พิมพ์ไทยออนไลน์ // เมื่อเวลา 10.30 น.ของวันที่ 2 มี.ค.66 นายปทุม คงคากรวัชร์ รองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ส.ท.ช.) ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อขอทราบความคืบหน้าในคดีที่เคยมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. มาแล้วเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ตามหนังสือเลขรับ 04369 ลงวันที่ 8 ก.พ. 2565 เกี่ยวกับนายกเทศมนตรีตำบลสำโรงเหนือ กับพวกนำรถยนต์ของเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ ไปใช้ เพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ โดยมี นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผ.อ.กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 สำนักงานสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นผู้รับหนังสือแทน ประธานกรรมการ ป.ป.ช.
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า ผู้บริหารเทศบาลตำบลสำโรงเหนือท่านหนึ่งกับพวก นำรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลตำบลสำโรงเหนือไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ กล่าวคือ ได้ให้ลูกจ้างของเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ นำรถยนต์ส่วนกลางไปขนต้นไม้ที่ จ.อุทัยธานี เพื่อนำมาปลูกที่บ้านพักของตนเองที่ตั้งอยู่ใน จ.สมุทรปราการ มีมูลความผิดทางอาญาและวินัยอย่างร้ายแรง
รองประธาน ส.ท.ช. กล่าวต่อไปว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสมุทรปราการ เคยแถลงผลการดำเนินงานประจำปี พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 5 ผ่านทาง Facebook เมื่อ วันที่ 31 พ.ค 2565 เกี่ยวกับการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ครั้งที่ 5 ว่าด้วยเรื่องการชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยอย่างร้ายแรง กรณีได้รับการร้องเรียนว่า ผู้บริหารเทศบาลตำบลสำโรงเหนือท่านหนึ่งกับพวก นำรถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลตำบลสำโรงเหนือไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ กล่าวคือ ได้ให้ลูกจ้างของเทศบาลตำบลสำโรงเหนือ นำรถยนต์ส่วนกลางไปขนต้นไม้ที่ จ.อุทัยธานี เพื่อนำมาปลูกที่บ้านพักตนเอง
การกระทำดังกล่าวของผู้บริหารเทศบาลตำบลสำโรงเหนือท่านนี้ มีมูลความผิดทางอาญาและวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งปัจจุบัน ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดไปแล้ว แต่ผู้บริหารท่านนี้ ก็ยังทำงานตามปกติอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตนจึงต้องเดินทางมาขอทราบความคืบหน้าในคดีนี้จาก ประธานกรรมการ ป.ป.ช.ต่อไป.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการยื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. เพื่อติดตามความคืบหน้าในคดีนี้เรียบร้อยแล้ว รองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ส.ท.ช.) ยังได้เดินทางไปยัง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อติดตามคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยในขณะนั้น มีผู้ลงสมัครตำแหน่ง นายกเทศมนตรีตำบลสำโรงเหนือจำนวนหลายท่าน แต่มีผู้สมัครนายกเทศมนตรีเทศบาล ต.สำโรงเหนือ ท่านหนึ่ง ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยหาเสียงบนเวทีที่ ร.ร.วัดไตรสามัคคี เนื้อหาคำปราศรัยนั้น น่าเชื่อว่าผิดกฎหมายเลือกตั้ง ลักษณะสัญญาว่าจะให้ ต่อคณะครูและนักเรียนในที่ประชุมวันนั้น
สาระสำคัญที่กล่าวปราศรัยคือ ด้านการศึกษานั้น จะมีทุนการศึกษาให้กับนักเรียน โดยกล่าวว่า การศึกษานั้นก็มีขีดจำกัด ในเรื่องของงบประมาณตามระเบียบราชการ แต่กลุ่มผู้สมัครรายนี้ กล่าวว่า จะมีกองทุนการศึกษาส่วนตัว กองทุนการศึกษาของภาคเอกชน โดยจะให้ทุนแก่ทุกระดับชั้น เช่น ชั้นประถม มัธยม ระดับอุดมศึกษา เพราะนั่นก็คือ พี่ ๆ ของเราใน มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ 1,000 1,500 2,000 3,000 และ นักเรียนที่ขาดโอกาสในการศึกษา ก็จะอุปถัมภ์ตั้งแต่ ณ วันนั้นจนกระทั่งถึงจบการศึกษาสูงสุด กล่าวคือ ขอกราบเรียนครูบาอาจารย์ว่า ถ้ากลุ่มของตนได้เข้าไป ก็ขอให้จัดนักเรียนที่เป็นไปตามคุณสมบัติดังกล่าว ในการเสนอชื่อเพื่อขอรับทุนการศึกษาได้ และนี่ก็คือลักษณะสัญญาว่าจะให้นั่นเอง.