พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อเร็วๆนี้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างศูนย์เศรษฐกิจและการค้าจีน-อาเซียนกับสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน ในการประชุมความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงกับประเทศไทย ประจำปี 2025 (2025 Guangxi-Thailand Economic and Trade Cooperation Exchange Salon)ภายใต้หัวข้อ “Strengthening Bilateral Collaboration in Cross-border Data, Digital Economy, AI, Agriculture, and more” โดยรศ.ดร.ธณัฏฐ์คุณ มงคลอัศวรัตน์ อุปนายกสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย-จีน ร่วมกับ เฉา เค้อตี้ ผู้ตรวจการระดับ 2 ของกรมพาณิชย์มณฑลกว่างซี เป็นประธานเปิดงาน มีผู้แทนระดับสูงของไทยและรัฐบาลเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ตลอดจนผู้แทนจากบริษัทชั้นนำ สมาคมธุรกิจ บริษัทข้ามชาติ และผู้นำภาคอุตสาหกรรม เข้าร่วม ณ Guanghua Hall ชั้น 9 อาคาร Thai C.C. Tower กรุงเทพฯ
รศ.ดร.ธณัฏฐ์คุณ มงคลอัศวรัตน์ กล่าวว่า สมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย–จีน ขอบคุณกรมพาณิชย์เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง และผู้ร่วมจัดงานทุกฝ่าย ที่ให้ความสำคัญ ต่อเวทีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนมีความใกล้ชิดยาวนาน ซึ่งความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่งเสาหลัก ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงด้วยคลื่นของ การปฏิวัติเทคโนโลยีและนวัตกรรม การจับมือกันเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ฯ จะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายในอนาคต กว่างซีถือเป็น “ประตูสู่อาเซียน” ของจีน ด้วยภูมิศาสตร์ที่ใกล้ชิดและความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมกับไทย จึงทำให้ความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายมีศักยภาพอย่างมหาศาล
โดยครั้งนี้ได้แลกเปลี่ยนในหลายสาขาสำคัญ อาทิ บริการด้านอุตุนิยมวิทยา ภูมิสารสนเทศและการสำรวจระยะไกล ปัญญาประดิษฐ์ และเศรษฐกิจดิจิทัล ล้วนแต่เป็นหัวข้อที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของทั้งสองประเทศ จะการแบ่งปันข้อมูลและเทคโนโลยี เพิ่มประสิทธิภาพการพยากรณ์และการรับมือภัยพิบัติ สร้างความมั่นคงด้านเกษตรและความปลอดภัยของประชาชน ด้าน ภูมิสารสนเทศและการสำรวจระยะไกล จะสนับสนุนการจัดการทรัพยากร การวางผังเมือง และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ด้านปัญญาประดิษฐ์ จะเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ ที่สร้างโอกาสทั้งด้านวิจัย พัฒนา และการประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ และด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ก็จะเป็นเครื่องยนต์หลักในการยกระดับเศรษฐกิจ เชื่อมโยงผู้ประกอบการ สร้างระบบนิเวศที่เติบโตไปด้วยกัน
ทั้งนี้ประเทศไทยกำลังเดินหน้า ยุทธศาสตร์ “ไทยแลนด์ 4.0” เน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรมและมูลค่าเพิ่ม สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์การพัฒนาโดยขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมของจีน และทิศทางของกว่างซีที่มุ่งสู่ เศรษฐกิจทางทะเลและเศรษฐกิจดิจิทัล เราจึงมีจุดร่วมที่สามารถต่อยอดสู่ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม ทั้งภาครัฐ นักวิชาการ และภาคธุรกิจไว้ด้วยกัน
นายชัย วัชรงค์ ผู้แทนการค้าไทย กล่าวตอนหนึ่งในปาฐกถาว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการค้าระหว่างไทยกับจีน ซึ่งมีมูลค่าเป็นอันดับ 1 ของไทย ปี 2567 มีมูลค่าถึง 115,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีโอกาสในการเพิ่มพูนมูลค่าการส่งออกของไทยไปจีน ใน 5-10 ปีข้างหน้า ได้อีกหนึ่งเท่าตัว ผ่านการกำหนดกลยุทธ์และยุทธศาสตร์ที่เหมาะสม ซึ่ง 1 ในยุทธศาสตร์สำคัญ คือ การประกาศให้เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงเป็นประตูทางการค้าระหว่างจีนกับอาเซียน ขณะนี้อยู่ในขั้นเตรียมความพร้อม ซึ่งเป็นมณฑลเดียวของจีนที่อยู่ใกล้และสามารถติดต่อกับไทยได้ทั้งทางบกและทางทะเล
ทางบกไทยสามารถส่งสินค้าด้วยรถบรรทุกผ่าน 3 ด่าน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.มุกดาหาร นครพนม และบึงกาฬ ส่งไปถึงด่านหลงปังที่เพิ่งเปิดใหม่ และมีศักยภาพสูงในการเชื่อมต่อไปยังกุ้ยโจว กุ้ยหยาง และต่อรถไฟความเร็วสูงไปเฉิงตู ส่วนทางทะเล มีท่าเรือซินโจวเป็นท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ เดินเรือระยะเวลาสั้นที่สุดเทียบกับท่าเรืออื่น ๆ ใช้เวลาจากแหลมฉบังไปซินโจวเพียง 3 วัน และที่นี่ยังมีทางรถไฟเชื่อมไปยังอีกกว่า 150 สถานี ใน 73 เมือง 18 มณฑล ทั่วประเทศจีน ซึ่งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว จีนริเริ่มโปรเจคขุดคลองขนส่งขนาดใหญ่ ระยะทางจากท่าเรือซินโจวไปแม่น้ำหยงเจียง เมืองหนานหนิง กำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2568 จะทำให้การขนส่งสะดวกมากยิ่งขึ้น
ผู้แทนการค้าไทยกล่าวด้วยว่า รัฐบาลวางแนวทางดำเนินกลยุทธ์เปิดตลาดครั้งใหญ่ไปที่ภาคตะวันตกของจีน ทั้งหมด 10 มณฑล ซึ่งมีประชากรรวมกันกว่า 272 ล้านคน โดยในปีที่ผ่านมา ไทยส่งออกผลไม้ไปจีนมูลค่าประมาณ 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 220,000 ล้านบาท เป็นทุเรียน มูลค่า 3,700 ล้านบาท ส่วนใหญ่ชาวจีนที่ได้บริโภคเป็นชาวจีนตามหัวเมืองใหญ่ชายฝั่งทะเล แต่ชาวจีนที่อยู่ในมณฑลทางตะวันตกยังไม่ค่อยมีโอกาสได้บริโภคผลไม้ไทย ดังนั้น ประตูทางการค้ากว่างซีจ้วง จะเป็นประตูที่ยอดเยี่ยมในการพาผลไม้ไทยไปบุกตลาดทางตะวันตก คาดการณ์การส่งออกทุเรียนเพียงอย่างเดียวได้ถึง 130,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ซินโจวเพิ่งบรรจุในพิธีสารว่าสามารถส่งออกโคเนื้อมีชีวิตได้เป็นท่าเรือเดียว ซึ่งไทยอยู่ระหว่างการปรับสายพันธุ์โคเนื้อให้เป็นโคพรีเมียม มาตรฐานการเลี้ยงสูง และไทยกำลังเจรจาอย่างเข้มข้นกับสำนักงานศุลกากรแห่งชาติจีน (General of Customs of the People’s Republic of China) ในการวางมาตรการกักกัน ควบคุมโรคให้ปลอดภัย
“ผมเชื่อว่าวงหารือในวันนี้จะนำการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับจีนไปสู่ความรุ่งเรือง มั่งคั่ง ในอนาคตอันใกล้ ด้วยการขับเคลื่อนของประตูทางการค้าที่สุดยอดนี้ การค้าระหว่างไทยกับจีนไม่เกิน 10 ปี หลังจากนี้ จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือใกล้เคียง ”
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า กว่างซีในฐานะพื้นที่แนวหน้าของจีนที่เปิดสู่ ASEAN เป็นสะพานสำคัญในการร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและประเทศสมาชิก ซึ่งมีข้อได้เปรียบด้านที่ตั้งและนโยบายที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นเวลาหลายปีที่กว่างซีมีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน เร่งการก่อสร้าง และส่งเสริมการก่อสร้าง ซึ่งได้พลังขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งให้กับการร่วมมือระดับภูมิภาค และปีที่ผ่านมาก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่องในด้านเศรษฐกิจดิจิทัล ปัญญาประดิษฐ์ อุตสาหกรรมสีเขียว และการผลิตขั้นสูง มีความสามารถด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น เป็นการจัดเตรียมแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับผู้ประกอบการไทยและจีนในการดำเนินความร่วมมือระดับลึก
ในฐานะสะพานเชื่อมระหว่างประชาชนไทยและจีน สภาหอการค้าแห่งประเทศจีน (ไทย) จะดำเนินประชาสัมพันธ์ผลลัพธ์ล่าสุดของการเปิดและความร่วมมือกับทุกวงการในกว่างซี ผลักดันให้ผู้ประกอบการจากไทยและกว่างซีร่วมใช้โอกาสพัฒนา สร้างอนาคตแห่งความร่วมมือ และมีส่วนร่วมในพลังใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในการสร้าง “ชุมชนแห่งชะตากรรมไทย-จีน” ในระดับที่สูงขึ้น
ดร. กรรณิการ์ เฉิน รองผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)กล่าวว่า เวทีนี้ทรงคุณค่ามากซึ่งความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืน และรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ของโลกในศตวรรษที่ 21 โดยเฉพาะในประเด็นที่งานครั้งนี้ให้ความสำคัญ อันจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการยกระดับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย–กว่างซี และไทย–จีน โดยกระทรวง อว.ยินดีทำงานร่วมกันเพื่อการพัฒนาความร่วมมือเชิงลึกในทุกมิติ
เฉา คือตี๋
ภายหลังเสร็จสิ้น ผู้แทนการค้าไทยร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีการลงนามบันทึกความเข้าใจและความร่วมมือ 5 ฉบับ ได้แก่
1) ข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างศูนย์เศรษฐกิจและการค้าจีน-อาเซียน กับสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไทย-จีน
2) บันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างศูนย์ส่งเสริมการลงทุนต่างประเทศ เขตการค้าเสรีนำร่องกว่างซี กับบริษัท ไทย บิซ พาโนราม่า จำกัด
3) ข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างบริษัท จีน-อาเซียน อินฟอร์เมชั่น ฮาร์เบอร์ จำกัด กับบริษัท บางกอก เอไอ เซ็นเตอร์ จำกัด
4) ข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างบริษัท เอไอ พลัส โซลูชั่น จำกัด กับบริษัท อู่เซียง อินเวสต์เมนต์ โปรโมเตอร์ เซอร์วิส จำกัด ในเขตการค้าเสรีกว่างซีพื้นที่หนานหนิง
5) ความร่วมมือในการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างบริษัท กว่างซี อู่โถว อินเตอร์เนชั่นแนล เทรด จำกัด กับบริษัท ไทยแลนด์ มิงดา ฟู้ด จำกัด :มณสิการ รามจันทร์