https://linevoom.line.me/post/1176117812497696475
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://linevoom.line.me/post/1176117812497696475
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ณ ราชบพิธสถิตธรรมสถาน คลอง 9 อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี กรมป่าไม้จัดงาน “วันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ พ.ศ. 2568” โดยได้รับพระเมตตาจาก สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีนายสุพจน์ ภู่รัตนโอภา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมป่าไม้ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีเปิดงาน “วันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568” มีนายพัฒน์พงษ์ สมิตติพัฒน์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานภาคเอกชน ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ตลอดจนพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง


นายสุพจน์ ภู่รัตนโอภา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี
มีมติเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2533 กำหนดให้วันที่ 21 ตุลาคมของทุกปีเป็น “วันบำรุงรักษาต้นไม้ประจำปี
ของชาติ” ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องจากพระองค์ทรงมีพระราชปณิธานอันแน่วแน่ในการฟื้นฟูความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติทรงปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้
ด้วยพระองค์เองตลอดพระชนม์ชีพ และต่อมาเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2533 คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้เปลี่ยนชื่อเป็น“วันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ” เพื่อให้มีความหมายที่เหมาะสม สำหรับปี 2568 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมป่าไม้ จัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด “ธรรมะและธรรมชาติ” เพื่อบูรณาการการดูแลสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการปลูกฝังจิตสำนึกด้านศาสนา น้อมนำหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเป็นแนวทางในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในการ
เพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสร้างจิตสำนึกแห่งความรักและหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ของชาติ


นายสุพจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกิจกรรมในปีนี้ประกอบด้วยการบำรุงดูแล “ต้นโพศรีมหาโพธิ” ซึ่งสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้ปลูกไว้เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2566 โดยมีการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ พรวนดิน และตัดแต่งกิ่งต้นไม้ รวมทั้งบำรุงรักษาต้นไม้โดยรอบบริเวณราชบพิธสถิตธรรมสถาน โดยมีรุกขกรของกรมป่าไม้เข้ามาช่วยดูแล นอกจากนี้ กรมป่าไม้ได้จัดเตรียมกล้าไม้เพื่อมอบให้กับผู้แทนจากหน่วยงานที่เข้าร่วมงานได้นำกลับไปปลูกเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยภายในงานยังจัดแสดงนิทรรศการ “72 พฤกษาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 รวมถึงนิทรรศการเกี่ยวกับคาร์บอนเครดิต และนิทรรศการส่งเสริมการปลูกไม้เศรษฐกิจเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมงานและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
“กรมป่าไม้ ขอเชิญชวนประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกันตระหนักและเห็นคุณค่าของทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งเป็นทรัพย์สมบัติอันมีค่าของชาติ การดูแลรักษาต้นไม้และป่าไม้นอกจากจะช่วยสร้างความร่มรื่น และอากาศบริสุทธิ์แก่ชุมชนแล้ว ยังเป็นการรักษาความสมดุลของสิ่งแวดล้อม ลดผลกระทบจากวิกฤติสภาพภูมิอากาศ โดยประชาชนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่าย ๆ ด้วยการปลูกและดูแลต้นไม้ในบ้าน ชุมชน และพื้นที่สาธารณะ” นายสุพจน์ รองอธิบดีกรมป่าไม้ ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว.
https://www.natethip.com/news.php?id=10899
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://linevoom.line.me/post/1176109268794198673
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
“อวิรุทธิ์ – สุชีพ” ลุ้นชิงดำนั่งรักษาการผู้ว่าม้าเหล็ก หลัง”วีริศ” ไขก๊อกเซ่นเขากระโดง วงในแฉเบื้องหลังดองงาน-งบค้างท่อท่วมนับหมื่นล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ถึงกรณีที่ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ รฟท.ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 68 เป็นต้นไปนั้น แม้เจ้าตัวจะอ้างเหตุต้องการไปดูแลบิดามารดาของตนเองและของคู่สมรส รวมทั้งยังมีกระแสข่าวว่าถูกการเมืองกดดันกรณีรถไฟรุกคืบไฟ้องเพิกถอนยึดคืนที่ดินรถไฟเขากระโดงด้วย
แหล่งข่าวในการรถไฟเปิดเผยว่า เบื้องหลังการตัดสินใจยื่นใบลาออกของนายวีริศ มาจากปัญหาการบริหารงานภายในที่ถูกหมักหมมมานาน โดยตลอดระยะเวลา 1 ปีที่เข้ารับตำแหน่ง ไม่สามารถขับเคลื่อนงานต่างๆของรถไฟออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่ เพราะมีความหวาดระแวงจะถูกยัดไส้โครงการ หากเซ็นอนุมัติโครงการอะไรลงไป อาจสุ่มเสี่ยงให้ต้องเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางในภายหลัง จึงมีการตั้งคณะที่ปรึกษาด้านกฏหมาย และอนุกรรมการกลั่นกรองงานด้านต่างๆ ขึ้นมาหลายชุด เพื่อตรวจสอบและกลั่นกรองงานที่จะให้ผู้รถไฟลงนาม โดยเอกสารทุกเรื่องที่จะต้องเซ็นต้องผ่านที่ปรึกษาก่อน ซึ่งที่ปรึกษาที่แต่งตั้งเข้ามาก็หาใช่ใครอื่น ล้วนมาจากทีมงานของฝ่ายการเมืองของรัฐบาลชุดที่แล้ว ที่ส่งเข้ามาสแกนงานและงบประมาณภายในการรถไฟโดยตรงนั่นเอง ซึ่งทีมงานที่ปรึกษาบางชุดถึงกับมีการเรียกผู้ประกอบการเข้าไปเจรจา มิเช่นนั้นงานก็จะไม่ถูกปล่อยออกมา
ผลที่ตามมาจึงทำให้หลายต่อหลายโครงการของรถไฟหยุดชะงัก บางโครงการแม้มีการตรวจรับงานไปแล้วแต่ผู้รับจ้างหรือรับเหมายังเบิกเงินไม่ได้ เพราะผู้ว่ารถไฟยังไม่ยอมลงนามอนุมัติจ่ายเงิน หลายโครงการต้องจัดส่งเอกสาร วนลูปไปมา จนเป็นที่รับรู้ภายในการรถไฟว่า โครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆในรถไฟชะงักงัน ล่าช้าติดขัดกองพะเนิน มีโครงการจัดซื้อจัดจ้างค้างท่อเป็นดินพอกหางหมูมูลค่าหลายพันล้านหรืออาจถึงหมื่นล้านบาท
ท้ายที่สุดเมื่อทนแรงกดดันไม่ไหว ผู้ว่ารถไฟจึงตัดสินใจมอบอำนาจการเซ็นจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการตรวจรับงาน ภายใต้วงเงินของผู้ว่ารถไฟให้รองผู้ว่าการรถไฟคือ นายสุชีพ สุขสว่าง ที่ได้รับความไว้วางใจจากนายวีริศมากที่สุดให้เป็นผู้ลงนามแทน แต่กระนั้น ก็ต้องส่งเรื่องและโครงการเหล่านั้นให้ที่ปรึกษาของผู้ว่ารถไฟ และคณะทำงานกลั่นกรองที่ตนเองแต่งตั้งขึ้นมาตรวจสอบและคอยกำกับการสั่งการอีกชั้นหนึ่ง
หลังมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยที่เคยกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม เมื่อ 2 ปีก่อนได้กลับเข้ามากำกับดูแลกระทรวงคมนาคมและการรถไฟอีกครั้ง สไตล์การทำงานของรัฐบาลภูมิใจไทย ที่ทำงานแบบถึงลูกถึงคนนั้น เมื่อมาเจอกับสไตล์การทำงานของนายวีริศฯ ที่ตรงกันข้าม เจ้าตัวรู้ตัวดีว่าไปไม่รอดแน่ อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ชิงไขก๊อกยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง


แหล่งข่าวยังเผยด้วยว่า ในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ คณะกรรมการรถไฟ(บอร์ดรถไฟ) จะมีการประชุมเพื่อแต่งตั้งรักษาการผู้ว่าการถไฟฯแทนนายวีริศ โดยหากพิจารณาตามลำดับอาวุโสนั้น มีระดับรองผู้ว่าที่อยู่ในข่าย 3 คน คือนายเอก สิทธิเวคิน , นายอวิรุทธิ์ ทองเนตร และนายสุชีพ สุขสว่าง แต่วงในการรถไฟต่างโฟกัสไปที่ 2 ตัวเต็งคือ นายอวิรุทธิ์ ทองเนตร รองผู้ว่ารถไฟที่มีคอนเนคชั่นเป็นอย่างดี กับนายทุนสายขุนเขาของรัฐบาลชุดที่แล้ว ส่วนนายสุชีพ สุขสว่าง รองผู้ว่าการฯคาดว่าจะได้รับแรงหนุนจากนายวีริศ และทีมงานที่ปรึกษา
อย่างไรก็ตาม ยังมีรองผู้ว่ารถไฟอีก 3 คนเป็นตัวเลือก ประกอบด้วย นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าฯมากฝีมือคนหนึ่ง ที่กำกับดูแลงานรถไฟ หลายสายงาน รวมถึงรถไฟฟ้าความเร็วสูง และบริหารทรัพย์สินและฝ่ายการช่างกล จะมีความเข้าใจงานอย่างถ่องแท้ นอกจากนี้ยังมี นายฐากูร อินทรชม ที่มีปัญหาสุขภาพ และนายอนันต์ เจนงานกุล รองผู้ว่ารถไฟ ป้ายแดง
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์กันว่า บอร์ดรถไฟจะมีการแต่งตั้งอนุกรรมการสรรหาผู้ว่ารถไฟฯคนใหม่ในครั้งนี้ด้วย โดย มีกระแสข่าวว่า นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. จะมาเป็นผู้ว่ารถไฟคนใหม่ แต่มีกระแสแรงต้านอย่างหนักหน่วงถึงผลประโยชน์ทับซ้อนที่ยังอยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบจากป.ป.ช.
ส่วนคนในรถไฟเชียร์อยากให้ นายนิรุฒ มนีพันธุ์ กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เพราะทำงานได้ฉับไว กล้าตัดสินใจ และถือเป็นนักบริหารมืออาชีพ ทำให้การรถไฟก้าวหน้าไปอย่างมาก
ไม่ได้ปล่อยให้ที่ปรึกษามามีบทบาทครอบงำการรถไฟเหมือนยุคนี้
“กระแสข่าวพูดกันอย่างหนาหูในการรถไฟฯว่าคนใกล้ชิดของนายวีริศฯ พยายามดิ้นอยู่ต่อ แม้นว่านายวีริศฯจะลาออกไปแล้วก็ตาม แต่ทีมงานรอบตัวพวกนี้พยายามหาที่เกาะใหม่ ทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อยู่ได้ เพราะเป็นคำสั่งแต่งตั้งเฉพาะตัวจากผู้ว่า ดังนั้น คงต้องฝากไปยังนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม ให้เข้ามาตรวจสอบ สอดส่องดูด้วยว่า กลุ่มคนที่ว่าการอยู่ในการรถไฟฯอีกหรือไม่ ยิ่งช่วงนี้มีข่าวออกมาว่ามีการล้วงลูกอย่างหนักหน่วงเป็นพิเศษ เพราะเร่งทิ้งทวนหลายโครงการหรือไม่


https://www.natethip.com/news.php?id=10898
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=10897
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://www.natethip.com/news.php?id=10897
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)
https://linevoom.line.me/post/1176100699790846502?
Cr. : ต้นฉบับจาก สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์
(อ่านเพิ่มเติม : ลิ๊งค์เว็บไซต์-เนตรทิพย์ ออนไลน์-ด้านบน)