วันอาทิตย์, พฤษภาคม 19, 2024

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรกข่าวเด่นประเด็นร้อนข่าวกีฬาหนังม้วนเก่า..วาระแห่งชาติแก้ทุจริต ปาหี่ประมูลรถไฟฟ้าสีส้มยังไม่กล้าแตะ

หนังม้วนเก่า..วาระแห่งชาติแก้ทุจริต ปาหี่ประมูลรถไฟฟ้าสีส้มยังไม่กล้าแตะ

พิมพ์ไทยออนไลน์ // วงการรับเหมาสัพยอกวาระแห่งชาติแก้ไขปัญหาทุจริตและคอร์รัปชันของนายกฯลุงตู่ ยกโครงการปาหี่เปิดประมูลหาเอกชนเข้าร่วมทุนรถไฟฟ้า สายสีส้มของรฟม.และ กขค.อนุมัติควบรวมธุรกิจค้าปลีกจนมีอำนาจเหนือตลาดแทบจะผูกขาดประเทศ แต่ไม่เห็นนายกฯและรัฐบาลจะขยับทำอะไรหรือลงโทษใคร

หลังจาก “บิ๊กตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกฯออกมาเชิญชวนประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าร่วมการประเมินคุณธรรมความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐ (ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยระบุว่าปัญหาการทุจริตส่งผลกระทบต่อการบริหารจัดการภาครัฐ การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าการลงทุนและการพัฒนาประเทศ รวมถึงภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย รัฐบาลจึงประกาศให้การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็น “วาระแห่งชาติ” เพื่อให้มีการปฏิบัติอย่างจริงจังเป็นรูปธรรม (อ่านเพิ่มเติม : https://www.matichon.co.th/politics/news_2725970)

แหล่งข่าวในวงการรับเหมา เปิดเผยว่านโยบายปราบทุจริตคอร์รัปชันของนายกฯข้างต้น ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด ที่ผ่านมาก็แทบจะไม่มีการดำเนินการใดๆ ที่เป็นรูปธรรมเห็นได้จากดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชันของประเทศไทย ยังคงอยู่ในระดับ 104 ของโลก ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากปีก่อนแต่อย่างใด โดยยังคงรั้งอยู่ในอันดับที่ 5 ของอาเซียน

ทั้งนี้หากจะยกตัวอย่างโครงการประมูลอื้อฉาวที่เกิดขึ้น โดยที่รัฐบาลและนายกฯแทบจะไม่เคยล่วงลูกลงไปดูแลแต่อย่างเห็นเห็นได้ชัดจาก โครงการเปิดประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนในคึรงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)ที่ถูกเปิดโปงอย่างหนักว่าเป็นแค่มหกรรมปาหี่จัดประมูลเพื่อหวังประเคนโครงการไปให้กลุ่มทุนรับเหมายักษ์ที่มีความสนิทชิดเชื้อกับผู้บริหาร รฟม.หรือไม่นั้น จึงทำให้โครงการถูกร้องเรียน และถูกฟ้องร้องคาราคาซังอยู่ที่ศาล ทั้งล่าสุดยังถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) หอบสำนวนสอบสวนกว่า 1,200 หน้ายื่นเรื่องให้ ป.ป.ช.สอบกราวรูดผู้เกี่ยวข้องกับการประมูลมาแล้ว

ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ยังมีคำสั่งให้รับฟ้องคดีที่ บมจ.บีทีเอส ยื่นฟ้องผู้บริหารรฟม.และคณะกรรมกาสรนคัดเดลือกตามมาตราร 36 กรณีมีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบในการแก้เกณฑ์ประมูลคัดเลือก และสั่งล้มประมูลโครงการนี้เพื่อเอื้อเอกชนอีกด้วย

“ความอื้อฉาวในการจัดประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มที่มีการแก้ไขเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกกลางอากาศ จนถูกบริษัทเอกชนที่เข้าร่วมประมูลฟ้องต่อศาลปกครอง จนกระทั่งศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวและให้เพิกถอนเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกเจ้าปัญหาดังกล่าว ก่อนที่ รฟม.จะอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อหวังจะเดินหน้าโครงการ แต่สุดท้ายเมื่อไม่มีความคืบหน้า ก็ตัดสินใจชิงออกประกาศล้มประมูลโครงการดังกล่าวไปเพื่อหวังจะเปิดประมูลใหม่ภายใต้หลักเกณฑ์เจ้าปัญหาที่ว่า แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่เห็นนายกฯและรัฐบาลจะได้แสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอะไรเลย”

แหล่งข่าวกล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความล่าช้าในการประมูลรถไฟฟ้า สายสีส้มได้ทำให้ประเทศชาติประชาชนสูญเสียโอกาสในการใช้บริการรถไฟฟ้าสายนี้ และในอนาคตอันใกล้ รฟม.ยังต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลโครงสร้างรถไฟฟ้า สายสีส้ม ส่วนตะวันออก(ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี)ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ ในขณะที่โครงการส่วนตะวันตกและการประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนทั้งหมดจะต้องล่าช้าออกไปมากกว่า 1-2 ปี ความเสียหายส่วนนี้ก็ไม่เห็นนายกฯและรัฐจะมีคำสั่งลงโทษผู้รับผิดชอบใดๆ แม้แต่น้อย

นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ “คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.)” เสียงข้างมากไฟเขียวอนุมัติการควบรวมธุรกิจค้าปลีกค้าส่งยักษ์ ระหว่างบริษัทซี.พี.รีเทลดีเวลลอปเมนท์จำกัด ในเครือซี.พี.กับ บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) เมื่อปลายปี 2563 ด้วยมูลค่าดีลกว่า 3.3 แสนล้านบาท และทำให้ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งของกลุ่มซี.พี.ที่มีอำนาจเหนือตลาดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วและมีส่วนแบ่งการตลาด 69.3% ทะยานขึ้นมามีอำนาจเหนือตลาดและมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 83% จนแทบจะผูกขาดตลาดค้าปลีกค้าส่งแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งล่าสุด มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ 36 องค์กรผู้บริโภค ที่ร่วมกันยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางเพื่อให้ให้เพิกถอนมติคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.)ต่อกรณีดังกล่าว เพรา หากปล่อยให้รวมกิจการต่อไปจะเพิ่มอำนาจครอบงำธุรกิจอย่างมหาศาล – ปิดทางเลือกผู้บริโภค – ทำลายกิจการรายย่อย – เพิ่มความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมจนเกินกว่าจะเยียวยาได้

“ตลอดช่วงที่ผ่านมา ไม่เห็นว่ารมต.พาณิชย์ และรัฐบาล รวมถึงนายกฯจะได้แสดงความจริงใจในการเข้าไปตรวจสอบกรณีดังกล่าว ทั้งที่ทุกฝ่ายเรียกร้องให้รัฐได้เข้ามาตรวจสอบกรณีควบรวมกิจการที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่ชัดเจน แม้แต่กรรมการแข่งขันทางการค้าเสียงข้างน้อยที่ไม่เห็นด้วยก็ยังออกโรงเรียกร้องให้สังคมได้ร่วมกันตรวจสอบ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ยังผลให้รัฐบาลถูกสัพยอกว่าเป็นรัฐบาลเพื่อนายทุนมาโดยตลอด.

Cr. : matichon.co.th

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวใหม่