วันศุกร์, มีนาคม 14, 2025

หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทยออนไลน์

หน้าแรก บล็อก หน้า 6

GULF ปลื้ม! หุ้นกู้ 30,000 ล้านบาทฉลุย ยอดจองซื้อสูงถึง 2.2 เท่า

0

https://www.natethip.com/news.php?id=9708
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

 

Banpu ชู 4 แนวทาง ขับเคลื่อนกลยุทธ์ Energy Symphonics “เพิ่มกระแสเงินสด บริหารโครงสร้างเงินทุน บริหารพอร์ตโฟลิโอ – รักษาวินัยการเงิน”

0

https://www.natethip.com/news.php?id=9704
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

 

“วราวุธ” ยินดี พม. จับมือ มหาวิทยาลัยเครือข่าย หนุน คนพิการมีงานทำอย่างยั่งยืน บรรลุเป้าหมาย 

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ที่อาคารการเรียนรู้พหุวิทยาการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)  นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานพิธีปิดโครงการการขยายผลเครือข่ายอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาศักยภาพคนพิการ เพื่อประกอบอาชีพผ่านโมเดลการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการ มจธ. (HigherEd for PWD) ระยะที่ 1 ภายใต้ความร่วมมือของกระทรวง พม. กับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในฐานะมหาวิทยาลัยเจ้าภาพ และมหาวิทยาลัยเครือข่าย 5 แห่ง ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสวนดุสิต(วิทยาเขตสุพรรณบุรี) พร้อมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “โอกาสของคนพิการกับการจ้างงานคนพิการตามสมรรถนะ” โดยมี รศ. ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. นายโชคชัย วิเชียรชัยยะ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวง พม. ผู้แทนมหาวิทยาลัยเครือข่าย ร่วมในงาน

นายวราวุธ กล่าวว่า รัฐบาลได้ผลักดันนโยบายสำคัญเร่งด่วน ส่งเสริมพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่สำคัญ ได้แก่ คนพิการ ผู้สูงอายุ กลุ่มชาติพันธุ์ บุคคลไร้รัฐ ไร้สัญชาติ เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของรัฐได้โดยสะดวกตามที่กฎหมายบัญญัติ ที่ผ่านมา กระทรวง พม. ได้ขับเคลื่อนงานเพื่อให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงสวัสดิการที่เหมาะสม และมีความมั่นคงในชีวิต โดยเร่งต่อยอดงานที่ดำเนินการมาแล้ว พร้อมกับเร่งพัฒนางานใหม่ เพื่อความต่อเนื่อง ผ่านนโยบาย “5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร” ซึ่งมียุทธศาสตร์หนึ่งที่มุ่งเพิ่มโอกาส และเสริมสร้างคุณค่าคนพิการ ด้วยการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา รวมถึงผลักดันการจ้างงานคนพิการในทุกภาคส่วน โดยที่ความพิการไม่เป็นข้อจำกัด อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 2566 กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) กระทรวง พม. ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) การทดลองนำร่องการสนับสนุนสถานศึกษาเพื่อกระจายการเพิ่มศักยภาพของคนพิการ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในฐานะมหาวิทยาลัยเจ้าภาพ และมหาวิทยาลัยเครือข่าย 5 แห่ง

จากนั้นจึงได้ดำเนินโครงการการขยายผลเครือข่ายอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาศักยภาพคนพิการ เพื่อประกอบอาชีพผ่านโมเดลการฝึกอบรม-ฝึกงานคนพิการ มจธ. (HigherEd for PWD) ระยะที่ 1 เดือนมีนาคม 2567 – มีนาคม 2568 โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ กระทรวง พม. ซึ่งมีการดำเนินการสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ 1.เตรียมความพร้อมการฝึกอบรมคนพิการให้แก่มหาวิทยาลัยเครือข่าย 2.จัดฝึกอบรมคนพิการในแต่ละมหาวิทยาลัย และจัดกิจกรรม Career Connect  เชื่อมโยงระหว่างคนพิการกับผู้ประกอบการ โดย มจธ. และมหาวิทยาลัยเครือข่าย ออกแบบหลักสูตรร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาและสถานประกอบการในพื้นที่ เพื่อฝึกงานและเตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับความต้องการจ้างงาน ภายหลังคนพิการฝึกอบรมและผ่านการรับรองการผ่านหลักสูตร ทางสถานประกอบการจะต้องจ้างคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 โครงการดังกล่าวสามารถพัฒนาศักยภาพคนพิการเพื่อการประกอบอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ ทั้งรูปแบบการเข้าทำงานในสถานประกอบการและการประกอบอาชีพอิสระ รวมจำนวน 252 คน จากเป้าหมาย 300 คน คิดเป็นร้อยละ 84 (ข้อมูล ณ วันที่ 9 มกราคม 2568) ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถและศักยภาพของคนพิการที่มีโอกาสในการทำงาน

สำหรับปี 2567 ได้มีการจัดบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ (MOU) โครงการนำร่องการสนับสนุนให้สถานศึกษาเพื่อเพิ่มศักยภาพของคนพิการและยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการ ระยะที่ 2 ระหว่าง กระทรวง พม. กับ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ โดย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ซึ่ง เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 67 เพื่อสนับสนุนมหาวิทยาลัยเจ้าภาพและมหาวิทยาลัยเครือข่าย สถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ในการเสริมสร้างความรู้ ทักษะ และพัฒนาศักยภาพคนพิการ ผู้ดูแลคนพิการ หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อการประกอบอาชีพ การฝึกอบรม และการฝึกงาน อีกทั้งส่งเสริมและพัฒนางานวิจัย การสร้างนวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อการส่งเสริมการทำงานแก่คนพิการ เพื่อรวมถึงการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลสารสนเทศด้านการศึกษาของนักศึกษาพิการที่อยู่ระหว่างการศึกษาและสำเร็จการศึกษา

สำหรับแนวทางการขับเคลื่อนสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการในระยะ 2 นั้น ประกอบด้วย 5 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ พัฒนาหลักสูตรสำหรับการศึกษาเพื่อการมีงานทำของคนพิการ โดยได้รับใบประกาศนียบัตรจากสถาบันการศึกษา โดยศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการ เป็นหน่วยงานสนับสนุน , ส่งเสริมและพัฒนาคนพิการเพื่อประกอบอาชีพอาชีพอิสระ อาทิ Food Truck เพื่อเป็นอาชีพทางเลือกให้กับคนพิการที่มีศักยภาพ เปิดพื้นที่ในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์คนพิการ , ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของคนพิการ , พัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อการดูแล พัฒนาศักยภาพคนพิการ , พัฒนาศักยภาพคนพิการสู่การเป็นคนพิการต้นแบบเพื่อสังคม

การดำเนินการตาม MOU จากระยะที่ 1 มาสู่ ระยะที่ 2 นั้น ความสำเร็จส่วนหนึ่ง คือ “โอกาสของคนพิการกับการจ้างงานคนพิการตามสมรรถนะ” โดยมีกลไกมหาวิทยาลัยเครือข่าย นำร่อง ในระยะที่ 1 เป็นพี่เลี้ยงหรือหน่วยสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยใหม่ๆ ที่เข้าร่วมในระยะที่ 2 เกิดการกระจายโอกาสให้คนพิการทั่วประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้คนพิการมีความสามารถในการพึ่งพาตนเอง และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ “การส่งเสริมการจ้างงานคนพิการในหน่วยงานของรัฐและสถานประกอบการ ขอเน้นย้ำว่า เราควรปรับเปลี่ยนแนวคิดให้ตั้งต้นที่การพิจารณาศักยภาพของคนพิการ เพื่อนำไปสู่การกำหนดลักษณะและตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับคนพิการ ทำให้คนพิการเข้ามาอยู่ในระบบของการจ้างงาน เป็นผลิตภาพของสังคมไทยร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ” นายวราวุธ กล่าว#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #5×5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ # #สังคมใส่ใจสายใยพม #คนพิการ #การจ้างงานคนพิการ :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

ท่านสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาเข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณ คนดีของแผ่นดิน ประจำปี 2568

0

ท่านสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาเข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณ คนดีของแผ่นดิน ประจำปี 2568

สมาคมสื่อสร้างสรรค์เพื่อสังคม มอบโล่ประกาศกิตติคุณ ยกย่องเป็นคนดีของแผ่นดิน ประจำปี 2567

วันนี้ (5 มี.ค.68) สมาคมสื่อสร้างสรรค์เพื่อสังคม ร่วมกับ มูลนิธิทำความดีเพื่อความดี และสมาคมภาคีเครือข่ายธรรมาภิบาล พร้อมด้วย 10 องค์กรสื่อ จัดงานมอบโล่ประกาศกิตติคุณ ภายใต้โครงการ “คนดีของแผ่นดิน” ประจำปี 2567 ให้กับบุคคล องค์กรภาครัฐและเอกชน ที่ทำความดีในด้านต่างๆ โดยมี พล.อ.กิตติ รัตนฉายา และพล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ ร่วมเป็นประธานในพิธีมอบโล่ประกาศกิตติคุณ “คนดีของแผ่นดิน” ประจำปี 2567 พร้อมกล่าวให้โอวาท และแสดงความยินดีแก่ผู้ได้รับโล่กิตติคุณในครั้งนี้โดยมีท่านสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา ดร.นพดล เพิ่มพิทยา
ทนายความ ที่ปรึกษา คณะอนุกรรมช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายเข้ารับโล่ประกาศเกียรติคุณ คนดีของแผ่นดิน ประจำปี 2568 ครั้งนี้ด้วยนายอภิรัฐ กุนกันไชย นายกสมาคมสื่อสร้างสรรค์เพื่อสังคม กล่าวว่า สมาคมสื่อสร้างสรรค์เพื่อสังคม ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2565 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนส่งเสริมบุคคล องค์กรภาครัฐและเอกชนในการดำเนินกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อสังคม ด้วยการนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางเผยแพร่ของทางสมาคมอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2567

โครงการ “คนดีของแผ่นดิน” ประจำปี 25667 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูเกียรติแก่ บุคคล หรือองค์กร ซึ่งทำความดี ด้านต่างๆ ในช่วงปี 2567 เพื่อให้ ประชาชนและสังคม ได้รับรู้ ถึงบุคคล หรือองค์กร ซึ่งทำความดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมอบโล่ประกาศกิตติคุณ และการเผยแพร่ข้อมูล ข่าวสารเพื่อ กระตุ้นบุคคลหรือองค์กร ให้ทำความดี และเป็นคนดีของแผ่นดิน อย่างภาคภูมิใจ และ เพื่อทำตามมติ คณะกรรมการสมาคม และ วัตถุประสงค์ ของ สมาคมสื่อสร้างสรรค์เพื่อสังคมสำหรับบุคคลและองค์กร ที่ควรแก่การยกย่อง ให้เป็น “คนดีของแผ่นดิน” โดยมีคุณสมบัติ 3 ประการ ได้แก่
1. เป็นผู้มีความคิด และการกระทำที่สร้างสรรค์
2. เป็นผู้มีธรรมาภิบาล
3. เป็นผู้ทำความดีเพื่อความดีอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ประจักษ์

ซึ่งในครั้งนี้ สามารถสรรหา บุคคลหรือองค์กร ควรแก่การยกย่อง เป็นคนดีของแผ่นดิน ประจำปี 2567 ได้ จำนวน 99 ท่าน

ก้าวสู่ปีที่ 7

0

https://www.natethip.com/news.php?id=9703
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

 

พม. จัดประชุม กผส. หนุนจับมือตำรวจไซเบอร์ ทำแนวทางป้องกันผู้สูงอายุ ถูกหลอก – คุกคามทางออนไลน์

0

พิมพ์ไทยออนไลน์//เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายธนสุนทร สว่างสาลี อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุ เปิดเผยภายหลังที่ประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (กผส.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุในทุกมิติ โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของสถานการณ์ผู้สูงอายุของประเทศไทย ว่าปัจจุบันผู้สูงอายุถูกหลอกลวงทางออนไลน์เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้สูงอายุไม่สามารถปรับตัวและทำความเข้าใจกับข้อมูลจำนวนมากที่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว จึงมักกลายเป็นเหยื่อของเฟคนิวส์และการหลอกลวงบนโลกออนไลน์ ซึ่งจากข้อมูลรายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย พบว่า ในปี พ.ศ. 2566 มีผู้สูงอายุ ตกเป็นเหยื่อคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวน 12,189 คดี โดยคดีที่สร้างความเสียหายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1) คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มีมูลค่าความเสียหาย เป็นเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท 2) คดีหลอกลวงให้ติดตั้งโปรแกรมควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ มีมูลค่าความเสียหาย เป็นเงินจำนวน 733 ล้านบาท และ 3) คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน มีมูลค่าความเสียหาย เป็นเงินจำนวน 729 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ในสังคมสูงวัย (Cybercrime) กระทรวง พม. และคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ จึงร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ตำรวจไซเบอร์) และหน่วยงานภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ผลักดันแนวทางการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ในสังคมสูงวัย (Cybercrime) เพื่อรองรับสถานการณ์สังคมผู้สูงอายุที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

นายธนสุนทร กล่าวว่า ถึงแม้จะมีแนวทางในการป้องกันที่ดี แต่ผู้สูงอายุเองจะต้องมีสติในการทำธุรกรรมทางการเงินหรือการเล่นสื่อออนไลน์ต่างๆ ด้วย คาถา “หยุด คิด ถาม ทำ เริ่มจาก หยุด : เพื่อตั้งสติก่อนตัดสินใจใดๆ เมื่อได้รับสื่อ คิด : คิดถึงประโยชน์ หรือโทษที่อาจได้รับการใช้สื่อ ถาม : ไม่รู้ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือถามจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ และ ทำอย่างถูกต้องรู้เท่าทัน จึงขอฝากลูกหลาน และครอบครัว ให้ช่วยกันหมั่นสังเกตพฤติกรรมของผู้สูงอายุอย่างใกล้ชิด ซึ่งครอบครัวจะสามารถช่วยผู้สูงอายุ ด้วยการให้ข้อมูล ความรู้ และให้คำปรึกษาได้#ข่าวพม #พม #ศรส #esshelpme #5×5ฝ่าวิกฤติประชากร #พมหนึ่งเดียว #วราวุธศิลปอาชา #ศบปภ #พันธกิจสำคัญ9ด้าน #ผู้สูงอายุ #คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ :Cr;มณสิการ รามจันทร์ 

สำนักข่าวเนตรทิพย์-ท้องกินข้าว สมองกินข่าว!

0

https://linevoom.line.me/post/_dRwLP9ryDNNCNElq786ZFgDnUlb3FkZ4wdgFcto/1174122267620786115
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

แบงก์พาเหรดลดดอกเบี้ยรัวๆ

0

https://www.natethip.com/news.php?id=9702
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์

(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)

 

 

 

“สมศักดิ์” หนุนกระท่อมไทยส่งออกต่างประเทศ สร้างรายได้เกษตรกร

0

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 มีนาคม 2568) ที่กระทรวงสาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้จัดแสดงนิทรรศการการวิจัยพัฒนาเพื่อสนับสนุนกระท่อมไทย สู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขเยี่ยมชมนิทรรศการการวิจัยพัฒนาพืชกระท่อม

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สนับสนุนพืชกระท่อมของไทย เพื่อการส่งออก โดยมอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ดำเนินการศึกษาวิจัย เพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์ทั้งภายในประเทศ และการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งจากศึกษาวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เกี่ยวกับการศึกษาปริมาณสารไมทราไจนีน (mitragynine) ในใบกระท่อมทุกภาคของไทย พบว่า มีค่าเฉลี่ยของสารไมทราไจนีนอยู่ในช่วง 0.95%-2.71% โดยพบว่าปริมาณสารไมทราไจนีนในใบกระท่อมขึ้นอยู่กับอายุต้นกระท่อมและการบำรุง นอกจากนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังได้มีการพัฒนาการสกัดโดยไม่ใช้ตัวทำละลายอินทรีย์ ให้ได้สารสกัดกระท่อมที่มีปริมาณไมทราไจนีน มากกว่าร้อยละ 10 ในระดับอุตสาหกรรม ทำให้สามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกพืชสมุนไพร สร้างรายได้เข้าประเทศ และยังมีการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นต้นแบบ เช่น พัฒนาผลิตภัณฑ์สเปรย์ฟิลม์ใช้ภายนอกจากสมุนไพรกระท่อม สำหรับบรรเทาอาการอักเสบและปวด เพื่อเพิ่มมูลค่าสารสกัดสมุนไพรกระท่อม ให้ภาคเอกชนนำไปผลิตจำหน่ายสร้างรายได้ให้เกษตรกร มีการจัดทำสารมาตรฐานไมทราไจนีน โดยร่วมกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ จัดทำสารมาตรฐานไมทราไจนีนความบริสุทธิ์สูง (มากกว่า 99%) และจัดทำเป็นสารละลายมาตรฐานความเข้มข้น 1.0501 mg/ml ภายใต้มาตรฐาน ISO 17034 ราคาถูกกว่าการนำเข้าจากต่างประเทศ 3 เท่า ซึ่งสามารถสนับสนุนการลดต้นทุนของผู้ประกอบการได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวต่ออีกว่า ในเรื่องการตรวจวิเคราะห์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้มีการตรวจวิเคราะห์กระท่อมครบวงจร เพื่อควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ สนับสนุนการส่งออกวัตถุดิบ ตั้งแต่การบริการรับตรวจวิเคราะห์สารสำคัญไมทราไจนีนในวัตถุดิบสมุนไพร สารสกัดสมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น ชาชงสมุนไพร แคปซูลสมุนไพร เม็ดสมุนไพร เครื่องดื่มสมุนไพร และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง รวมทั้งยังมีบริการรับตัวอย่างสมุนไพรกระท่อม เพื่อตรวจวิเคราะห์ด้านอื่นๆ เช่น ความชื้น โลหะหนัก การปนเปื้อนสารแอฟลาทอกซิน การปนเปื้อนยาฆ่าแมลง จุลินทรีย์ปนเปื้อน รวมทั้งยังได้วิจัยพัฒนานวัตกรรมชุดทดสอบอย่างง่ายสำหรับตรวจวัดปริมาณสารไมทราไจนีน ในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพรกระท่อม นอกจากนี้ยังได้พัฒนานวัตกรรมชุดทดสอบตรวจวัดปริมาณไมทราไจนีนในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ใช้งานง่ายรู้ผลภายใน 5 นาที ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยยกระดับกระท่อมไทย ให้สามารถจำหน่ายในต่างประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ