วันศุกร์, มิถุนายน 6, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 31

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1174476306958531419?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

 

สตง.-ไชน่าเรลเวย์ งานงอกอีก! วิศวกรควบคุมงานแจ้งความถูกแอบอ้าง-ปลอมลายเซ็น

0

https://www.natethip.com/news.php?id=9909
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

 

ตึกร้าง กสทช. … แบบนี้ก็ได้หรือ?

0

https://www.natethip.com/news.php?id=9905
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

“พาณิชย์”แนะไทยลุยตลาดผู้สูงอายุไต้หวัน ชี้เป้าขายอาหาร บริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์

0

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำรวจความพร้อมการรับมือสังคมผู้สูงอายุของไต้หวัน พบรัฐบาลให้ความสำคัญ และล่าสุดอนุมัติโครงการ Long-term care 3.0 รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด ชี้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่จะขายสินค้าอาหาร ไลฟ์สไตล์ บริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และเข้าไปลงทุนธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวกัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ส่วนที่ 2 ถึงการเตรียมความพร้อมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไต้หวัน ผ่านโครงการ Long-term care 3.0 รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าและบริการของไทย ทั้งสินค้าอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ รวมไปจนถึง Medical Tourism เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุชาวไต้หวัน

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์รายงานข้อมูลว่า ไต้หวันก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด” ในปี 2568 ซึ่งหมายความว่าหนึ่งในห้าของประชากรจะมีอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้เตรียมความพร้อมรับมือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาโดยตลอด และดำเนินการตามโครงการดูและระยะยาว 2.0 มาตั้งแต่ปี 2559 โดยใช้งบประมาณรวมประมาณ 2,810 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ไต้หวันสามารถขยายจำนวนสถานดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นจาก 720 แห่งเมื่อ 9 ปีก่อน เป็น 15,000 แห่ง ในปัจจุบัน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 รัฐบาลไต้หวันได้อนุมัติและเตรียมดำเนินโครงการดูแลระยะยาว 3.0 ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการ 2.0 ที่ประสบความสำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงระบบดูแลผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีแนวทางหลัก 5 ประการ ได้แก่ 1.เพิ่มการเข้าถึงบริการ ตั้งเป้าหมายให้ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงสถานดูแลได้ภายในเวลาขับรถไม่เกิน 10 นาทีจากทุกครัวเรือน 2.ลดระยะเวลารอคอยของผู้ป่วยนอกให้เหลือเพียงไม่เกิน 0 วัน และเชื่อมโยงบริการดูแลระยะยาวกับระบบโรงพยาบาล ซึ่งจะทำให้ การจัดเตรียมพื้นที่สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการรับบริการดูแลระยะยาวจะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อนวันที่ผู้ป่วยจะออกจากโรงพยาบาล 3.ขยายกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมกลุ่มผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยกลุ่มที่มีสิทธิ์รับบริการรวมถึง ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ชาวพื้นเมืองที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีภาวะทุพพลภาพ และกลุ่มคนหนุ่มสาว
ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง 4.บูรณาการระบบการดูแล โดยเชื่อมโยงบริการทางการแพทย์และการดูแลระยะยาว เช่น การแพทย์ทางไกล และการดูแลแบบประคับประคอง และจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดผ่านแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างระบบกาแพทย์และระบบดูแลระยะยาว และ 5.นำ AI และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการดูแล

โดยโครงการนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการที่เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละชุมชน รวมถึงชนเผ่าพื้นเมืองและพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งยังมีการขยายขีดความสามารถในการให้บริการของศูนย์ดูแลในช่วงเวลากลางวัน เพิ่มบริการฟื้นฟูสมรรถภาพ และเสริมสร้างศูนย์บริการขนาดเล็กที่ให้บริการหลายฟังก์ชัน โดยรวมถึงการจัดหาบริการช่วงเวลากลางคืนและเพิ่มจำนวนเตียงสำหรับที่พักชั่วคราว

นอกจากนี้ จะนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของชุมชน โดยจะส่งเสริมการใช้ AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) และอุปกรณ์ช่วยเหลือทางเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการดูแล และพัฒนาการสนับสนุนผู้ดูแลในครอบครัว ซึ่งโครงการดูแลระยะยาว 3.0 ถือเป็นแผนงานสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการการดูแลในไต้หวัน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการอย่างสมบูรณ์ในปี 2571

“การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุถือเป็นความท้าทายสำหรับรัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งหมายรวมถึงประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้จึงถือเป็นโอกาสในการทำตลาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ตลาดไต้หวันถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับสินค้าและบริการของไทย ทั้งสินค้าอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ รวมไปจนถึง Medical Tourism และในส่วนของการขยายสถานดูแลสำหรับผู้สูงอายุ ตามเป้าหมายของรัฐบาลไต้หวันนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้องในการเข้ามาลงทุนในไต้หวัน โดยที่ผ่านมา เคยมีตัวอย่างความสำเร็จของศูนย์ดูแลจากญี่ปุ่น คือ กลุ่ม Genki Group ซึ่งมาลงทุนจัดตั้งสถานดูแลในเมืองไถหนาน ทางใต้ของเกาะไต้หวัน ทั้งในส่วนของ Day Care Center , Long Stay Center , สถานดูแลเต็มรูปแบบ และร้านขายสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ เมื่อปี 2555 ส่งผลให้ปัจจุบันนี้ บริษัทสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไต้หวัน”นางสาวสุนันทา กล่าว

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169

 

 

 

 

“พาณิชย์”แนะไทยลุยตลาดผู้สูงอายุไต้หวัน ชี้เป้าขายอาหาร บริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์

0

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) สำรวจความพร้อมการรับมือสังคมผู้สูงอายุของไต้หวัน พบรัฐบาลให้ความสำคัญ และล่าสุดอนุมัติโครงการ Long-term care 3.0 รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด ชี้เป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย ที่จะขายสินค้าอาหาร ไลฟ์สไตล์ บริการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และเข้าไปลงทุนธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ

นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวกัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา ส่วนที่ 2 ถึงการเตรียมความพร้อมการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไต้หวัน ผ่านโครงการ Long-term care 3.0 รองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด และโอกาสในการขยายตลาดส่งออกสินค้าและบริการของไทย

ทั้งสินค้าอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ รวมไปจนถึง Medical Tourism เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้สูงอายุ
ชาวไต้หวัน

ทั้งนี้ ทูตพาณิชย์รายงานข้อมูลว่า ไต้หวันก้าวเข้าสู่ “สังคมผู้สูงอายุระดับสุดยอด” ในปี 2568 ซึ่งหมายความว่าหนึ่งในห้าของประชากรจะมีอายุมากกว่า 65 ปี ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้เตรียมความพร้อมรับมือการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาโดยตลอด และดำเนินการตามโครงการดูและระยะยาว 2.0 มาตั้งแต่ปี 2559 โดยใช้งบประมาณรวมประมาณ 2,810 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ไต้หวันสามารถขยายจำนวนสถานดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นจาก 720 แห่งเมื่อ 9 ปีก่อน เป็น 15,000 แห่ง ในปัจจุบัน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 รัฐบาลไต้หวันได้อนุมัติและเตรียมดำเนินโครงการดูแลระยะยาว 3.0 ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการ 2.0 ที่ประสบความสำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงระบบดูแลผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีแนวทางหลัก 5 ประการ ได้แก่ 1.เพิ่มการเข้าถึงบริการ ตั้งเป้าหมายให้ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงสถานดูแลได้ภายในเวลาขับรถไม่เกิน 10 นาทีจากทุกครัวเรือน 2.ลดระยะเวลารอคอยของผู้ป่วยนอกให้เหลือเพียงไม่เกิน 0 วัน และเชื่อมโยงบริการดูแลระยะยาวกับระบบโรงพยาบาล ซึ่งจะทำให้ การจัดเตรียมพื้นที่สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการรับบริการดูแลระยะยาวจะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อนวันที่ผู้ป่วยจะออกจากโรงพยาบาล 3.ขยายกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมกลุ่มผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง โดยกลุ่มที่มีสิทธิ์รับบริการรวมถึง ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ชาวพื้นเมืองที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีภาวะทุพพลภาพ และกลุ่มคนหนุ่มสาว ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง 4.บูรณาการระบบการดูแล โดยเชื่อมโยงบริการทางการแพทย์และการดูแลระยะยาว เช่น การแพทย์ทางไกล และการดูแลแบบประคับประคอง และจัดเก็บข้อมูลทั้งหมดผ่านแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างระบบกาแพทย์และระบบดูแลระยะยาว และ 5.นำ AI และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาประยุกต์ใช้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการดูแล

โดยโครงการนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการที่เหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละชุมชน รวมถึงชนเผ่าพื้นเมืองและพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งยังมีการขยายขีดความสามารถในการให้บริการของศูนย์ดูแลในช่วงเวลากลางวัน เพิ่มบริการฟื้นฟูสมรรถภาพ และเสริมสร้างศูนย์บริการขนาดเล็กที่ให้บริการหลายฟังก์ชัน โดยรวมถึงการจัดหาบริการช่วงเวลากลางคืนและเพิ่มจำนวนเตียงสำหรับที่พักชั่วคราว

นอกจากนี้ จะนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของชุมชน โดยจะส่งเสริมการใช้ AI เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) และอุปกรณ์ช่วยเหลือทางเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการดูแล และพัฒนาการสนับสนุนผู้ดูแลในครอบครัว ซึ่งโครงการดูแลระยะยาว 3.0 ถือเป็นแผนงานสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการการดูแลในไต้หวัน โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการอย่างสมบูรณ์ในปี 2571

“การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุถือเป็นความท้าทายสำหรับรัฐบาลในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในเอเชีย ซึ่งหมายรวมถึงประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว การพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้จึงถือเป็นโอกาสในการทำตลาดที่ใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ตลาดไต้หวันถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับสินค้าและบริการของไทย ทั้งสินค้าอาหาร สินค้าไลฟ์สไตล์ รวมไปจนถึง Medical Tourism และในส่วนของการขยายสถานดูแลสำหรับผู้สูงอายุ ตามเป้าหมายของรัฐบาลไต้หวันนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำหรับกลุ่มผู้ประกอบการไทยที่เกี่ยวข้องในการเข้ามาลงทุนในไต้หวัน โดยที่ผ่านมา เคยมีตัวอย่างความสำเร็จของศูนย์ดูแลจากญี่ปุ่น คือ กลุ่ม Genki Group ซึ่งมาลงทุนจัดตั้งสถานดูแลในเมืองไถหนาน ทางใต้ของเกาะไต้หวัน ทั้งในส่วนของ Day Care Center , Long Stay Center , สถานดูแลเต็มรูปแบบ และร้านขายสินค้าสำหรับผู้สูงอายุ เมื่อปี 2555 ส่งผลให้ปัจจุบันนี้ บริษัทสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไต้หวัน”นางสาวสุนันทากล่าว

สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169

 

 

 

” วราวุธ ” เผย กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ แจ้งข่าวดีรับปีใหม่ไทย หลัง ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ ปรับเพิ่มค่าตอบแทน ให้ผู้ช่วยคนพิการ แนะ อบรมหลักสูตรพื้นฐาน

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2568 นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กรณีราชกิจจานุเบกษาประกาศกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เรื่อง “อัตราค่าตอบแทนแก่ผู้ช่วยคนพิการและรายการค่าตอบแทนอื่นที่จัดให้มีบริการผู้ช่วยคนพิการ (ฉบับที่ 3) เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2568 โดยเนื้อหาสาระสำคัญ ระบุโดยที่เห็นสมควรปรับปรุงประกาศสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553 เกี่ยวกับอัตราค่าตอบแทนผู้ช่วยคนพิการให้เป็นไปอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน นั้น

อาศัยอำนาจตามความในข้อ 22 แห่งระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้แก่คนพิการ การมีผู้ช่วยคนพิการ การช่วยเหลือคนพิการที่ไม่มีผู้ดูแลคนพิการ และสิทธิของผู้ดูแลคนพิการ พ.ศ. 2566 อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง จึงออกประกาศกำหนด ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 ให้ยกเลิกความในข้อ 1 ของประกาศสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต

คนพิการแห่งชาติ เรื่อง อัตราค่าตอบแทนแก่ผู้ช่วยคนพิการและรายการค่าตอบแทนอื่นที่จัดให้มีบริการผู้ช่วยคนพิการ ลงวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553 และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“ข้อ 1 การปฏิบัติหน้าที่ของผู้ช่วยคนพิการเพื่อให้ความช่วยเหลือคนพิการสามารถปฏิบัติกิจวัตรที่สำคัญในการดำรงชีวิต ให้จ่ายค่าตอบแทนในอัตรารายชั่วโมง ๆ ละหกสิบบาท วันละไม่เกิน

หกชั่วโมง หรือไม่เกินเดือนละหนึ่งร้อยแปดสิบชั่วโมง

การนับระยะเวลาเพื่อคำนวณค่าตอบแทนในแต่ละครั้งให้นับตั้งแต่เวลาเริ่มปฏิบัติงานจริงจนถึงเวลาสิ้นสุดการปฏิบัติงาน เมื่อรวมระยะเวลาการปฏิบัติงานแล้ว มีเศษของชั่วโมงเกินครึ่งชั่วโมง ให้ถือเป็นหนึ่งชั่วโมง”

โดยประกาศกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เรื่อง “อัตราค่าตอบแทนแก่ผู้ช่วยคนพิการและรายการค่าตอบแทนอื่นที่จัดให้มีบริการผู้ช่วยคนพิการ (ฉบับที่ 3) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน 2568 เป็นต้นไป ซึ่งจะส่งผลให้มีการยกเลิกค่าตอบแทนจากเดิม รายชั่วโมง ๆ ละ 50 บาท วันละไม่เกิน 6 ชั่วโมง หรือไม่เกินเดือนละ 180 ชั่วโมง เป็นค่าตอบใหม่ รายชั่วโมง ๆ ละ 60 บาท วันละไม่เกิน 6 ชั่วโมง หรือไม่เกินเดือนละ 180 ชั่วโมง โดยคำนวณค่าตอบแทนในแต่ละครั้งตั้งแต่เวลาเริ่มปฏิบัติงานจริง จนถึงเวลาสิ้นสุดการปฏิบัติงาน เมื่อรวมระยะเวลาการปฏิบัติงานแล้ว มีเศษของชั่วโมงเกินครึ่งชั่วโมงให้ถือเป็น 1 ชั่วโมง

ปัจจุบัน มีผู้ช่วยคนพิการทั่วประเทศ จำนวน 2,054 คน ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือคนพิการเฉพาะบุคคลเพื่อให้สามารถปฏิบัติกิจวัตรที่สำคัญในการดำรงชีวิต และช่วยเหลือคนพิการในการปฏิบัติภารกิจในชีวิตประจำวันในกรณีคนพิการ มีสภาพความพิการมาก จนไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรที่สำคัญในการดำรงชีวิตได้ด้วยตนเอง เช่น (1) การดูแลสุขภาพอนามัยส่วนบุคคล (2) การดูแลสุขภาพทั่วไป (3) การเดินทาง (4) อาหารและโภชนาการ (5) งานบ้าน (6) การสื่อสาร (7) การช่วยเหลืออื่น อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้สนใจจะเป็นผู้ช่วยคนพิการ สามารถสมัครเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรผู้ช่วยคนพิการระดับพื้นฐานได้ที่กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) โทร. 0 2354 3388 ต่อ 207 หรือ สายด่วน 1300 กระทรวง พม.#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #5×5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ #พันธกิจสำคัญ9ด้าน #สงกรานต์ #ปีใหม่ไทย #คนพิการ #ผู้ช่วยคนพิการ:Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1174467781955480385?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

ชช.ยังยึกยักจ่ายหนี้ค้าง BTS แม้สภา กทม. จี้ก้นรีบเคลียร์หวั่นดอกเบี้ยท่วมหัว!

0

https://www.natethip.com/news.php?id=9904
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

“บีโอไอ” ลงดาบเพิกถอนการใช้สิทธิชั่วคราว ซิน เคอ หยวน

0

https://www.natethip.com/news.php?id=9903
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)