พิมพ์ไทยออนไลน์ // วงการสื่อสาร-และวิทยุโทรทัศน์หวั่นเส้นทางสรรหา-แต่งตั้ง กสทช.ชุดใหม่สะดุดอีก เร่งวุฒิสภาทำคลอด ชี้ไม่ว่าจะร่างทรงกลุ่มทุนสื่อสาร ตัวแทนอำนาจเก่าอย่างไร แต่เส้นทางการแต่งตั้งยังต้องเดินหน้าต่อ เพราะหากล้มกระบวนการสรรหาเป็นคำรบ 4 มีหวังกิจการวิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคมไทยถอยหลังลงคลองไปเป็น 10 ปีแน่
หลังจากคณะกรรมการสรรหากรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือกสทช. ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาแต่งตั้งขึ้นได้ประกาศรายชื่อ 7 ผู้สมัครเช้ารับการสรรหาที่สมควรได้รับคัดเลือกให้เป็น กสทช.ชุดใหม่ ตาม พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯปี 2564 (พรบ.กสทช.) เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาให้ความเห็นชอบต่อไปในท่ามกลางกระแสวิพากษ์ไปต่าง ๆ นานานั้น
แหล่งข่าวในวงการสื่อสารโทรคมนาคม เปิดเผยว่า แม้เส้นทางการสรรหา กสทช.ชุดใหม่จะเต็มไปด้วยกระแสวิพากษ์ทั้งกรณีที่ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาบางคนไม่ได้รับการคัดเลือก หรือผู้ได้รับเลือกเข้ามาบางคนน่าจะเป็นร่างทรงกลุ่มทุนสื่อสาร หรือกลุ่มทุนการเมือง ตัวบุคคลที่ได้รับคัดเลือกมีความใกล้ชิดกับกลุ่มทุนการเมือง แต่เส้นทางการสรรหาและแต่งตั้ง กสทช.ขุดใหม่จำเป็นต้องเดินหน้า เพื่อให้ที่ประชุมวุฒิสมาชิกได้โหวตรับว่าที่ กสทช. ชุดใหม่เหล่านี้ เพื่อจะได้เข้ามาทำหน้าที่ขับเคลื่อนองค์กร กสทช.ที่สมบูรณ์แบบกันเสียที
เนื่องจากเส้นทางการสรรหาและแต่งตั้ง กสทช.ชุดใหม่นี้ ต้องล้มลุกคลุกคลาน ถูกล้มกระดานมาแล้วถึง 3 ครั้งในระยะ 5-6 ปีที่ผ่านมา จนทำให้ กสทช.ชุดปัจจุบันซึ่งหมดวาระลงไปตั้งแต่ปี 2558 ยังคงต้องอยู่ทำหน้าที่ตามคำสั่งของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่มีคำสั่ง ม.44 ระงับกระบวนการสรรหา กสทช.ชุดใหม่เอาไว้ และยังล้มกระบวนการสรรหา กสทช.ชุดใหม่มาอย่างต่อเนื่องถึง 2-3 ครั้งด้วยกัน ทำให้ กสทช.ชุดปัจจุบันต้องอยู่โยงทำหน้าที่รักษาการกันมากว่า 11-12 ปีเข้าไปแล้ว
หากการสรรหาและแต่งตั้ง กสทช.ชุดใหม่มีอันต้องล้มลงไปอีกเป็นคำรบ 4 ก็มีหวังการพัฒนากิจการวิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมไทยคงได้ย่ำอยู่กับที่จมปรักอยู่กับสุญญากาศเช่นนี้ต่อไปในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงและการหลอมรวมทางเทคโนโลยีสื่อสารของโลกที่ไม่รู้ก้าวหน้าไปไหนต่อไหนแล้ว”
ทั้งนี้ แหล่งข่าวกล่าวว่า ในปัจจุบันมีหลากหลายปัญหาด้านการจัดระเบียบกฎเกณฑ์ กติกาในการกำกับดูแลกิจการวิทยุ โทรทัศน์และโดยเฉพาะกิจการโทรคมนาคมที่รอ กสทช.ชุดใหม่เข้ามาสะสาง ไล่ตั้งแต่การจัดระเบียบวิทยุและวิทยุชุมชนทั้งคลื่นหลัก คลานรองที่ผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดนับพันสถานี ทำให้เราได้ยินได้ฟังสถานีวิทยุที่โฆษณาขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยาปลุกเซ็กส์ ปุ่ยหรือสารเคมีเครื่องรางของขลังกันเต็มบ้านเต็มเมือง ไม่ต่างไปจากกิจการทีวี ทีวีดาวเทียมหรือเคเบิลทีวีที่ยังไม่มี่การจัดระเบียบ จนมีการออกอากาศอย่างไร้ทิศทาง
นอกจากนี้ ยังมทีเรื่องของ “กองทุนวิจับและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ “กองทุน USO” ที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช.ในอัตรา 2.5% ทำให้แต่ละปีมีรายได้กองพะเนินกว่าปีละ 35,000-40,000 ล้านบาท และถูกวิพากษ์มาโดยตลอดว่าใช้งบกันมือเติบราวสามล้อถูกหวย โดยปราศจากการตรวจสอบ และแม้ภารกิจหลักของกองทุนจะหมดลงไปแล้ว แต่ กองทุนก็ยังคงไม่
มีการปรับปรุงบทบาทหรือทบทวนการจัดเก็บค่าธรรมเนียม และการใช้จ่ายมือเติบอย่างที่เป็นอยู่
ล่าสุด มีข่าวสะพัดว่า บอร์ดกสทช.และบอร์ดกองทุน ยังคงมีนโยบายมุ่งมั่นให้คงอัตราจัดเก็บค่าธรรมเนียมยูโซ่นี้ไว้ดังเดิม แบบไม่สนโลกและสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันผุดโปรเจ็กต์ถลุงงบกองทุน USO ราวกับว่าเศรษฐกิจไทยวันนี้มันโตวันโตคืน หรือกำลังผงาดยืนอยู่แถวหน้าของโลกยังไงยังงั้น”
ไหนจะเรื่องของการสางปัญหากิจการ OTT ที่กำลังไหลบ่าเข้ามาฝังรากลึกให้บริการในไทยและมีคอนเทนต์ใหม่ๆ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด โดยปราศจากการจัดระเบียบและนับวันประเทศไทยก็ยิ่งล้าหลังตามไม่ทันโลกจำเป็นจะต้องให้องค์กร กสทช.เข้ามาสะสางหาทางจัดระเบียบโดยเร่งด่วน หรือแม้กระทั่งเรื่องของใบอนุญาตดาวเทียมที่กำลังเป็นปมปัญหาล่าสุดนั้นก๋เป็นเรื่องที่ กสทช.ชุดใหม่จะต้องเร่งเข้ามาจัดระเบียบ จะเดินหน้าออกใบอนุญาตหรือไปร่วมกันกอบกู้ดาวเทียมสื่อสารของชาติ กลับมาเป็นของรัฐอย่างไร ทุกอย่างล้วนอยู่ในเงื้อมมือ กสทช.ชุดใหม่ ที่กำลังระอุแดดอยู่ในวันนี้ทั้งสิ้น
หากเส้นทางการสรรหาและแต่งตั้ง กสทช.ชุดประวัติศาสตร์นี้มีอันต้องล้มลงไปอีกหน ก็เห็นทีว่าการพัฒนากิจการวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคมไทย คงเคว้งคว้างอยู่กลางหุบเหวเช่นนี้ไปนับทศวรรษแน่”
สำหรับ 7 ว่าที่ กสทช.ชุดใหม่ที่ได้รับการเสนอชื่อในครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.ด้านกิจการกระจายเสียง คือ พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ 2.ด้านกิจการโทรทัศน์ คือศาสตราจารย์ ดร.พิรงรอง รามสูต 3.ด้านกิจการโทรคมนาคม คือ นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ 4.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค คือ ศาสตราจารย์ คลินิก นพ.สรณ บุญใบ
ชัยพฤกษ์ 5.ด้านการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน คือ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ ส่วนด้านอื่นๆ ที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. นั้นประกอบด้วย ด้านกฎหมาย คือ ร.ท. ดร.ธนกฤษฎ์ เอกโยคยะ และด้านเศรษฐศาสตร์ คือ รศ. ดร.ศุภัช ศุภชลาศัย.