พิมพ์ไทยออนไลน์ // เทรนด์รักษ์โลกเป็นเทรนด์ที่ได้รับความสนใจมากในปัจจุบัน เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปหลายคนหันมารักษาสุขภาพ เลือกใช้สินค้าที่ปลอดภัย ไร้สารพิษและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมจนเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในวงกว้างแบรนด์ท้องถิ่นต่างๆ จึงมีบทบาทมากขึ้นจนได้รับความสนใจเป็นพิเศษ สามารถที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าขึ้นได้ กลายเป็นเทรนด์ของโลกปัจจุบันและคาดว่าจะเป็นเทรนด์แห่งอนาคตด้วย
แบรนด์ท้องถิ่นหรือ Local Brand มักจะมีพื้นฐานมาจากการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ให้คุณค่ากับการสนับสนุนการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น สร้างนวัตกรรมที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ตรงกับความต้องการของคนยุคนี้ที่ต้องการความปลอดภัย และต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติไปพร้อมกัน
เมื่อมุมมองการใช้ชีวิตเปลี่ยนจึงทำให้เกิดโมเดลเศรษฐกิจใหม่เรียกว่า BCG Model คือการพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวมทั้ง 3 มิติไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) การใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพยากรในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำน้อยแต่ได้มาก เสริมความมั่นคงด้านรายได้ เศรษฐกิจแบบหมุนเวียน (Circular Economy) การใช้
ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการสูญเสีย ใส่ใจเรื่องการ Recycle Zero Waste และการ Upcycle เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) การเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน
สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (สศท.) หรือ SACIT เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ขานรับแนวคิดนี้ มุ่งส่งเสริมให้ช่างฝีมือที่มีภูมิปัญญาและทักษะเชิงช่างในชนบท หันมาพัฒนา ต่อยอดและนำองค์ความรู้ในงานศิลปหัตถกรรม ที่ตอบโจทย์เทรนด์รักษ์โลกมาเป็นอาชีพหลักที่สร้างงานสร้างรายได้ที่มั่นคง ขับเคลื่อนผ่านกลุ่มผู้ผลิตงานหัตถกรรมในชุมชนช่วยกันต่อยอดงานภูมิปัญญาชาวบ้านและสร้างสรรค์ให้มีความเป็นสากลมากขึ้น เพื่อตรงตามความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ควบคู่สร้างความยั่งยืน เพื่อให้
งานศิลปหัตถกรรมไทยอยู่คู่กับสังคมไทยต่อไป
หมายเหตุ:
-ผลงาน”อารยธรรมผ้าเขียนเทียนจากชาวม้งสู่ชาวโลก”
การย้อมผ้าด้วยฮ่อมและการเขียนเทียนลงบนผ้าใยกัญชงเป็นวัฒนธรรมในการนุ่งห่มของชาวม้งมาตั้งแต่โบราณ มีเรื่องเล่าขานกันว่าลายที่เขียนลงบนผ้านั้นเป็นอักขระโบราณของชาวม้ง ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร แต่ลวดลายนั้นก็บ่งบอกความเป็นตัวตนของชาวม้งได้เสมอมาขั้นตอนการทำผ้าใยกัญชงเขียนเทียนนั้นยังใช้วิธีดั้งเดิม ตั้งแต่การปลูกกัญชง เก็บเกี่ยว และขั้นตอนการเตรียมเส้นใยที่มีกระบวนการมากกว่า 10 ขั้นตอน ผ่านการทอจนมาถึงการเขียนขี้ผึ้งลงบนผ้าด้วยปากกาทองแดงจุ่มขี้ผึ้งร้อน เมื่อเขียนเสร็จจึงนำไปย้อมเย็นด้วยฮ่อม และนำมาต้มเพื่อลอกเอาขี้ผึ้งออก ทุกอย่างเป็นงานทำมือ น่ายินดีที่ลูกหลานชาวม้งหลายคนให้ความสนใจและอนุรักษ์การทำผ้าเขียนเทียนไว้ ทำให้สามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนจากภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษมอบไว้เป็นมรดกให้กับลูกหลานอย่างแท้จริง
วิสาหกิจชุมชนดาวม่าง งานผ้าใยกัญชง ตำบล โป่งแยง อำเภอ แม่ริม จังหวัด เชียงใหม่ คุณ ธัญพร ถนอมวรกุล (ครูช่างศิลปหัตถกรรมปี 2564)
เสน่ห์ใยกัญชง ถักทอ ทำเงิน
จุดเริ่มต้นการเป็นช่างถักทอของครูนวลศรีเริ่มต้นตั้งแต่สมัยที่เธอเรียนอยู่ชั้นป.3 เมื่อได้หัดถักนิตติ้งจากคุณแม่ที่ไปเรียนการถักมาจากมิชชันนารี่ที่มาเผยแผ่ศาสนาในสมัยครั้งที่เมืองเชียงใหม่ยังใช้ทางเกวียน เมื่อกว่า 70 ปีมาแล้ว ครั้งนั้นคุณแม่ของครูนวลศรี ต้องจ่ายค่าเรียนเป็นเงิน 200 บาท เทียบกับค่าอาหารในยุคนั้นที่เงินหนึ่งสลึงซื้ออาหารกินได้ก็ถือว่าค่าเรียนแพงมากต่อมาเมื่อว่างจากการทำไร่ ทำนา ครูนวลศรีได้ชักชวนเพื่อนๆหันมาถักเส้นใยกัญชง เพราะเห็นว่าตลาดต่างชาติสนใจ การถักนิ
ตติ้งจากไหมพรมและใยกัญชงนั้นไม่ต่างกัน กลุ่มจึงรังสรรค์งานหัตถกรรมนิตติ้งและโครเชต์จากใยกัญชง ช่วยกันทำตั้งแต่ปี พ.ศ.2544 เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้
ครูเรียนรู้วิธีการทำให้ผ้าใยกัญชงให้นิ่ม ใส่สบาย ไม่ระคายผิว ด้วยการนำไปต้ม ทำให้ผู้คนติดใจเสน่ห์ของผ้าใยกัญชงมากขึ้น และผ้ายังมีคุณสมบัติไม่ดูดกลิ่น ไม่ขึ้นรา กันยูวี ใส่แล้วไม่ต้องซักบ่อยๆ มีอายุใช้งานเกิน 10 ปี เป็นงานที่สายรักธรรมชาติติดใจวิสาหกิจชุมชนผลิตใยกัญชง ทรายทอง อำเภอ แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่คุณ นวลศรี พร้อมใจ (ครูช่างศิลปหัตถกรรมปี 2557)
จักสานเตยปาหนันบอกเล่าวิถีมุสลิม
เตยปาหนันเป็นพืชตระกูลเตย พบมากที่ชายหาดและป่าโกงกาง ใบมีลักษณะแข็ง มีหนาม 3 ด้าน เส้นใยมีความทนทาน สันนิษฐานว่าวัฒนธรรมการนำเตยปาหนันมาทำเครื่องสานมาพร้อมกับชาวมุสลิมอพยพ ซึ่งสมัยก่อนนำมาสานเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือน เช่น ภาชนะต่างๆในครัว เสื่อปูนอน เสื่อปูละหมาด ฯลฯ
หัวใจหลักของการทำจักสานเตยปาหนันคือการเตรียมเส้นใยซึ่งมีความซับซ้อน ใช้เวลานานประมาณ 4-5 วัน กว่าจะได้เส้นที่พร้อมใช้ นอกจากนี้เส้นเตยที่ได้จะนิ่มกว่างานจักสานทั่วไปแต่ยังคงคุณสมบัติที่ทนทาน ผู้สานจึงตัองใช้ความชำนาญและพิถีพิถันในการสานเพื่อให้งานออกมาแน่นและเรียบ จุดเด่นของจักสานเตยปาหนันบ้านดุหุนที่ทำให้หลายคนสะดุดตาอยู่ที่การสานไล่สีออกมาได้อย่างสวยงามในโทนคลาสสิก ทำให้ถูกใจคนไทยและลูกค้าชาวญี่ปุ่น เกาหลีและอเมริกาวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์เตยปาหนัน บ้านดุหุน จ.ตรัง
คุณ จันทร์เพ็ญ ปูเงิน (สมาชิก SACIT) ผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติจากดินแดนคีรีวง
ที่บ้านคีรีวง ตำบลกำโลน อำเภอ ลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช เคยเกิดเหตุดินถล่มจากอุทกภัยครั้งใหญ่ สวนผลไม้ซึ่งเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านและบ้านเรือนถูกทำลาย ชาวบ้านต้องการมีอาชีพเสริมนอกจากการทำสวน จึงเริ่มการทำผ้าย้อมสีธรรมชาติจากต้นไม้ในสวนนานาชนิดที่ตอนนี้นำมาสร้างสรรค์สีได้นับ 10 สี ทั้งจากใบและเปลือกมังคุดที่ให้สีต่างกัน เปลือกเงาะ ฝักสะตอเปลือกลูกเนียง แก่นไม้หลุมพอ แก่นไม้ขนุน ใบหูกวาง ใบเพกา บวกกับความรู้ด้านการย้อมและทอผ้าจากบรรพบุรุษ มีการใช้เทคนิกที่เรียนรู้ใหม่โดยการใช้ไม้ไผ่ชิ้นเล็กๆมาประกบมัดผ้าเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นลายมัดย้อมที่สวยสะดุดตา ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากคนไทยและคนญี่ปุ่น เป็นการจัดการมรดกทางธรรมชาติที่ช่วยให้ชุมชนและสังคมอยู่ได้อย่างยั่งยืน
กลุ่มมัดย้อมสีธรรมชาติ บ้านคีรีวง ตำบล กำโลน จังหวัด นครศรีธรรมราช คุณ อารีย์ ขุนทน (ครูช่างศิลปหัตถกรรมปี 2563)ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานศิลปหัตถกรรมไทย สามารถติดต่อได้ที่ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) โทร.1289 หรือ Facebook: sacitofficial