 3.ประเภทชุด Generation X 4.ประเภทชุด Generation Y และ
5.ประเภทชุด Generation Z ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมีผู้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดถึง 293 ผลงาน และคณะกรรมการได้พิจารณาคัดเลือกผลงานจากภาพแบบร่าง (Sketch) ประเภทละ 10 ผลงาน รวมทั้งสิ้น50 ผลงาน ก่อนนำต่อหน้าคณะกรรมการด้วยรูปแบบของแฟชั่นโชว์ในการประกวดรอบชิงชนะเลิศโดยผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในแต่ละประเภทจะได้รับรางวัลเป็นเงินสด จำนวน 30,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศ
สำหรับคณะกรรมการตัดสินการประกวด “การประกวดผ้าไทยใส่ได้ทุก GEN” ประกอบด้วย
นายพรพล เอกอรรถพร ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT) ในฐานะประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วย นายอดิศักดิ์ จันทร์วิทัน รองผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (SACICT), ดร.หญิงฤดี ภูมิศิริรัตนาวดี ผู้ก่อตั้งยุทธศาสตร์ทุนคนไทย (Thainess Capital),
รองศาสตราจารย์ (พิเศษ) ระพี ลีละสิริ ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ระพี ลีลา, นายอธิษฐ์ ฐิรกิตติวัฒน์
ดีไซเนอร์และเจ้าของแบรนด์ Surface, อาร์ต-อารยา อินทรา สไตลิสต์และดีไซเนอร์ และนายเฉลิมเกียรติ คติเกษมเลิศ เจ้าของแบรนด์ Wonder Anatomie เสื้อผ้าแบรนด์ไทยที่ 4minute เกิร์ลกรุ๊ป จากประเทศเกาหลีใส่ถ่ายปกอัลบั้ม
นายพรพล กล่าวว่า ผลงานการออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นที่ผ่านเข้ารอบการประกวด “ผ้าไทยใส่ได้
ทุก GEN” ในรอบชิงชนะเลิศ จำนวน 50 ผลงาน สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดสร้างสรรค์ในการเลือกผ้าไทยชนิดต่างๆ มาใช้เป็นวัตถุดิบในการนำเสนอแนวคิดการออกแบบแฟชั่นและ
เครื่องแต่งกายให้มีความร่วมสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเอกลักษณ์ของผ้าไทย ด้วยการผสมผสานองค์ความรู้และภูมิปัญญาของผ้าไทยซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้เข้ากับทักษะการออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย
ได้อย่างสอดรับกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน โดยแต่ละผลงานเป็นงานที่สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ มีความโดดเด่น ประณีต สวยงาม มีความสอดคล้อง กลมกลืน มีความร่วมสมัยในมุมมองที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างแท้จริง และมีความเป็นไปได้ในการนำไปพัฒนาต่อยอดในเชิงพาณิชย์
สำหรับผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ทั้ง 5 ประเภท คือ ประเภทชุด Baby Boomer ได้แก่
ผลงานชุด “ยอดดอย (YOD DOI)” จากฝีมือการออกแบบของนายวารินทร์ อินทะยศ, ประเภทชุด Generation X ได้แก่ “PHI TA KHON” โดยนายไอสยา โอวาท, ประเภทชุด Generation Y ได้แก่ “ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน (HOLIDAY)” โดยนายนัทธพงศ์ คงรักษ์, ประเภทชุด Generation Z ได้แก่ “BIKER GIRL” โดย นางสาวสุทธิดา ทิพย์เนตร และนายขจรพงศ์ ชุมวงศ์ และ ประเภทชุด Finale ได้แก่ “ความเจิดจรัส (INCANDESCENCE) จากฝีมือการออกแบบของนายนัทธพงศ์ คงรักษ์
“ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดทั้ง 5 ประเภท พร้อมทั้งขอชื่นชมทั้ง 50 ผลงานที่ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานออกมาอย่างสวยงามและมีเอกลักษณ์ รวมทั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านที่ได้ร่วมคัดเลือกและตัดสินผลงานในครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด การประกวดในครั้งนี้จะเป็นก้าวแรกในการเชื่อมโยงนักออกแบบรุ่นใหม่กับผ้าไทยที่จะช่วยกระตุ้นและจุดประกายคนรุ่นใหม่ให้หยิบผ้าไทยมาผสมผสานไอเดียเป็นเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ และหันมาสวมใส่ผ้าไทยกันมากขึ้น และจะเป็นก้าวต่อไปที่แข็งแรงในการยกระดับเสื้อผ้าแฟชั่นจากผ้าไทยให้มีความร่วมสมัย สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันสำหรับคนทุกเจเนอเรชั่น และเมื่อการประกวดดำเนินการเสร็จสิ้น SACICT ได้เตรียมแผนการดำเนินงานที่เป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนาและต่อยอดผลงานจากการประกวดในครั้งนี้สู่อุตสาหกรรมแฟชั่นทั้งในประเทศประเทศและระดับสากล เพื่อให้ผ้าไทยคงอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน” นายพรพล กล่าวในตอนท้าย :Cr;มณสิการ รามจันทร์

อนาคตสดใส.. แต่แฝงไว้ความน่ากลัว!

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3025
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

OBS ทีวีออนไลน์.. โอกาสมากับความเปลี่ยนแปลง

0

http://www.natethip.com/news.php?id=3024
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://timeline.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1160081919810054752
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

“ดีป้า” โชว์ผลงานรอบ 3 ปี ชูธงความสำเร็จในการเป็นแถวหน้า พลิกโฉมประเทศไทยด้วย “เทคโนโลยีดิจิทัล” ในทุกมิติ

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//อาคารเกษร เออร์เบิน รีสอร์ท – สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล แถลงผลงานสำคัญในรอบ 3 ปี ภายใต้แนวคิด “The Premier by depa” ชูความเป็นแถวหน้าด้านการส่งเสริมและพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลในทุกมิติ ทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม และความร่วมมือระดับนานาชาติ ผ่านผลสำเร็จจากกลไกส่งเสริมและสนับสนุนที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยแผนการดำเนินงานปี 2564 ในการเป็นองค์แถวหน้าที่ส่งเสริมและนำพาไทยสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยในงาน “The Premier by depa” งานแถลงผลการดำเนินงานสำคัญในรอบ 3 ปี ว่า ขณะนี้ ดีป้า กำลังเดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 4 ซึ่งแผนการดำเนินงานจะยังคงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและนำพาประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ผ่านกลไกส่งเสริมและสนับสนุนที่ถูกพัฒนาขึ้น และคงความเป็นแถวหน้าที่พร้อมทำในสิ่งที่ผู้อื่นยังไม่ริเริ่มดำเนินการ“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดีป้า ทำงานสอดประสานกันเป็น “ทีม” โดยมี Think Tank ที่ดำเนินการวิเคราะห์แผนระดับชาติถึงแผนส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การเสนอกฎหมายที่เอื้อต่อระบบนิเวศด้านเศรษฐกิจดิจิทัล อีกทั้งกำหนดกลยุทธ์และกลไกสำคัญที่ส่งผลให้การดำเนินงานของ ดีป้า เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนากำลังคนสู่ยุคดิจิทัล การยกระดับภาคเศรษฐกิจสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ การขับเคลื่อนชุมชนสู่สังคมดิจิทัล และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับนวัตกรรมดิจิทัล พร้อมกันนี้ ดีป้า ยังให้ความสำคัญกับความร่วมมือกับเครือข่ายระดับนานาชาติ ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ ดร.กษิติธร ภูภราดัย รองผู้อำนวยการใหญ่ (กลุ่มยุทธศาสตร์และบริหาร)” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวทั้งนี้ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลจะต้องดำเนินการบนพื้นฐานของข้อมูล ดังนั้นสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) หนึ่งในสถาบันภายใต้สังกัด ดีป้า จึงมีความสำคัญ ซึ่งขณะนี้ทีม Think Tank มีการจัดเก็บข้อมูลปฐมภูมิ (Primary Data) อาทิ การสำรวจข้อมูลเพื่อประเมินสถานภาพอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยจัดทำระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อแสดงผลข้อมูลสภาพรวมและแนวโน้มอุตสาหกรรมดิจิทัล การสำรวจความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมดิจิทัลรายไตรมาส และการสำรวจการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในอุตสาหกรรมการผลิต นอกจากนี้ ดีป้า ยังให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้ด้านทักษะดิจิทัล กฎหมาย ความปลอดภัย ประโยชน์และโทษจากดิจิทัลสำหรับผู้สูงวัย ผู้พิการ เด็กและเยาวชน เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนากำลังคนสู่ยุคดิจิทัลโดย ดีป้า มุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนา “คน” สู่การเป็น “ทุนมนุษย์” (Human Capital) ของประเทศ โดยการส่งเสริมให้เยาวชนไทยเข้าถึงหลักสูตรต่าง ๆ พร้อมเพิ่มทักษะความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยี
ดิจิทัล (นิวสกิล) ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ด้าน Coding ได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง codingthailand.org และส่งผ่านองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) แก่นักศึกษาจบใหม่ ผู้ว่างงาน รวมถึงผู้ที่ต้องการอัพสกิล-รีสกิลตนเองสู่การเป็นกำลังคนดิจิทัล ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมของประเทศ อีกทั้งมีความพร้อมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป

ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ “ชุมชน” สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลไปแล้ว 177 ชุมชน โดยสามารถยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่นและสร้างรายได้ให้ชุมชนแล้วมากกว่า 137 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีด้านการเกษตรอัจฉริยะ เทคโนโลยีการผลิตและแปรรูป โดรนเพื่อการเกษตร แอปพลิเคชันสำหรับการบริหารจัดการธุรกิจให้กับวิสาหกิจชุมชน เทคโนโลยีเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต และเทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยว ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ด้านการขับเคลื่อนชุมชนสู่สังคมดิจิทัล โดยภารกิจต่าง ๆ มี ดร.รัฐศาสตร์ กรสูต รองผู้อำนวยการใหญ่ (กลุ่มสังคมและกำลังคนดิจิทัล) เป็นผู้ดำเนินการขณะที่ยุทธศาสตร์ด้านการยกระดับภาคเศรษฐกิจสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ ดีป้า โดยสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น รับบทเป็น “ทีมลงทุนร่วมสร้าง” สร้างระบบนิเวศด้านเศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการดิจิทัลได้พบกัน อีกทั้งร่วมลงทุนและหาตลาดภาครัฐและภาคเอกชนสำหรับผู้ให้บริการ โดยที่ผ่านมา ดีป้า ได้ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนดิจิทัลสตาร์ทอัพสัญชาติไทยไปแล้ว 98 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวม 6,890 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าผลักดันดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยสู่ระดับสากล อีกทั้งเป็นกำลังสำคัญในการส่งเสริมดิจิทัลสตาร์ทอัพไทยเข้าสู่ระดับ Series A แล้ว 4 ราย และมีแผนที่จะสนับสนุนให้เกิด “ยูนิคอร์น” สัญชาติไทยให้ได้ในที่สุดพร้อมกันนี้ ดีป้า ยังสร้างมาตรฐานที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ใช้บริการ ทั้งผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ตลาดสด และเกษตรกร สามารถเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่ยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ด้วยกลไกต่าง ๆ ที่ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลไปแล้ว 6,407 ราย สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปีนี้ที่ 4,000 ราย ซึ่งดำเนินการโดย นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการใหญ่ (กลุ่มงานเศรษฐกิจดิจิทัล)

นอกจากนี้ ดีป้า ยังมีทีมโครงการพิเศษที่ดำเนินยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับนวัตกรรมดิจิทัล โดย ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการใหญ่ (กลุ่มงานโครงการพิเศษ) ที่เล็งเห็นว่า โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ อีกทั้งดึงดูดความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้น ดีป้า จึงเร่งยกระดับพื้นที่ที่มีความพร้อมจากทั่วประเทศสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ตามเกณฑ์ประเมินมาตรฐาน ผ่านความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ทั้งกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภาคเอกชน รวมถึงการมีส่วนรวมของประชาชนในพื้นที่ในการวิเคราะห์และเฟ้นหาบริการที่เหมาะสมจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพ ก่อนนำมาประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและยั่งยืน โดยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมามีการประกาศเขตส่งเสริม
เมืองอัจฉริยะแล้ว 40 เมือง และตั้งเป้าที่จะพัฒนาเมืองอัจฉริยะประเทศไทย จำนวน 100 เมืองภายในปี 2565ดีป้า โดยสถาบันไอโอทีและนวัตกรรมดิจิทัล ยังได้พัฒนา Thailand Digital Valley บนพื้นที่ 30 ไร่ในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand หรือ EECd) เพื่อเป็นศูนย์กลางการออกแบบ พัฒนา วิเคราะห์ ทดสอบ ทดลองเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูง ไม่ว่าจะเป็น IoT, Data Science, 5G Applications, Smart Devices, High Value-Added Software, Robotics, Cloud และ Digital Services อีกทั้งเป็นพื้นที่จับคู่ธุรกิจระหว่างบริษัทชั้นนำระดับโลกกับดิจิทัลสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะเทคโนโลยีเป้าหมายใน 6 สาขา ประกอบด้วย เทคโนโลยีเพื่อการเงิน (FinTech) เทคโนโลยีเพื่อการเกษตร (AgTech) เทคโนโลยีเพื่อการท่องเที่ยว (Travel Tech) เทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ (Health Tech) เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา (EdTech) และเทคโนโลยีเพื่อการบริการภาครัฐ (GovTech) ก่อนขยายตลาดเชิงพาณิชย์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

พร้อมกันนี้ ดีป้า ประสงค์ที่จะเปลี่ยนสังคมผู้บริโภคไปสู่สังคมผู้ใช้ให้เกิดประโยชน์ พร้อมผลักดันให้เกิดการสร้างนวัตกรรมร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา เพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศน์ด้านดิจิทัลอย่างเข้มแข็ง อีกทั้งเป็นแรงจูงใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและธุรกิจชั้นนำในอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยมุ่งหวังให้ Thailand Digital Velley ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลขั้นสูงของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN Digital Hub) ต่อไป

โดยภายใน Thailand Digital Valley ประกอบด้วย 5 อาคาร รวมพื้นที่ใช้สอยกว่า 86,000 ตารางเมตร ได้แก่ depa Digital One Stop Service Centre อาคารหลังแรกในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่สร้างแล้วเสร็จและมีการจองสิทธิ์เช่าโดยเอกชนเต็มพื้นที่แล้ว ขณะที่อาคารหลังที่สองคือ Digital Startup Knowledge Exchange Centre ที่ได้รับเกียรติจาก พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงเป็นองค์์ประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์์ สร้างแล้วเสร็จไปกว่า 50% และมีบริษัทเอกชน รวมถึงดิจิทัลสตาร์ทอัพจองสิทธิ์เช่าพื้นที่แล้วกว่า 25% นอกจากนี้ ยังมีอาคาร Digital Co-creation & Innovation Centre ที่อยู่ระหว่างเตรียมประกาศผู้รับจ้าง อาคาร Digital Edutainment Complex และอาคาร Digital Go Global Centre ซึ่งทั้งหมดจะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2566

ปี 2564 ดีป้า พร้อมเดินหน้าผลักดันในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนผ่านมหาวิทยาลัยสู่ยุคดิจิทัล โดยการจัดตั้ง Drone University เพื่อพัฒนาคนให้รู้จักนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ประกอบวิชาชีพ รวมถึงการจัดตั้ง AI University โดยให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างทักษะ ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อผลิตบุคลากรตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม การผลักดันเครื่องหมายรับรองผลิตภัณฑ์ดิจิทัลและไอโอทีในชื่อ dSURE การสร้างแพลตฟอร์มไทยเพื่อคนไทย (National Platform for All) การนำเทคโนโลยี 5G มาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนา Tech Hunting รวมถึง Big Data พร้อมสานต่อการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ และการพัฒนา Thailand Digital Valley

“ดีป้า จะคงความเป็นแถวหน้าด้านการส่งเสริมและพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตามแนวคิด ‘Premier’ ที่พร้อมทำงานเชิงรุก เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนคิดเป็น ทำเป็น และทำได้ อีกทั้งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว :Cr;มณสิการ รามจันทร์

 

 

 

 

นายไมตรี สุเทพากุล ผู้พิพากษาไทยคนแรก ได้รับเชิญเป็น กก.ที่ปรึกษาศาลยุติธรรมด้านทรัพย์สินทางปัญญาโลก

0

พิทพ์ไทยออนไลน์ // ครั้งแรกของไทย “ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ” ตัวแทนศาลยุติธรรม รับเชิญนั่ง กก.ที่ปรึกษาผู้พิพากษา WIPO องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก โอกาสดีพัฒนาระบบกฎหมาย


วัรที่ 22 ก.ย.63  รายงานข่าวว่า “องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก หรือ WIPO” ภายใต้การกำกับขององค์การสหประชาชาติ (United Nations : UN) ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลความตกลงระหว่างประเทศด้านทรัพย์สินทางปัญญา บริหารจัดการข้อพิพาท และระบบอำนวยความสะดวกในการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างประเทศ ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของผู้พิพากษาทั่วโลกในการบริหารจัดการปัญหาข้อกฎหมายด้านทรัพย์สินทางปัญญา โดยมีภาคีสมาชิก 193 ประเทศ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ได้เชิญตัวแทนศาลยุติธรรมประเทศไทย เป็นที่ปรึกษาองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO)

ซึ่งโอกาสนี้ “นายไมตรี สุเทพากุล” ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการที่ปรึกษาผู้พิพากษาขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO Advisory Board of Judges) ในวาระปี 2563- 2564 อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนศาลยุติธรรมและประเทศไทย

สำหรับ “คณะกรรมการที่ปรึกษาผู้พิพากษาขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก” นี้ ประกอบด้วยกรรมการ 15 คนซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่มีความรู้และประสบการณ์จากหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยทำงานในรูปแบบคณะกรรมการมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกัน เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้ทันสมัยภายใต้พลวัตการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยคำนึงถึงบริบทด้านกฎหมาย และสภาพสังคมของประเทศภาคีสมาชิก

ทั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ที่มีตัวแทนปฏิบัติหน้าที่ในองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกเพื่อส่งเสริมการปกป้องคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งพัฒนาระบบกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของไทย และยกระดับมาตรฐานคำพิพากษาของศาลไทยให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล
สำหรับ “นายไมตรี” ประธานศาลอุทธรณ์ชำนัญพิเศษ สำเร็จการศึกษาปริญาตรี นิติศาสตรบัณทิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี พ.ศ.2521 (รุ่นที่ 18) และเศรษฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยสำเร็จการศึกษาเนติบัณฑิตไทย สมัยที่ 31 จากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ขณะที่ได้ศึกษาต่อต่างประเทศ ด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา Master of Laws และ Postgraduate Diploma ที่มหาวิทยาลัยลอนดอน

ทั้งนี้ด้านการศึกษา นายไมตรี ยังได้รับทุน British Chevening และทุน Humphrey Fellow จากมูลนิธิ Fulbright ศึกษางานที่ศาลอุทธรณ์สหพันธรัฐ (United States Court of Appeals for the Federal Circuit) และสำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าสหรัฐอเมริกา (United States Patent and Trademark Office’s :USPTO) เป็นเวลา 1 ปีด้วย

ด้านประสบการณ์การทำงาน นายไมตรี มีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งการบริหารงานศาล และการพิจารณาพิพากษาคดีทรัพย์สินทางปัญญามาเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี โดยเริ่มรับราชการเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา (รุ่นที่ 23) ปี พ.ศ.2525 และได้รับความก้าวหน้า ดำรงตำแหน่งของการปฏิบัติงานผู้พิพากษาสูงขึ้นตามลำดับชั้น ซึ่งในปี พ.ศ.2538
ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสงขลา และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสงขลา

และเริ่มสะสมประสบการณ์เข้าสู่การปฏิบัติหน้าที่ผู้พิพากษา พิจารณาพิพากษาคดีศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ในปี พ.ศ.2541 กระทั่งได้รับแต่งตั้ง เป็นอธิบดีผู้พิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ปี พ.ศ.2551 ก่อนจะเป็นผู้พิพากษาฎีกา ในแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาฯ ศาลฎีกา ปี พ.ศ.2556 จากนั้นปี พ.ศ.2561 จนถึงปัจจุบัน นายไมตรี ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่ง ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ (ประธานศาลฯ คนที่ 2 นับจากศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ เริ่มจัดตั้งเมื่อปี พ.ศ.2559) ซึ่งการดูแลบริหารจัดการด้านคดีนั้น มีแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาฯ ด้วย

ทั้งช่วงการปฏิบัติหน้าที่ นายไมตรี ยังให้ความสำคัญในการศึกษาเพิ่มเติมศักยภาพผู้บริหารระดับสูง เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่นที่ 15 และหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง จากสถาบันวิทยาลัยตลาดทุน (วตท.) รุ่นที่ 10

ซึ่งในประสบการณ์ความรู้ความสามารถนั้น นายไมตรี ยังเป็นอาจารย์บรรยายวิชากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ณ สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ตั้งแต่ปี พ.ศ.2541 ถึงปัจจุบันด้วย

Cr.: นายทวีศักดิ์ ชิตทัพ ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

/////////////

 

“ภัสสร ไบรอันท” นั่งเก้าอี้นายกสมาคมลอนโบว์ลฯคนใหม่ เน้นโปร่งใส

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// สมาคมกีฬาลอนโบวล์สแห่งประเทศไทย จัดประชุมใหญ่สมามัญประจำปี 2563 โดยมีวาระสำคัญเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่
ที่ ห้องประชุมชั้น 24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา การกีฬาแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาลอนโบวล์สแห่งประเทศไทย จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 โดยมี พลโท ประพัฒน์ เอกโพธิ์ นายกสมาคมกีฬาลอนโบวล์สแห่งประเทศไทย พร้อมคณะกรรมการบริหารสมาคม และสโมสรสมาชิก 25 แห่ง รวมถึงผู้แทนกกท.เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

โดยมีวาระสำคัญคือการเลือก ตั้งนายกสมาคมกีฬาลอนโบวล์สแห่งประเทศไทยคนใหม่ ที่ครบวาระ โดยการประชุมเริ่มจากพลโท ประพัฒน์ เอกโพธิ์ แถลงกิจกรรมและผลการปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมา 2562 พร้อมชี้แจงบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลประจำปี 2562 ให้สโมสรสมาชิกอนุมัติ โดยมีตัวแทนสมาชิกเข้าประชุมจำนวน 22 ชมรม จาก 25 ชมรมแต่ถูกตัดสิทธิ์ 6 ชมรมได้แก่ ชมรมลอนโบวล์สลูกย่าโม , ชมรมลอนโบวล์สรักแดนใต้ , ชมรมลอนโบวล์สรวงข้าว , ขมรมลอนโบวล์สหนุ่มสิบเอ็ด , ชมรมลอนโบวล์สท่าม่วง และชมรมลอนโบวล์สพนมสารคาม เนื่องจากเอกสารมอบหมายการลงคะแนนไม่ถูกต้อง จึงเหลือชมรมสมาชิกมีสิทธิ์ในการลงคะแนนเลือกตั้งจำนวน 16 ชมรม

จากนั้นมีการเสนอชื่อ พลโท ประพัฒน์ เอกโพธิ์ และคุณภัสสร ไบรอันท ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาลอนโบวล์สแห่งประเทศไทยคนใหม่ โดยใช้การลงคะแนนลับ ซึ่งผลการลงคะแนนจากจำนวนชมรมสมาชิกจำนวน 16 ชมรมปรากฎว่าชมรมสมาชิกลงคะแนนให้คุณ ภัสสร ไบรอันท ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาลอนโบวล์สแห่งประเทศไทยคนใหม่ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 11 ต่อ 3 เสียง และงดออกเสียง 2 ชมรม โดยนายกสมาคมคนใหม่พร้อมบริหารสมาคมกีฬาลอนโบวล์สให้เข็มแข็งด้วยความโปร่งใส พร้อมเปิดกว้างให้สมาชิกได้แสดงความคิดเห็นเพื่อร่วมพัฒนาสมาคมต่อไป

 

 Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

กลุ่มพ่อค้าจีน ลงนามร่วมมือช่วย ผู้พิการไทย โครงการขายสินค้าออนไลน์

0

พิมพ์ไทยออนไลน์// ที่ โรงแรมทีเค พาเลซ ย่านแจ้ง ถ.วัฒนะ กทม. น.ส.อณิรา ธินนท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นประธานพิธีเปิดการประชุม โครงการสัมมนาสาขาประจำจังหวัดและเครือข่าย สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย เรื่อง “ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในการสร้างงานสร้างอาชีพ และมีรายได้” เป็นการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2562 ประกอบด้วยกลุ่มเป้าหมาย ผู้แทนคนพิการจาก 77 จังหวัด รวมทั้งสิ้นกว่า 400 คน
นายศุภชีพ ดิษเทศ นายกสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชา และคณะกรรมบริหารของสมาคมคนพิการฯ เผย ปัจจุบันมีสถานประกอบการหลายแห่งยังไม่สามารถจ้างงานคนพิการได้ เนื่องจากสถานประกอบการไม่สามารถหาคนพิการที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดมาทำงานได้ และผู้พิการที่พร้อมจะเข้าสู่สถานประกอบการตามกกหมายมีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทั้งยังขาดทักษะความรู้ในการประกอบอาชีพอิสระ จากปัญหาการจ้างงานคนพิการดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันแก้ไขให้คนพิการได้รับสิทธิโอกาสในการมีงานทำ
เพื่อวัตถุประสงค์คือ 1.ให้คนพิการเข้าใจกฏหมาย การจ้างงาน และมีงานทำตามมาตรา 33 และให้บริการตามมาตรา 35 /2.ให้คนพิการมีความรู้ความเข้าใจสิทธิ เงื่อนไข ระเบียบ ขั้นตอนการปฏิบัติการจ้างงานคนพิการ /3.เพื่อให้คนพิการมีพัฒนาการตนเอง เพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ มีช่องทางการประกอบอาชีพสามารถสร้างรายได้ นำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพได้ตามอิสระความสามารถ ความถนัดของตนเอง /4.กระตุ้นให้คนพิการ เกิดความสนใจ และตื่นตัวในการประกอบอาชีพ และทำงานเพื่อพึ่งพาตนเองอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี เท่าเทียมบุคคลทั่วไป ทั้งนี้ เป็นการรวมมือกันระหว่าง กอบทุนและส่งเสริมความเสมอภาคคนพิการ กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ที่ให้การสนับสนุนงบประมาณในครั้งนี้
นายภัทรพันธุ์ กฤษณา เลขานุการ สมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย เผยอีกว่า ที่สำคัญการประชุมครั้งนี้ มีการลงนามความร่วมมือบันทึกข้อตกลงสองชาติ ไทย และ จีน เริ่มต้นโครงการขายสินค้าออนไลน์ไปจีน ในกลุ่มผู้ค้าตัวแทนของ มาเก๊า ฮ่องกง กวางตุ้ง และ ประเทศไทย โดยจะใช้ชื่อโครงการ Standby Own (ยืนด้วยตัวเอง) มีแพลตฟอร์มขายของไปยังประเทศจีน เลือกความต้องของคนจีนเป็นอันดับแรก เพื่อให้ติดเว็ปไซต์ ผลิตภัณฑ์ และบริการของคนพิการไทย ซึ่งจะมีชื่อติดเว็ปไซต์ โดยมี กลุ่มองค์กรดูแลการค้าของจีนกลุ่มดังกล่าว ให้ความร่วมมือลงนามความสัมพันธ์ ผ่านวิดิโอคอลมายังงานประชุมในครั้งนี้ด้วย

 

 Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์

“ปัญรส” โชว์สเต็ปขั้นเทพ ซิวทองแอโรบิก 3 ปีซ้อน

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//  “ปัญรส วัดทอง” นักกีฬายิมนาสติกแอโรบิก เยาวชนทีมชาติไทย โชว์สเต็ปได้อย่างเหนือชั้น ฉีกคู่แข่งขาดวิ่น ทำได้สูงถึง 19.00 คะแนน คว้าเหรียญทองรายการกรมพลศึกษา 3 ปีติดต่อกัน
การแข่งขันกีฬาระหว่างโรงเรียนส่วนกลาง ประจำปี 2563 ประเภทกีฬายิมนาสติกลีลา และ ยิมนาสติกแอโรบิก ของกรมพลศึกษา เมื่อวันที่ 22 กันยายนวันสุดท้ายประเภทยิมนาสติกแอโรบิก ที่ อาคารยิมเนเซี่ยม นิมิบุตร
โดยมีการชิงเหรียญทองทุกรุ่นอายุ ปีนี้มีนักกีฬาเข้าแข่งขันหลายสิบโรงเรียน แบ่งเป็นรุ่นอายุ 8-11 ปี ชาย-หญิง / รุ่นอายุ 12-14 ปี ชาย-หญิง และ รุ่นอายุ 15-17 ปี หญิง รวมทั้งสิ้น 56 คน

รุ่น 12-14 ปี ชาย เหรียญทอง ด.ช.พชรพล พร้อมวงศ์ (โรงเรียนพระหฤทัยเชียงใหม่ ) 17.55 คะแนน / เหรียญเงิน เด็กชาย ปภังกร ชมโลก (โรงเรียนเทศบาลศรีบุณยานุสสรณ์ ) 17.30 คะแนน / เหรียญทองแดง เด็กชาย ภูณภัทร ศรีคันธะรักษ์ (โรงเรียนถนอมบุตร) 16.80 คะแนน
รุ่น12-14 ปี หญิง เหรียญทอง ด.ญ.วิจิตรา สิทธินาวิน (โรงเรียนโชคชัย) 18.40 คะแนน / เหรียญเงิน ด.ญ.ฬิรปพา บุญเพ็ง ( โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย ) 18.20 คะแนน / เหรียญทองแดง ด.ญ.ณัฏฐ์ชัญญา (โรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์) 17.20 คะแนน

รุ่นอายุ 15-17 ปีหญิง เหรียญทอง น.ส.ปัญรส วัดทอง ดีกรีเยาวชนทีมชาติไทย (โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ) 19.00 คะแนน / เหรียญเงิน ด.ญ.วรนิษฐา มีทรัพย์อรุณ ( โรงเรียนสารสาสน์วิเทศชลบุรี ) 17.75 คะแนน / เหรียญทองแดง น.ส.ชนิสรา ไตรธนาวัฒน์ ( โรงเรียนบดินทรเดชา สิงห์ สิงหเสนี ) 16.80 คะแนน
สำหรับ น.ส.ปัญรส วัดทอง ปัจจุบันอายุ 15 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 4 โรงเรียนนวมินทราชูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า เป็นนักกีฬายิมนาสติกแอโรบิก เยาวชนทีมชาติไทย ปีนี้ผลงานทำได้ดีขึ้นเป็นลำดับ ทำได้ 19.00 คะแนน คว้าเหรียญทองไปครองอีกสมัย พร้อมกับเพิ่มสถิติด้วยการคว้าเหรียญทองเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน

 

Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์