พิมพ์ไทยออนไลน์ // แผนประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มยังวุ่นไม่เลิก หลังรฟม.ส่งหนังสือไปยังองค์กรต่อต้านการทุจริตให้ส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตุการณ์ แต่ยังไร้คำตอบกลัวถูกอ้างชื่อฟอกขาวให้โครงการ ด้านทุนใหญ่ดิ้นพล่านหลังบิ๊กกระทรวงคมนาคมบีบ “บีทีเอส”รามือไร้ผล ทำเส้นทางประมูลใหม่สะดุดตอ
แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุน (พีพีพี) ในโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี(สุวินทวงศ์) ระยะทาง 35.9 กม.วงเงินลงทุนกว่า 1.427 แสนล้านบาทว่า หลังจากฝ่ายบริหารการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
(รฟม.)ประกาศเดินหน้าจัดประกวดราคาใหม่โดยยืนยันว่า คดีฟ้องร้องที่มีอยู่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการประมูล เพราะศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยกฟ้องคดีต่างๆ ไปเกือบหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะกรรมการ รฟม.ล่าสุดที่ประชุมได้รับทราบรายงานของฝ่ายบริหารที่อ้างว่า ยังไม่สามารถริเริ่มจัดประมูลใหม่ได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม และประสานไปยังองค์การต่อต้านการคอร์รัปชั่น เพื่อจัดส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาเป็นผู้สังเกตุการณ์ แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ
ขณะที่ในส่วนของคณะกรรมการพิจารณคัดเลือกตามมาตรา 36 ยังคงไม่เห็นชอบต่อร่างทีโออาร์การประมูล เนื่องจากต้องการรอความชัดเจนด้านคดีความต่างๆ ที่รฟม.ถูกฟ้องอยู่ โดยเฉพาะคดีในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
แหล่งข่าวกล่าวว่า เหตุที่องค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) ยังไม่มีหนังสือตอบไปยัง รฟม.นั้นเพราะเกรงว่าการส่งคนเข้าร่วมสังเกตุการณ์จะกลายเป็นข้ออ้างที่ทำให้ รฟม.นำไปฟอกขาวโครงการนี้ เพราะก่อนหน้านี้เป็นที่น่าสังเกตว่า รฟม.ได้กล่าวอ้างมาโดยตลอดว่า โครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม มีการลงนาม
ในข้อตกลงคุณธรรมมาตั้งแต่แรกแล้วตั้งแต่ปี 2561 โดยที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น ไม่ได้รับทรายรายละเอียดหรือส่งผู้สังเกตุการณ์เข้าร่วมแต่อย่างใด
แหล่งข่าวยังเปิดเผยว่าด้วยว่า ผลพวงจากการที่ฝ่ายบริหาร บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอส (BTS) ออกมาแสดงจุดยืนล่าสุด หาก รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ยังคงปัดฝุ่นนำเอาเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกที่จะพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคและข้อเสนอด้านราคาประกอบกันมาใช้ ทางบีทีเอส คงจะ
ใช้สิทธิ์โต้แย้ง และอาจถึงขั้นฟ้องศาลปกครองอีกครั้ง รวมทั้งยังส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังผู้แทนหน่วยงานที่ร่วมอยู่ในคณะกรรมการคัดเลือกด้วยนั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้กับกระทรวงคมนาคม และพรรคการเมืองที่กำกับดูแลกระทรวงคมนาคมอย่างหนัก
โดยที่ผ่านมามีความพยายามที่จะเจรจาเพื่อขอให้กลุ่มบีทีเอสรามือจากการประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มเพื่อแลกกับการที่ กทม.จะดำเนินการต่อขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีเชียว ให้กับกลุ่มทีบีเอส แต่ทางบีทีเอสยืนยันว่าทุกอย่างเลยขั้นตอนการเจรจาไปหมดแล้ว และขอใช้สิทธิ์ในชั้นศาลเท่านั้น
จึงทำให้เส้นทางการเจรจาต่อขยายสัญญาสัมปทานระหว่าง กทม.กับ บมจ.บีทีเอส ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะได้ข้อยุติลงเมื่อใด
ฝ่ายบริหาร บีทีเอส แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่า ทุกอย่างเลยขั้นตอนการเจรจาไปหมดแล้ว และแม้ผลพวงจากความล่าช้าในการพิจารณาต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมทั้งการจ่ายหนี้ค้างกว่า 30,000-40,000 ล้านบาทของ กทม.จะล่าช้า แต่บริษัทยังเชื่อมั่นว่าในที่สุดหนี้จำนวนดังกล่าวจะได้รับชดใช้อยู่ดีเพราะเป็นหนี้ที่เกิดจากนโยบายรัฐโดยตรง ไม่สามารถตะบิดพลิ้วได้ ขณะที่ความพยายามแก้ไขหลักเกณฑ์การประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้มนั้นเป็นคนละเรื่อง ไม่สามารถจะนำมาเป็นเงื่อนไขต่อรองกรณีดังกล่าวได้”
ในส่วนของความคืบหน้าในการเปิดประมูลใหม่นั้น แหล่งข่าวกล่าวว่าล่าสุด หลังจากบี่ทีเอสได้แสดงจุดยืนอาจใช้สิทธิ์โต้แย้ง หากรฟม.ยังคงนำเอาหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเจ้าปัญหากลับมาใช้อีกนั้น ได้ทำให้คณะกรรมการคัดเลือกชุดใหม่ที่เข้ามายังคงไม่กล้าตัดสินใจให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์การประมูลตามที่
ฝ่ายบริหาร รฟม.นำเสนอ และส่วนใหญ่เห็นว่า ควรรอความชัดเจนด้านคดีความจากศาล โดยเฉพาะคดีที่รฟม.ถูกฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ.