http://www.natethip.com/news.php?id=3050
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
http://www.natethip.com/news.php?id=3050
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์// สมาคมกีฬายิงปืนทำบุญเลี้ยงพระเพื่อเป็นสิริมงคล หลังจากที่ห่างหายมานานนับ 10 ปี เตรียมนักกีฬาทีมชาติ “บิ๊กเสือ” เรียกเก็บตัวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้
นายสกล วรรณพงษ์ นายกสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย ได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 5 รูป ถวายภัตตาหารเพล และเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเป็นการทำบุญให้กับสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย หลังจากที่ห่างหายไปนานนับ 10 ปี อีกทั้งยังได้เป็นการทำบุญฉลองการเข้ามารับหน้าที่นายกสมาคมกีฬายิงปืนคนใหม่ หลังจากที่ได้ผ่านพ้นมา 4 เดือน พร้อมทั้งได้เจิมห้องทำงานใหม่เพื่อเป็นสิริมงคล โดยมีบรรดาผู้เกี่ยวข้องในวงการกีฬา ทั้งผู้แทนจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย , ผู้แทนจากกกท. ผู้บริหารสมาคมฯกีฬา และ นักกีฬากีฬายิงปืน เข้าร่วมทำบุญกันเป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้น นายสกล วรรณพงษ์เป็นประธาน การประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสมาคมฯ โดยมีผู้แทนสโมสรสมาชิกจำนวน 24 แห่ง และผู้มอบอำนาจอีก 7 แห่ง รวมถึงผู้แทนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย ส่งเจ้าหน้าที่ร่วมเข้าประชุมและให้คำปรึกษาเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
โดยที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับ การอนุมัติงบดุลของสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2560 , ปี พ.ศ. 2561 และ ปี พ.ศ. 2562 รวม 3 ปี ที่ไม่สามารถเคลียร์กับกกท.ส่งผลให้สมาคมฯกีฬายิงปืน ภายใต้การบริหารงานของ นายสกล วรรณพงษ์ ที่เพิ่งจะเข้ามารับงานใหม่เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ต้องการเคลียร์ให้โปร่งใส เพื่อทำเรื่องเบิกเงินสนับสนุนจากกกท. จำนวน 50 เปอร์เซ็นต์ มาบริหารงานการเก็บตัวนักกีฬา และ ซื้ออุปกรณ์ฝึกซ้อมให้กับนักกีฬา การเตรียมความพร้อมของการแข่งขัน 4 รายการใหญ่ ทั้ง เอเชี่ยน อินดอร์ แอนด์ มาเชี่ยลอาร์ตเกมส์ ที่ ไทย, กีฬาโอลิมปิกเกมส์ ที่ ญี่ปุ่น ,กีฬาซีเกมส์ ที่ เวียดนาม ในปีหน้า และ การส่งนักกีฬาเข้าแข่งขันเก็บคะแนนเพื่อลุ้นโควตา เข้าร่วมแข่งขัน โอลิมปิกเกมส์ ปี 2567 ที่ กรุงปารีส ฝรั่งเศส โดยยังมีบางข้อที่ต้องแก้ไข ก่อนจะเสนอต่อ การกีฬาแห่งประเทศไทย ต่อไป ส่วนการเรียกนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ทั้ง เอเชี่ยนอินดอร์ มาเชี่ยลอาร์ตเกมส์ และ ชุดเตรียมโอลิมปิกเกมส์อีก 3 คน จะเริ่มเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างเป็นทางการ เริ่มวันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์// การแข่งขันจักรยานประเภทลู่ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทาน “ควีนส์สิริกิติ์” ประจำปี 2563 รูปแบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal สนามที่ 4 ที่สนามเวลโลโดรม หัวหมาก เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสนามสุดท้าย รอบชิงชนะเลิศทุกประเภท โดยมีผลที่น่าสนใจดังนี้
ไทม์ไทรอัล 500 เมตร รุ่นทั่วไปหญิง ที่ 1 “หมวดบีซ” ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ จากทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม คว้าแชมป์ไปครองด้วยเวลา 39.134 วินาที, ที่ 2 น.ส.กัญญารัตน์ หน่อแก้ว (ธนาคารออมสิน) เวลา 39.514 วินาที, ที่ 3 ส.ต.ต.หญิง พรรณรายณ์ ราษี (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) เวลา 40.021 วินาที
ไทม์ไทรอัล 1 กม. รุ่นทั่วไปชาย ที่ 1 นสต.ยืนยง เพชรรัตน์ (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) เวลา 1.08.257 นาที, ที่ 2 นนส.วชิรวิทย์ แสนคำวงศ์ (กองทัพบก) เวลา 1.10.172 นาที, ที่ 3 ส.ท.เชตวัน สามงามมา (กองทัพบก) เวลา 1.11.340 นาที
ไทม์ไทรอัล 500 เมตร รุ่นเยาวชนหญิง ที่ 1 น.ส.ณัฐภรณ์ อภิโมทย์ (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) เวลา 40.160 วินาที, ที่ 2 น.ส.ทิพวัลย์ นาพรม (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร) เวลา 40.903 วินาที, ที่ 3 น.ส.ศิริณภา จันประนต (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร) เวลา 42.418 วินาที
ไทม์ไทรอัล 1 กม. รุ่นเยาวชนชาย ที่ 1 นายกนก ชุ่มบัวทอง (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) เวลา 1.09.898 นาที, ที่ 2 นายวิศวกร แก้วทอง (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) เวลา 1.11.339 นาที, ที่ 3 นายกลวัชร แก้วสืบ (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) เวลา 1.12.852 นาที
เปอร์ซูต 3 กม. รุ่นทั่วไปหญิง ที่ 1 น.ส.ชนิภรณ์ บัตริยะ จากทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ทำเวลา 4.09.984 นาที เฉือนชนะรุ่นพี่อย่าง “ไก่” สิบตรีหญิง ศุภักษร นันตะนะ จากทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ทำเวลา 4.18.253 นาที, ที่ 3 “หมวดบีซ” ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ จากทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม น็อกรอบ น.ส.ปิยะธิดา ทิศจันทร์ จากทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ พระราม 3 ในรอบที่ 2
เปอร์ซูต 4 กม. รุ่นทั่วไปชาย ที่ 1 จ.ต.พีระพงศ์ ลาดเงิน (สโมสรทหารอากาศ) เวลา 4.51.460 นาที, ที่ 2 ส.ต.ธนาคาร ไชยยาสมบัติ (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม) เวลา 4.56.906 นาที, ที่ 3 ส.ต.ท.ยุทธนา มะโน (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) น็อกรอบคู่แข่งในรอบที่ 5
เปอร์ซูต 2 กม. รุ่นเยาวชนหญิง ที่ 1 “น้องน้ำ” น.ส.นัฐนันท์ นนทะแก้ว (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย) เวลา 2.46.961 นาที, ที่ 2 น.ส.ณัฐภรณ์ อภิโมทย์ (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) เวลา 2.47.276 นาที, ที่ 3 น.ส.ทิพวัลย์ นาพรม (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร) เวลา 2.56.668 นาที
เปอร์ซูต 2 กม. รุ่นยุวชนชาย ที่ 1 ด.ช.กฤตณัฐ แก้วน้อย (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ กองบิน 46 พิษณุโลก) เวลา 2.27.426 นาที, ที่ 2 ด.ช.วันชนะ ธรรมปัญญา (รร.กีฬาจังหวัดลำปาง-ราชนาวี) เวลา 2.32.369 นาที, ที่ 3 ด.ช.นันทกร นนทะแก้ว (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย รร.โคกกระเทียมวิทยาลัย) เวลา 2.34.405 นาที
TCA สปรินท์ รุ่นทั่วไปหญิง ที่ 1 ทีมสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์, ส.ท.หญิง ศุภักษร นันตะนะ, น.ส.ชนิภรณ์ บัตริยะ) เวลา 56.519 วินาที ทำลายสถิติที่ทีมตัวเองทำเอาไว้ในสนามที่ 3 เวลา 56.971 วินาที, ที่ 2 ทีมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI เวลา 57.685 วินาที, ที่ 3 ทีมฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ พระราม 3 เวลา 59.254 วินาที
TCA สปรินท์ รุ่นทั่วไปชาย ที่ 1 กองทัพบก (ส.ท.ปัญญาพล ศรกล้า, ส.อ.จตุรงค์ นิวันติ, ส.ท.เชตวัน สามงามมา, ส.ท.อนุรักษ์ เพชรรี่) เวลา 51.607 วินาที, ที่ 2 ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ สุรินทร์/ซานเปาโลหัวหิน/อีซูซุตังปักอุบล เวลา 52.008 วินาที, ที่ 3 ราชนาวี เวลา 52.341 วินาที
ไทม์ไทรอัล 200 เมตร รุ่นทั่วไปหญิง ที่ 1 ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม) เวลา 12.617 วินาที, ที่ 2 น.ส.ชนิภรณ์ บัตริยะ (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม) เวลา 12.835 วินาที, ที่ 3 น.ส.กัญญารัตน์ หน่อแก้ว (ธนาคารออมสิน) เวลา 12.876 วินาที
ไทม์ไทรอัล 200 เมตร รุ่นทั่วไปชาย ที่ 1 ส.อ.จตุรงค์ นิวันติ (กองทัพบก) เวลา 10.744 วินาที, ที่ 2 พ.อ.อ.พงษ์เทพ ท่าพิมาย (สโมสรกองทัพอากาศ) 10.973 วินาที, ที่ 3 จ.ท.วรยุทธ คะปัญญา (สโมสรกองทัพอากาศ) 11.078 วินาที
ไทม์ไทรอัล 200 เมตร รุ่นเยาวชนหญิง ที่ 1 น.ส.ณัฐภรณ์ อภิโมทย์ (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) เวลา 12.989 วินาที, ที่ 2 น.ส.นัฐนันท์ นนทะแก้ว (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย) เวลา 13.520 วินาที, ที่ 3 น.ส.ทิพวัลย์ นาพรม (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร) เวลา 13.567 วินาที
One Lap สปรินท์ รุ่นทั่วไปหญิง ที่ 1 ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม) เวลา 26.572 วินาที, ที่ 2 น.ส.เยาวเรศ จิตมาตย์ (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) เวลา 27.106 วินาที, ที่ 3 ส.ต.ต.หญิง พรรณรายณ์ ราษี (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) เวลา 27.272 วินาที
One Lap สปรินท์ รุ่นทั่วไปชาย ที่ 1 ส.อ.จตุรงค์ นิวันติ (กองทัพบก) เวลา 23.209 วินาที (ทำลายสถิติของตัวเองที่ทำไว้ในรอบคัดเลือก เวลา 23.929 วินาที ซึ่งในรอบคัดเลือกก็ยังเป็นการทำลายสถิตเดิมของ จ.ท.วรยุทธ คะปัญญา ได้เช่นกัน), ที่ 2 นสต.ยืนยง เพชรรัตน์ (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) เวลา 24.131 วินาที, ที่ 3 จ.ท.วรยุทธ คะปัญญา (สโมสรกองทัพอากาศ) เวลา 24.208 วินาที
One Lap สปรินท์ รุ่นเยาวชนชาย ที่ 1 นายเจษฎากรณ์ จันทะเวช (อีซูซุตังปักอุบล) เวลา 24.027 วินาที (ทำลายสถิติของ นายนิติรุจน์ กิจพิริยะการณ์ ที่ทำไว้ในรอบชิงชนะเลิศสนามนี้ เวลา 24.405 วินาที), ที่ 2 นายนิติรุจน์ กิจพิริยะการณ์ (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) เวลา 24.405 วินาที (ทำลายสถิติเดิมที่ นายนิติรุจน์ กิจพิริยะการณ์ ทำเอาไว้ในสนามที่ 3 เวลา 24.552 วินาที), ที่ 3 นายกนก ชุ่มบัวทอง (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) เวลา 24.988 วินาที
ด้านการแข่งขันรายการพิเศษที่จัดขึ้นเฉพาะสนามที่ 4 ประเภทสแครตช์ มีผลดังนี้ สแครตช์ 20 รอบ รุ่นทั่วไปหญิง ที่ 1 ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ จากการคว้าแชมป์รายการสุดท้ายนี้ ทำให้ “หมวดบีซ” กวาดแชมป์ไปทั้งหมด 5 รายการ พร้อมกับคว้าแชมป์ประเทศไทย ได้ครองถ้วยพระราชทาน ประจำปี 2563, ที่ 2 สิบตรีหญิง ศุภักษร นันตะนะ (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม), ที่ 3 น.ส.สโรชา กมลคร (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ พระราม 3)
สแครตช์ 20 รอบ รุ่นเยาวชนชาย ที่ 1 นายธนพนธ์ วงศ์หล้า (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI), ที่ 2 นายวิศวกร แก้วทแอง (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai), ที่ 3 นายภูริเดช อินทะผิว (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) ส่วนผลการแข่งขันทั้งหมดสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมฯ www.thaicycling.or.th
สำหรับผลคะแนนรวมแต่ละรุ่นจาก 4 สนาม ผู้ที่มีคะแนนเป็นอันดับ 1 เป็นแชมป์ประเทศไทย พร้อมได้ครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง “ควีนส์สิริกิติ์” ประจำปี 2563 มีผลดังนี้ รุ่นทั่วไปหญิง อายุ 19 ปีขึ้นไป ร้อยโทหญิง จุฑาธิป มณีพันธุ์ (สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม) 312 คะแนน ได้รับเงินรางวัล 6,000 บาท, รุ่นทั่วไปชาย อายุ 19 ปีขึ้นไป นสต.ยืนยง เพชรรัตน์ (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) 181 คะแนน ได้รับเงินรางวัล 6,000 บาท
รุ่นเยาวชนชาย อายุ 17-18 ปี นายกนก ชุ่มบัวทอง (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) 237 คะแนน ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท
รุ่นเยาวชนหญิง อายุ 17-18 ปี น.ส.ณัฐภรณ์ อภิโมทย์ (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) 318 คะแนน ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท, รุ่นยุวชนชาย อายุ 14-16 ปี นายธนวัฒน์ แสนตา (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai) 270 คะแนน ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท, รุ่นยุวชนหญิง อายุ 14-16 ปี ด.ญ.พลอยปภัส ศรีใสไพ (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ วัดดงน้อย รร.โคกกระเทียมวิทยาลัย) 300 คะแนน ได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท
รุ่นอาวุโส 35-44 ปีชาย นายเอกภักดิ์ นิราพาธพงศ์พร (Woodland Cycling) 160 คะแนน, รุ่นอาวุโส 45 ปีขึ้นไปชาย นายรุ่งโรจน์ สมิทธิโรจน์ (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ Singha-GOGI) 152 คะแนน จะได้รับถ้วยเกียรติยศ พร้อมเงินรางวัลรุ่นละ 3,000 บาท
ส่วนรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมประเภทลู่ ประจำปี 2563 ได้รับถ้วยเกียรติยศ ปรีดา จุลละมณฑล นักกีฬายอดเยี่ยมหญิง น.ส.ณัฐภรณ์ อภิโมทย์ (รร.กีฬากรุงเทพมหานคร&Roojai), นักกีฬายอดเยี่ยมชาย ด.ช.กฤตณัฐ แก้วน้อย (ฟิชเชอร์แมนเฟรนด์ กองบิน 46 พิษณุโลก) ขณะที่ผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม ได้รับถ้วยเกียรติยศ เสรี ไตรรัตน์ ยอดเยี่ยมฝ่ายหญิง พ.อ.อ.พงษ์เทพ ท่าพิมาย และผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมฝ่ายชาย พ.อ.อ.หญิง เฉลิม ชมภูศรี
ทั้งนี้ สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะจัดการแข่งขันรายการต่อไปคือ การแข่งขันจักรยานทางไกลนานาชาติ “ทัวร์ ออฟ ไทยแลนด์ 2020” ในรูปแบบชีวิตวิถีใหม่ New Normal เส้นทางจาก จ.สมุทสงคราม-เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร-ระนอง และสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 6-16 ตุลาคม
จากนั้นจะเป็นการแข่งขันจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์ ชิงแชมป์ประเทศไทย ชิงถ้วยพระราชทานฯ สนามที่ 5 สนามสุดท้าย วันที่ 24-25 ตุลาคม ที่สนามเขาขยาย จังหวัดชัยนาท มีการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊กของสมาคมฯ Thaicycling Association ทั้งสองวัน นักกีฬาที่ต้องการสมัครเข้าแข่งขันสมัครได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมกีฬาจักรยานฯ www.thaicycling.or.th ปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 22 ตุลาคม ก่อนเวลา 12.00 น. (ไม่รับสมัครที่หน้างาน) หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่สมาคมกีฬาจักรยานฯ โทร.0-2719-3340-2.
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
http://www.natethip.com/news.php?id=3049
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์// นักหวดหนุ่มดีกรีทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ กษิดิศ สำเร็จ (กรุงเทพฯ) ลอยลำเข้ารอบรองชนะเลิศ หลังหวดชนะ กิติรัตน์ เกิดลาภี (กรุงเทพฯ) 2 เซตรวด 7-5, 6-3 การแข่งขันเทนนิสอาชีพ ไทยแลนด์ แชมป์เปี้ยนชิพ (2) พรีเซนเต็ด บาย เอส เอ ที ชิงเงินรางวัลรวม 600,000 บาท เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ ศูนย์พัฒนากีฬาเทนนิสแห่งชาติ เมืองทองธานี ผลคู่ที่น่าสนใจมีดังนี้
ประเภทชายเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ มือวาง 2 กษิดิศ สำเร็จ (กรุงเทพฯ) ชนะ กิติรัตน์ เกิดลาภี (กรุงเทพฯ) 7-5, 6-3 มือวาง 3 คงทรัพย์ คงคา (กรุงเทพฯ) ชนะ พงศภัค เกิดลาภี (กรุงเทพฯ) 4-6, 6-4, 7-5 มือวาง 4 พล วัฒนกูล (ปทุมธานี) ชนะ ฐานทัพ สุขสำราญ (ลพบุรี) 6-2, 6-1 กฤติน โกยกุล (พังงา) ชนะ รตน ไตรพจน์ (นนทบุรี) 6-2, 6-3
ประเภทหญิงเดี่ยว รอบก่อนรองชนะเลิศ พิมพ์รดา จัตวาพรวนิช (กรุงเทพฯ) ชนะ ยิ่งลักษณ์ จิตตะโคตร์ (กรุงเทพฯ) 6-1, 5-7, 6-2 วรรษชล สวัสดี (พิษณุโลก) ชนะ มือวาง 2 ชมภู่ทิพย์ จันดาเขต (นนทบุรี) 0-6, 6-3, 6-4 มือวาง 3 พัชรินทร์ ชีพชาญเดช (ขอนแก่น) ชนะ ภาวินี ร่วมรักษ์ (กรุงเทพฯ) 6-1, 6-1 มือวาง 4 อัญชิสา ฉันทะ (ประจวบคีรีขันธ์) ชนะ ธมจันทร์ มอมขุนทด (นครราชสีมา) 6-4, 6-4
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
http://www.natethip.com/news.php?id=3048
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
พิมพ์ไทยออนไลน์// “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร ยอดนักบิดไทยจาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม กลับมาผงาดคว้าชัยชนะครั้งแรกของปีในศึก OR BRIC Superbike สนาม 3 บดเอาชนะ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า เพาเวอร์ สปีด 123วีไอพี เรซซิ่ง ทีม อย่างสุดมันส์ ขณะฝ่ายหลังขยับขึ้นรั้งจ่าฝูง ต้องตัดสินแชมป์ประจำปีกันถึงสนามสุดท้ายเดือนตุลาคมนี้ “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ ดาวบิดเอเชียของ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม เปิดตัวสุดหรูประเดิมแชมป์ ซูเปอร์สปอร์ตสมราคาแชมป์เอเชีย
การแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 (OR BRIC Superbike Championship 2020) สนามที่ 3 ของปี ดวลความเร็วรอบชิงชนะเลิศ วันอาทิตย์ที่ 27 กันยายนที่ผ่านมา ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ท่ามกลางแฟนความเร็วหลักพันที่กลับเข้าชมเรซในสนามอย่างคึกคัก
ไฮไลต์ของสนาม 3 อยู่ที่การลุ้นแชมป์อย่างเข้มข้นของคลาสสูงสุดในประเทศไทยอย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี (เอสบี1) “ติ๊งโน๊ต” ฐิติพงศ์ วโรกร ยอดนักบิด คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ที่ทำสถิติได้ออกสตาร์ทจากหัวแถว 3 สนามติดต่อกัน ขนาบข้างด้วย “ตี” อนุภาพ ซามูล นักบิดเชียงใหม่ จีเอ็มที94 ในกริดที่ 2 ส่วนกริดที่ 3 “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก ยามาฮ่า เพาเวอร์ สปีด 123วีไอพี เรซซิ่ง ทีม ตามด้วย “ซีเค” ชัยวิชิต นิสสกุล จาก คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม และ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีจาก ยามาฮ่า เพาเวอร์สปีด วีไอพี 123 เรซซิ่ง ทีม ในกริดที่ 4 และ 5 ชิงชัยทั้งสิ้น 12 รอบสนาม
ออกสตาร์ทเรซด้วยการขึ้นนำอย่างรวดเร็วของ อนุภาพ ตามด้วย อภิวัฒน์ ในอันดับ 2 ส่วน ฐิติพงศ์ ร่วงลงไปรั้งอันดับ 3 ด้าน นครินทร์ ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 4 และ ชัยวิชิต ในอันดับ 5 ก่อนที่ 2 รอบถัดมา นครินทร์ จะโดนแซงเอาอันดับ 4 คืนไปได้อีกครั้ง
ผ่านครึ่งทางการแข่งขัน ฐิติพงศ์ ขยับแซง อภิวัฒน์ ขึ้นมารั้งอันดับ 2 ได้สำเร็จ ขณะที่ อนุภาพ ยังคงรั้งจ่าฝูงได้อย่างเหนียวแน่น แต่ก็ต้องโดนกดดันอย่างหนักจากอันดับ 2 และ 3
เข้าสู่ช่วง 4 รอบสุดท้าย ฐิติพงศ์ ที่พยายามอย่างหนักในการคัมแบ็กสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ ก็แซงขึ้นมารั้งจ่าฝูงได้สำเร็จ ตามด้วย อภิวัฒน์ ที่ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 2 ส่วน อนุภาพ หล่นไปอยู่ในอันดับ 3
ผลการแข่งขัน 12 รอบสนาม “ฐิติพงศ์” บิดเข้าป้ายเป็นคันแรกคว้าชัยชนะครั้งแรกให้กับตนเองในปีนี้ าชนะ “อภิวัฒน์” อันดับ 2 เพียง 0.798 วินาที อันดับ 3 “อนุภาพ” ตามหลังแชมป์ 4.897 วินาที ขึ้นโพเดี้ยมครั้งแรกให้กับทีมได้สำเร็จ ส่วนอันดับ 4 “ชัยวิชิต” ตามหลังแชมป์ 13.082 วินาที ด้าน “นครินทร์” จบเรซในอันดับ 5 ตามหลังแชมป์ 23.393 วินาที
ภายหลังจบ 3 สนามแรก สถานการณ์ลุ้นแชมป์ยังคงเข้มข้นและต้องไปตัดสินกันในสนามสุดท้าย โดยจ่าฝูงเป็นของ “อภิวัฒน์” มีทั้งสิ้น 61 คะแนน เหนือทีมเมทอย่าง “นครินทร์” เพียง 5 คะแนนเท่านั้น ส่วน “ฐิติพงศ์” ขยับขึ้นมารั้งอันดับ 3 ตามหลังจ่าฝูง 19 คะแนน ตามด้วย “ชัยวิชิต” ในอันดับ 4 ตามหลัง 22 คะแนน ส่วน “อนุภาพ” รั้งอันดับ 5 ตามหลังจ่าฝูง 34 คะแนน
ไฮไลต์อีกรุ่นอย่าง ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ทวีความเข้มข้นขึ้น ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ส่งนักบิดระดับแชมป์เอเชียอย่าง “โฟลท” รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ เข้าแข่งขันเป็นครั้งแรก รวมถึง 2 นักบิดเอเชียจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อย่าง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช และ “แชมป์” ภาสวิชญ์ ฐิติวรารักษ์
เกมเรซนี้ดวลกันอย่างสุดมันส์ โดยจุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในช่วง 3 รอบสุดท้าย เมื่อ ภาสวิชญ์ และ มุกข์ลดา ที่ลุ้นแชมป์อยู่ใน 3 อันดับแรก เกี่ยวกันล้มเองที่โค้งสุดท้าย ส่งผลให้ “รัฐพงษ์” อาศัยความเก๋าหลบหลีกจังหวะสุดเสียวไปได้ ก่อนบิดเข้าป้ายเป็นคันแรกด้วยเวลา 20 นาที 9.638 วินาที คว้าแชมป์แรกของรายการนี้ตามด้วย “คณาทัต ใจมั่น” จ่าฝูงบนตารางคะแนนสะสมจาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ดี.ไอ.ดี. เออห์ลิน กิ๊กะไบค์ ลิควิ โมลี เคเอ็นบี เรซซิ่ง ทีม อันดับ 2 ตามหลังแชมป์ 2.048 วินาที ส่วนอันดับ 3 “เอ้” วรพงศ์ มาลาหวล จาก ยามาฮ่า พิเรลลี ไฮสปีด ตามหลังแชมป์ 2.636 วินาที
รุ่น ซูเปอร์สต็อก 1,000 ซีซี (เอสที1-2) แชมป์สนามนี้ “ชานนท์ ชุ่มใจ” จาก ยามาฮ่า ไดนาโวลต์ เวลา 19 นาที 53.345 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง “สิรภพ พูลศรี” จาก ยามาฮ่า เอ็นพี สปีด ออยล์ เดอะ เบลล์ 55 ยา มอเตอร์สปอร์ต อยู่ 1.762 วินาที ส่วนอันดับ 3 “อัศวิน คงทนไพศาล” จาก โกโก้ เรซซิ่ง บาย ยูทีอาร์ ตามหลังแชมป์ 6.599 วินาที ด้านนักบิดสาวอย่าง “รัชดา นาคเจริญศรี” จาก ตาล เรซซิ่ง คอนเน็ค จบเรซในอันดับ 4 ตามหลังแชมป์ 11.677 วินาที
รุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 400 ซีซี สนามที่ 3 แชมป์ “จิรายุ สายยนต์” จาก คาวาซากิ โรนิน เรซซิ่ง ทีม เวลา 12 นาที 39.765 วินาที เฉือนอันดับ 2 “รัฐพงษ์ บุญเลิศ” ยามาฮ่า เควายบี ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. เอ็มเอ็น8 น้ำบาน โก๋ท่ามะกา เพียง 0.265 วินาที อันดับ 3 “ภณณัฎฐ์ นิลภา” จาก เอ็นดีแอล โมริเทค คาวาอิ เรซซิ่ง ทีม ตามหลังแชมป์ 20.925 วินาที
รุ่น สปอร์ต โปรดักชั่น 400 แชมป์ “ต่อศักดิ์ นวลสาย” จาก เอ๋ เซอร์วิส ทีซี เอ็นจิ้น ปี๊ด สะพานแดง เวลา 13 นาที 12.896 วินาที เหนืออันดับ 2 อย่าง “ภาสกร แสนหลวง” ยามาฮ่า พิเรลลี ดี.ไอ.ดี. เอ็นจีเค เออห์ลิน อู่ช่างขวัญ เซอร์วิส ถึง 4.914 วินาที ตามด้วย “สุทธิพจน์ พัชรีธร” ยามาฮ่า เรซซิ่ง บอย ไออาร์ซี ดี.ไอ.ดี. สมาร์ท สปอร์ต โมตุล ในอันดับ 3 ตามหลังแชมป์ 6.258 วินาที
สำหรับ ศึก โออาร์ บีอาร์ไอซี ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ 2020 สนามถัดไป สุดท้ายของปี การตัดสินแชมป์ประจำฤดูกาล วันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์// “กระบี่ฮาล์ฟมาราธอน 2020” คึกคัก “ปอดเหล็กรัสเซีย” ผงาดแชมป์โอเวอร์ออล ปลุกกระแสเมืองกีฬา พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจยุค New Normal เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา
นายสมควร ขันเงิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานเปิดการแข่งขันวิ่ง “กระบี่ฮาล์ฟมาราธอน 2020” ภายใต้การดำเนินงานของสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดกระบี่ และสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดกระบี่ เพื่อปลุกกระแส “กระบี่เมืองกีฬา (Krabi Sports City)” ส่งเสริมการวิ่งออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ เพิ่มมูลค่าทางเศรฐกิจชุมชน พร้อมฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในยุค New Normal โดยออกสตาร์ท ที่ สนามกีฬากลางจังหวัดกระบี่ (อ่าวนาง) และเข้าเส้นชัยที่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จังหวัดกระบี่
คุณศตนันทน์ นิลทะรัตน์ ผู้อำนวยการ สำนักงานกกท.จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า งานวิ่ง “กระบี่ฮาล์ฟมาราธอน 2020” จัดขึ้นตามนโนบายกีฬาเชิงท่องเที่ยวของทางรัฐบาล ที่ต้องการใช้การจัดกีฬากระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในจังหวัด พร้อมฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวในยุค New Normal โดยมีจุดเด่นที่เส้นทางวิ่งธรรมชาติ “Scenic Marathon” สุดโรแมนติก นักวิ่งจะได้สัมผัสความสวยงามของท้องทะเลและวิวทิวทัศน์ ที่ถูกยกย่องให้เป็นอัญมณีท่องเที่ยวแห่งท้องทะเลอันดามัน บนเส้นทางเลียบทะเลของอ่าวนาง จนถึงเส้นชัยที่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ช่วยดึงดูดนักวิ่งและนักท่องเที่ยวร่วมงานกันอย่างคึกคัก และจะเป็นพลังสำคัญผลักดันให้สนามวิ่งแห่งนี้กลายเป็นสนามวิ่งมาราธอนยอดนิยมของโลกในอนาคต
ไฮไลท์ประเภทฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กม. แชมป์ฝ่ายชาย เซอร์เกย์ ซีเรียนอฟ ปอดเหล็กชาวรัสเซีย เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 01.10.20 ชม. เฉือนอันดับ 2 ณัฐวุฒิ อินนุ่ม นักวิ่งขวัญใจชาวไทย วลา 01.11.04 ชม. อันดับ 3 สุพิศ จันทรัตน์ 01.16.52 ชม. ส่วนฝ่ายหญิง แชมป์คือ อรอนงค์ วงศร วลา 01.29.33 ชม. อันดับ 2 ดอร์คัส เจโบติป ทารัส จากเคนยา เวลา 01.33.32 ชม. และอันดับ 3 รุ่งอรุณ ช่อมณี 01.39.04 ชม.
ประเภทมินิมาราธอน 10.55 กม. แชมป์ฝ่ายชาย คริสตอฟ ฮาดาส นักไตรกีฬาจากโปแลนด์ 33.54 น. อันดับ 2 เอกลักษณ์ จันทร์แก้ว เวลา 35.31 น. และอันดับ 3 อาทิตย์ธา วีระธรรมวาทิน เวลา 36.42 น. ส่วนฝ่ายหญิง แชมป์ สุรกาญจน์ วรรณะ เวลา 45.58 น.อันดับ 2 สุทธิดา อุดมชัย เวลา 46.09 น. และอันดับ 3 กานต์ธิดา จิตหลัง เวลา 48.52 น.
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์
พิมพ์ไทยออนไลน์// “ซุปเปอร์บอน” นักชก วัย 29 ปี ยอดฝีมือระดับโลก ชาวจังหวัดพัทลุง หวนตอบแทนบ้านเกิด ในกิจกรรม “มวยไทยฮีโร่คลินิกกับซุปเปอร์บอน” ตามโครงการสืบสานตำนาน วีรบุรุษมวยไทย จัดโดย กกท. ที่ โรงเรียนกงหราพิชากร จ.พัทลุง เพื่อติวเข้มเผยแพร่ทักษะมวยไทยให้กับนักมวยเยาวชนจากค่ายต่าง ๆ ในจังหวัดพัทลุง รวมทั้งสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวสู่เวทีระดับโลกให้กับนักมวยรุ่นจิ๋วในท้องถิ่น
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท.เผยว่า ทาง การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้จัดกิจกรรม “มวยไทยฮีโร่คลินิกกับซุปเปอร์บอน” ในโครงการ “สืบสานตำนาน วีรบุรุษมวยไทย” เพื่อฟื้นฟูและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของกีฬามวยไทย โดยมีกิจกรรมพิเศษด้วยการนำ “ซุปเปอร์บอน” ศุภชัย หมื่นสังข์ นักมวยชื่อดัง ชาวพัทลุง มาถ่ายทอดประสบการณ์สู่นักมวยเยาวชนในจังหวัดพัทลุง ที่ โรงเรียนกงหราพิชากร อำเภอกงหรา จังหวัดพัทลุง ซึ่งมี นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานพิธีเปิด ร่วมด้วย นางสาว “อราเบลล่า สิตานัน เกรโกรี่” ทูตการกีฬา จ.พัทลุง, ผู้บริหารกกท. และ ผู้บริหารภาคส่วนภายในจังหวัดพัทลุง ร่วมในพิธี
นายเขมพล อุ้ยตยะกุล กล่าวว่า “กีฬามวยไทย มีชื่อเสียงไปทั่วโลก สร้างรายได้ให้กับนักมวย นักกีฬาอาชีพ และบุคคลากรในวงการกีฬามวย ทั้งจากกิจกรรมกีฬามวยโดยตรง และจากการท่องเที่ยว เพื่อเข้าฝึกซ้อมและชมการแข่งขัน จนเมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้กีฬามวยไทยและบุคลากรในวงการประสบปัญหาด้านภาพลักษณ์ การจัด “กิจกรรมมวยไทยฮีโร่คลินิกกับซุปเปอร์บอน” จึงเป็นหนึ่งในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมรณรงค์ เพื่อฟื้นฟูและสร้างภาพลักษณ์ศิลปะกีฬามวยไทย เเละเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกด้วย”
นายจิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย องค์กรศิลปะต่อสู้ที่มีชื่อเสียงระดับโลก กล่าวว่า ทางเราได้นำ “ซุปเปอร์บอน” นักมวยซูเปอร์สตาร์ วัน แชมเปียนชิพ มาร่วมงาน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและคาดหวังที่จะสร้างวีรบุรุษมวยไทยในรุ่นต่อไปจากกิจกรรมนี้ โดยซุปเปอร์บอน ถือเป็นนักกีฬา อัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้มากที่สุดคนหนึ่ง คว้าแชมป์มามากมาย ทั้งมวยไทยอาชีพ มวยไทยสมัครเล่น และคิกบ็อกซิ่ง พัฒนาตัวเองจากการเป็นนักมวยภูธร ไต่เต้าตนเองจากท้องถิ่น ปัจจุบันประสบความสำเร็จในระดับโกลบอล ซูเปอร์สตาร์ เป็นโอกาสอันดีของเยาวชนที่กำลังก้าวเข้าสู่อาชีพมวยไทย ได้ศึกษากุญแจสู่ความสำเร็จ สร้างโอกาสให้ตนเองก้าวสู่การเป็นนักกีฬาเงินแสน เงินล้าน ประสบความสำเร็จเหมือนกับซุปเปอร์บอนในอนาคต
ด้าน “ซุปเปอร์บอน” หรือ ศุภชัย หมื่นสังข์ กล่าวว่า “ผมมีบ้านเกิดอยู่ที่ ต.แหลมโตนด อ.ควนขนุน จ.พัทลุง สมัยเด็กได้เรียนรู้วิชามวยจากพ่อที่ชื่นชอบกีฬามวยเป็นชีวิตจิตใจตั้งแต่วัย 5-6 ขวบ พัฒนาตัวเองจากการเป็นนักมวยภูธร กว่าจะได้พิสูจน์ตัวเอง สร้างฝีมือสร้างชื่อจนได้รับการยอมรับในการเป็นนักชกเบอร์ต้นๆ ระดับประเทศหรือระดับโลก ต้องใช้ทั้งการฝึกฝนร่างกายอย่างหนักและจิตใจที่รักกีฬาอย่างแท้จริง”
“ผมดีใจมากที่ได้มีโอกาสมาถ่ายทอดทักษะและสร้างแรงบันดาลใจในการก้าวสู่การเป็นนักกีฬาอาชีพ ให้กับน้องๆ เยาวชนในท้องถิ่น ที่เป็นจังหวัดบ้านเกิดของผม เพราะตัวผมเองก็เกิดจากการเป็นดาวรุ่งในเขตภูธร เหมือนที่เขาว่าช้างเผือกก็ต้องอยู่ในป่า”
Cr. : นายวิชัย แสงทวีป ผู้สื่อข่าวพิมพ์ไทยออนไลน์