วันอังคาร, พฤษภาคม 7, 2024

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรกข่าวเด่นประเด็นร้อนข่าวกีฬาเปิดความจริงปาหี่ประมูล”รถไฟฟ้า สายสีส้ม”

เปิดความจริงปาหี่ประมูล”รถไฟฟ้า สายสีส้ม”

พิมพ์ไทยออนไลน์ // เห็นนายศรีสุวรรณ สัญญา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกโรงยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. ให้ดำเนินการไต่สวนเอาผิดกับ ฝ่ายบริหาร การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. กรณีประมูลรถไฟฟ้า 2 สายทาง คือรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสายสีม่วงใต้เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ เพราะส่งกลิ่นโชยทะแม่งๆ

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้เคยยื่นเรื่องต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอให้ไต่สวนเอาผิดฝ่ายบริหารรฟม.กันกราวรูด กรณีประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์มีนบุรี จนนำไปสู่มติ ของ DSI ให้ส่งเรื่องไปยังปปชเพื่อไปสวนเอาผิดผู้เกี่ยวข้องในโครงการดังกล่าวดังกล่าวรูปมาแล้ว

ครั้งนี้ “พี่ศรี” เรา จึงกลับมาร้องปปช.เอาผิดฝ่ายบริหาร รฟม.อีกหน โดยพ่วงคดี ประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้แถมพ่วงไปอีกคดี เนื่องจาก เส้นทางก่อสร้างที่ต้องสร้างบางส่วนของรถไฟฟา ทั้ง 2 สายทางนั้นต้องมีการก่อสร้าง อุโมงค์ และทางลอดแม่น้ำเจ้าพระยา เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีน้ําเงิน ส่วนต่อขยาย หัวลําโพง-บางแค แต่กลับมีการกำหนดเงื่อนไขการประมูลแตกต่างกัน

โดยในอดีตนั้นรฟม.ใช้เกณฑ์ปกติในการประมูลคือตัดพิจารณา เอกชนที่จะชนะประมูลจากผู้ที่ผ่านเกฯฑ์ด้านเทคนิค จึงจะพิจารณาข้อเสนอด้านราคา ซึ่งก็สามารถคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายได้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย

วันดีคืนดี เมื่อรฟม.เปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสายสี ม่วงใต กลับไปนำเอาหลักเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกสุดพิสดาร โดยจะพิจารณา”ข้อเสนอด้านเทคนิคและการเงินประกอบกัน” ด้วยข้ออ้าง จำเป็นต้องได้ผู้รับเหมาที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในระดับสูง ทั้งที่เกณฑ์เดิมก็ใช้ได้ดีอยู่แล้ว

วันวาน มีข่าวศาลปกครองสูงสุด ยกคำร้องกรณี รฟม. ปรับเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลตามคำชี้ขาดของศาลปกครองกลาง ก็ทำเอาผู้บริหารรฟม.ตีปี๊บใหญ่โตว่า จะทำให้รฟม.เดินหน้าประกวดราคารถไฟฟ้าสายสีส้มได้เสียที ภายในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้

คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ โดยเฉพาะนักลงทุนในตลาดต่างพากันกระพือข่าวดีกันยกใหญ่ ว่างก็ตีปี๊บว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่คาดว่าจะได้งาน ก่อสร้างรถไฟฟ้าแบบนอนมายิ่งกว่าแบเบอร์ กันเข้าไปโน่น

แต่สำหรับผู้ที่คร่ำหวอดในวงการรับเหมาและก่อนติดเส้นทางการประมูลรถไฟฟ้า ของหน่วยงานรฟม. กระทรวงคมนาคมมาโดยตลอดนั้น กลับฟันธงว่า “ไม่เห็นมีอะไรในกอไผ่” และไม่เห็นมีข่าวดีที่ว่า รฟม.จะสามารถเร่งรัดการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม อะไรได้เลย

คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดข้างต้น หาใช่เป็นเรื่องใหม่ เป็นเพียงมีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลางที่ให้ยกคำร้องในคดีที่รฟม.ถูกฟ้องว่า ปรับเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลคัดเลือกที่ไม่ใช่ด้วยกฏหมาย แต่เมื่อภายหลังรฟม. ได้ตัดสินใจยกเลิกการประมูล โดยใช้เกณฑ์ดังกล่าวไปแล้ว ก็ถือว่าเหตุแห่งคดีได้ยุติไปแล้ว ศาล จึงให้จำหน่ายคดีนี้ไปก็แค่นั้นไม่มีอะไรเลย

หากย้อนไปพิจารณาเส้นทางการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มก่อนจะเรียกแขกให้งานเข้าจนยุ่งจิงเป็นยุงตีกันนั้น จะเห็นว่ารฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 ได้ปรับเปลี่ยนเกณฑ์พิจารณาคัดเลือก หลังจากปิดขายซองประมูลไปกว่า 2 เดือน จนถูกบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลคือ บมจ.บีทีเอส (BTS) ฟ้องร้องต่อศาลปกครอง

ก่อนศาลปกครองจะมีคำสั่งให้รฟม.ทุเลาการบังคับใช้เกณฑ์ดังกล่าว ซึ่งรฟม.ก็ดิ้นแก้เกมด้วยการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อหวังจะเดินหน้าจะประมูลต่อไป แต่รอแล้วรอเล่ากว่า 3 เดือน ศาลปกครองสูงสุดก็ยังไม่มีคำสั่งใดๆลงมา

ทำให้ในท้ายที่สุด ฝ่ายบริหารรฟม. และคณะกรรมการคัดเลือก ตัดสินใจยกเลิก ประกวดราคา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 63 พร้อมกับยื่นเรื่องต่อศาลปกครองขอจำหน่ายคดี ในประเด็นที่ถูกฟ้องกรณี ปรับเปลี่ยนเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกนี้ ซึ่งศาลปกครองกลาง ก็เห็นชอบให้จำหน่ายคดีดังกล่าวได้ เนื่องจากเหตุแห่งคดีคือกรณีปรับเปลี่ยนเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกได้ยุติลงไปแล้ว

แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า จะทำให้คดีความอื่นๆ ที่ถูกฟ้องกราวรูดอยู่หลายคดี จะพลอยได้อานิสงส์ไปด้วย เพราะยังมี”คดีแพ่งและอาญาอีก 2 คดี”ที่ศาลยังอยู่ระหว่างพิจารณา รวมทั้งยังมี”คดีทุจริตที่ถูกฟ้องต่อศาล ทุจริตและประพฤติมิชอบอีกคดี”

ยังไม่รวมกับคดีที่ถูกร้อง ต่อคณะกรรมการปปช.ให้ไต่สวนเอาผิดกรณี เปลี่ยน เกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเพื่อประโยชน์ ตรอเอกชนบางราย

ดังนั้น คำสั่งของศาลปกครองสูงสุดที่ให้ยกคดีตามศาลชั้นต้น ล่าสุดจึงไม่ได้มีอะไรในกอไผ่ เป็นเพียงยืน การอนุมัติให้จำหน่ายคดี ตามศาลชั้นต้น พิพากษาไว้ก่อนหน้าเท่านั้นไม่ได้ ผูกพันไปถึงคดีความอื่นๆที่คาราคาซังอยู่ในศาล หรือในมือ ปปช. แต่อย่างใด

หากจะถามว่า หากรฟม. เดินหน้า เปิดประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยยังคงใช้เกณฑ์ประมูลสุดพิสดาร ดังกล่าว ต่อไปจะทำให้เส้นทางการประมูลไหลลื่นราบรื่นหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้

แต่ที่แน่ๆ หากในคดี ความอื่นแทนที่ศาลปกครองยังคงพิจารณาอยู่มีคำตัดสินใดๆออกมา หรือ คณะกรรมการปปช.และศาลทุจริตและประพฤติมิชอบตัดสินคดีความที่รฟม ปรับเปลี่ยนเกณฑ์ประมูล ที่เอื้อประโยชน์ต่อเอกชนรายใดรายหนึ่งนั้น ก็ย่อมจะทำให้ การประมูล รถไฟฟ้าสายสีส้มรวมถังสายสีม่วงใต้ที่กำลังดำเนินการอยู่ชะงักงันล้มคะมำทั้งยืนแน่

เหนือสิ่งอื่นใด ผลพวงจาก การปรับเปลี่ยนเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มของิรฟม.นั้นไ ด้ยังความเสียหายให้เกิดขึ้นกับองค์กรรฟม.และประเทศชาติมหาศาล

ดังเช่นที่ ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่ง และรองหัวหน้าพรรคปชป. ที่ออกมาระบุก่อนหน้าว่า ส่งผลให้เกิดความเสียหายมากกว่า 4.3 หมื่นล้านบาท/ปี ทั้งจากที่ต้องจ่ายค่าดูแลโครงสร้างรถไฟฟ้า สาชสีส้มตะวันออกที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จก่อน แต่ยังไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ เพราะต้องรอรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกเจ้าปัญหาร วมทั้งยังทำให้ประชาชน ขาดโอกาสในการใช้บริการรถไฟฟ้าส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่ากว่า 4.3 หมื่นล้าน

ความเสียหาย ส่วนนี้ จนถึงวันนี้ กระทรวงคมนาคม และรฟม. ช่วยตอบสังคมทีว่า ใครสมควรจะต้องรับผิดชอบ ในความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้!

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวใหม่