โดยอ้างว่าเด็กมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และยังบอกอีกว่าแม่เลี้ยงไม่มีทางที่จะทำร้ายเด็กอย่างแน่นอน เนื่องจากเด็กไม่เคยอยู่กับแม่เลี้ยง ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้รับเด็กเข้ามาดูแลและคุ้มครองสวัสดิภาพชั่วคราวที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดพัทลุง เนื่องจากเด็กไม่มีที่อยู่อาศัย และไม่สามารถติดตามญาติคนอื่นของเด็กได้

ทีม ศรส.จังหวัดพัทลุง ได้เข้าพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริง และสืบประวัติเด็ก ได้ข้อมูลว่า เด็กไม่ได้ถูกแม่เลี้ยงทำร้าย แต่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนและพลัดตกจากต้นไม้ และเด็กขอกลับไปอยู่กับปู่และย่าที่จังหวัดนครปฐม ทางทีม ศรส.จังหวัดพัทลุง จึงได้ประสาน ทีม ศรส.จังหวัดนครปฐม เพื่อติดตามหาปู่และย่าของเด็ก แต่เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา เด็กได้หลบหนีออกไปจากบ้านพักเด็กฯ ซึ่งทีม ศรส.จังหวัดพัทลุงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.โคกชะงาย อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง ต่อมามีพลเมืองดีแจ้ง ทีม ศรส. จังหวัดพัทลุง ว่าเจอเด็กดังกล่าวจึงได้ไปรับตัวเด็กกลับมา

โดยเด็กได้ให้เหตุผลว่าต้องการกลับไปอยู่กับปู่ย่าที่จังหวัดนครปฐม และบอกอีกว่าก่อนหน้านี้เคยมีนายหน้ามารับตนและเพื่อนจากจังหวัดนครปฐมไปทำงานโรงงานแปรรูปยางพาราที่จังหวัดพัทลุง ในช่วงเดือน พ.ย. 67 โดยได้รับเงินเดือน 12,000 บาท และในเดือน ธ.ค. 67 นายจ้างได้พาไปทำงานกรีดยางพาราและดูแลสวนทุเรียนในจังหวัดสงขลา โดยไม่ได้รับค่าจ้าง จึงหนีออกมาเพราะทำงานหนักและอยากกลับบ้านซึ่งเป็นข้อมูลใหม่ที่เด็กบอก

และเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา ทีม ศรส.จังหวัดพัทลุง ร่วมกับทีมสหวิชาชีพ ได้สอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเรื่องการทำงานของเด็กตามที่เล่าให้ฟัง ซึ่งพบว่าข้อมูลไม่ตรงกัน และได้ตรวจสอบไปที่การรถไฟแห่งประเทศไทยพบข้อมูลการเดินทางของเด็กไม่สอดคล้องกับคำให้การของเด็ก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่สนใจของสังคม ทางทีม ศรส.จังหวัดพัทลุงจึงได้ชี้แจงสังคมให้เข้าใจผ่านสื่อมวลชนว่า เรื่องของเด็กเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพื่อสืบข้อเท็จจริงและให้เวลากับเด็กเพื่อทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น